Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 322

Cover Renegade Immortal 1

322. อนาคตศิษย์พี่ใหญ่

ที่ไหนสักแห่งในมิติว่าง ชายชรายืนอยู่บนยอดกิเลนได้ยินเสียงเพลงกระบี่เช่นกันจากนั้นกลุ่มกระบี่เข้าใกล้เขาจากข้างหลัง

กระบี่ทั้งหมดพวกนี้คือกระบี่สวรรค์ หากเขาได้พวกมันมาและแบ่งให้กับศิษย์ของตนคนละเล่ม เช่นนั้นจะทำให้สำนักต้าโหลวกลายเป็นสำนักอันดับหนึ่งบนดาวเทียนหยุน ซึ่งจะทำให้เขาสูงกว่าเทียนหยุนจื่อ

หลังต่อสู้ดิ้นรนสักพัก เขาถอนหายใจพลันตัดสินใจไม่ขัดขวางเหล่ากระบี่สวรรค์และเดินตัวออกห่าง

เหล่ากระบี่สวรรค์ทั้งหมดนี้กำลังบินไปสักการะวิญญาณกระบี่ ถ้าจะหยุดพวกมันเขาอาจจะถูกกระบี่สวรรค์ใกล้เคียงโจมตีไปด้วย แม้เขาจะแข็งแกร่งพอหนีรอดการโจมตีจากกระบี่ทั้งหมดนี้ เขาคงถูกบังคับให้หนีกลับดาวเคราะห์เทียนหยุนไปเมื่อพวกมันตัดสินใจไล่ล่าเขา

ซึ่งทำให้เขาสูญเสียโอกาสในการได้รับกระบี่พิรุณสวรรค์โดยสิ้นเชิง

หลังเหล่ากระบี่สวรรค์ผ่านไป ชายชราติดตามเบื้องหลังพวกมันอย่างรวดเร็ว

ปกติแล้วมิติว่างเป็นสถานที่อันตรายมาก แต่ด้วยคลื่นกระบี่บินผ่านมิติว่างไปเหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างหลบเลี่ยงพวกมัน ทำให้มิติว่างเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยมาก ตราบใดที่พวกเขาติดตามเหล่ากระบี่สวรรค์ไปโอกาสที่จะเจออันตรายจะไม่สูงนักเว้นแต่ว่าจะโชคร้ายมาก

ดังนั้นเหล่าเซียนจำนวนมากจึงเดิมทีระมัดระวังตัวทว่าเมื่อติดตามกระบี่เข้าไปในมิติว่างจึงผ่อนคลายและติดตามใกล้ชิดพวกมันมากขึ้น

นอกจากสิ่งมีชีวิตประหลาดที่อาศัยอยู่ที่นี่แล้วยังมีอันตรายอีกอย่างหนึ่งคือการหาทาง ทว่าเมื่อมีเหล่ากระบี่นำทางไปจึงไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพียงแค่ติดตามกระบี่ไปก็พอ

ทว่าความเร็วของกระบี่ถือว่ารวดเร็วยิ่งดังนั้นจึงไม่ใช่ทุกคนที่สามารถติดตามได้ ดังนั้นเหล่าเซียนในมิติว่างจึงถูกกระจายออกมาตามความสามารถของพวกเขา

เซียนบางคนมีภูมิความรู้เพียงพอเมื่อเห็นกระบี่สวรรค์ในครั้งแรกจึงโลภมากและพยายามนำมาให้ได้สักเล่มหรือสองเล่ม ทว่าไม่มีใครรอดเพื่อเล่าเรื่องราวเหล่านี้

ทว่าแม้จะมีคนตาย แต่ยังมีผู้คนที่ไม่เชื่อมันและพยายามลองดีกับพลังของเหล่ากระบี่

ตอนนี้มีเซียนแปดคนกระจายตัวอยู่ในมิติว่าง แต่ละคนกระตุ้นวิชาของตัวเอง มองไกลๆพวกเขาจะเห็นกลุ่มกระบี่สวรรค์กำลังบินเข้ามาทางพวกเขา

