1829. วิญญาณมรณะ
เพียงสะบัดแขน ร่างเงาหงส์รอบหยานหลวนก็พังทลาย สายลมรุนแรงโผล่ออกมาจากการบิดเบือนและก่อตัวเป็นเสาควันทั้งแปดรอบตัวหวังหลิน!
เสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากเสาควันและห่อหุ้มบริเวณ
เสาควันทั้งแปดไม่ได้อยู่กับที่แต่หมุนวนรอบหวังหลินดุจพายุ พวกมันทะยานเข้าหาหยานหลวนและห่อหุ้มนาง ส่งเสียงดังสนั่นออกไปยังผืนแผ่นดิน
เหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดของสำนักมหาวิญญาณที่อยู่รอบด้านได้เห็นสิ่งนี้ต่างก็เคร่งเครียด วิชาของหวังหลินช่างน่าตกตะลึงเกินไป แม้แต่พวกเขายังรู้สึกใจหายวาบ
“นี่มันวิชาบัญชาโบราณอันบริสุทธิ์ แตกต่างจากของเผ่าเทพอย่างสิ้นเชิง!”
“วิชาเต๋าโบราณส่วนใหญ่ไม่ได้แสดงอำนาจทั้งหมดในครั้งเดียวแต่รวมกับพลังก่อนหน้าเพื่อระเบิดพลังเต็มที่ในจังหวะสุดท้าย ตำแหน่งของคนผู้นี้อาจสำคัญกว่า ที่คิด ทำไมบรรพชนถึงพาเขากลับมา…”
“ระดับบ่มเพาะของเขาดูธรรมดาแต่ด้วยวิชานี้ แม้แต่ข้ายังต้องล่าถอย…หากข้าลดการระมัดระวังตัวน้อยลงนิดเดียว ข้าคงตายแน่!”
“เซียนของแคว้นโบราณมีร่างกายอันทรงพลัง ความแข็งแกร่งทางร่างกายต้องโดดเด่นเป็นที่สุด!”
เส้นผมของหยานหลวนกระจัดกระจาย นางถูกเสาควันทั้งแปดห่อหุ้ม ทุกอย่างมืดมน เสียงคำรามในหูพร้อมกับแรงดึงดูดได้ทำให้นางรู้สึกราวกับร่างกำลังพังทลาย
ความรู้สึกถึงความเป็นความตายเกิดขึ้นในใจ
‘เขาเป็นใครกัน!? วิชาวงแหวนควันก็น่าตกตะลึงพอแล้ว แต่ไม่คิดว่าเขาจะมีวิชาน่าหวาดกลัวเช่นนี้!’ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันเกินกว่าที่หยานหลวนจะคาดคิด นางกัด ปลายลิ้นและพ่นโลหิตออกมา ฝ่ามือสร้างผนึกก่อนจะคว้าเอาโลหิตไว้และบีบอย่างรุนแรง!
“ขอใช้แก่นโลหิตข้าเพื่ออัญเชิญบรรพชนของสำนักมหาวิญญาณเข้าทำลาย! ต้นกำเนิดวิญญาณ!” หยานหลวนเอ่ยเสียงแหลมและมีพลังทะลุทะลวง น้ำเสียงทะลุพายุเพลิงและดังถึงหูของทุกคนด้านนอก
ตอนที่หยานหลวนบดขยี้โลหิต หมอกโลหิตหลายเส้นได้หลุดรอดจากง่ามมือ ไม่นานหมอกโลหิตจำนวนมากได้รวมกันและก่อตัวเป็นถนนโลหิต!
ถนนโลหิตเส้นนี้ยืดยาวออกไปไม่มีที่สิ้นสุดและนำทางไปที่ไหนไม่ทราบ เสียงดังสนั่นกึกก้องราวกับมีอวกาศแปลกประหลาดได้เปิดขึ้นตรงปลายสุดของถนนโลหิต ร่างเงาโลหิตเต็มไปด้วยจิตวิญญาณอาฆาตแค้นก้าวเดินออกจากอวกาศแปลกประหลาดแห่งนั้น
ชั่วจังหวะที่มันก้าวไปบนถนนโลหิต โลกจึงเปลี่ยนสีสัน!
