Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 215

Cover Renegade Immortal 1

215. ลั่วเย่

เถาวัลย์ไม่ได้มีรสเผ็ดแต่กลับมีความหวานแห้งๆเล็กน้อยต่างจากน้ำพลังปราณ ทว่าขณะที่น้ำเถาวัลย์เข้าไปในท้องพลันเกิดความรู้สึกอบอุ่นเติมเต็มร่างกาย

หวังหลินรู้สึกชัดเจนว่าพลังปราณในร่างกายเพิ่มขึ้นซึ่งทำให้เขาตื่นตะลึง

เฉิงเซียนหัวเราะ “น้ำพิเศษนี้เต็มไปด้วยพลังปราณที่อาจารย์ข้าเตรียมไว้เพื่อปรุงยา ทั้งแคว้นซูไม่ได้มีมากมายนัก ข้าใช้ผลไม้ที่ลิงสองตัวนี้เก็บมาเพื่อกลั่นเหล้าได้บางส่วน พี่ชาย หากเป็นคนอื่นข้าจะไม่ให้ดื่มของดีดีแบบนี้หรอก”

ขณะที่เขาเล่าเรื่องพวกนั้น วานรสองตัวพลันคำรามอย่างโกรธๆ เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่ได้มีความสุขกับสิ่งที่เฉิงเซียนทำ

ด้วยความเร็วของวานรวิญญาณ หลังจากนั้นไม่นานลานกว้างทิศตะวันตกปรากฎเบื้องหน้าทั้งสองคนไม่ไกล

ลานตะวันตกแตกต่างอย่างมากกับลานทิศใต้ ทั้งลานลอยอยู่ในอากาศและล้อมรอบด้วยก้อนเมฆ หากไม่ได้เพ่งมองอย่างละเอียดคงไม่สามารถเห็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นจากหยกขาวภายในมวลเมฆได้

เหล่าฝูงกระเรียนบินผ่านก้อนเมฆและเกิดคลื่นเสียงหัวเราะอันสดใสเปล่งออกมาจากลานทิศตะวันตก ภายในระยะของลานทิศตะวันตกเต็มไปด้วยกลิ่นหอมคละคลุ้งในอากาศ

เฉิงเซียนมองอย่างเพ้อฝันไปที่ลานทิศตะวันตก เขาถอนหายใจและพึมพำ “ในลานทิศตะวันตกเป็นเซียนสตรีเกือบทั้งหมด เพียงแค่คิดเรื่องความสวยงามภายในนั้น หากข้าอาศัยอยู่ในนั้นสักหนึ่งปี ข้าก็พึงพอใจแล้ว”

ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นเล็กน้อย เขาเมินเรื่องที่เฉิงเซียนกำลังพูดและเพ่งความสนใจไปที่กฎเกณฑ์ที่วางใต้ลานทิศตะวันตก ผลลัพธ์ของกฎเกณฑ์คือทำให้ลานลอยบนอากาศและทั้งยังมีผลให้ปกป้องการมองเห็นจากข้างนอกได้

ฝูงกระเรียนลอยออกมาจากสายหมอก มีหญิงสาวเจ็ดถึงแปดคนนั่งอยู่ในฝูงกระเรียนพวกนั้น แต่ละคนน่ารักราวกับดอกไม้และมีทรวดทรงเยี่ยมยอด โดยเฉพาะหญิงสาวข้างหน้าที่มีระดับเหนือคนอื่น เธอมาถึงเบื้องหน้าคนทั้งสองพร้อมกับกระเรียนตัวหนึ่ง หลังจากมองจึงตะโกนขึ้น “ลานทิศตะวันตกเป็นพื้นที่ต้องห้าม!”

