Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 313

Cover Renegade Immortal 1

313. ศพผู้หญิงดีกว่า

ไม่มีสิ่งใดเติบโตอยู่บนพื้นดินและมีหลุมลึกนับไม่ถ้วน บางครั้งเกิดรอยแยกอวกาศรวมกันและหายไปอย่างไร้ร่องรอยอยู่เต็มท้องฟ้า

นานๆทีถึงจะเห็นสิ่งก่อสร้างที่พังทลายไปแล้วบนพื้น

หลังฉีหูมาถึงแววตาเขาสว่างขึ้นและเอ่ยออกมา “ที่นี่คือสถานที่ที่ท่านฉีซือได้อธิบายไว้ว่าเป็นชั้นแรก”

จากนั้นเขาก้มศีรษะลงและคำนวณอย่างเงียบๆ พลันกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง

หวังหลินขมวดคิ้วพร้อมกับมองไปรอบๆและเอ่ยขึ้นทันที “สถานที่แห่งนั้นอยู่ชั้นอื่น มันเป็นชั้นไหนหรือพี่ฉีหู?”

ผีเสื้อแดงที่ไม่ได้พูดอะไรมาหลายวัน นางพ่นลมหายใจและเอ่ยขึ้น “คำถามไร้สาระ แน่นอนว่ามันเป็นชิ้นที่สองสิ! มันเป็นพื้นที่ทับซ้อนในดินแดนสวรรค์อยู่แล้วนี่!”

สายตาหวังหลินเพ่งพินิจพร้อมกับเอ่ยอย่างเย็นชา “โง่เขลา!”

เมื่อถูกเรียกว่าโง่เขลาอีกครั้งทำให้แววตาผีเสื้อแดงเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันไปที่หวังหลิน

ฉีหูยิ้มอย่างขื่นขมขณะรีบยกศีรษะขึ้น “น้องเซิ่ง มันอยู่ชั้นที่สองจริงๆ แต่บรรพชนฉีซือได้สังเกตได้ว่าอาจจะมีชั้นที่สามอยู่ข้างล่าง”

ผีเสื้อแดงตกตะลึง สายตานางสั่นไหวและนางเงียบเสียงลง

ท่าทางหวังหลินไม่เปลี่ยนไปเขายังรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งผิดปกติ ตั้งแต่ที่ผ่านมาหวังหลินรู้สึกราวกับมีคนกำลังติดตามพวกเขาอยู่ สิ่งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับระดับฝึกฝนของเขาแต่เป็นสัมผัสอันตรายที่เขาพัฒนาขึ้นมาจากการสังหารหลายปีที่ผ่านมา

“ข้าพบแล้ว ตามมา!” หลังผ่านไปพักใหญ่ฉีหูจึงเคลื่อนไหวและเหาะเหินไปข้างหน้า

ในไม่ช้าทั้งสามคนหยุดลงตรงที่หนึ่งในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

“ที่ตรงนี้ ครั้งหนึ่งท่านฉีซือทิ้งสัญลักษณ์รูปดอกพลัมไว้ที่นี่และข้ารู้วิธีค้นหามัน” ใบหน้าฉีหูเต็มไปด้วยความสุขและร่อนลงใกล้หลุมหนึ่ง

หวังหลินก้มศีรษะลง หลุมรอบด้านสร้างเป็นรูปทรงดอกพลัมจริงๆ

ฉีหูกระโดดเข้าไปในหลุม ผีเสื้อแดงมองหวังหลินก่อนจะติดตามเข้าไปข้างใน

หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกและไม่สามารถค้นหาก้นหลุมได้ หลังครุ่นคิดเล็กน้อยเขาจึงกระโดดเข้าไปข้างใน

หลังทั้งสามคนเข้าไปในหลุมไม่นาน ชายวัยกลางคนพร้อมกับน้ำเต้าปรากฎใกล้หลุม เขาดื่มไปหนึ่งอีก พลิกผ่ามือและเจดีย์ปรากฎอีกครั้ง ร่างสตรีชุดขาวลอยออกมาและถูกเขาสวมกอด

เขามองร่างศพ ส่ายศีรษะและพึมพำกับตัวเอง “ถิงเอ๋อ เด็กน้อยพวกนั้นดูเหมือนจะกลับไปมือเปล่าเสียแล้ว โลงศพหยกนั้นได้ถูกข้าสร้างเป็นเจดีย์เสีย น่าเสียดายที่โลงศพหยกนั้นถูกเจ้าดูดจนแห้งไปในเวลาไม่กี่พันปี ถิงเอ๋อมั่นใจได้เลย ข้าจะไปหาหินหยกสวรรค์มาให้เจ้าเพิ่ม ชั้นที่สามควรจะมีหินหยกสวรค์มากขึ้น”