“บรรพชนรุ่นเก้า ต้นกำเนิดวิญญาณของหยานหลวนสามารถอัญเชิญบรรพชนรุ่นเก้าออกมาได้! นางมีเจตจำนงทรงพลังขนาดนั้นได้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
“บรรพชนรุ่นเก้า ลั่วหยุนไฮ่ ภาพวาดในสำนักหลายแห่งบ่งบอกว่าชีวิตเขามีแต่การเข่นฆ่า รอบตัวเขามีวิญญาณอาฆาตนับพันล้านดวง เขาเป็นคนที่ทรงอำนาจแห่งยุค!”
“จุดสูงสุดของบรรพชนรุ่นเก้าได้ท้าทายมหาชั้นฟ้าต้าวยี่ เขาล้มเหลวและถูก มหาชั้นฟ้าสังหาร แต่พอเห็นว่าเขายอดเยี่ยมแค่ไหน วิญญาณจึงไม่ถูกทำลายและอนุญาตให้กลับมายังสำนัก!”
เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วพร้อมกับร่างเงาโลหิตลงมาจากถนนโลหิตด้านหลัง หยานหลวน
ใบหน้าเงาโลหิตไม่อาจมองเห็นได้ชัดเจน แม้แต่ร่างกายยังพร่ามัว แต่มันกลับเปล่งกลิ่นอายสะเทือนสวรรค์และก้าวเท้าออกมา
เพียงก้าวเท้าครั้งนี้ก็ทำให้โลกสั่นสะเทือน แรงกดดันจากจิตสังหารแผ่กระจายออกมาจากทุกทิศทาง พายุเปลวเพลิงรอบตัวหยานหลวนถูกผลักกลับไปราวกับไม่สามารถทนรับแรงกดดันนี้ได้ แม้แต่หวังหลินยังตกตะลึง ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า
‘วิชาเต๋าของสำนักมหาวิญญาณช่างน่าอัศจรรย์!! ตำแหน่งผู้อาวุโสช่างเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับข้า! ไม่ว่าจะเป็นวิชาเนตรวิญญาณหรือวิชาต้นกำเนิดวิญญาณ ทั้งหมดล้วนทรงพลัง ข้าจะต้องเรียนรู้พวกมัน!’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างและถอยไปสามก้าวภายใต้แรงกดดันน่ากลัวนี้ กลิ่นอายบัญชาโบราณระเบิดออกมาจากร่างกาย ร่างเงาบัญชาโบราณขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นด้านหลัง มันก่อเกิดเป็นรูปร่างและดูสมจริง ทั้งยังสวมชุดเกราะโบราณ หน้าตาดูเหมือนกับหวังหลิน!
หวังหลินถอนมือขวากลับมา และยื่นนิ้วชี้ออกไป!
“เต๋ามาร หวนคืนชีวิตและความตาย!!”
สีหน้าหยานหลวนเปลี่ยนไปอีกครั้ง นางสัมผัสได้ว่าพลังชีวิตอันแข็งแกร่งในร่างกายได้เปลี่ยนกลายเป็นกลิ่นอายแห่งความตาย ความรู้สึกอ่อนแอแผ่กระจายไปทั่วร่าง
ตอนที่หวังหลินใช้วิชาเต๋ามาร โลกจึงถูกห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย อันทรงพลัง เหล่าผู้คนนับไม่ถ้วนที่ตายในสำนักมหาวิญญาณกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลิ่นอายแห่งความตายนี้
กลิ่นอายแห่งความตายราวกับเป็นทะเล เมื่อมันรวมตัวกันจึงกลายเป็นทะเลแห่งความตายด้านนอกสำนักมหาวิญญาณ เสียงคำรามดังกึกก้องและห่อหุ้มทั่วบริเวณ
เนื่องเพราะวิชานี้ เหล่าผู้อาวุโสของสำนักมหาวิญญาณทั้งหมดต่างก็ล่าถอยโดยไม่ลังเล เหลือเพียงคนที่มีระดับบ่มเพาะสูงส่งที่เหลืออยู่ แต่สีหน้าท่าทางต่างเคร่งเครียด
พวกเขามองหวังหลินด้วยความหวาดกลัวลึกๆ
กลิ่นอายแห่งความตายรวมตัวกันแต่ยังไม่จบ หวังหลินดูเหมือนได้ยินเสียงคำรามเบาบางออกมาจากส่วนลึกของพื้นดิน
เสียงคำรามนั้นคือ เสียงคำรามของกระทิงสวรรค์!