หลังนางกล่าวจบพลันจ้องเขม็งเฉิงเซียน “เฉิงเซียนทำไมเจ้ามาที่นี่อีก? หากเจ้ามาตอแยพี่ถงอีกครั้งจงอย่ากล่าวหาว่าข้าโหดร้าย”

เฉิงเซียนมุ่ยปากพร้อมกับลูบขนเจ้าวานรวิญญาณ “เฉิงหลินเรามาจากหมู่บ้านเดียวกัน ทำไมถึงทำเช่นนี้เล่า? ข้ากระทั่งเคยอุ้มเจ้าตอนยังแบเบาะ เจ้ายังจำได้ไหม? ข้ายังจำช่วงเวลาที่เจ้าฉี่รดข้าตอนที่ข้าอุ้มไว้ได้อยู่เลย”

เมื่อหวังหลินได้ยินเช่นนั้นเขาตบศีรษะวานรวิญญาณเบาๆทันที เจ้าวานรฉลาดมากและรีบก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว

ใบหน้าหญิงสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงจนกระทั่งสีเขียว ใบหน้านางเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวทันที นางตบกระเป๋านำกระบี่เหินออกมาสามเล่มพร้อมกับตะโกน “เจ้ายังจะพูดเรื่องนั้น! เรื่องนี้จะไม่มีวันจบ!”

กระบี่เหินสามเล่มลอยตรงเข้าหาเฉิงเซียนอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด

เฉิงเซียนก้าวไปด้านข้างไม่กี่ก้าวและหลบกระบี่เหิน เขานำหินหยกออกมาและส่งพลังปราณบางส่วนเข้าไป ทันใดนั้นม่านแสงถูกสร้างขึ้นรอบบริเวณ “อย่าโวยวายไปหน่อยเลย เจ้าแค่ฉี่เอง พี่เซียนไม่คิดมากหรอก แม้ตอนนี้หากเจ้าต้องการจะฉี่…”

ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ ความโกรธสตรีตรงหน้าทะลุถึงขีดจำกัด เธอสะบัดแขนและระฆังสามลูกปรากฎขึ้นพร้อมกับเปล่งเสียงคมชัด

ดวงตาหวังหลินมีความเคร่งเครียด ตอนนี้วานรวิญญาณถอยกลับหลังโดยไม่ต้องออกคำสั่ง หวังหลินขยับมืออย่างรวดเร็วและสร้างกฎเกณฑ์ขึ้น

เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเกือบในทันที ตอนที่ระฆังเปล่งเสียง หวังหลินสร้างกฎเกณฑ์เสร็จพอดี

คลื่นเสียงคมชัดดังออกมา ครั้งแรกมันเบามากแต่มันค่อยๆดังขึ้นและดังขึ้นจนมันกระแทกลงราวกับเสียงฟ้าฝ่า

ชัดเจนว่าความโกรธของนางถึงขีดสุด นางส่งความโกรธของใส่หวังหลินเช่นกัน จากมุมมองของนางคนที่มาพร้อมกับเฉิงเซียนไม่ใช่คนดี

เฉิงเซียนร้องอุทานเสียงดัง เขายิ้มอย่างบูดบึ้งขณะคิดว่ามันเลยเรื่องตลกมาไกลแล้ว เขาไม่คาดว่าทั้งหมดจะเป็นเพราะเรื่องฉี่ในวัยเด็กของนาง

ม่านแสงเบื้องหน้าเขาสั่นสองสามครั้งภายใต้ฟ้าร้องคำราม จากนั้นพังทะลาย เฉิงเซียนสูดหายใจลึกและพ่นแสงสีเหลืองออกมา กลิ่นหอมหวนของสมุนไพรปรากฎขึ้นพร้อมกับแสงเหลืองและทันใดนั้นเปลี่ยนเป็นวานรวิญญาณตัวหนึ่งทันที

ร่างวานรวิญญาณตัวนั้นไม่ได้ใช่มากแต่มันเปล่งกลิ่นอายดุร้าย ขณะที่วานรตัวนั้นปรากฎกาย เจ้าตัวที่เฉิงเซียนขี่ได้คำรามอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมกับโยนเฉิงเซียนออกไป มันคุกเข่าลงกับพื้นและเริ่มหมอบคลานต่อหน้าวานรวิญญาณที่ถูกสร้างจากแสงสีเหลือง

ขณะเดียวกันเจ้าตัวเล็กก็ทำสิ่งเดียวกัน แม้หวังหลินจะไม่ได้ถูกโยนออกไปเหมือนเฉิงเซียนแต่เขาออกมาด้วยตัวเอง