สิ้นคำพูดเขาดีดหน้าผากหญิงสาวจากนั้นขมวดคิ้วทันที เขาโบกแขนจนร่างศพหญิงและเจดีย์หายวับไปพร้อมกับมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

รอยร้าวในท้องฟ้าเชื่อมต่อเข้าหากันและคนผู้หนึ่งเดืนออกมา คนผู้นี้มีผมศีรษะสีขาวล้วนและใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น เขาพุ่งออกจากรอยร้าวด้วยความเร็วอันตื่นตระหนก

“ทำไมข้าไม่เคยมาสถานที่บัดซบนี้กัน? ข้าตรวจสอบชิ้นส่วนแทบทุกแห่งและยังไม่เจอร่างเทวดาสักตน”

เขาถอนหายใจขณะเคลื่อนร่างลงสู่พื้นและเห็นชายวัยกลางคนเข้าพอดี “สวัสดี สวัสดี”

ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว คนทั้งหมดนั้นมาจากดาวเคราะห์ซูซาคุ ชายชราคนนี้เป็นเพียงคนเดียวที่เขาหวาดกลัว ชายชราผู้นี้มีระดับฝึกฝนเท่าเทียมกับเขา ทั้งคู่เป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับกลาง

แม้เขาอยู่มานานมากเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักคนผู้นี้ เซียนขั้นแปลงวิญญาณไม่ได้มีมากนักในซูซาคุดังนั้นเขาจึงรู้จักเซียนขั้นแปลงวิญญาณทุกคน

เขามองชายชราและกระโดดเข้าไปในหลุมโดยไม่เอ่ยคำพูดสักคำ

“ก็ดี…เมินข้า? หยาบคาย” ชายชราลูบจมูกตนเอง เขามองหลุมที่ชายวัยกลางคนกระโดดเข้าไปและกำลังจะจากไปแต่จมูกพลันได้กลิ่นบางอย่าง

“เอ๊ะ กลิ่นแห่งความตาย! ใช่แล้วนี่มันกลิ่นแห่งความตาย กลิ่นของเทวดาที่ข้าเข้าใจไม่ผิด! มันเป็นซากศพหญิงสาว ฮ่าฮ่า ซากศพหญิงสาวยิ่งดี!” แววตาชายชราส่องสว่างขึ้น เขามองรอบๆและทันใดนั้นสายตาจดจ้องไปยังหลุมที่ชายชราเข้าไปก่อนเขาจะพุ่งตามไปอีกคน

ชายชรามีใบหน้าแห่งความสุข ‘ตอนนี้ข้าสามารถทำงานที่จ้าวสำนักมอบหมายให้สำเร็จได้แล้วและข้าจะออกจากดาวซูซาคุเฮงซวยนี่ซะ จ้าวสำนักก็ประหลาดนัก สำนักซากศพของเรามีร่างกายทุกรูปแบบเช่นนั้นทำไมถึงต้องการร่างเทวดาด้วยกัน? ข้าสงสัยว่าลูกค้าจากดาวไหนถึงลิ้มลองของพิเศษเช่นนี้’

กลุ่มของหวังหลินทั้งสามคนก้าวลงหลุมไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาลงมาโดยไม่รู้เวลาและไม่เห็นจุดสิ้นสุดทว่าแรงต้านทานได้ผลักพวกเขารุนแรงขึ้นและรุนแรงขึ้น

“ที่นี่แหละ เมื่อเราลงไปจะถึงสถานที่ที่บันทึกไว้บนหินหยกแต่มันถูกผนึกด้วยกฎเกณฑ์ไว้ ทว่าเมื่อมีเราสามคนน่าจะเปิดมันได้ภายในสิบวัน” น้ำเสียงฉีหูเต็มไปด้วยความสุข

ยิ่งทั้งสามคนลงไปลึกขึ้นก็ยิ่งมีแรงต่อต้านรุนแรงขึ้น หลังแรงต่อต้านเพิ่มขึ้นถึงจุดหนึ่งความเร็วของพวกเขาจึงชะลอตัวลง

หลังเวลาผ่านไปพักใหญ่แรงต่อต้านยิ่งรุนแรงขึ้น หวังหลินสูดหายใจลึกและปกคลุมร่างกายด้วยพลังปราณเพื่อต้านทานมัน

หวังหลินลอบคำนวณว่าพวกเขาลงมาเกินหมื่นเมตรแล้วทั้งยังไม่เห็นจุดสิ้นสุด เมื่อหวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณลงไป เกิดพลังลึกลับสายหนึ่งป้องกันไม่ให้เขามองเห็นได้มากกว่าพันเมตรเบื้องล่าง

หวังหลินชำเลืองมองผีเสื้อแดง ร่างของนางกำลังปลดปล่อยแสงสีฟ้าและใบหน้าไร้อารมณ์ใดๆ ส่วนฉีหูมีสัญลักษณ์รูปขวานบนหน้าผากกำลังกระพริบถี่รัว ทุกครั้งที่มันกระพริบ พลังล้อมรอบเขาลดลงเล็กน้อยจนดูลึกลับมาก

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆจนไม่รู้เวลา ฉีหูซึ่งอยู่เบื้องหน้าร้องตะโกนอย่างมีความสุข “เราถึงแล้ว!”

