Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 327

Cover Renegade Immortal 1

327. กลับ

เกลียวสายฟ้านับไม่ถ้วนอุบัติขึ้นจากวังวนราวกับอสรพิษสีเงินพุ่งออกมาทุกทิศทุกทาง

“ไม่เลว!” ท่าทางชายชราเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาคว้าร่างศิษย์ของตนและถอยร่นในทันที เวลาเดียวกันอีกฝ่ามือหนึ่งสร้างผนึกและกระจกหกเหลี่ยมปรากฎเบื้องหน้าจากนั้นเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว

เสียงรอยร้าวดังขึ้น รอยแตกนับไม่ถ้วนเต็มไปทั่วกระจกและมันแตกสลายในทันที

ชายชราไม่มีเวลาพอให้รู้สึกเสียใจต่อการสูญเสีย เขาใช้แรงระเบิดจากกระจกที่กำลังแตกให้ถอยร่นมากขึ้น ทว่าสายฟ้าดุดันพุ่งเข้าหาพวกเขา

แววตาชายชราเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขากัดริมฝีปากและผลักหญิงสาวให้ห่างออกไป “หนีไป! อาจารย์จะป้องกันให้เจ้าเอง ไป!”

“อาจารย์!” ดวงตาหญิงสาวแดงระเรื่อและนางกำลังจะพูดบางอย่าง

ทว่าขณะนั้นเองสายฟ้าที่กำลังพุ่งเข้าพวกเขาพลันหยุดกึกและหดกลับเป็นก้อนทรงกลม ในเวลาเดียวกันก้อนทรงกลมสายฟ้าได้กระพริบแสงสว่างและชายหนุ่มสวมชุดขาวเดินออกมาจากแสงแห่งนั้น

ชายชราและลูกศิษย์ต่างจ้องฉากเหตุการณ์นี้อย่างตกตะลึง พวกเขาไม่สามารถเอ่ยเป็นคำพูดออกมาได้เป็นเวลานาน

ชายหนุ่มท่าทีสงบนิ่งเดินออกมาจากทรงกลมสายฟ้า เขาสูดหายใจลึกและมองไปรอบๆจนจบที่ชายชราและลูกศิษย์ของเขา

ชายหนุ่มชุดขาวคนนี้คือหวังหลิน!

“ดาวเคราะห์ซูซาคุ ข้ากลับมาแล้ว!” หวังหลินพึมพำกับตัวเอง จากนั้นหันหน้าเข้าหาชายชราและสตรีสาวราวกับพวกเขาอยู่ที่นี่เพื่อต้อนรับเขา หวังหลินยิ้มบางและถามขึ้น “สหายเซียน มีเรื่องใหญ่อันใดที่เกิดขึ้นในซูซาคุเมื่อเร็วๆนี้งั้นหรือ?”

หวังหลินคำนวณได้ว่าเมื่อผีเสื้อแดงที่สูญเสียแขนได้กลับสู่ซูซาคุ มันคงทำให้เกิดความไม่สงบอยู่บ้าง

ชายชรายืนอยู่เบื้องหน้าหญิงสาว เขาระมัดระวังและพูดอย่างเคารพ “ผู้อาวุโส มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในซูซาคุเมื่อไม่นานมานี้ ข้าสงสัยว่าสิ่งใดที่ผู้อาวุโสกล่าวถึง?”

หวังหลินยิ้มบาง “บอกข้าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น”

ก่อนที่ชายชราจะได้ทันเอ่ย หญิงสาวเบื้องหลังเขาพูดขึ้นทันที “เรื่องใหญ่ที่สุดแน่นอนว่าต้องเป็นคนที่ชื่อเซิ่งหนิว”

“เซิ่งหนิว?” หวังหลินตกตะลึง เขาลูบจมูกตนเองและเข้าใจความหมายของมันได้ทันที

หญิงสาวเมินสายตาของอาจารย์และพูดทันที “ถูกต้อง เรื่องใหญ่ที่สุดในซูซาคุตอนนี้ก็คือเซิ่งหนิว ผีเสื้อแดงสูญเสียแขนหนึ่งข้างก็เพราะเขา!”

หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบางๆ เขาคาดการณ์เรื่องนี้ไว้แล้วดังนั้นจึงไม่ตกใจเมื่อได้ยินแบบนี้ แต่กลับถามขึ้นแทน “เซิ่งหนิวคนนี้หน้าตาเช่นไร? เขาเป็นที่ต้องการตัวของซูซาคุหรือไม่?”

