Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1782

Cover Renegade Immortal 1

1782. บททดสอบแรก

ครึ่งชั่วโมงต่อมา หวังหลินออกจากป่าทึบ ท่าทีสงบนิ่งแต่ก็ถอนหายใจ เจ้าอสรพิษเป็นหนึ่งในประตูแปดบาน แต่ไม่ใช่บานจริง

‘ห้าดอกไม้แปดประตู ถ้าหากข้าเช็คทีละบาน ในที่สุดข้าก็จะหาเจอ แต่ถึงแม้ข้าจะบ่มเพาะเคล็ดสวรรค์เต๋าเมฆาได้อย่างสมบูรณ์ มันก็ไม่มากพอจะเปลี่ยนแปลง ความทรงจำของวิญญาณดวงที่สาม…ถ้าเป็นแบบนั้นข้าจะไม่สามารถค้นหาประตูได้’

‘ตอนนี้ข้าได้แต่รอการแข่งขันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ราชันย์เทพสีรุ้งมีความ ทรงจำฝังลึกกับการแข่งขันนี้ หากข้าสามารถเปลี่ยนแปลงความทรงจำในการแข่งขันได้มากพอจะทำให้เผยประตูบานจริงออกมาได้!’ หวังหลินลอยอยู่ในอากาศและขบคิด

ร่างกายเปลี่ยนเป็นก้อนเมฆและทะยานเข้าหาสำนักตงหลิน

ไม่นานนักเวลาก็ผ่านไปอีกสามเดือน

กล่าวให้ถูกก็คือเป็นเวลาห้าเดือนแล้วนับตั้งแต่ที่หวังหลินเรียนรู้เคล็ดสวรรค์เต๋าเมฆา เวลานี้สำนักตงหลินกำลังจะเริ่มการแข่งขัน!

สำนักตงหลินเป็นส่วนหนึ่งของเก้าสำนักสิบสามกองกำลัง ทุกสามสิบปีทางสำนักจะมีการแข่งขันในศิษย์ระดับต่ำเพื่อหาคนที่มีพรสวรรค์ดีเยี่ยม อีกทั้งการได้บ่มเพาะในบ่อน้ำตงหลินทำให้การแข่งขันดุเดือดมากกว่าเดิม

โลกแห่งเซียนนั้นปลาใหญ่กินปลาเล็กเช่นกัน ท่ามกลางกฎที่ไม่ให้สังหาร แต่ยังมีการบาดเจ็บและล้มตายเกิดขึ้น ตราบใดที่ไม่เข้าไปฆ่าฟัน ทางสำนักจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว

สำนักตงหลินมีสายของอาจารย์อยู่ 321 สาย แต่ละสายจะส่งคนออกมาประมาณสามถึงห้าคน ซึ่งสายที่ชนะจะได้รับรางวัลมหาศาล ทำให้การแข่งขันค่อนข้างรุนแรงดุเดือด

การแข่งขันที่มีมากกว่าพันคนจึงใช้เวลาอยู่บ้าง ทั้งยังเป็นช่วงเวลาหายากที่สำนักจะมีชีวิตชีวาเช่นนี้ สำนักตงหลินมีขนาดใหญ่เกินไป ดังนั้นจึงมีหลายคนที่ไม่รู้จักกัน การแข่งขันจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีในการรู้จักคนมากขึ้น

วันนี้อาจารย์ของซูต้าวออกมาจากการปิดด่านบ่มเพาะ เขาเรียกศิษย์ทุกคนออกมาและคัดเลือกเอาสามคนเข้าไปในการแข่งขัน หวังหลินและโจวลี่ถูกเลือก อยู่แล้ว ส่วนอีกคนเป็นสตรี นางดูงดงามยิ่งแม้จะไม่ได้ยิ้มก็ตาม

นางมีนามว่าฉินเหมย ราชันย์เทพสีรุ้งมีความทรงจำที่ลึกซึ้งกับนางและมีความ ชื่นชมอยู่บางส่วน ทว่าหลังจากจบการแข่งขัน นางได้กลายเป็นคู่เต๋าฝึกฝนกับโจวลี่ ทำให้ซูต้าวเลิกคิดถึงนาง

