1964. อันดับหนึ่งใต้มหาชั้นฟ้า!
พอพวกเขาอยู่ด้านนอกตำหนักระดับสิบเจ็ด หวังหลินเอ่ยขึ้น “ผู้สูงส่งชั้นฟ้าเมิ่งต้าว รอข้าอยู่ข้างนอก อย่าเพิ่งจากไปก่อนที่ข้าจะออกมาเสียเล่า”
คำพูดหวังหลินช่างยุยงและท้าทายมาก ไม่เพียงแต่จะบอกว่าเมิ่งต้าวไม่สามารถผ่านตำหนักแห่งนี้ได้แต่เขายังปิดทางหนีไปอีก หากเมิ่งต้าวล้มเหลวและจากไป เมื่อนั้นจะเกิดความคิดด้านลบขึ้นภายในจิตใจเมิ่งต้าว
แต่หากเขาออกมาและรออยู่จริงๆ เมื่อนั้นถึงแม้จะไม่เกิดจิตใจด้านลบ เขาก็ยังเจอกับเรื่องใหญ่ถ้าหากหวังหลินผ่านไปได้ เรื่องนี้เทียบเท่ากับคันธนูที่กำลังแตกหัก!
หลังจากหวังหลินพูดเช่นนี้ ทั้งสองคนก็หายวับเข้าไปในระดับสิบเจ็ด
ผู้สูงส่งชั้นฟ้าไม่ได้ยินเพราะทั้งสองคนอยู่ไกลเกินไป แต่เหล่ามหาชั้นฟ้าทั้งสามคนได้ยินชัดเจน!
มหาชั้นฟ้าต้าวยี่หรี่ตาลงราวกับตอนเจอหวังหลินครั้งแรก เขามองตำหนักระดับสิบเจ็ดด้วยท่าทีเคร่งขรึม
‘หวังหลินคนนี้มันช่างเจ้าเล่ห์ยิ่ง!’
มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงก็มีแววตาเป็นประกายพลางมองไปบนท้องฟ้าและค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา
‘ดูเหมือนตั้งใจจะทำลายเมิ่งต้าว!’
ส่วนด้านจักรพรรดิเทพ สีหน้าท่าทางกำลังมืดมน เขาสะบัดแขนราวกับไม่อยากเฝ้าดูต่อไป ร่างเงารอบผู้สูงส่งชั้นฟ้าคนนั้นค่อยๆ หายไปและเขาก็ออกไปจากบททดสอบชั้นฟ้าแห่งนี้
ณ พระราชวังในเมืองหลวง เสียงหัวเราะเย็นเยียบดังกึกก้องผ่านไปทั่วราชวัง!
ทางด้าน ภูเขาจักรพรรดิ มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ยืนขึ้นมองใบไม้แห้งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สายตาเผยประกายแสงประหลาดใจ
‘นั่นมันคนหรือนี่!! ไม่เพียงแต่จะมีความเข้าใจในเต๋าอันสูงล้ำและมีพลังการต่อสู้เก่งกาจ เขายังเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการอีกด้วย…เยี่ยมยอด เด็กคนนี้ไม่ได้ไร้ค่า แต่เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดียิ่งกว่าเมิ่งต้าว…’
ภายในบททดสอบชั้นฟ้า หลังจากหวังหลินและเมิ่งต้าวเข้าระดับสิบเจ็ดไปแล้ว ผ่านไปเพียงแค่สามลมหายใจ มีร่างหนึ่งกระอักโลหิตและถูกโยนออกมา
ร่างนี้ถูกผลักดันกลับมาหลายพันฟุตก่อนจะหยุดลง เขาคือผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าว ใบหน้ากำลังซีดเผือด พอหยุดตัวลงได้จึงกระอักโลหิตอีกครั้ง ร่างกายสั่นเทาราวกับไม่สามารถประคองตัวเองได้
แสงในแววตาหายไปราวกับสูญเสียพลังชีวิตทั้งหมด เขาจ้องมองตำหนักระดับสิบเจ็ดที่อยู่ห่างไปหลายพันฟุตและอยู่เงียบๆ
เขาล้มเหลว
เขาทั้งล้มเหลว ถูกผลักออกมาและบาดเจ็บสาหัส แม้ไม่ได้มองลงไปแต่เขาสามารถสัมผัสได้ว่าสายตาของเซียนเบื้องล่างกำลังเชือดเฉือนบนร่างเขาจนเกิดรอยแผล
เวลาผ่านไปสี่ลมหายใจ ห้าลมหายใจ หกลมหายใจ…จนกระทั่งผ่านไปครึ่งก้านธูปไหม้
เมิ่งต้าวอดทนอยู่ตลอดเวลาและมองตำหนักระดับสิบเจ็ด เขารอให้หวังหลินกระเด็นออกมา
ยิ่งเวลาผ่านไปเขายิ่งคาดหวังมากขึ้น สุดท้ายมันก็ถึงจุดสูงสุดและกลายเป็นศรัทธาของเขาเท่านั้น!
