240. เถิงซาน
เถิงซานไม่ได้ดูเยาว์วัยนัก เส้นผมของเขาสีขาวไปแล้วและดูอายุราวสี่สิบถึงห้าสิบปี หากมองใกล้ๆจะเห็นได้ว่าภรรยาของหวังจัวดูเหมือนกับเขา
เขาดูหล่อมาก ใบหน้าไร้ที่ติรับกับดวงตาคู่นั้นที่ส่องแสงราวกับอัญมณีสีดำ
เถิงซานกล่าวอย่างอ่อนโยน “ซิ่วซิ่ว ตอนนี้ตระกูลเถิงกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูแข็งแกร่งและบรรพชนไม่ออกมา เรื่องนี้นับว่าประหลาดมากนัก เมื่อเจ้าได้เข้าไปในเมืองตระกูลเถิงอย่างปลอดภัย จงพักที่นั่นพร้อมกับน้องสาวเจ้าและอย่าออกมา”
เถิงซิ่วซิ่วเป็นลูกสาวของเถิงซาน เหตุผลที่เถิงซานออกจากห้องลับก็เพื่อป้องกันลูกสาวตนเองระหว่างที่นางเข้าไปในเมืองตระกูลเถิง
เถิงซิ่วซิ่วพยักหน้า
เถิงซานลังเลเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น “หาก…หากพ่อหนีความตายครั้งนี้ไม่รอด จงทิ้งเมืองตระกูลเถิงและตามหาน้องเล็ก จากนั้นออกจากแคว้นจ้าวทันที ไปให้ไกลที่สุดที่เจ้าทำได้”
หวังจัวฟังเรื่องทั้งหมดนี้อยู่ด้านข้างอย่างเงียบงัน แม้ว่าใบหน้าของเขาจะสงบนิ่งแต่ลอบหัวเราะในใจ
เถิงซานมีแววตาดูเหมือนจะมองผ่านความคิดได้ขณะที่เขามองหวังจัว ใบหน้าไม่เปลี่ยนไปจึงไม่มีใครรู้ว่าเขาจะมีความสุขหรือโกรธอยู่
เขาลูบผมเถิงซิ่วซิ่วขณะที่คลื่นอารมณ์ล้นทะลักในใจ
เขารู้ว่าตั้งแต่ที่ถูกท่านบรรพชนบังคับให้แยกทางจากภรรยาตนเองเมื่อก่อนนั้น เขาจะอยู่ภายใต้เงาของบรรพชนตลอดไป เรื่องทั้งหมดก็เพราะภรรยาของเขาเป็นคนธรรมดาและเขาเป็นถึงหลานชายสุดหวงแหนของบรรพชน เรื่องสำคัญของตระกูลเถิงอย่างหนึ่งก็คือไม่สามารถนำคนธรรมดามาเป็นภรรยาได้
เพราะลูกหลานของเขาต้องมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะฝึกฝนเซียน
หากเขาต้องการจะเปลี่ยน เขาจะต้องมีพลัง ต้องบรรลุระดับฝึกฝนที่สามารถเอาชนะบรรพชนได้
หลายปีหลังจากนั้นเขาฝึกฝนจนระดับฝึกตนเพิ่มขึ้นและสามารถผลักดันลูกสาวทั้งสองให้เข้าสู่เส้นทางการฝึกฝนได้ แต่อายุขัยภรรยาของเขาหมดลงไปแล้ว ความเจ็บปวดที่เขาได้รับไม่เคยลดลงในตลอดหลายปีหลังจากนั้น
เขาเพ่งสมาธิไปที่การฝึกฝนเซียนอย่างเดียว มีเพียงการฝึกฝนเท่านั้นที่จะสามารถลืมเรื่องภรรยาได้
เพื่อเติมเต็มส่วนที่หายไป เถิงซิ่วซิ่วจึงดูเหมือนกับภรรยาของเถิงซานมากที่สุด ไม่เพียงแต่คือลูกสาวของเขาแต่ยังได้รับความรักทั้งหมดที่เขามีต่อภรรยา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาไม่ปล่อยให้เถิงซิ่วซิ่วได้รับอันตรายหรือใครก็ตามทำให้นางเสียใจ