หญิงสาวกำลังจะเอ่ยทว่าถูกอาจารย์หยุดไว้เสียก่อน ชายชรามองหวังหลินอย่างละเอียดและเอ่ยขึ้น “ผู้อาวุโส ซูซาคุไม่ได้ส่งคำสั่งใดให้ตามจับเซิ่งหนิว”

หวังหลินหัวเราะ เขามองผ่านชายชราและเข้าหาหญิงสาวจากนั้นนำขวดเม็ดยาจากกระเป๋าออกมาโยนไปเบื้องหน้าและยิ้มแย้ม “สาวน้อยผู้ซื่อสัตย์และฉลาด ไม่เลวนัก เจ้าเก่งกว่าอาจารย์ของเจ้าเสียอีก เม็ดยาขวดนี้จะช่วยให้เจ้าบรรลุขั้นแกนลมปราณได้ นี่คือของขวัญของข้า” สิ้นคำหวังหลินหายตัวไป

วังวนสายฟ้าค่อยๆหายไปพร้อมกับการหายตัวของหวังหลิน และฝนฟ้าก็ตกลงอย่างต่อเนื่อง

ชายชราสูดหายใจลึก แม้กระทั่งตอนนี้จิตใจเขายังไม่มั่นคง แม้ว่าผู้อาวุโสคนนั้นจะยิ้มแย้มตลอดเวลา เขารู้สึกราวกับอยู่เบื้องหน้าเทพตนหนค่ง เพียงแค่ชายหนุ่มคนนั้นยกฝ่ามือขึ้นเขาก็คงตายแล้ว

หญิงสาวกำเม็ดยาในมือและถามอย่างซุกซน “อาจารย์ นี่คือเม็ดยาอันใดกัน?”

ชายชรานำขวดมาและมองเข้าไปข้างใน จากนั้นใบหน้าพลันเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นเม็ดยาพวกนั้น เขาเทมันออกมาหนึ่งเม็ดและดมกลิ่น ร่างกายสั่นเทา เขาเก็บเม็ดยากลับเข้าไปในขวดและเก็บขวดเข้าไปในกระเป๋าของตนเองอย่างรวดเร็วพลางลากหญิงสาวออกจากที่นี่ทันที

หญิงสาวรู้สึกผิดหวัง เมื่อพวกเขาออกห่างมาได้ไกลมากกว่าสิบลี้ในที่สุดนางก็ทนไม่ได้และถามขึ้นอีกครั้ง

ชายชราสูดหายใจลึก แววตาเขาเป็นประกายตื่นเต้น “เจ้าลูกศิษย์ เว้นแต่ว่าเขาจะนำเม็ดยาออกมาผิด เช่นนั้นเขาต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งมากแน่ เม็ดยานี้เรียกว่าเม็ดยากระจายพื้นฐาน มันเป็นเม็ดยาที่ทรงพลังมากสำหรับเซียนขั้นแกนลมปราณ มีทั้งหมดสามเม็ดในขวด แค่สามเม็ดก็เพียงพอให้เป็นเหตุเกิดภัยพิบัติในแคว้นแอ่งวารีของเราได้แล้ว”

หญิงสาวตกตะลึง

ทั้งสองคนไม่รู้ว่าเม็ดยากระจายพื้นฐานส่วนใหญ่พวกนี้ได้ถูกอสูรยุงของหวังหลินกลืนไปเกือบหมดแล้ว

หวังหลินในตอนนี้เดินทางเข้าหาแคว้นซูที่อยู่ใกล้กับทะเลปิศาจ เขาไปแก้แค้นมาแล้วและจากนั้นก็ไปดินแดนสวรรค์ ครานี้ถึงเวลาที่เขาจะกลับบ้าน

หวังหลินลอบคิดขึ้น ‘หากไม่ใช่ว่าหม้อหวนคืนเกิดปัญหาเล็กน้อยข้าคงกลับมาได้สักพักแล้ว ไม่คิดว่าจะถูกส่งไปดาวเคราะห์เดียวดายเช่นนั้น’

หวังหลินควรจะกลับมาเมื่อไม่กี่วันก่อนแต่ระหว่างการเคลื่อนย้ายกลับได้เกิดปัญหาการบางประการซึ่งเปลี่ยนแปลงตำแหน่งที่หวังหลินจะเคลื่อนย้ายไป สุดท้ายเขาถูกส่งตัวไปที่ดาวเคราะห์ไร้สัญญาณชีวิตใดๆ

ดาวเคราะห์แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากซูซาคุ ตอนนี้เป็นเวลามืดค่ำดังนั้นเมื่อหวังหลินเงยศีรษะขึ้นเขาจึงเห็นดาวเคราะห์ดวงนั้น

“ดวงจันทร์ดวงนี้ก็อยู่ในดาวเคราะห์นั้นเช่นกันแต่เล็กกว่า” หวังหลินเหาะเหินผ่านท้องฟ้าอย่างรวดเร็วทิ้งไว้แต่เพียงปลายแสง