‘หากข้าไม่สำเร็จ มันก็ไม่สำเร็จแน่นอน! หากมันไม่ผ่าน ข้าก็ไม่พ่ายแพ้!’ การรอคอยนี้มากพอที่จะสังหารเซียนคนใดก็ได้ เรือนผมของเมิ่งต้าวทั้งยุ่งเหยิงและส่งสายตาจ้องมองตำหนักระดับสิบเจ็ดอย่างดุเดือด
เวลาผ่านไปอีกครั้งครึ่งก้านธูปไหม้ หนึ่งก้านธูปไหม้…ไม่นานก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมง!
หวังหลินไม่เคยอยู่ในตำหนักทดสอบนานขนาดนี้แต่ตอนนี้เขายังอยู่ในระดับสิบเจ็ด การที่เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงทำให้เมิ่งต้าวเชื่อมั่นมากขึ้นราวกับได้รับความหวัง
‘ยิ่งใช้เวลานาน ยิ่งยากมากขึ้นและโอกาสสำเร็จจะลดน้อยลง หวังหลินจะไม่สำเร็จ มันไม่มีทางสำเร็จ!!!’ พลังงานทุกอย่างของเมิ่งต้าวควบแน่นอยู่ในสองตา จ้องมองไปยังตำหนักตรงหน้า
ความหวังอันเปราะบางของเขาคือกำแพงสุดท้ายแห่งความจองหอง หากมันแตกหัก ความคิดเขาจะพังทลายและจมลงสู่ความสิ้นหวังของการถูกก้าวข้ามไปอย่างสิ้นเชิง
‘มันจะไม่สำเร็จ มันจะไม่สำเร็จ!!!’
เวลาผ่านไปนานเกินไป เหล่าเซียนทุกคนที่เงียบงันอยู่ด้านล่างถึงกับประหลาดใจและเริ่มคาดการณ์
มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ขมวดคิ้วเช่นกัน เขามองตำหนักระดับสิบเจ็ดและจิตใจลังเล เพียงเวลาสั้นๆ ของวันนี้ได้เปลี่ยนความคิดเขามาแล้วหลายครั้ง เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับเขาแต่ก็เกิดขึ้นแล้ว
‘บททดสอบชั้นฟ้ามีแค่สิบเก้าระดับและเขาก็ผ่านระดับสิบหก ถึงจะไม่ผ่านระดับสิบเจ็ด แค่นี้ก็มากพอที่จะแสดงพลังของเขาแล้ว…แต่เมื่อเขาผ่านระดับสิบเจ็ดขึ้นมา เมื่อนั้น…ข้ากลัวว่าแม้แต่มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ก็ยังเข้ามาดึงเขาไปด้วย!’
‘คนแบบเขาจะปรากฏขึ้นทุกหมื่นปีเท่านั้น! อีกทั้งเมิ่งต้าวก็เจอกับการโจมตีของหวังหลินอย่างต่อเนื่อง หากเขาสามารถกลับขึ้นมาได้อีกครั้งก็คงดี แต่หากเขาทำไม่ได้…จิตใจแห่งเต๋าก็คงจบสิ้นแล้ว’
มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงมีสีหน้าซับซ้อนพลางมองตำหนักระดับสิบเจ็ด แต่เขาไม่เหมือนต้าวยี่ เขายังมีความมั่นใจบางส่วน
‘ข้าช่วยเหลือเขามาก่อน การช่วยครั้งนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่โตหรือเล็กน้อยก็ได้ แต่ถึงตอนที่เขากำลังโดนข่ม ข้าก็ยังช่วยเหลือเขา…ทำให้เขาจะเลือกข้าแน่นอน!’