คนภายนอกนั้นยากจะเชื่อว่าซูต้าวในตอนนี้ได้กลายเป็นราชันย์เทพสีรุ้งที่มีความมุ่งมั่นและเจ้าแผนการไปแล้ว แต่หวังหลินเข้าใจ เขาเองก็จำได้ว่าเมื่อสองพันปีก่อนเขาก็แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากเขาในวันนี้

สภาพแวดล้อมสามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ ประสบการณ์ก็สามารถเปลี่ยนแปลงนิสัยใจคอของคนได้เหมือนกัน นี่เป็นวาสนาอย่างหนึ่ง เป็นได้ทั้งดีและแย่

ขณะที่หวังหลินขบคิด น้ำเสียงไพเพราะดังก้องในหู “ศิษย์น้องซู ข้าขออภัยที่ไม่ได้ยินดีที่เจ้าได้รับสิทธิ์บ่มเพาะเคล็ดสวรรค์เต๋าเมฆา ข้าไม่เห็นเจ้าแม้แต่เงาและ เพิ่งมาเจอเสียตอนนี้”

ฉินเหมยยิ้มมองดูหวังหลินอย่างสดใส นางพูดอย่างอ่อนโยน กลิ่นหอมของนางพัดตามสายลมเข้าสู่ใบหน้าหวังหลิน

หวังหลินยิ้มบางๆ เขาสงบนิ่งมากและไม่พูดอะไร

ทว่ารอยยิ้มของเขาทำให้จิตใจฉินเหมยสั่นไหว ในความทรงจำของนาง ซูต้าวมักจะ ขี้อายอยู่เสมอ แม้นางจะพูดกับเขาก็ทำให้แค่เขินอายและไม่รู้ว่าจะทำอะไร

ทว่าความรู้สึกจากรอยยิ้มของเขาแตกต่างจากก่อนหน้านี้ ราวกับเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ ซูต้าวเป็นคนหล่อมากและพอผสมกับรอยยิ้มของหวังหลินเข้าไปจึงกลายเป็นเสน่ห์เฉพาะตัว

ห่างออกไปไม่ไกล โจวลี่เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดและมีสายตามืดมน แม้จะดูเหมือนเดิมเมื่อห้าเดือนก่อน แววตากลับมีเส้นโลหิตและความเหนื่อยล้าอยู่ข้างใน

ฉินเหมยกำลังจะเอ่ยต่อแต่อาจารย์สะบัดแขน ก้อนเมฆห่อหุ้มคนทั้งสามเอาไว้ ท่องทะยานเข้าสู่สำนักหลักของสำนักตงหลิน

การแข่งขันของศิษย์ระดับต่ำอยู่ที่ลานกว้างหลักของสำนัก หากเป็นช่วงเวลาอื่น เหล่าศิษย์ของแต่ละเชื้อสายจะไม่อนุญาตให้เข้าไปเว้นแต่จะมีการเรียกหา

มีเพียงช่วงการแข่งขันของเหล่าศิษย์หลากหลายเชื้อสายเท่านั้นจึงจะมาที่นี่ได้ สำหรับหลายคนนี่เป็นโอกาสเดียวในชีวิตที่จะมาที่นี่

ลานกว้างไม่ได้ใหญ่นักแต่ก็มากพอจุเซียนพันคน ถึงแม้การแข่งขันจะเกิดขึ้นที่นี่อย่างไรก็ตามสำนักตงหลินเป็นถึงหนึ่งในเก้าสำนักสิบสามกองกำลัง ดังนั้นวิธีการจึงไม่สามารถคาดเดาได้

ผู้อาวุโสของสำนักจะเพิ่มเติมเขตอาคมเข้าไปยังลานกว้าง การแข่งขันแต่ละครั้งจะมีเขตอาคมเล็กๆพวกนี้เปิดใช้งานขึ้นมา ซึ่งจะมีรอยแยกเข้าสู่รอยแยกตงหลินที่ทางสำนักเป็นคนสร้างขึ้น

มันคือสนามรบของบททดสอบแรกในการแข่งขัน

ยามนี้ลำแสงทะยานผ่านท้องฟ้าเหนือลานกว้าง ทุกลำแสงคืออาจารย์หนึ่งคนที่นำศิษย์ของตัวเองเข้ามา