ในเหล่าเซียนพวกนี้มีไม่กี่คนที่มีวิชาอันทรงพลัง ทว่าเมื่อเหล่ากระบี่สวรรค์มาถึงจึงเกิดเสียงปังห้าครั้งและห้าคนถูกกระบี่แทงตัดขั้วหัวใจตายในทันที เซียนที่เหลือสามารถยื้อกระบี่ได้สามเล่มให้ตกไปเบื้องหลัง

หน้าผากคนเหล่านั้นปกคลุมไปด้วยเหงื่อเย็นเฉียบขณะที่กระบี่สวรรค์สามเล่มซึ่งถูกขังไว้ได้ปลดปล่อยพลังปราณกระบี่ทรงพลังและต่อสู้ราวกับบ้าคลั่ง

ชายชราผู้หนึ่งใบหน้าซีดเผือดเอ่ยขึ้น “จับมันไว้ให้มั่น! จากการคำนวณของข้า ตราบใดที่เราสามารถถือพวกมันไว้ได้นานพอ พวกมันจะเป็นของเรา!”

คนอื่นๆลอบบ่นในใจแต่พวกเขาต่างเผยใบหน้าตื่นเต้น

ขณะนั้นเองกระบี่สวรรค์อีกกลุ่มได้บินมาถึง แต่พวกมันไม่ได้เข้าใกล้พวกเขา เซียนทั้งสามคนเพียงแค่มองและไม่ให้ความสนใจใดๆ

ทว่ากระบี่สวรรค์สามเล่มกลับปลดปล่อยเพลงกระบี่อันทรงพลัง กลุ่มกระบี่สวรรค์ที่พึ่งผ่านไปพลันหยุดกึก หันกลับมาและมุ่งหน้าเข้าหาพวกเขา

ทันใดนั้นใบหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไปทันทีและชายชราละทิ้งกระบี่ไว้เลยและวิ่งหนี กฎเกณฑ์ที่ไม่เสถียรพลันแตกสลายเรียบร้อย

ขณะที่เหล่ากระบี่ผ่านไป เลือดเนื้อต่างลอยล่องทุกแห่งหน

หลังจากที่เหล่ากระบี่จากไปได้ไม่นานนัก เหล่าเซียนที่เหลืออยู่รวมถึงชายชราที่หนีไปก่อน ทั้งหมดสิ้นชีพ

แสงสลัวหนึ่งกระพริบผ่าน กระเป๋าสองใบที่ไม่ได้ถูกกระบี่ทำลายไปพลันหายวับ

ในระยะห่างหนึ่ง แสงสลัวได้เปลี่ยนไปเป็นเข็มทิศดวงดาวพร้อมกับฉีหูที่ถือกระเป๋าสองใบไว้ เขาวางมันลงด้านข้างและเอ่ยขึ้น “น้องเซิ่ง นี่คือกระเป๋าชิ้นที่สามสิบเจ็ด การเก็บเกี่ยวระหว่างทางของเราดีเยี่ยมทีเดียว”

หวังหลินยิ้ม ระหว่างทางทั้งสองเห็นผู้คนมากมายต่างพยายามหยุดกระบี่แต่ไม่มีใครกลับทำได้สำเร็จ กระเป๋าบางชิ้นถูกกระบี่ทำลายไปแต่ที่ยังเหลืออยู่สมบูรณ์ได้ตกอยู่ในมือพวกเขา

ความเร็วของเข็มทิศดวงดาวถือว่าเร็วยิ่งและไม่มีปัญหาใดๆในการติดตามกระบี่สวรรค์ หลังจากหวังหลินรับรู้ความผิดปกติได้เขาจึงไม่ปล่อยผ่านไป ใช้ความเร็วของพวกเขาเองจึงยังสามารถมุ่งหน้าไปพร้อมกับเก็บสมบัติระหว่างทางไปด้วย ทำให้ฉีหูตื่นเต้นยิ่งนัก