‘ต้าวยี่กำลังลังเล นี่เกี่ยวข้องกับนิสัยของเขาด้วย นิสัยแบบนั้นมีแต่จะทำให้ดูอ่อนแอ คนที่แข็งแกร่งจริงๆ จะมีความจองหองของตัวเอง คนเหล่านั้นจะยอมติดตามเราได้อย่างไร? เว้นแต่เราจะแสดงความเมตตาออกมาเท่านั้น
‘แต่หากหวังหลินผ่านระดับสิบเจ็ดไปจริงๆ การที่ข้าจะชักชวนเขายิ่งยากขึ้นไปอีก…หากไม่มีเหตุบังเอิญ ในอนาคตเขาจะมีโอกาสได้เป็นมหาชั้นฟ้าถึงแปดในสิบส่วน!’
พระราชวังในเมืองหลวงตกอยู่ในความเงียบและปกคลุมไปด้วยแรงกดดันรุนแรงแห่งความโกรธเกรี้ยว จักรพรรดิเทพกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร มองดูเมิ่งต้าวที่หน้าซีดและมีสายตาแปลกประหลาด
“ข้าควรฟังคำราชครูและสังหารหวังหลินจริงๆ! แต่ข้าคิดว่าด้วยตำหนักมหาชั้นฟ้าของข้า ไม่ว่าจะเป็นการลงมือด้วยตัวเองหรือส่งคนอื่นไป ข้าก็ไม่ควรทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่…ข้าจะปล่อยโอกาสให้เขาเติบโต ข้าคิดว่าทุกอย่างอยู่ในกำมืออยู่แล้ว!”
“ไม่ว่าเขาจะเติบโตขึ้นมาแค่ไหน เมื่อมาที่เมืองหลวง ข้าจะหาข้ออ้างจับกุมเขาและส่งไปหาราชครู”
“แต่ข้าไม่คิดว่าจะเติบโตถึงระดับนี้ มากพอที่จะทำให้มหาชั้นฟ้าคนอื่นสนอกสนใจ…ถึงกับตั้งใจทำลายเมิ่งต้าวที่ข้าชักชวนไปด้วยมูลค่ามหาศาล…” จักรพรรดิเทพมองดูภาพและพึมพำกับตัวเอง แต่มุมปากเผยรอยยิ้มบางที่ไม่เหมือนคำพูด
“หากเขาผ่านระดับสิบเจ็ดได้ จะต้องทำให้สหายเฒ่าจิ่วตี้สนใจแน่นอน เมื่อเขาถูกจิ่วตี้เชิญชวน…” จักรพรรดิเทพหลับตา
“นี่มันก็นานแล้ว บางทีเขาคงไม่ผ่าน!”