เขามองไปที่หวังจัวอย่างเย็นชาและเอ่ยขึ้น “หวังจัว ทั้งนี้เพราะเถิงซิ่วซิ่ว ข้าจะปล่อยเจ้ามีชีวิตต่อไป นับตั้งแต่วันนี้เถิงซิ่วซิ่วจะไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าอีกแล้ว”
แววตาหวังจัวส่องสว่างขึ้น เขามองเถิงซานและเอ่ยออกมา “อารมณ์ไหนเนี่ย!” เขากระโดดกลับหลังและกำลังจะจากไป
หลังเถิงซิ่วซิ่วได้ยินเช่นนี้ นางเคลื่อนร่างไปเบื้องหน้าและคว้าแขนหวังจัวไว้อย่างรวดเร็ว นางหันกลับมามองพ่อพร้อมน้ำตาคลอ นางกัดริมฝีปากเล็กน้อยโดยไม่ได้พูด
สายตาเถิงซานยังคงเยือกเย็นแต่เขาถอนหายใจอย่างช้าๆและหันกลับไป ใบหน้าเถิงซิ่วซิ่วตอนนี้เหมือนกับภรรยาของเขาเป๊ะๆ เขาไม่ต้องการสังหารหวังจัวเพราะเขาไม่อยากทำให้เถิงซิ่วซิ่วเจ็บปวด
“หวังจัว ถึงแม้ว่าตระกูลเถิงจะสังหารตระกูลของเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ซิ่วซิ่วได้รับอันตราย เจ้าทั้งสอง….เป็นคู่รักกัน แม้ว่าครอบครัวของเจ้าไม่อาจมาด้วยกันได้ ภรรยาของเจ้าจะอยู่กับเจ้าตลอดไป หวังจัว เจ้าจงรู้ว่าอะไรดีที่สุด”
หวังจัวขบคิดชั่วครู่ เขามองเถิงซิ่วซิ่วด้วยแววตาซับซ้อน ถ้าวันนั้นมาถึง เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
เถิงซิ่วซิ่วมองชายทั้งสองคนซึ่งเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตนาง “ท่านพ่อ หวังจัวอย่า อย่าไปเลย!” ในตอนท้ายน้ำเสียงนางเต็มไปความหนักแน่น! สตรีคนนี้แม้กระทั่งในตอนท้าย นางก็เชื่อว่าหวังจัวจะไม่ทำให้นางเจ็บปวด
แม้ว่าใบหน้าเถิงซานจะเหมือนเดิมแต่เขากระตุ้นจิตสังหารขึ้นมาอย่างมหาศาล หากเป็นตอนที่ตระกูลเถิงยังเสถียรอยู่ ไม่ว่าหวังจัวจะอยู่หรือตายก็ไม่สำคัญเพราะเขามั่นใจว่าหวังจัวจะไม่ทำอะไรผลีผลาม
แต่ตอนนี้ตระกูลเถิงตกอยู่ในอันตรายซึ่งนับว่าแตกต่างอย่างมาก เถิงซานตั้งมั่นในใจ เมื่อพวกเขากลับไปที่เมืองตระกูลเถิง เขาจะหาโอกาสสังหารหวังจัวซะ
เพราะเขายังรู้สึกว่าหากหวังจัวยังไม่ตาย เถิงซิ่วซิ่วจะยังอยู่ในอันตราย
ทว่าเขาจะไม่มีโอกาสนี้อีกแล้ว
ก้อนเมฆสีดำพลันปกคลุมน่านฟ้าทันที มันให้ความรู้สึกเหมือนสามารถหล่นลงมาได้ตลอดเวลา
ดวงตาเถิงซานพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที เขาชี้ไปที่หน้าท้องตนเองโดยไม่ลังเลและไอออกมาเป็นแก่นโลหิต ในเวลาเดียวกันจุดแสงออกมาจากกระเป๋าและรวมเข้ากับแกนโลหิตก่อร่างเป็นแสงรูปทรงไข่เบื้องหน้าเขา
เถิงซานยื่นมืออกและคว้าไว้ เถิงซิ่วซิ่วตะโกนขึ้นอย่างตกตะลึงเมื่อเถิงซานโยนนางเข้าไปในวงแหวนแสงรูปไข่ เถิงซิ่วซิ่วมองพ่อตนเองด้วยแววตาเศร้าโศก “ท่านพ่อ!”