ดวงตาหวังหลินสว่างวาบขณะคิดขึ้นทันที “มันเป็นความอัปยศที่ข้าอยู่บนดวงจันทร์ชั่วครู่หนึ่งก่อนที่จะเริ่มการเคลื่อนย้ายอีกครั้ง แม้ว่าจะไม่มีพลังปราณอยู่ที่นั่นแต่ข้าสัมผัสพลังงานลึกลับใต้ผืนดินได้ เมื่อระดับฝึกฝนของข้าแข็งแกร่งเพียงพอ ข้าจำต้องไปตรวจสอบมันอีกครั้ง”

ระหว่างทางหวังหลินไม่ได้หยุดพักใดๆเลย ทว่าแคว้นซูนับว่าไกลโดยแท้ดังนั้นเขาต้องใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณไม่กี่แห่งเพื่อเข้าไปใกล้ๆ

สำหรับเข็มทิศดวงดาวนั้นหวังหลินพบว่ามันสามารถใช้ได้เฉพาะตอนที่อยู่ในมิติว่างหรือท่ามกลางดวงดาวเท่านั้น เขาพบว่าไม่สามารถใช้มันเพื่อเปิดในซูซาคุได้

“เข็มทิศดวงดาวขาดหายไปมุมหนึ่งและยังขาดวัตถุดิบ ข้าสงสัยว่าหากข้าสามารถใช้มันได้ในซูซาคุ ข้าคงสามารถหนีจากเหล่าเซียนขั้นแปลงวิญญาณได้”

“อีกทั้งทำไมซูซาคุยังไม่ติดประกาศค่าหัวของข้ากัน?” ขณะที่หวังหลินเหาะเหินไปเขานำหมวกฟางออกมาใส่

“มีกฎเกณฑ์และค่ายกลหลายอย่างในหมวกฟางนี้ที่ข้าไม่สามารถกระตุ้นมันได้ ครั้งนี้เมื่อข้ากลับไปที่แคว้นซู ข้าต้องใช้เวลาบางส่วนเพื่อศึกษามัน รวมไปถึงกระบี่สมบัติที่ข้าได้มาจากศิษย์ของสำนักกระบี่ต้าโหลว ข้าจะสามารถเพิ่มกฎเกณฑ์เข้าไปมากขึ้นในธงกฎเกณฑ์ น่าเสียดายที่ข้าเพียงหยิบกลับมาได้แค่สามเล่ม”

หวังหลินได้หนึ่งในกระบี่สมบัติมาตอนที่เขาสังหารศิษย์สำนักกระบี่ต้าโหลวไปคนหนึ่ง ส่วนอีกสองเล่มเขาพบมันพร้อมกับฉีหูตอนที่เก็บรวบรวมกระเป๋าในมิติว่าง

หวังหลินยิ้มอย่างขื่นขม “เข้าไปปิดประตูฝึกฝนเพื่อบรรลุขั้นตัดวิญญาณระดับกลาง ค้นหาวัตถุดิบเพื่อเข็มทิศดวงดาว ศึกษาหมวกฟางและเพิ่มกฎเกณฑ์เข้าใส่ธงกฎเกณฑ์ให้มากขึ้น มีเรื่องต้องทำมากมายจริงๆ…”

หวังหลินครุ่นคิด ‘ยังมีต้าเสินจากดินแดนเทพโบราณ ซึ่งมันคงใช้เวลาหลายปีและข้าไม่รู้ว่าเขาฝึกฝนไปไกลแค่ไหน ข้าต้องมีพลังเพื่อปกป้องตัวเองก่อนที่เขาจะออกมาที่นี่ได้’

เมื่อคิดถึงต้าเสิน หวังหลินอดคิดถึงเทียนหยุนจื่อไม่ได้

“ข้าไม่เคยคิดว่าจะพบอาจารย์ของข้าในอนาคตบนการเดินทางไปดินแดนสวรรค์ครั้งนี้ ผู้อาวุโสเทียนหยุนจื่อเป็นศัตรูของสำนักกระบี่ต้าโหลว คนที่ต่อสู้กับฉีหูและสามารถใช้ผลึกจิตสังหารได้ก็อยู่ในสำนักของเทียนหยุนจื่อ ข้าเพียงไม่รู้ว่าเขาเป็นศิษย์ของผู้อาวุโส ข้าสงสัยว่าเขาจะถือความขัดข้องใจต่อข้าเมื่อข้าไปที่นั่นหรือไม่” หวังหลินขมวดคิ้ว