แต่เพราะเป็นการแข่งขันของศิษย์ระดับต่ำและเป็นโอกาสดีที่จะหาอัจฉริยะในอนาคตของสำนัก ทางสำนักตงหลินจึงไม่ชักชวนคนนอกเลย มันเป็นการแข่งขันภายในอย่างสมบูรณ์

ทว่าจ้าวสำนัก ผู้อาวุโสและผู้ดูแลทุกคนต่างก็ปรากฏตัวที่นี่ พวกเขาต้องการหาว่าศิษย์ระดับต่ำคนไหนที่มีค่าพอให้ส่งเสริม

เมื่อหวังหลินมาถึงลานกว้าง คนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมมาถึงกันแล้ว แม้จะมีหลายคนเกาะกลุ่มกันก็ไม่วุ่นวาย ทั้งสถานที่เป็นระเบียบเรียบร้อยและไม่ส่งเสียงเอะอะ

ทำให้เกิดแรงกดดันที่มองไม่เห็นแผ่กระจายออกมาใส่จิตใจทุกคน ยิ่งมีคนมากก็ยิ่งมีแรงกดดันมากขึ้น ทำให้หัวใจแต่ละคนเต้นรัวและไม่กล้าส่งเสียงใดๆ

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เหล่าศิษย์ของทั้ง 321 เชื้อสายก็มาถึงกันครบ ทั้งหมดเคร่งเครียดและเงียบมาก

หวังหลินสงบนิ่งแต่ฉินเหมยข้างเขาไม่ยิ้มอีกแล้ว นางเคร่งขรึมเล็กน้อย ด้านโจวลี่ ดีกว่าเล็กน้อยแต่เห็นได้ชัดว่าเขาเคร่งเครียดมาก

ความสงบนิ่งของหวังหลินทำให้ฉินเหมยตกตะลึง ซึ่งทำให้นางค่อยๆ สงบลงอย่างประหลาดเช่นกัน

“สำนักตงหลินของข้าสร้างคนที่มีพรสวรรค์มาหลายรุ่นจนกระทั่งสำนักได้กลายเป็นหนึ่งในเก้าสำนักสิบสามกองกำลัง เป็นหยาดเหงื่อและโลหิตของศิษย์พี่ พวกเจ้าและส่งต่อมาถึงรุ่นนี้”

“วันนี้คือการแข่งขันในรุ่นพวกเจ้า ข้าหวังว่าจะได้เห็นอนาคตของสำนักตงหลิน ข้าหวังจะได้เห็นจิตวิญญาณที่ไม่ย่อท้อและความมุ่งมั่นของเหล่าผู้ฝึกฝน!”

“บททดสอบแรกของการแข่งขันคือการเข้าไปในรอยแยกตงหลิน จำกัดเวลาคือสามวัน ช่วงสามวันนี้เป้าหมายคือ การไปขโมยป้ายสิทธิ์ของแต่ละคน คนที่ช่วงชิงมาได้มากที่สุดสามสิบคนถือว่าผ่านการคัดเลือก!” เสียงทรงอำนาจดังกึกก้องไปทั่ว ลานกว้าง แสงสีทองกะพริบวาบและมีร่างเกือบร้อยคนปรากฏขึ้นมา ทั้งหมดเป็นเซียนทรงพลังของสำนักตงหลิน พวกเขานั่งอยู่บนท้องฟ้าและมองลงมายังศิษย์พันคนเบื้องล่าง

สายตามากกว่าสิบคู่จับลงมาที่หวังหลิน

หวังหลินได้ยินคำพูดเดียวกันในความทรงจำของราชันย์เทพสีรุ้ง ผู้เข้าแข่งขันก็มีจำนวนเท่ากัน แม้แต่ร่างสีทองในท้องฟ้าก็เหมือนกัน มีความแตกต่างเดียวในสายตาพวกนี้คือ ในความทรงจำนั้นสายตาส่วนใหญ่มองไปที่โจวลี่

ส่วนซูต้าวนั้นแม้จะมีสายตาจับจ้อง จิตใจของซูต้าวสั่นไหวภายใต้สายตาเหล่านั้นและก้มศีรษะลง ช่างแสดงออกได้อย่างน่าสงสาร