วานรวิญญาณที่ถูกสร้างจากแสงสีเหลืองไม่ได้ถูกรบกวนจากเสียงระฆังที่ดังก้องเข้ามาเลย มันโป่งท้องและพ่นอากาศออกมา ทันใดนั้นเสียงระฆังปลิวกลับทันที

ทันใดนั้นใบหน้าสตรีเปลี่ยนเป็นซีดเผือดและเธอกระแอมออกมาเป็นลิ่มเลือดเล็กน้อย เธอจ้องเฉิงเซียนเป็นฟืนเป็นไฟ สตรีทั้งหมดเบื้องหลังนางมีความโกรธแค้นในแววตาและนำสมบัติตัวเองออกมาพร้อมโจมตี

ขณะที่เสียงระฆังเข้าหาหวังหลิน มันหยุดเบื้องหน้าเขาเบาๆและหายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้ว่าระดับฝึกฝนของหวังหลินจะต่ำมาก แต่ว่าเขามีความตื่นตัวเสมอและความรู้ด้านกฎเกณฑ์ยังอยู่กับตัวซึ่งมันมากพอที่จะหยุดการโจมตีจากขั้นแกนลมปราณได้คนหนึ่ง กฎเกณฑ์ได้ปะทะกับจุดอ่อนทั้งหมดของคลื่นเสียงระฆัง

วานรที่สร้างจากแสงสีเหลืองพลันหันศีรษะทันทีและมองหวังหลินด้วยแววตาประหลาดใจ จากนั้นร่างของมันกระจายไปและกลับเป็นแสงสีเหลืองตามเดิมซึ่งถูกเฉิงเซียนดูดซับ

“โปรดอย่างโจมตี ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อต่อสู้แต่เพื่อมาหาใครบางคน” ใบหน้าเฉิงเซียนขื่นขม เขากำลังคิดว่าเขาจะไม่สามารถเข้าไปในลานได้ ทั้งหมดล้มเหลวเพราะเขาเอง หากเขาไม่ได้ไปขัดใจเฉิงหลิน เขาคงไม่ต้องมาเจอปัญหาแบบนี้

“มองหาใคร? หรือจะเป็นพี่ถง?” เฉิงหลินนำเม็ดยาออกมาจากกระเป๋าและกลืนกิน ใบหน้าเธอกลับมาเป็นปกติขณะจ้องมองหวังหลินด้วยความเกลียดชัง

ใบหน้าหวังหลินสงบนิ่งขณะมองสตรีผู้นั้น เขากล่าวขึ้น “คนที่ข้ามองหาไม่ใช่พี่สาวถง”

เฉิงเซียนรีบพูด “คนที่เขามองหาคือลั่วเย่”

เฉิงหลินขมวดคิ้ว เธอมองหวังหลินและถามอย่างดุๆ “เจ้ามาหาน้องลั่วเย่ทำไม?”

หวังหลินหัวเราะและโต้แย้ง “เกี่ยวอะไรกับท่านเล่า?”

ความโกรธพุ่งขึ้นในแววตานางแต่ระงับไว้ได้ซะก่อน นางนำหินหยกจากกระเป๋าออกมา หลังถือไว้สักพักจึงโยนกลับด้านหลัง หินหยกลอยกลับเข้าไปในลานตะวันตกอย่างรวดเร็ว

หลังทำเช่นนั้นนางหันมาจ้องเฉิงเซียนและกล่าวขึ้น “เฉิงเซียน หากเจ้านำสิ่งพวกนี้ขึ้นมาเล่าอีก ข้าจะกลับบ้านและบอกพ่อของเจ้าว่าเจ้าแกล้งข้า!”