กระทิงสวรรค์ถูกผนึกอยู่ใต้แคว้น กระทิงสวรรค์นั้นเสียชีวิตไปแล้ว ร่างกายเป็นพื้นดิน วิญญาณดั้งเดิมถูกใช้หล่อเลี้ยงชีวิตด้านบน วิญญาณของมันถูกกดทับเอาไว้แต่ยังมีเจตจำนงที่ไม่ยอมแพ้คงอยู่ที่เดิม
ยามที่หวังหลินใช้วิชาเต๋ามารหวนคืนชีวิตและความตาย ส่งผลให้กลิ่นอายแห่งความตายระเบิดออกมาจากพื้นดิน โลกดูคล้ายกับห่อหุ้มด้วยสายหมอก หลังจาก กลิ่นอายนี้พวยพุ่งออกไปและผสานกับทะเลแห่งความตาย กลิ่นอายจึงก่อตัวเป็นกระทิงสวรรค์ตัวยักษ์!
กระทิงสวรรค์มีสีหน้าดุดัน ดวงตาแดงฉาน ส่งเสียงคำรามเต็มไปด้วยความ ไม่ยินยอมต่อความตาย
วินาทีที่กระทิงสวรรค์ปรากฏ ทั้งสำนักมหาวิญญาณถึงกับสั่นคลอน ผู้อาวุโสรอบด้านทั้งหมดตัวสั่น ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“กระทิงสวรรค์!!”
“นี่…มันกระทิงสวรรค์!! เขาถึงกับก่อเกิดกระทิงสวรรค์ได้!!”
“นี่เป็นไปไม่ได้ เป็นแบบนี้ได้อย่างไร!?”
แม้กระทั่งเซียนเฒ่าที่ไม่ได้ปรากฏตัวและเฝ้าดูด้วยสัมผัสวิญญาณยังตกตะลึง ทั้งหมดได้ลอยออกมาจากยอดเขาของตนเองและมองดูกระทิงสวรรค์ซึ่งก่อเกิดจากกลิ่นอายแห่งความตาย
แม้กระทั่งเหล่าเซียนเฒ่าบางคนที่คิดว่าการต่อสู้นี้ไม่น่าสนใจยังต้องออกมาดู
ณ ส่วนที่ลึกที่สุดของสำนักมหาวิญญาณ บนยอดเขาที่สูงที่สุดมีชายชราคนหนึ่งอยู่ในนั้น เขามีหน้าตาเหมือนกับร่างแก่นแท้ของกระทิงเขียว เพราะนี่คือ ร่างดั้งเดิมของเขา!
ตาที่หลับอยู่พลันลืมตาขึ้นมาและเผยอาการตื่นเต้น
“วิญญาณที่สามารถกระตุ้นกระทิงสวรรค์ได้ เขาคือคนที่บรรพชนพูดถึง!! ในอดีตบรรพชนได้ย้ายทั้งสำนักมหาวิญญาณมาที่แคว้นกระทิงสวรรค์และเลือกเพลิงปฐพีสายหลักแห่งนี้เพื่อรอคอยคนผู้หนึ่ง!”