หวังหลินควบคุมเข็มทิศขณะที่ฉีหูเก็บกระเป๋า กล่าวได้ว่าการทำงานสามัคคีของพวกเขาลื่นไหลมาก

นอกเหนือจากนี้มีเซียนบางส่วนสังเกตเข็มทิศดวงดาวได้และพยายามผนึกพวกเขา แต่ทุกคนที่ลองดีได้เสียชีวิตลงด้วยน้ำมือของหวังหลินและฉีหู

พวกเขาเปลี่ยนกลับเป็นแสงสลัวพลันไล่ให้ทันกลุ่มกระบี่สวรรค์เบื้องหน้าและติดตามไปห่างๆ

ขณะนั้นมีชายวัยกลางคนใบหน้ามืดมนยืนอยู่บนจานแห่งหนึ่งขณะไล่ตามหลังเหล่ากระบี่สวรรค์ไปด้วย เขาติดตามอย่างใกล้ชิดราวกับก้อนเมฆเพื่อไม่ให้สูญเสียระยะ ทันใดนั้นเขาเห็นหวังหลินและฉีหูอยู่ไกลๆและสังเกตเข็มทิศดวงดาวที่อยู่ใต้พวกเขาได้ แววตาพลันสว่างขึ้นหลังจากมองเพียงครั้งเดียว แผ่นจานหายไปพร้อมกับกระโดดเข้าหาหวังหลินและฉีหู

“เหล่าสหายเซียน ท่านที่ว่างให้ข้าไหม?” แม้ว่าเขาจะพูดอย่างสุภาพแต่การเคลื่อนไหวดุดันยิ่ง

แววตาฉีหูสว่างขึ้นและกระซิบ ‘ตัดวิญญาณระดับกลาง!’

หวังหลินยังสงบนิ่งและเอ่ยขึ้น “พี่ฉีหูตัดสินใจได้เลยว่าเราจะหนีหรือสู้” หวังหลินไม่ได้ใช้เข็มทิศให้เร็วเต็มที่ หากเขาใช้ความเร็วเต็มที่ก็สามารถสลัดขั้นตัดวิญญาณระดับปลายได้ง่ายดาย

ฉีหูหัวเราะและยืนขึ้นชกกำปั้น “น้องเซิ่งกล้าสู้กับผีเสื้อแดงทั้งที่อยู่ระดับต้น ข้าฉีหูขั้นตัดวิญญาณระดับกลางก็ต้องการสู้กับระดับปลายเช่นกัน หลังข้าสู้เสร็จเราค่อยหนี!” เขาก้าวออกจากเข็มทิศและร้องตะโกน “หากท่านต้องการนั่งเข็มทิศเช่นนั้นจงให้ข้าดูว่าท่านแข็งแกร่งแค่ไหน!”

ชายชราวัยกลางคนยังมีใบหน้ามืดมนพลันเผยแววตาดูถูก ไม่เพียงแต่เขาไม่หยุดชะงักแต่กลับรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม “เป็นคนจากสำนักมารยักษ์นี่เอง ไปซะ!”

เขาชี้นิ้วอย่างลวกๆ

ซี่…!