เฉิงเซียนตกตะลึง ใบหน้าเปลี่ยนไปทันทีและเอ่ยขึ้น “ทำไมถึงเป็นแบบนั้นไปได้เล่าลูกพี่ลูกน้องของข้า? ใครกำลังกลั่นแกล้งกัน? หรือมันเป็นเพราะเมื่อเรายังเด็กข้าจึง…” ขณะนั้นเขารีบหุบปากเมื่อเห็นเฉิงหลินมีใบหน้าเปลี่ยนไปจึงรีบกลบเกลื่อน “ข้ามาเพื่อให้ของพิเศษแก่เจ้าไง ข้ามักจะนำอาหารดีดีและของเล่นสนุกมาเล่นด้วยเสมอ ตอนนี้ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเขาหาลั่วเย่จริงๆและ…ข้ามาที่นี่เพื่อหาเจ้าด้วย”

เฉิงหลินปล่อยลมหายใจ นางมองเฉิงเซียนและเริ่มพูดคุยกับหญิงสาวที่มาด้วยกัน สายตาพวกนางจดจ้องหวังหลินเป็นบางครั้ง

เฉิงเซียนลอบถอนหายใจและเดินไปข้างหวังหลิน เขายิ้มอย่างบูดบึ้งและกระซิบ “พี่ชาย ปลาหมอตายเพราะปากแท้ๆ อาาา เมื่อไหร่ที่ข้าเห็นนาง ข้ารู้สึกอยากล้อเล่นเสมอ หากข้ารู้ว่าวันนี้นางทำงานอยู่ ข้าคงมาพรุ่งนี้แทน”

ใบหน้าหวังหลินสงบนิ่ง เขาเอ่ยอย่างช้าๆ “ข้าช่วยเจ้าเท่าที่ช่วยได้ไปแล้ว ไม่ว่าลั่วเย่จะออกมาหรือไม่ ข้าได้ทำตามสัญญาแล้วนะ”

เฉิงเซียนถอนหายใจ เขานำหยกสื่อสารออกมาจากกระเป๋าและส่งให้หวังหลิน ก่อนที่เขาจะได้ทันพูดอะไร กระเรียนตัวหนึ่งบินออกมาจากลานตะวันตกพร้อมกับพาสตรีน่ารักนั่งไว้บนหลัง ดวงตานางเปิดกว้างจ้องไปที่หวังหลินอย่างไม่เชื่อสายตา

หลังนางเข้ามาใกล้พลันกระโดดออกจากกระเรียนและพูดกับหวังหลิน “เจ้ามาหาข้าหรือ?”

เฉิงหลินขมวดคิ้วและกล่าวขึ้น “น้องเย่ เจ้ารู้จักเขาหรือ?”

ลั่วเย่รีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว “พี่หญิงข้ารู้จักเขา เขาเข้าร่วมสำนักมาพร้อมกันกับข้า”

เฉิงหลินมองหวังหลินสองสามครั้งจากนั้นนางหันสายตาเพื่อเตือนเฉิงเซียนเบื้องหน้าก่อนที่ทุกๆคนจะทิ้งทั้งสามคนไว้ที่นี่

ยั่วเย่กระพริบตาสองสามครั้ง เธอเมินเฉิงเซียนไปเรียบร้อยและถามหวังหลิน “เจ้ารู้จักชื่อข้าได้ยังไง?”

หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อยและกล่าวราวกับเป็นเรื่องธรรมดา “หากเจ้าไม่ลำบาก โปรดพาคนผู้นี้เข้าไปลานตะวันตกด้วยเถอะ หากเขาเห็นพี่ถงได้นับว่าเป็นเรื่องดีที่สุด หากไม่ได้ ข้าก็ไม่อยากรบกวน” เช่นนั้นเขาจากไปโดยไม่หันหน้ากลับมา ทิ้งลั่วเย่กับเฉิงเซียนให้ตกตะลึง ทั้งคู่ยืนอยู่ด้วยกันเป็นเวลานานเหมือนเป็นใบ้

ลั่วเย่กระทืบเท้าและร้องตะโกน “มาเซ่! เจ้าเรียกข้าออกมาไม่ใช่รึไงกัน!?” น่าเสียดายที่หวังหลินไม่ได้หันกลับมาและร่างกายหายวับไปไกลแล้ว

เฉิงเซียนลอบถอนหายใจพร้อมกับคิดว่าพี่หวังหลินเป็นปรมาจารย์ของจริง หญิงสาวน่ารักเบื้องหน้าเขาคนนี้ยังไม่สนใจเลย เฉิงเซียนรู้สึกได้ว่าเขาไม่เคยมาถึงจุดนี้ได้ในชีวิต

เฉิงเซียนสูดหายใจลึกและเอ่ยขึ้น “ลั่วเย่ น้องสาว…เอ๊ย…พี่สาวพอจะมีเวลาไหม? ข้าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดกับพี่หวังหลิน ข้าดูแลเขาอย่างดีตอนที่เข้าร่วมสำนักดังนั้นพอจะช่วยข้าเรื่องที่เขาพูดได้ไหม?”

