Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1828

Cover Renegade Immortal 1

1828. ผู้อาวุโสของสำนักมหาวิญญาณ

หวังหลินกลับ!

สามคำนี้ดุจประกายแห่งสายฟ้าแล่นวาบในใจหวังหลิน ทำให้เขาต้องถอยหลายก้าวออกมาจากสะพานแตกหัก

หวังหลินมีท่าทีไม่มั่นใจ สายตาค่อยๆ เย็นเยียบ

‘น่าสนใจ…ไม่คิดว่าจะเจอเรื่องน่าสนใจเช่นนี้บนแผ่นดินเซียนดารา…การทำนายที่คำนวณการไหลเวียนของกาลเวลา วิธีการทำนายนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ…’

‘สำนักมหาวิญญาณมีชะตากับข้าใช่หรือไม่?’ หวังหลินคิดถึงจุดนี้

‘ไม่รู้ว่าข้าจะได้เจออะไรหากเคลื่อนย้ายไปอีก แต่คงไม่จำเป็นต้องลองแล้ว! ไม่ว่าจะเป็นกระทิงเขียวหรือบรรพชนทรงพลังจากในอดีต คนที่ทำนายได้ว่าข้าจะมาที่สำนักมหาวิญญาณและดูดซับเพลิงปฐพีสายหลักนั้น…’

‘การที่พวกนั้นรอข้าที่นี่ก็แปลว่าพวกเขาต้องการสร้างความสัมพันธ์กับข้า…’ หวังหลินขบคิดชั่วขณะและยิ้มออกมา

‘แผนการนี้ทำลายได้ง่ายๆ แต่ทำไมข้าต้องทำลายมันเล่า? สำนักมหาวิญญาณต้องการข้าให้เป็นผู้อาวุโส และข้าต้องการยืมสำนักมหาวิญญาณเพื่อเรียนรู้เรื่องแผ่นดินเซียนดารา!’ หวังหลินถอยหลัง ระลอกคลื่นดังกึกก้องและหายตัวไป

หิมะสีฟ้าตกลงบนภูเขาสวรรค์ราวกับไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย หิมะในภูเขาสะท้อนกับแสงอาทิตย์ แผ่กระจายออกไปและเปล่งสัมผัสอธิบายไม่ได้คล้ายกับการเชื่อมต่อกับฟ้าดิน

ร่างแก่นแท้ของกระทิงเขียวกำลังนั่งอยู่บนหิมะ เรือนผมไม่ปลิวไปตามสายลม ช่างน่าประหลาดยิ่ง

เบื้องหน้าเป็นก้านธูปที่กำลังละลายอย่างช้าๆ จนเหลือเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น อีกไม่นานมันก็จะละลายอย่างสมบูรณ์

ขณะที่ก้านธูปหิมะกำลังละลายจนหมดสิ้น วังวนก่อตัวและหวังหลินก้าวเดินออกมา

เมื่อเขาร่อนลงบนยอดเขา ก้านธูปหิมะจึงละลายไม่เหลืออะไรเลย

“เจ้ากลับมา” ร่างแก่นแท้ของกระทิงเขียวพลันลืมตา

“นี่คือ วิชาเนตรวิญญาณ” ร่างแก่นแท้ของกระทิงเขียวพลันยกแขนขวาและ คว้าจับในความว่างเปล่า ปรากฏหินหยกสีม่วงขึ้นในมือ หินหยกนี้เปล่งกลิ่นอายเก่าแก่ราวกับคงอยู่มานาน

เพียงสะบัดแขนก็ส่งหินหยกไปให้หวังหลินโดยไม่รอคำตอบ

หวังหลินคว้าหินหยกเอาไว้ ตรวจด้วยสัมผัสวิญญาณและจึงเก็บไปด้วยท่าทีสงบนิ่ง

“ไปกันเถอะ เราจะกลับไปที่สำนักมหาวิญญาณ” กระทิงเขียวยืนขึ้นและปัดหิมะออกไป ก้าวเท้าปรากฏก้อนเมฆขนาดสามฟุตขึ้นใต้ฝ่าเท้า