“คนผู้นี้สามารถกระตุ้นกระทิงสวรรค์ได้ คนผู้นี้มาจากโลกถ้ำ คนผู้นี้คือเขา!!”
“เขาไม่ใช่คนจากแผ่นดินเซียนดารา เขามาจากโลกถ้ำ อีกฐานะหนึ่งเขายังคล้ายคลึงกับอสูร 72 ตัวที่ถูกผนึกใต้แคว้น 72 แห่งอีกด้วย!”
“กระทิงสวรรค์มาจากนอกสรวงสวรรค์ ไม่ได้มาจากแผ่นดินเซียนดารา คนผู้นี้ก็เหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงกระตุ้นวิญญาณของกระทิงสวรรค์ได้!”
ชั่วจังหวะที่กลิ่นอายแห่งความตายของกระทิงสวรรค์ปรากฏขึ้นมา หยานหลวนถึงกับใบหน้าซีด นางไม่คิดว่าการต่อสู้นี้จะเปลี่ยนมาเป็นเช่นนี้ได้
เสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วโลกพร้อมกับกระทิงสวรรค์ส่งเสียงคำราม พุ่งหา หยานหลวนพร้อมกลิ่นอายทะเลแห่งความตาย ขณะเดียวกันร่างเงาโลหิตบนถนนโลหิตด้านหลังหยานหลวนยังยกเท้าและก้าวมาอีกสามก้าว!
ทุกก้าวทำให้หยานหลวนหน้าซีดยิ่งขึ้น แรงกดดันจากเงาโลหิตรุนแรงยิ่งขึ้นเพื่อต่อต้านกลิ่นอายของกระทิงสวรรค์!
แม้ทั้งสองฝ่ายไม่ได้เข้ามาใกล้กัน แต่แรงกดดันที่สร้างขึ้นมากลับปะทะกัน โลกคล้ายเกิดความโกลาหลเนื่องจากการปะทะกันนี้ด้วย
ร่างเงาโลหิตเกิดการบิดเบือนและในที่สุดก็หายไป แต่ขณะเดียวกันนั้นกลิ่นอายแห่งความตายของกระทิงสวรรค์ก็พังทลาย กลิ่นอายแห่งความตายของกระทิงสวรรค์นี้มีเพียงเจตจำนงดั้งเดิมเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้นและยังห่างไกลจากพลังที่แท้จริงของกระทิงสวรรค์ แต่กระนั้นมันก็ไม่อ่อนแอ!
“เทพ มาร ปิศาจ บัญชาโบราณ ไร้เหล่าเทพ!” หวังหลินพึมพำ ยื่นแขนออกไปกางฝ่ามือ กลิ่นอายสามเผ่าโบราณผสานกันอยู่ในร่างกาย จากนั้นกำหมัดและโยนกำปั้นออกไป
ร่างบัญชาโบราณสวมชุดเกราะด้านหลังหวังหลินส่งเสียงร้องและโยนกำปั้นไปพร้อมกับเขา
กำปั้นปะทะใส่อากาศที่ว่างเปล่าแต่เกิดเป็นระลอกคลื่นเก้าครั้งดังกึกก้อง ไม่ว่าระลอกคลื่นจะผ่านไปที่ไหนต่างก็เกิดเสียงแตกร้าวดังออกมา ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้า ภูเขา ใบหญ้า ตำหนักและทุกอย่างในระยะต่างก็เปล่งแสงกะพริบสีเทาและเริ่มกลายเป็นหิน
หยานหลวนกระอักโลหิตและรีบถอย สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง สายตาที่มองหวังหลินกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ขณะที่เก้าระลอกคลื่นพุ่งหาหยานหลวน เสียงคำรามพลันดังกึกก้องออกมา
“พอแล้ว!! หยานหลวนกลับมา! เจ้าไม่ควรหยาบคายต่อผู้อาวุโสคนใหม่! ส่วนเรื่องยอดเขาเพลิงของเจ้า ข้าจะชดเชยให้!”