ลั่วเย่ชำเลืองมองเฉิงเซียนและส่งเสียงฮึดฮัด “ท่านแก่กว่าข้าอีก ฮึ่ม!” นางจ้องเขม็งไปทิศทางที่หวังหลินจากไป หลังพึมพำกับตัวเองนางจึงสั่นณะหังในมือ กระเรียนตัวหนึ่งบินออกมาและร่อนลงถัดจากนาง นางขึ้นกระเรียนและบินขึ้นไปในอากาศ

เฉิงเซียนถอนหายใจด้วยใบหน้าขื่นขม แต่ขณะที่เขากำลังจะไป เสียงชัดเจนดังออกมาจากลั่วเย่จากด้านบน “ตามข้ามาด้วยตัวเอง แต่ว่าเฉพาะครั้งนี้เท่านั้นและมันจะไม่เกิดขึ้นอีก”

เฉิงเซียนตื่นเต้นทันที เขารีบตามกระเรียนไปอย่างรวดเร็วเข้าสู่ลานตะวันตก

หลังหวังหลินออกมาจากลานทิศตะวันตก เขากลับมาที่ลานทิศเหนือของตัวเองพร้อมกับตรวจสอบว่าไม่มีใครเข้ามาในกฎเกณฑ์ที่เขาวางเอาไว้

หลังกลับมาบ้าน หวังหลินนำเตาปรุงยาที่ลี่มู่หวานให้ออกมาและเริ่มฝึกฝนศาสตร์การปรุงยาอีกครั้ง

เขารู้ว่ามีเวลาสั้นมากและต้องยกระดับฝึกฝนของตัวเองให้เร็วที่สุด หวังหลินไม่ต้องการเปิดเผยตนเองต่อลี่มู่หวานเพราะเขาจากมานานแล้ว หวังหลินไม่มั่นใจว่าความชอบจากเมื่อก่อนของนางจะยังอยู่ดีหรือไม่

หวังหลินไม่ได้วางแผนจะเปิดเผยตัวตนก่อนที่จะถึงขั้นวิญญาณแรกกำเนิด หากมีการเปลี่ยนแปลงกระทันหันเมื่อนั้นตัวตนที่เขาได้เป็นศิษย์ของสำนักเมฆาฟ้าอย่างยากลำบากคงจะสูญเปล่า

ซึ่งเป็นผลให้หวังหลินไม่ต้องการเปิดเผยตัวเองและจากมุมมองของเขา สองร้อยปีนับว่านานเกินและไม่จำเป็นต้องบังคับตัวเองเลย เขารู้สึกว่าควรจะนำเวลามาฝึกฝนดีกว่า

เรื่องที่ลี่มู่หวานรู้ชื่อร่างก่อนของเขาได้อย่างไรนั้นอธิบายได้ง่ายมาก สองร้อยปีมีเวลาให้ทำเยอะแยะโดยเฉพาะเพียงแค่ชื่อนับว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ

แน่นอนว่าหากลี่มู่หวานพบว่าชื่อของเขาคือหวังหลิน นั่นนับว่าแปลกประหลาดแน่นอน

หวังหลินมีความรู้สึกซับซ้อนต่อลี่มู่หวาน ช่วงเวลาที่เขาก้าวเข้ามาในโลกแห่งการฝึกตน เขาเจอหญิงสาวมาหลายคน แต่ลี่มู่หวานเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่อาศัยกับเขามาหลายปี

ความจริงแม้ว่าหวังหลินจะรู้สึกกับนาง แต่ขณะที่ปรากฎตัวพร้อมกันกลับบังคับให้ลืมนางเอง