ก้อนเมฆถูกสร้างขึ้นจากควันดูราวกับลมหมุนในอากาศ กระทิงเขียวก้าวไปบนก้อนเมฆและทะยานไปอย่างรวดเร็ว

หวังหลินก้าวทะยานออกไปด้วยท่าทีสงบนิ่ง เขาไม่ได้ผสานกับโลกแต่เปลี่ยนกลายเป็นลำแสงติดตามกระทิงเขียวไป ทั้งคู่เดินทางด้วยความเร็วสูงและหายวับ เหนือเส้นขอบฟ้า

ในสำนักมหาวิญญาณมีภูเขาหลักอยู่หลายแห่ง ภูเขาแดงที่เชื่อมต่อกับเพลิงปฐพีสายหลักเป็นเพียงหนึ่งในนั้น หากมองจากด้านบนคงจะเห็นภูเขามากมายเรียงรายกันสูงเสียดฟ้า บางแห่งห่อหุ้มด้วยสายหมอกและเลือนลางมาก

บางแห่งก็ล้อมรอบด้วยใบหน้าผีขนาดยักษ์ที่ส่งเสียงโหยหวนพร้อมกับเปลี่ยนเป็นระลอกคลื่นหมุนวนรอบบริเวณ

ยอดเขาทั้งหมด 360 ลูกก่อตัวเป็นรากฐานของสำนักมหาวิญญาณ!

ยอดเขาหลักบางแห่งก็อยู่ไกลมาก บางแห่งก็ใกล้กัน เทือกเขาแต่ละแห่งมี ช่องเขาที่มีตำหนัก อาราม ลานและถ้ำอยู่นับไม่ถ้วน

ศิษย์นับแสนคนของสำนักมหาวิญญาณอาศัยอยู่ในช่องเขาและบ่มเพาะวิถีเซียนที่แตกต่างกันหลายอย่าง สำนักมหาวิญญาณมีวิชาจำนวนมาก นอกจากวิชาที่ถูกส่งต่อมาหลังจากมีการทำลายล้างสำนักไปตลอดหลายปี วิชาที่พวกศิษย์ได้เรียนรู้ในตอนนี้ถือว่ามีจำนวนมหาศาล

ตอนนี้ภูเขาแดงได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มันไม่ได้เป็นสีแดงอีกต่อไปและเป็นสีม่วงเข้ม มันมีรอยร้าวหลายแห่งและตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่

หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของภูเขาแห่งนี้ชื่อว่า หยานลิ่ว นางดูมืดมน เรือนผมรุงรังเล็กน้อย เก็บซ่อนความโกรธในใจที่สามารถระเบิดออกมาได้ทุกเวลา

เมื่อหวังหลินและกระทิงเขียวปรากฏตัวบนเส้นขอบฟ้า หยานหลวนมองเข้ามา สายตาเยือกเย็นและเต็มไปด้วยจิตสังหาร

“ศิษย์ทั้งหมดของภูเขาสายเพลิง จงฟังคำสั่งข้าและติดตามอาจารย์เข้าไปสังหารโจรที่ทำลายภูเขาของเรา!” หยานหลวนเปลี่ยนเป็นลำแสงและทะยานไปพร้อมกับศิษย์หลักกว่าสิบคน ซึ่งรวมถึงฟ่านชานเมิ่งและฟ่านชานลิ่วด้วย

เพียงชำเลืองสายตามอง กลุ่มอาจารย์และศิษย์ทั้งหมดล้วนเป็นสตรีและรูปร่างหน้าตาสวยงาม ทั้งหมดเปลี่ยนรูปเป็นหงส์บินทะยาน ปรากฏตัวเบื้องหน้าหวังหลินและกระทิงเขียว