“แต่…ข้าหวังว่าเขาจะผ่าน…และโจมตีเมิ่งต้าวได้อย่างโหดเหี้ยม…” จักรพรรดิเทพลืมตาและเผยรอยยิ้มประหลาดมากขึ้น
“เมิ่งต้าว เจ้าอย่าทำให้ข้าผิดหวัง ข้าทำอะไรให้เจ้าไปมากมาย…แม้แต่ยอมให้หวังหลินได้เติบโต…”
ณ แคว้นกลาง ภูเขาจักรพรรดิ จิ่วตี้กำลังมองใบไม้แห้งอย่างตั้งใจ ขณะที่กำลังขบคิดเขาได้เห็นปัญหาว่ามหาชั้นฟ้าคนอื่นดูเหมือนจะวางเฉย
‘หากเขาผ่านระดับสิบเจ็ดได้ ไม่เพียงแต่จะมีชื่อเสียงแต่สิ่งสำคัญคือ…พลังต่อสู้ของเขาก็จะเผยออกมา ด้วยพลังต่อสู้แบบนั้น เขาจะกลายเป็นอันดับหนึ่งใต้มหาชั้นฟ้าในเผ่าเทพ…แม้จะมีมหาชั้นฟ้าลงมือต่อต้าน เขาก็อาจหนีไปได้…’
‘คนแบบนี้ต้องแลกอะไรถึงชักชวนได้? ข้าชอบให้เขาไม่ผ่านระดับสิบเจ็ดมากกว่า’ จิ่วตี้ขบคิดและเป็นครั้งแรกที่เขามองใบไม้แห้งด้วยสีหน้าซับซ้อน
ภายในบททดสอบชั้นฟ้า ขณะที่ทุกคนมองดูระดับสิบเจ็ด บางคนก็คาดหวังและบางคนก็หวังให้หวังหลินล้มเหลวตั้งแต่เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป
หลังจากเวลาผ่านไปนานโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เมิ่งต้าวไม่มีใบหน้าซีดเผือดอีกแล้ว เต็มไปด้วยความหวังและมั่นใจ ทว่าในขณะที่ความหวังมาถึงจุดสูงสุดและกำลังจะฟื้นคืน ทั้งร่างเขาก็สั่นสะท้านราวกับโดนสายฟ้ากระแทก
เพราะเขาเห็นแสงสีทองแพรวพราวระเบิดออกมาจากตำหนักระดับสิบเจ็ด!!!
แสงสีทองแผ่กระจายอย่างบ้าคลั่งและเต็มไปทั่วสายตาทุกคน ร่างชุดขาวก้าวเดินออกมาจากแสงสีทอง เรือนผมขาวกลายเป็นสีทองจากแสงที่แผ่กระจายออกมา
หวังหลินก้าวออกมาและไม่ได้หันไปมองผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าว เขาก้าวผ่านเมิ่งต้าวซึ่งถูกทำลายความหวังไปท่ามกลางสายตาของทุกคน
ไม่สนใจทุกคน!
เขาไม่ได้เข้าไปลองระดับสิบแปดแต่ทะยานลงมาทีละขั้น หยุดอยู่เบื้องหน้ามหาชั้นฟ้าต้าวยี่และหวู่เฟิง พลางคำนับฝ่ามือให้ เขามองหวู่เฟิงก่อนจะทะยานไปค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณและจากไป
ขณะที่เขาไป ได้หันไปมองไฮ่จื่อที่อยู่ในฝูงชน พลางยิ้มและพยักหน้า
ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวกระอักโลหิตพลางพึมพำ “เขา…ผ่านระดับสิบเจ็ด…” หมอกโลหิตคราวนี้มาจากแก่นแท้ดั้งเดิม เพราะเขาไม่ได้มาที่นี่ด้วยร่างกายหยาบ
ขณะที่แก่นแท้ดั้งเดิมสลายไป เมิ่งต้าวดูเหมือนคนที่หมดพลังชีวิต ความจองหองพังทลาย
เต๋าของเขาถูกหวังหลินทำลายอย่างโหดเหี้ยม เขาจากไปด้วยรอยยิ้มน่าเวทนาอย่างเงียบๆ
แต่วินาทีนั้นไม่มีใครสนใจเรื่องของเมิ่งต้าวกันแล้ว หลังจากหวังหลินจากไป มีเสียงร้องขึ้นมาดังกึกก้องไปทั่วบททดสอบชั้นฟ้า!!
“อันดับหนึ่งในใต้มหาชั้นฟ้า! หวังหลิน!!”
“วันนี้อันดับของเหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะได้เปลี่ยนไปแล้ว หวังหลินทำให้ทุกคนตกตะลึงไปทั่วหล้า!”
“ตั้งแต่วันนี้ไป เผ่าเทพของเราจะมีเซียนที่แข็งแกร่งสุดยอดเพิ่มขึ้นมาอีกคน!! ผู้สูงส่งชั้นเทวะอันดับหนึ่ง แข็งแกร่งที่สุดใต้มหาชั้นฟ้า!!”
“ถือว่าเขาเป็นตะวันดวงที่หกของเผ่าเทพแล้ว! เซียนผู้ใกล้จะเป็นมหาชั้นฟ้ามากที่สุด!”
……………………………………