ชั่วครู่นั้นหัวใจหวังหลินรู้สึกสับสนอย่างมากหลังจากพบเพื่อนเก่า ผ่านไปเวลานานหวังหลินวางเรื่องนี้ไว้และเพ่งสมาธิอีกครั้ง

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในพริบตาหลายเดือนได้ผ่านไปแล้ว

การปิดด่านฝึกตนของโจวหลินยังไม่จบ ทักษะการปรุงยาของหวังหลินเพิ่มขึ้นอย่างมากแต่เขารู้สึกได้ว่าไ่ม่มีพรสวรรค์ด้านการปรุงยาจริงๆ หลังจากใช้เตาปรุงยาที่ลี่มู่หวานให้มาล้มเหลวไป 93 ครั้งในที่สุดเขาก็สำเร็จเชี่ยวชาญการควบคุมเปลวไฟได้

ซึ่งทำให้เขาเริ่มปรุงจากโดยใช้ข้อมูลในหยกที่โจวหลิงให้

โดยใช้สมุนไพรในสวน หวังหลินจึงเริ่มพยายามปรุงยาอย่างช้าๆ ทว่าโอกาสสำเร็จต่ำมาก ลองสิบครั้งเขาสำเร็จเพียงครั้งเดียว และบางครั้งไม่สำเร็จเลย

หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเมื่อนั้นไม่ว่าจะมีสมุนไพรในสวนมากเท่าไหร่ก็คงไม่มีพอให้เขาใช้ทำอย่างนี้ได้

ในที่สุดเป็นเพราะสมุนไพรจำนวนหนึ่งหมดลง หลังจากครุ่นคิดชั่วขณะหวังหลินจึงใช้น้ำพลังปราณ น่าประหลาดใจที่การปรุงยากลับสำเร็จ

และไม่ใช่แค่สำเร็จครั้งเดียว ตราบใดที่ใช้น้ำพลังปราณในกระบวนการปรุงยา เมื่อนั้นโอกาสสำเร็จจะเพิ่มขึ้นสูงมากโดยไม่อาจจินตนาการได้ มันน่าจะสำเร็จเก้าในสิบครั้ง หลังจากทดสอบหลายครั้งหวังหลินยืนยันได้ว่าผลลัพธ์อีกอย่างของน้ำพลังปราณก็คือเพิ่มโอกาสสำเร็จในการปรุงยา

ซึ่งทำให้การช่วยเหลือของน้ำพลังปราณและลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า ระดับฝึกฝนของเขาจึงไต่ขึ้นด้วยอันตราที่เหลือเชื่อ ตอนนี้หวังหลินมีระดับขั้นสิบห้าและใกล้จะบรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณแล้ว

หวังหลินจดจำได้ชัดเจนตอนที่ร่างหลักพยายามบรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณ ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไรก็ล้มเหลวตลอด ในท้ายสุดซือถูหนานได้บอกเขาว่ามีเพียงสามวิธีเท่านั้นในการบรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณ หนึ่งก็คือได้รับเม็ดยาสร้างพื้นฐาน อีกหนึ่งคือขโมยพื้นฐานมาจากคนอื่น และอย่างสุดท้ายคือมีเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดช่วยเหลือให้บรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณ

เม็ดยาสร้างพื้นฐานเป็นของหายากและไม่มีเซียนวิญญาณแรกกำเนิดช่วยเขา ดังนั้นหวังหลินจึงกลับมาตัดสินใจขโมยพื้นฐานจากคนอื่น

เป้าหมายของเขาจบลงที่การขโมยมาจากหลานของเถิงฮว่าหยวนชื่อว่าเถิงลี่ เนื่องจากสถานการณ์หลายอย่าง

ร่างอวตารของเขาได้มาถึงด่านนี้เช่นกันแต่เขาไม่จำเป็นต้องขโมยพื้นฐานมาจากใครหรือมีเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดคนไหนช่วยเขา เพราะเขามีความรู้เรื่องการปรุงยา