เมื่อน้ำเสียงนางมาถึงเขา เถิงซานรู้สึกว่าเขาไม่สามารถใจดำอำมหิตได้อีกแล้วดังนั้นจึงยื่นมืออกไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาคว้าร่างหวังจัวและโยนเขาเข้าหาวงแหวนแสงอย่างรุนแรง
ทั้งสองหายเข้าไปในวงแหวนแสงรูปไข่
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก ขณะที่ก้อนเมฆสีดำปรากฎตัว เถิงซานไม่คิดมากจึงใช้แก่นโลหิตจำนวนมากเพื่อเคลื่อนย้ายเถิงซิ่วซิ่วและหวังจัวไปให้ไกล
หลังทำเช่นนั้นเขาไม่มีความเสียใจอีก พลันยืดร่างตั้งตรงและกระบี่เหินสีส้มปรากฎถัดจากเขาโดยไร้ซุ่มเสียง
กระบี่เหินเล่มนี้เขาสร้างขึ้นมาด้วยตนเอง มันชื่อว่าต้าวหยุน เพราะชื่อภรรยาของเขามีคำว่า หยุน
ทุกวันเขาจะทำความสะอาดกระบี่ด้วยพลังปราณของตนเอง เขาไม่ให้ใครแตะต้องกระบี่นี้แม้กระทั่งเถิงฮว่าหยวน
อีกทั้งเขาไม่เคยใช้กระบี่นี้ตอนที่สู้กับคนอื่น
ความรักที่เขามีให้กระบี่นี้ไม่น้อยกว่าที่เขามีให้เถิงซิ่วซิ่ว เพราะตอนที่เขาสร้างกระบี่เล่มนี้ ภรรยาของเขาได้หยดโลหิตของนางไว้ในกระบี่
เป็นเพราะหยดโลหิตคนธรรมดาจึงทำให้พลังกระบี่เล่มนี้อ่อนแอลงอย่างมาก แต่เถิงซานไม่สนใจ ตราบใดที่กระบี่เล่มนี้อยู่ที่นี่ก็เหมือนกับภรรยาของเขาอยู่ตรงนี้ หากกระบี่แตกเสียหายก็แปลว่าภรรยาของเขาตาย
ขณะนั้นหัวใจเถิงซานเต็มไปด้วยแรงกระตุ้นการต่อสู้ เพราะเขารู้ตัวว่าคงจะตายวันนี้
หากเขาได้รับอนุญาตให้เลือกหนทางตายของตนเอง เขาหวังว่าจะตายไปพร้อมกับกระบี่เล่มนี้
เถิงซานจับกระบี่อย่างบรรจง นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาชำระล้างกระบี่ด้วยพลังปราณ เขาเผยใบหน้าแน่วแน่และไม่ได้เอ่ยคำใด กระบี่ส่งเสียงหึ่งๆและลอยตรงไปที่ก้อนเมฆในท้องฟ้า
เถิงซานกระโดขึ้นไปและติดตามเบื้องหลังกระบี่อย่างรวดเร็ว เขาใช้พลังปราณทั้งหมดในร่างกายและเคลื่อนไหวราวกับดาวตกไปพร้อมกับกระบี่ มุ่งหน้าเข้าสู่ก้อนเมฆดำ
ท่ามกลางการเคลื่อนไหวราวกับดาวตกเช่นนี้ เขาเห็นภรรยากำลังยิ้มให้และเรียกเขาอยู่
ดาวตกข้ามผ่านท้องฟ้า พุ่งผ่านเมฆดำและร่อนลงห่างไปหนึ่งร้อยลี้
ก้อนเมฆสีดำทั้งหมดรวบรวมเข้าด้วยกันและก่อร่างเป็นรูปทรงที่ดูเหมือนหวังหลิน เขามองไปทิศทางที่ดาวตกร่อนลง
ชายวัยกลางคนพุ่งเข้าหาหวังหลินโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัวและตายด้วยน้ำมือขอบเขตจวี่ของเขา กล่าวได้ว่าขณะที่เขาตาย หวังหลินสัมผัสความรู้สึกไว้ทุกข์จากเถิงซานได้