ในทางตรงกันข้ามแม้โจวลี่จะสั่นเทา เขากลับยืดอกและไม่ถอย ด้วยพรสวรรค์และคุณสมบัติในการเรียนรู้เคล็ดสวรรค์เต๋าเมฆา เวลานี้เป็นเวลาที่เขาเปล่งประกาย

แต่ทุกสิ่งได้เปลี่ยนไปแล้ว

สายตาเหล่านั้นกวาดผ่านโจวลี่ไปเช่นกันแต่ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนสักแค่ไหนก็ไม่สำคัญ สายตาส่วนใหญ่กวาดผ่านเขาไปและรวมกันที่หวังหลิน

ส่วนหวังหลินนั้นสงบนิ่งมาตลอดไร้การเปลี่ยนแปลง ราวกับสายตาเหล่านั้น ไม่ส่งผลกระทบกับเขา ความจริงก็เป็นเช่นนั้น

โจวลี่กำหมัดและก้มหน้า สายตาเต็มไปด้วยความอิจฉาและแค้นเคือง ตลอดห้าเดือนที่ผ่านมาเขาไม่เข้าใจว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เจ้าซูต้าวขี้ขลาดเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ได้อย่างไร ทุกอย่างที่ควรเป็นของเขากลับมาถูกซูต้าวเอาไป

“เข้าไป!” ยามนี้น้ำเสียงทรงอำนาจดังกึกก้องขึ้นอีกครั้ง แสงห้าสีกะพริบวาบเหนือลานกว้าง วังวนยักษ์ปรากฏขึ้นมา โลกอีกแห่งปรากฏขึ้นข้างในวังวน

เหล่าศิษย์ทั้งหมดถูกแสงห่อหุ้มเอาไว้ มันพาพวกเขาเข้าไปในวังวน

ศิษย์มากกว่าพันคนจึงมีลำแสงมากกว่าพันสายเข้าไปในวังวน ลานกว้างเงียบกริบเหลือเพียงเหล่าอาจารย์ พวกเขาคำนับฝ่ามือให้กับร่างที่ทองก่อนจะนั่งลงเพื่อสังเกตการแข่งขัน หลังจากทุกคนเข้าไปแล้ว วังวนก็หยุดหมุนและเปลี่ยนกลายเป็นกระจก มันเผยทุกสิ่งทุกอย่างข้างในออกมา ตราบใดที่ส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปจะเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน

วิธีการนี้สามารถทำให้เซียนทรงพลังของสำนักตงหลินค้นหาอัจฉริยะในรุ่นถัดไปได้!

ข้างในรอยแยกอวกาศที่สำนักตงหลินสร้างขึ้นมีพื้นดินสีดำไร้ที่สิ้นสุด ท้องฟ้ามืดมนราวกับฝุ่นผงและมีหมอกมากมายปกคลุม

ทุกสิ่งทุกอย่างเลียนแบบพื้นที่ของแผ่นดินเซียนดารา

เมื่อหวังหลินปรากฏตัวขึ้น เขาอยู่บนพื้นที่โล่งเต็มไปด้วยหญ้าสูงเท่าคน สถานที่ที่เขาปรากฏตัวขึ้นมาเหมือนกันกับความทรงจำของราชันย์เทพสีรุ้ง

ตอนนั้นซูต้าวสูญเสียป้ายสิทธิ์ในบททดสอบแรกและพ่ายแพ้ไป เขาได้แต่มอง โจวลี่และอีกหลายคนในเชื้อสายที่ได้เชิดชูและเปล่งประกาย

ซูต้าวเป็นเพียงแค่เมล็ดทรายไร้ค่าใต้แสงแห่งนั้น

เหตุการณ์นี้ทำให้ซูต้าวตกตะลึงอย่างมหาศาลและยังถูกโจวลี่เหยียดหยามที่นี่ด้วย แม้ไม่ถูกสังหารแต่ซูต้าวไม่มีวันลืม นั่นเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้นิสัยของเขาเปลี่ยนไป!

หวังหลินมองไปยังท้องฟ้ามืดหม่นพลางพึมพำกับตัวเอง “ข้ามาถึงแล้ว ทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนไป…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version