ควันสีเทาเปลี่ยนเป็นกระบี่พุ่งเข้าหาฉีหู ขณะที่ควันสีเทาปรากฎพลันมีเจตนาสังหารเต็มอากาศ

“เขตแดนสังหาร?” เพียงมองครั้งเดียวหวังหลินก็จดจำเขตแดนที่เขากำลังใช้ หวังหลินไม่เห็นว่าเจตนาหังหารนี้จะแข็งแกร่งรุนแรงเท่ากับร่างดั้งเดิมของเขา

“เขตแดนสังหาร!” ฉีหูร้องคำรามขณะกำหมัดและชกหน้าอกตัวเอง แรงกระตุ้นแห่งความภูมิใจเริ่มเปล่งออกมาจากร่างกายและเริ่มปะทุ ร่างกายเขาขยายออกหลายเท่าตัวจนกลายเป็นยักษ์สูงหลายสิบฟุต ขวานบนหน้าผากกระพริบถี่รัว

ขวานนี้เป็นสมบัติชิ้นสำคัญมากในสำนัก มันแตกต่างกับเข็มทิศดวงดาวอย่างมากซึ่งไม่ได้มีวิธีการใช้ที่หลากหลาย มันไม่ได้เป็นรูปร่างแม้จะคิดว่ามันแตกสลายไปตอนที่โจวยี่ใช้ต่อสู้กับผีเสื้อแดงแต่มันสามารถก่อรูปขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง ทว่าทุกครั้งที่มันแตกสลายไปจะอ่อนแอลงเล็กน้อย

เมื่อขวานปรากฎฉีหูคว้าเอาไว้ราวกับเทพมารและสับลงมาบนควันสีเทา

ปัง!

ควันสีเทาแตกสลายและควานในมือฉีหูสั่นเทาจนก้าวถอยหลังไปหลายก้าว พลังที่ใส่ลงไปในการสับลงมาครั้งนั้นทำให้เส้นโลหิตบนแขนปูดพอง เขาหัวเราะและเอ่ยขึ้น “สนุกจริง! อีกครั้ง!”

ชายวัยกลางคนหยุดลง เขาเยาะเย้ยพลางตบกระเป๋าและก้อนหินทองลอยออกมา เขาชี้มันและเปลี่ยนเป็นของเหลวพลันบิดเบี้ยวจนเป็นทรงเพชรก่อนจะโยนออกไปและร้องตะโกน “ลองสัมผัสมันสิ!”

จังหวะที่เห็นก้อนหินทอง หัวใจเขาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น แรงกระตุ้นสังหารเกิดความวุ่นวายทำให้จิตใจเริ่มตื่นตะลึง

แววตาหวังหลินจ้องไปยังก้อนหินทองและเอ่ยขึ้น “ฉีหู ไปเถอะ!”

ฉีหูหัวเราะ เขาหันกลับมาและเดินเข้าไปในเข็มทิศ “ข้าไม่สามารถชนะเจ้าได้ งั้นข้าไม่ขอเล่นอีกต่อไปแล้วกัน!”

ชายวัยกลางคนเยาะเย้ยขณะชี้อีกครั้งทำให้ก้อนหินทองรูปทรงเพชรลอยเข้าหาเข็มทิศดวงดาวเร็วยิ่งนัก

หวังหลินควบคุมเข็มทิศดวงดาวเพื่อบินห่างไปให้เร็ว แม้ว่าก้อนหินทองนั้นจะเร็วมากแต่มันไม่ได้เร็วไปกว่าเข็มทิศนัก

ชายวัยกลางคนใบหน้าเปลี่ยนไปทันทีพลางจับก้อนหินทองและไล่ล่าตามหลังพวกเขา

หลังเวลาผ่านไปพักใหญ่แววตาชายกลางคนส่องสว่างขึ้น เขาหยุดลงและจ้องตำแหน่งที่เข็มทิศดวงดาวหายไปและพ่นลมหายใจออกมา

“ท่านอาจารย์ได้คำนวณไว้ว่ากระบี่พิรุณสวรรค์จะตื่นขึ้นและพวกสำนักกระบี่ต้าโหลวจะลองหาทางได้มันมา ท่านบอกให้ข้าหยุดพวกมันเพื่อป้องกันสมดุลแห่งอำนาจบนเทียนหยุนที่กำลังพังทลาย แย่ไปหน่อยที่ข้าต้องการเล่นกับเจ้าเด็กสองคนนั้นอีกสักนิด ฮึ่ม แม้สำนักกระบี่ต้าโหลวจะมีระดับเดียวกันกับสำนักเทียนหยุนของข้า ตราบใดที่อาจารย์เคลื่อนไหวก็ไม่จำเป็นต้องกังวล!”