หวังหลินครุ่นคิดเป็นเวลานานแต่เขาไม่ได้นำวิญญาณออกมาสร้างเป็นปิศาจอันยอดเยี่ยม เขาไม่คิดว่าจะมีคนทุ่มเทความรักมากขนาดนี้ในตระกูลเถิง ทว่าเขายังต้องตาย เขาไม่ควรจะมาเกิดในตระกูลเถิงเลย
ห่างไปหนึ่งร้อยลี้ที่เถิงซานร่อนลง ไม่มีบาดแผลบนร่างของเขาเลยแต่เขาตายไปแล้ว
ในฝ่ามือมีกระบี่ชื่อต้าวหยุนส่องแสงครั้งสุดท้ายและแตกกระจาย…
ณ เมืองตระกูลเถิง
เถิงฮว่าหยวนอยู่ชั้นบนสุดของบ้านบรรพชนตระกูลเถิงขณะที่จ้องไปที่เศษหยกเก้าชิ้น ห้าชิ้นในนั้นแตกสลายไปแล้ว และขณะที่เถิงฮว่าหยวนถอนหายใจ หินหยกที่เป็นตัวแทนของเถิงซานก็แตกออกเป็นสองส่วน
ร่างเถิงฮว่าหยวนสั่นสะท้าน ใบหน้าเริ่มดูแก่ลงมากทันที เขาค่อยๆจับหินหยกที่แตกอย่างช้าๆและเมื่อฝ่ามือเคลื่อนไปเหนือหินหยกของเถิงซาน ดวงตาของเขาปลดปล่อยน้ำตาที่ไม่เคยปล่อยออกมาในรอบสี่ร้อยปี
เถิงฮว่าหยวนกระซิบ “ไห่เอ๋อร์”
เถิงไห่คือชื่อจริงของเถิงซาน
ตอนที่มีคนกลายเป็นสมาชิกหลักของตระกูล พวกเขาจะทิ้งร่องรอยวิญญาณของตัวเองไว้ในหินหยกพิเศษ ในเวลาเพียงแค่สองวัน หินหยกหลลายชิ้นแตกกระจาย และแต่ละครั้งเถิงฮว่าหยวนจะรู้สึกเจ็บปวดในใจ
โดยเฉพาะเถิงหวู่ เขาเห็นเถิงหวู่ตายต่อหน้าต่อตา แม้พวกเขาจะห่างกันเพียงร้อยฟุต กลับรู้สึกว่าเส้นแบ่งนั้นราวกับหุบเหวที่เถิงฮว่าหยวนไม่อาจข้ามไปได้
นอกจากเถิงอีแล้ว เถิงหวู่คือคนที่เหมือนกับเถิงลี่มากที่สุด ดังนั้นเขาจึงได้รับการใส่ใจจากเถิงฮว่าหยวนอย่างมาก
เถิงจิ่วพบเจอเรื่องราวเด็กอันขมขื่นจึงทำให้นิสัยของเขาผิดแปลก ดังนั้นจึงเดินบนเส้นทางขโมยชีวิตแต่กลับลดของตัวเองลงแทน เถิงฮว่าหยวนเตรียมเม็ดยาระดับสูงไว้หลายอย่างเพื่อเขา แต่เม็ดยาทั้งหมดนั้นสูญเปล่าไปแล้วในตอนนี้
เถิงปา เถิงลิ่ว และเถิงซื่อต่างก็กุมตำแน่งอยู่ในใจเถิงฮว่าหยวน ทว่าเถิงซานยังเป็นคนสำคัญที่สุด
เถิงฮว่าหยวนมักจะคิดเสมอว่าเถิงซานทำเรื่องน่าอับอายต่อตระกูลเถิง เกิดเป็นศิษย์หลัก แทนที่จะฝึกฝนอย่างเหมาะสม เขากลับกลายเป็นตกหลุมรักคนธรรมดา เถิงฮว่าหยวนบังคับให้ทั้งสองแยกกันและปล่อยให้เวลาสังหารสตรีคนนั้นอย่างโหดเหี้ยม
เถิงฮว่าหยวนรู้ว่าเถิงซานเกลียดเขา
ถึงเช่นนั้นเรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความห่วงใยที่เถิงฮว่าหยวนมีต่อเถิงซาน ความจริงเขารู้สึกเศร้าใจที่ทั้งสองแยกกันเมื่อตอนนั้น แต่ตอนนี้เขาไม่มีโอกาสบอกเถิงซานเรื่องความเสียใจของเขา เพราะเถิงซานได้เสียชีวิตไปแล้ว