หลังจากกลับสำนักมหาวิญญาณ ท่าทีของหวังหลินยังคงเหมือนเดิมแต่อารมณ์กลับเปลี่ยนไป ตอนเข้ามาครั้งแรกแอบลอบเข้ามา แต่ครั้งที่สองเขากลับมาทาง ประตูหน้า

หวังหลินไม่ได้พูดคุยกับกระทิงเขียวตลอดทาง พอเห็นสำนักมหาวิญญาณ กระทิงเขียวกำลังจะเอ่ยขึ้นแต่พลันขมวดคิ้ว หวังหลินสังเกตเห็นหงส์ยักษ์บินทะยานออกมาจากสำนักเช่นกัน นางงดงามมากและเต็มไปด้วยจิตสังหาร นางคือเจ้าของเพลิงปฐพีสายหลัก เป็นคนที่ไล่ล่าหวังหลินใต้ผืนดิน!

“โจรน้อย เจ้าทำลายภูเขาของข้า ข้าจะไม่ปล่อยไปแน่!!” นางไม่ยอมให้ กระทิงเขียวมีเวลาพูดเลย ด้วยระดับบ่มเพาะของนางจะไม่เห็นว่ามีปัญหาได้อย่างไร? บรรพชนพาหวังหลินกลับมาแต่ไม่ได้คุมขัง ดูแล้วกลับเป็นยิ่งกว่าแขก

นางกล่าวขึ้นทันทีแม้จะมีบรรพชนอยู่ด้วย นางอยากได้คำอธิบาย อีกทั้งนางก็เป็นผู้อาวุโสของสำนักมหาวิญญาณเช่นกัน

ไม่เพียงแต่หยานหลวนจะงดงาม นางยังมีเล่ห์กลแพรวพราว นางไม่ได้ออกมา ตัวคนเดียวแต่พาศิษย์หลักทั้งหมดมาด้วย หากบรรพชนปกป้องหวังหลินก็คงเหมือนกับการไม่ปกป้องนาง หากเหล่าศิษย์เห็นเช่นนี้นางคงถูกบังคับให้ออกจากสำนักมหาวิญญาณ

อีกทั้งหยานหลวนยังทำให้ร่างเงาหงส์ปรากฏขึ้นมาในทันที ร่างเงานี้ขนาดใหญ่มากจนทำให้กลายเป็นความปั่นป่วนครั้งใหญ่ภายในสำนักมหาวิญญาณได้ทีเดียว

ความปั่นป่วนนี้ไม่ใช่เพื่อบรรพชน แต่เพื่อดึงความสนใจของสหายและเหล่าผู้อาวุโสของยอดเขาแห่งอื่น ทั้งหมดจึงทะยานออกมาจากยอดเขาตัวเอง

การกระทำเช่นนี้หมายความว่าเป็นการประกาศให้เป็นสาธารณะ นางเองยังอยู่บนความถูกต้องอีกด้วยจนทำให้บรรพชนเลือกฝั่งเรื่องนี้ได้ยากขึ้น

การกระทำของหยานหลวนมีหลายเจตนาแอบแฝง แสดงให้เห็นว่านาง แพรวพราวแค่ไหน ขณะที่พุ่งทะยานออกมา กลิ่นอายทรงพลังจากยอดเขาหลายแห่งของสำนักมหาวิญญาณได้ทะยานเข้าหาที่แห่งนี้

เหล่าผู้คนที่มีระดับบ่มเพาะหลายระดับ คนที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในขั้นวิบากแก่นแท้ระดับต้น ส่วนคนที่อ่อนแอยังอยู่ในขั้นวิญญาณดับสูญ

“ต้องขอบคุณบรรพชนที่จับโจรน้อยผู้นี้ได้ โจรน้อย ข้าอยากรู้จริงว่าครั้งนี้เจ้า จะวิ่งไปที่ไหน!” หวังหลินเห็นนางเปลี่ยนเป็นศีรษะเป็นหงส์ยักษ์ จงอยปากพุ่งเข้ามาใกล้หวังหลิน

มองไกลๆ ดูราวกับวิหคเพลิงดุร้ายกำลังกลืนกินสวรรค์!