หวังหลินตบกระเป๋าและธงกฎเกณฑ์ลอยออกมาเพื่อต่อต้านพลังกดดัน เขาพุ่งไปข้างหน้าและทั้งสามคนออกจากถ้ำพร้อมกัน

จังหวะที่พุ่งออกมา แสงสว่างจ้าต่อหวังหลิน เขารีบใช้ธงกฎเกณฑ์ล้อมรอบตัวเองไว้ป้องกันและสังเกตการณ์รอบๆด้วยสัมผัสวิญญาณ ทว่าใบหน้าหวังหลินเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ

สถานที่แห่งนี้ไม่กว้างมากนัก มันกว้างแค่พันฟุตเท่านั้น

ที่จุดกลางสถานที่แห่งนี้มีสระน้ำอยู่จริงๆ

ทว่า…

ไม่มีโลงศพหยกเหนือผิวน้ำ ไม่ต้องเอ่ยถึงกระบี่สวรรค์สามเล่มเหนือโลงศพหยกเลย

ส่วนสมุนไพรวิญญาณ ไม่มีร่องรอยพวกมันสักต้น

นอกจากไม่มีสมบัติแล้ว สถาที่แห่งนี้เหมือนกับที่แสดงในหินหยกไม่มีผิดเพี้ยน

ฉีหูจ้องฉากเบื้องหน้าอย่างตกตะลึงจนพูดไม่ออก สมองขาวโพลนอย่างสิ้นเชิง เขาใช้ความพยายามทั้งหมดนี้กระทั่งเข็มทิศได้กลายเป็นขยะเพื่อให้มาถึงที่นี่ แต่ไม่เคยคิดว่า…

ผีเสื้อแดงเยาะเย้ย นางเอ่ยขึ้นแฝงความโกรธเกรี้ยว “ฉีหู ที่นี่คือสถานที่ที่เจ้าพูดถึงหรือ? สถานที่ที่ข้าสูญเสียเกสรดอกไม้ไปเพื่อเข้ามางั้นหรือ? หากวันนี้เจ้าไม่มีคำอธิบายที่เหมาะสม ข้าจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไป!”

หวังหลินมองรอบๆด้วยใบหน้าประหลาดใจและช่วยไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น เขาไม่ได้โกรธเหมือนผีเสื้อแดง นอกจากนั้นเขาไม่ได้สูญเสียอะไรในการเดินทางครั้งนี้และกระทั่งพบหินม่วงทองคำด้วย หากนับเรื่องนี้เขายังได้กำไร

เมื่อคิดเช่นนี้หวังหลินเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและเริ่มค้นหาทั่วบริเวณอย่างละเอียด

แววตาผีเสื้อแดงเต็มไปด้วยความโกรธ นางเริ่มค้นหาเช่นกันเพื่อหวังว่าจะหาสมบัติเจอบ้างสักชิ้น

ฉีหูจ้องฉากเบื้องหน้าอย่างตกตะลึงและพึมพำกับตัวเอง “เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร…เป็นไปไม่ได้…หรือจะมีคนอื่นพบสถานที่แห่งนี้หลังฉีซื่อเข้ามาและนำสมบัติทั้งหมดไปน่ะหรือ? ใช่แล้ว มันต้องเป็นแบบนั้น!”

เขาส่ายศีรษะ หันไปทางหวังหลินและผีเสื้อแดง คำนับฝ่ามือและเอ่ยขึ้น “เจ้าทั้งสองคน ครั้งนี้เป็นเพราะข้าวู่วามจริงๆ ข้าไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นเช่นนี้…”

ผีเสื้อแดงหมดความอดทน นางจ้องฉีหูพร้อมกับเอ่ยทีละคำ “แค่เจ้าพูดว่าวู่วามแล้วจะฟื้นเกสรของข้ากลับมาได้หรือ? ฉีหู ข้าคิดว่าเจ้ารู้ว่าที่นี่เป็นแบบนี้อยู่แล้วและมีเป้าหมายเพื่อยืมพลังของข้าเท่านั้น เจ้าต้องมีจุดประสงค์อื่น หากเจ้าไม่อธิบายให้ชัดเจนเช่นนั้นก็อย่าดุด่าว่าข้าไม่สนใจความสัมพันธ์ของสำนักพวกเรา”