แต่สูตรยาของเม็ดยาสร้างพื้นฐานไม่ใช่ได้มาง่ายๆ ปกติแล้วอาจารย์ควรจะปรุงยาขึ้นมาและให้มันกับลูกศิษย์ แต่โจวหลินปิดประตูฝึกฝนอยู่ตอนนี้ เขาไม่เคยคิดว่าหวังหลินที่มีเพียงระดับสามจะมาถึงระดับสิบห้าได้แล้ว

หวังหลินนั่งในลานพร้อมกับขบคิดไปด้วย เขาสะบัดแขนและนำหยกสื่อสารที่เฉิงเซียนให้มา ที่ผ่านมาหลายเดือนเฉิงเซียนได้มาเยี่ยมหวังหลินบ่อยๆและพูดคุยด้วยกันมากนัก

พูดถึงเฉิงเซียนจากการช่วยของลั่วเย่เวลานั้น เขาจึงสามารถพบกับพี่สาวถงและทั้งคู่เข้ากันได้ด้วยดี

ใบหน้าหวังหลินมืดมน เขาส่งหยกสื่อสารออกไปและมันลอยออกไประยะไกล หวังหลินไม่รีบเร่งและนั่งอยู่กับที่รอคอยเฉินเซียน

ไม่นานนักเสียงคำรามจากอสูรตัวหนึ่งดังออกมาไกลๆ วานรวิญญาณตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาในลานพร้อมกับมีเฉิงเซียนนั่งอยู่บนหลัง เฉิงเซียนยิ้มเมื่อเห็นหวังหลินพร้อมกับเอ่ยขึ้น “พี่ชาย ท่านมองหาข้ามีเรื่องอันใดหรือ?”

หวังหลินมองขึ้นพร้อมกับถามช้าๆ “ท่านมีสูตรเม็ดยาสร้างพื้นฐานไหม?”

เฉิงเซียนตกตะลึงและเอ่ยขึ้น “เม็ดยาสร้างพื้นฐานเป็นเม็ดยาวิญญาณ มันไม่ใช่สิ่งที่ข้าสร้างขึ้นมาได้ ข้าไม่มีสูตรยาแบบนั้นหรอก”

หวังหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาลอบถอนหายใจและคิดว่าเขาต้องไปหาลี่มู่หวานอีกครั้ง

“แต่ว่านับที่พี่ชายถามขึ้นมา อย่างน้อยข้าก็พอช่วยได้ แม้ว่าข้าไม่มีแต่อาจารย์ข้าควรจะมีแน่นอน ให้เวลาข้าสามวัน ข้าจะโขมยมันมาได้ในสามวันแน่นอน” เฉิงเซียนยิ้มขึ้นอย่างภูมิใจ จากนั้นพูดคุยกับหวังหลินเล็กน้อย เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า “วันนี้พี่ถงตกลงกับข้าว่าจะพบปะกันข้างนอก ดังนั้นข้าไม่มีเวลาคุยอีกแล้ว เรื่องเม็ดยาสร้างพื้นฐานจงอย่ากังวล ข้าจะเอามาให้ท่าน!” เขาจากไปอย่างตื่นเต้นบนวานรวิญญาณที่ไม่เต็มใจ

มันไม่ได้ใช้เวลาสามวันเหมือนที่เฉิงเซียนพูด แต่หลังจากผ่านไปสองวันมันก็มาถึง เฉิงเซียนไม่ได้มาด้วยตัวเองแต่วานรวิญญาณตัวใหญ่มาทิ้งหยกไว้และจากไป

เมื่อหวังหลินออกมาเขาเห็นเพียงหลังวานรวิญญาณ ดวงตาเพ่งไปบนวานรทันทีและสังเกตได้ว่าขาขวาของมันได้รับบาดเจ็บจึงทำให้มันเดินประหลาดเล็กน้อยเหมือนไม่กล้าวางน้ำหนักไว้บนขาขวา

หวังหลินก้มศีรษะลงต่ำและนำหินหยกขึ้นมา เขาขบคิดชั่วขณะจากนั้นกลับไปที่ลาน

สิบวันต่อมา หวังหลินแทบจะทำเฉพาะการปรุงยา เม็ดยาสร้างพื้นฐานเป็นเม็ดยาวิญญาณ ด้วยทักษะการปรุงยาของหวังหลินตอนนี้โอกาสล้มเหลวของเขาสูงมาก