กลิ่นอายของเซียนขั้นวิบากแก่นแท้ระเบิดออกมาจากวิหค แต่ระดับบ่มเพาะดู ไม่มั่นคงเล็กน้อย ซึ่งเห็นได้ชัดว่านางถูกหวังหลินทำร้ายบาดเจ็บสาหัสมาก่อน นางยังผิดหวังกับสถานะของเขาและเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยวตอนที่หวังหลินปรากฏตัวอีกครั้ง

หวังหลินดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า แทนที่จะล่าถอยเขากลับแผดเสียงหัวเราะกระจายออกไปทั่วทิศทาง ในเมื่อตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับสำนักมหาวิญญาณและกลายเป็นผู้อาวุโสแล้ว เขาจำเป็นต้องแสดงพลังอำนาจ!

บรรพชนของสำนักมหาวิญญาณรู้ดีว่าหวังหลินมาจากโลกถ้ำและต้องรู้เรื่องสายโลหิตบัญชาโบราณ ดังนั้นหวังหลินคงไม่จำเป็นต้องออมมือ ส่วนจะปกปิดเรื่องนี้ได้อย่างไรก็เป็นสิ่งที่บรรพชนต้องตัดสินใจ

หลังจากหวังหลินตัดสินใจแล้วจึงก้าวออกไปและยกแขนขวาขึ้นมา กำหมัดและโยนกำปั้นเข้าใส่

“ขบวนทัพ เทพสะท้าน!”

กำปั้นร่อนลงไปในท้องฟ้าจนเกิดเสียงดังสนั่นและเกิดการบิดเบือน วังวนยักษ์ ก่อตัวขึ้นมาหมุนอย่างรวดเร็ว โลกคล้ายจะหมุนตามไปด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างหมุนวนแต่มีเพียงหวังหลินที่อยู่กับที่!

พอวังวนปรากฏ โลกก็เริ่มเปลี่ยนไป หงส์ของหยานหลวนถูกดึงเข้าไปจนดูเหมือนกำลังแตกสลายจากการบิดเบือน

ตอนที่หวังหลินใช้วิชานี้ต่อสู้กับผีเฒ่าจาง ผีเฒ่าจางอยู่ในขั้นวิบากดับสูญระดับต้น ตอนนี้หวังหลินใช้มันอีกครั้งจึงมีความตกตะลึงเท่ากัน!

ยามที่วิชานี้ปรากฏขึ้น สีหน้าเหล่าผู้อาวุโสของสำนักมหาวิญญาณทั้งหมดจึงเปลี่ยนไป แม้แต่หยานหลวนยังหรี่ตาแคบ นางต่อสู้กับหวังหลินมาสองรอบแต่ไม่เคยเห็นหวังหลินใช้วิชานี้

“กลิ่นอายบัญชาโบราณ!”

“นี่มันกลิ่นอายของเซียนจากฝั่งโบราณ! เขา…เขาไม่ใช่เซียนจากเผ่าเทพ!!”

“เขาเป็นคนจากแคว้นโบราณ!!”

กระทิงเขียวขมวดคิ้วและสะบัดแขนถอนหายใจ พลังแข็งแกร่งห่อหุ้มบริเวณนี้เอาไว้และปกคลุมกลิ่นอายบัญชาโบราณของหวังหลินเพื่อให้คนอื่นไม่สามารถสัมผัสได้

“วิชาปิศาจ สายลมเปลี่ยนขุนเขา!” ขณะที่หวังหลินยืนอยู่ตรงนั้น เรือนผมสีขาวสะบัดพริ้วดูราวกับทรงอำนาจ เขาเปิดฝ่ามือและโบกสะบัด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version