“ชายชราจากสำนักกระบี่ต้าโหลวแข็งแกร่งเกินไป หรือเขาเป็นเซียนขั้นเทวะ? น่าเสียดายที่ข้าไม่เคยเห็นเซียนขั้นเทวะมาก่อนดังนั้นข้าจึงไม่สามารถคาดเดาได้ ทว่าจากคำพูดของเขาดูเหมือนเขาจะอ่อนแอกว่าเทียนหยุนจื่อเล็กน้อย เช่นนั้นผู้อาวุโสที่จะนำข้าไปเป็นศิษย์พิเศษเป็นเวลาร้อยปีจะมีระดับฝึกฝนอะไรกันแน่? ข้าสงสัยว่าผู้อาวุโสเทียนหยุนจื่อสังเกตข้าที่นั่นได้หรือไม่”

“การเก็บเกี่ยวสำหรับการเดินทางไปดินแดนสวรรค์ครั้งนี้ถือว่าเยี่ยมมาก มีเพียงเจดีย์พร้อมด้วยร่างศพสตรีที่ยุ่งยากเล็กน้อย เมื่อข้าได้ตอบตกลงต่อคำขอของผู้อาวุโสโจวยี่ไปแล้ว ข้าไม่สามารถคืนคำพูดของข้าได้ อย่างมากก็เพราะข้าไม่รู้ผลลัพธ์หลังจากผู้อาวุโสโจวยี่ไล่ล่าชายชราคนนั้น…” ขณะที่หวังหลินเหาะเหินไป หลายความคิดผ่านเข้ามาในหัวสมอง

“กระบี่พิรุณสวรรค์…เมื่อข้ากลับไปแคว้นซู ข้าต้องเห็นให้ได้ว่าข้าสามารถนำมันออกมาได้หรือไม่”

หวังหลินสูดหายใจลึกก่อนจะหยุดลงและลดลงบนพื้นดิน เบื้องล่างเขาเป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณแห่งหนึ่ง หัวใจเขาปวดราวเมื่อนำหินวิญญาณระดับสูงออกมาและวางมันลงไปในค่ายกล ค่ายกลเปิดขึ้นและเขาหายวับเข้าไปข้างใน

หลายล้านลี้หวังหลินได้ปรากฎกายขึ้น เขาลูบกระเป๋าและคิดขึ้น “มีหินวิญญาณระดับสูงเหลืออยู่ไม่มากนัก โชคดีที่เราเจอมันอยู่บ้างในกระเป๋าที่เก็บได้ แต่หลังจากแบ่งให้กับฉีหูจึงเหลือราวๆยี่สิบก้อน ตอนนี้คงต้องใช้มันอย่างประหยัด พวกมันจะต้องใช้ในอนาคต”

หวังหลินไม่ได้หยุดเลย เขาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและพุ่งต่อไปยังบ้าน

วันเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หนึ่งเดือนก็ผ่านไป หวังหลินอยู่เบื้องหน้าค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณอีกแห่งหนึ่งและสัมผัสกระเป๋า เขากำลังจะนำหินวิญญาณระดับสูงออกมาอีกก้อนทว่าพลันหยุดกึก กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาเพื่อตรวจสอบคนอื่นโดยรอบ เมื่อยืนยันว่าเขาอยู่คนเดียวจึงนำหยกสวรรค์ออกมาอย่างระมัดระวัง

“หินหยกสวรรค์มีคุณภาพสูงกว่าหินวิญญาณระดับสูง ข้าสงสัยว่าข้าใช้มันเพื่อเปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณได้หรือไม่” หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะวางหินหยกสวรรค์เข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้าย

จังหวะที่หยกสวรรค์ถูกวางลงไปในค่ายกลเคลื่อนย้าย มันปลดปล่อยแสงสว่างเจิดจ้างมากกว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายเคยทำได้มาก่อน ค่ายกลเคลื่อนย้ายสั่นเทาและรอยร้าวนับไม่ถ้วนปรากฎขึ้น

ในเวลาเดียวกันภาพแผนที่บางๆปรากฎเบื้องหน้าหวังหลิน มีอยู่ทั้งหมดแปดจุดกำลังส่องแสงและหนึ่งในนั้นมีวงแหวนแสงล้อมรอบมัน

หวังหลินตกตะลึง เมื่อเห็นว่ารอยร้าวบนค่ายกลกำลังเลวร้ายลง เขาไม่มีเวลาคิดพลันชำเลืองไปยังแผนที่และชี้ไปหนึ่งในจุดที่เรืองแสง

บูม!

ค่ายกลแตกสลายในทันที จังหวะที่ค่ายกลแตกสลายหินหยกสวรรค์หลุดออกมาและถูกหวังหลินคว้าเอาไว้ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่หวังหลินถูกพลังลึกลับสายหนึ่งล้อมรอบค่ายกลและหายวับไป

หลังจากหวังหลินหายตัวไป เพียงแค่ลมพัดเบาๆค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณได้กลายเป็นฝุ่นผง หลงเหลือเป็นตราประทับไว้เบื้องหลัง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version