หวังหลินค้นทุกแห่งแต่ไม่พบอะไรอื่น ในท้ายสุดสายตาเขาจรดลงบนสระน้ำ เมื่อสังเกตใกล้ๆแล้วสระน้ำลึกมากและเขามองไม่เห็นก้นบึ้ง

หลังฉีหูได้ยินคำพูดของผีเสื้อแดง ใบหน้าเขาเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันทีเขาควบคุมอารมณ์ของตนเองและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผีเสื้อแดง เมื่อเรากลับไปซูซาคุ ข้าจะให้ทำอธิบายที่ถูกต้องกับเจ้า ทว่าที่เจ้าพูดว่าข้ามีจุดประสงค์อื่นนับว่าผิดโดยสิ้นเชิง ข้าเป็นปรมาจารย์น้อยของสำนักมารยักษ์ แม้ว่าข้าจะไม่สามารถเทียบกับเจ้าได้แต่ข้าไม่ผิดคำพูดตนเอง”

ผีเสื้อแดงเยาะเย้ยและกำลังจะเอ่ยขึ้นแต่หวังหลินโพล่งขึ้นมา “ฉีหู ท่านพูดว่าสถานที่แห่งนี้มีชั้นที่สามหรือ?”

ฉีหูตกตะลึงและแววตาสว่าง “ถูกต้องแล้วน้องเซิ่งหนิว ท่านบรรพชนฉีซื่อครั้งหนึ่งได้พูดว่าอาจจะมีชั้นที่สาม”

ผีเสื้อแดงเยาะเย้ยเขา “ฉีซื่อ? ฉีซื่อของเจ้าก็พูดว่ามีสมบัติในชั้นนี้เหมือนกัน”

ฉีหูมองผีเสื้อแดงอย่างบึ้งตึง ผ่านไปพักใหญ่เขาสูดหายใจลึกเดินเข้าหาหวังหลินและมองที่สระน้ำ

หวังหลินพูดขึ้น “หากมีชั้นที่สาม ที่นี่ควรจะเป็นทางเข้าของมัน”

ผีเสื้อแดงพ่นลมหายใจเบาๆ นางเคลื่อนร่างไปถัดจากสระน้ำและมองเข้าไปข้างใน

ขณะนี้เองมีคนหนึ่งลอยลงมาจากอุโมงค์ด้านบน เพียงหนึ่งก้าวก็เกิดเป็นภาพเบลอมาถึงอากาศด้านบนสระน้ำเบื้องหน้าพวกเขา

พลังรุนแรงล้อมรอบพวกเขา ใบหน้าฉีหูเปลี่ยนเป็นสีขาวทันทีและกระอักโลหิตออกมา จากนั้นร่างกายถูกโยนกลับหลัง

ส่วนผีเสื้อแดงนางกรีดร้องขณะถอยกลับหลังด้วยแววตาตกใจ

หวังหลินป้องกันตัวอยู่แล้วเมื่อสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังติดตามพวกเขาอยู่ ขณะที่คนอื่นปรากฎจึงถอยกลับอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขายังได้รับผลกระทบจากแรงกดดันแต่หวังหลินไม่ได้บาดเจ็บ เพียงใบหน้าเปลี่ยนเป็นแดงเถือกและถูกดันกลับไปหลายเมตร

“เอ๊ะ?” ชายคนนั้นมองหวังหลินและดื่มน้ำเต้าไปอีกใหญ่

ฉีหูร้องตะโกน “สำนักเบญจธาตุ โจวยี่!”

ชายวัยกลางคนยิ้มและเอ่ยถาม “เด็กน้อยจากสำนักมารยักษ์ เจ้ารู้จักข้าหรือ?”

หลังผีเสื้อแดงได้ยินชื่อ ‘โจวยี่’ ใบหน้านางเปลี่ยนไปทันทีขณะซ่อนใบหน้ารังเกียจของตัวเองไว้

ฉีหูรีบตอบกลับ “ผู้น้อยฉีหูจากสำนักมารยักษ์ขอคำนับผู้อาวุโส ผู้น้อยรู้จักชื่ออาวุโสตั้งแต่ยังเด็กแล้ว” ฉีหูเป็นปรมาจารย์หนุ่มของสำนักมารยักษ์ดังนั้นจึงถูกตระกูลตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่เด็กแล้ว เขาเห็นภาพเสมือนทั้งหมดของเซียนขั้นแปลงวิญญาณและสูงขึ้นไป เมื่อเขาเห็นน้ำเต้าสีแดงจึงจดจำได้ว่าเป็นใคร

โจวยี่คนนี้มีงานอดิเรกที่ประหลาดนัก หลังงานอดิเรกของเขาได้รับการยืนยันแล้วฉีหูจึงจำเขาได้อย่างดีทีเดียว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version