คนผู้นี้มองออกไปไกลอย่างเยือกเย็นและจากไป

“หนุ่มน้อยที่นั่งอยู่กลางเข็มทิศดูเหมือนจะจดจำโลหะได้ ดูเหมือนว่าเขาพอจะมีภูมิความรู้อยู่บ้าง”

ฉีหูนั่งอยู่ในท่านั่งดอกบัวบนเข็มทิศและเอ่ยถาม “น้องเซิ่ง ก้อนหินทองทรงเพชรชิ้นนั้นคือสิ่งใด? ทำไมเจ้าไม่ต้องการให้ข้าต่อสู้? แม้เขาจะเป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับปลาย สำนักมารยักษ์ของข้าเป็นสิ่งพิเศษ แม้ข้าจะไม่สามารถเอาชนะเขาได้ข้าก็ไม่กลัวเกรง!”

หวังหลินเอ่ยขึ้นพลางควบคุมเข็มทิศดวงดาวไปด้วย “เมื่อคนผู้หนึ่งสังหารมามากมายมันจะเปลี่ยนเป็นรัศมีจิตสังหารอันดุร้ายจากนั้นเมื่อสังหารมากยิ่งขึ้นมันจะควบแน่นเป็นของเหลว และจากนั้นเมื่อมันหนาแน่นขึ้นจะกลายเป็นผลึก นั่นคือผลึกโลหิตจิตสังหาร มันจะทำอันตรายต่อวิญญาณดั้งเดิมของท่านเมื่อท่านสัมผัสมัน เว้นแต่ว่าท่านจะฝึกฝนเขตแดนสังหารเช่นกัน!”

ฉีหูเริ่มขบคิด เขารำลึกถึงความรู้สึกตอนที่ก้อนหินนั้นปรากฎและพยักหน้า

หวังหลินลอบคิด ‘ระดับฝึกฝนของชายวัยกลางคนผู้นั้นแข็งแกร่งกว่าผีเสื้อแดงเล็กน้อยโดยเฉพาะเขตแดนสังหารของเขา แม้กระทั่งผีเสื้อแดงยังต้องใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นอีกเพื่อป้องกันมัน ข้าไม่รู้ว่าหากเป็นร่างดั้งเดิมของข้าจะสามารถรับการโจมตีนั้นได้หรือไม่ ข้าเพียงสงสัยว่าร่างเดิมจะต้องใช้พลังปราณมากเท่าไหร่กันถึงจะเกิดการปรับโครงสร้างร่างกายครั้งที่สาม หลังข้ากลับไปที่ซูซาคุ ระดับฝึกฝนของร่างเดิ่มจะเพิ่มขึ้นมากแค่ไหนด้วยหยกสวรรค์เหล่านี้’

เข็มทิศดวงดาวนั้นเร็วมากมันหมุนเป็นวงกลมและติดตามเหล่ากระบี่สวรรค์อีกครั้ง ชิ้นส่วนดินแดนสวรรค์แห่งนั้นเข้าสู่ระยะสายตา

พวกเขาเห็นพลังปราณกระบี่อันไร้ที่สิ้นสุดได้เรืองรองจากชิ้นส่วนแห่งนั้น แสงนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับถูกแทงเข้าใส่ก่อนที่จะเข้าไปใกล้ๆได้

กระบี่สวรรค์นับไม่ถ้วนมาถึงที่แห่งนี้ ที่นี่คือตำแหน่งที่วิญญาณกระบี่สวรรค์พิรุณคงอยู่!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version