แต่หลังจากนำน้ำพลังปราณใส่ลงไปโอกาสสำเร็จเพิ่มขึ้นสูงมาก ทว่ามันยังเปรียบไม่ได้กับเม็ดยาเพ่ยหยวน หลังใช้น้ำพลังปราณการสร้างเม็ดยาเพ่ยหยวนเพิ่มโอกาสสำเร็จถึงเก้าในสิบครั้ง แต่เม็ดยาสร้างพื้นฐานมันเพียงประมาณ 5 ถึง 6 ครั้งจากทั้งหมดสิบครั้งเท่านั้น

หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อย เขาคิดว่านำพลังปราณให้ผลน้อยลงกับเม็ดยาระดับสูงขึ้น

แต่ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้ายังไม่สมบูรณ์ หวังหลินพยายามมองหาธาตุที่กำลังขาดแต่ธาตุพวกนี้หายากเกินไป กล่าวได้ว่าที่ธาตุไฟเติมได้จนเต็มนั้นเพราะมันดูดซับอสูรวิญญาณอัคคีไป

ซึ่งทำให้การเติมธาตุที่เหลือคือ ปฐพี พฤกษา และโลหะนับว่ายากมาก อย่างน้อยตอนนี้หวังหลินก็ไม่พบวิธีดีดีเพื่อดูดซับมาได้

ในหมู่ธาตุมีเพียงธาตุวารีที่ดูดซับง่ายๆและธาตุพฤกษาไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แม้ว่าธาตุพฤกษายังไม่สมบูรณ์แต่มันมีใบไม้เจ็ดใบปรากฎบนลูกปัดแล้ว

ธาตุปฐพีและโลหะไม่ขยับเลย หวังหลินพยายามหลายอย่างแต่ไม่มีผลลัพธ์อะไรเลย

หวังหลินได้ประโยชน์มหาศาลจากการเข้าใจน้ำพลังปราณของลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า มีความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงของคุณภาพน้ำพลังปราณในก่อนที่ลูกปัดจะเติมธาตุวารี

และหลังจากธาตุไฟเสร็นสมบูรณ์ คุณภาพน้ำพลังปราณเพิ่มขึ้นมาหนึ่งเท่า มันดีมากกว่าเมื่อก่อนมากนัก

เป็นผลให้ตราบใดที่ธาตุอัคคีสมบูรณ์เต็มที่ แม้จะเมินผลลัพธ์อย่างอื่น เพียงแค่น้ำพลังปราณก็สามารถให้ผลเพิ่มโอกาสการปรุงยาระดับสูงขึ้นแล้ว

ในแต่ละชุดจะได้เม็ดยาพื้นฐานสองเม็ดและหนึ่งชัดในเวลาปรุงตลอดทั้งวัน หลังจากผ่านไปสิบวันหวังหลินรวบรวมสมุนไพรเกือบทั้งหมดในสวนเพื่อใช้ปรุงเม็ดยาสร้างพื้นฐาน ในท้ายสุดเขาจึงสามารถปรุงเม็ดยาได้ทั้งหมด 13 เม็ด

พรสวรรค์ของร่างอวตารหวังหลินไม่ได้แตกต่างมาจากร่างหลัก ทั้งคู่ต่างมีพรสวรรค์ธรรมดาที่ไม่ได้พิเศษ ดังนั้นหวังหลินจึงรู้ว่าแค่เม็ดยาสร้างพื้นฐานหนึ่งเม็ดนับว่าไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นเหตุผลให้เขาสร้างขึ้นมาจำนวนมากหากเกิดกรณีที่ต้องการเพิ่มขึ้น

หลังเสร็จสิ้นทุกอย่าง หวังหลินถอนหายใจออก เขากดแขนบนหน้าผากตนเองและเข้าไปในมิติฝืนลิขิตฟ้า หลังจากเข้าไปไม่นาน วานรวิญญาณตัวหนึ่งมาถึงด้านนอกลาน มันยืนอยู่ด้านนอกมีแผลเต็มตัวพร้อมกับส่งเสียงคำรามก่อนจะจากไปด้วยความผิดหวัง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version