378. ฟื้นตัวอย่างเอาเป็นเอาตาย (1)
ณ แคว้นเฉว่ยี่ภายในศาลน้ำแข็งและหิมะศักดิ์สิทธิ์
หลี่หยวนเฟิงนั่งบ่มเพาะอยู่ในท่านั่งดอกบัว รายล้อมด้วยก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ห้าก้อน แต่ละก้อนเรืองแสงห้าสีพร้อมกับปลดปล่อยเศษเสี้ยวพลังปราณให้เขาดูดซับ
มีเศษหินหยกขนาดเท่าเล็บก้อยอยู่ข้างในน้ำแข็งแต่ละก้อน ต้องขอบคุณค่ายกลที่อยู่ในน้ำแข็ง พลังปราณสวรรค์จึงแปลี่ยนแปลงอย่างลึกลับ
หลี่หยวนเฟิงตอนนี้ไม่ได้ดูแย่มากแต่สีหน้าท่าทางของเขามัวหมองและใบหน้าซีดขาว
หลังผ่านไปพักใหญ่เขาลืมตาขึ้นและเผยใบหน้าที่ดูหวาดกลัว
“สายฟ้าทรงพลังอะไรกัน! สายฟ้านั่นถึงกับมีพลังปราณสวรรค์บรรจุเอาไว้ แม้ข้าจะสามารถลดพลังของมันไปถึงครึ่งส่วนก่อนจะมาถึงข้า มันยังทำให้ข้าบาดเจ็บขนาดนี้”
หลี่หยวนเฟิงพยายามสังหารหวังหลินขณะที่ซุนไท่และบรรพชนเผ่ามารยักษ์กำลังต่อสู้กัน ทว่าเขาถูกสายฟ้าของซุนไท่โจมตีและในที่สุดก็ใช้ความพยายามทั้งหมดหนีออกมา
เขาสามารถบรรลุขั้นแปลงวิญญาณได้โดยฝืนขึ้นมาด้วยกำลังผ่านวิชาลับจากซูซาคุ เขาไม่มีความหวังในการทะลวงผ่านในภายภาคหน้าอีก
ซึ่งเมื่อเปรียบกับเซียนคนอื่นๆที่ทะลวงผ่านขั้นแปลงวิญญาณด้วยตัวเอง เขาถือว่าอ่อนแอมาก
หลี่หยวนเฟิงแข็งแกร่งกว่าเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับปลายสูงสุดแต่อ่อนแอกว่าเซียนขั้นแปลงวิญญาณจริงๆ ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เขาจะต้านทานสายฟ้าของซุนไท่ได้
“ข้าไม่รู้ว่าเซิ่งหนิวจะตายหรือไม่ แม้มันจะไม่ตาย เขตแดนแห่งชาของข้าไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำลายได้ง่ายๆ” หลี่หยวนเฟิงเยาะเย้ยและแววตาแปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น
“เจ้าหนูน้อยผีเสื้อสีชาดประกาศว่านางจะปิดด่านฝึกตนหนึ่งร้อยปี เมื่อนางออกมาจะกลายเป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณแน่นอน แต่ถึงตอนนั้นอายุขัยของข้าจะหมดสิ้นและจะไม่สำคัญอีกต่อไป ทำไมบรรพชนเผ่ามารยักษ์ถึงต้องการร่างเซิ่งหนิวกัน? นี่นับว่าประหลาดนัก! หรือจะมีบางสิ่งที่ข้าไม่รู้…” หลี่หยวนเฟิงครุ่นคิดเล็กน้อยแต่ยังไม่สามารถคาดเดาเหตุผลได้
ภายในแคว้นพิลู หนึ่งในภูเขาที่ถูกสำนักหลอมวิญญาณใช้เป็นที่บ่มเพาะของศิษย์สายนอก หวังหลินตื่นขึ้นจากการบ่มเพาะของตนเอง
“ขั้นพื้นฐานลมปราณระดับปลายสูงสุด!”
ดวงตาหวังหลินเปล่งประกายขณะสูดหายใจลึกและขยับร่างกาย น้ำค้างแข็งพลังปราณบนร่างกายเริ่มขยับและเข้าสู่ร่าง
แม้กระทั่งน้ำค้างบนพื้นและกำแพงยังแปรเปลี่ยนไปเป็นควันสีฟ้าจางๆและถูกหวังหลินดูดซับ
รอยแผลรูปชาบนใบหน้าหวังหลินจางเล็กน้อยแต่ยังน่าตกใจอยู่มาก
“ดวงตาสายแร่วิญญาณเทียมไม่เพียงพอต่อความต้องการของข้า ข้าต้องหาสถานที่ที่พลังปราณหนาแน่นกว่านี้ เชื่อว่าแค่เป็นจุดตาสายแร่วิญญาณอยู่ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว” หวังหลินสร้างค่ายกลขึ้นมาใหม่เพื่อปกคลุมตาสายแร่วิญญาณเทียมของเดิมและเดินออกจากถ้ำ
แสงแดดสาดส่องนอกถ้ำ มองดูไกลๆจะมีร่องรอยฤดูใบไม้ผลิปะปทนอยู่ ด้านข้างภูเขาเป็นสีเขียวทำให้เกิดความรู้สึกงดงาม แม้สายลมยังคงหนาวเย็นแต่มันมีความอบอุ่นเล็กน้อย
หวังหลินสูดหายใจลึก กำลังจะออกไปจากที่นี่ทว่าใบหน้าพลันเปลี่ยนไป เขาหันกลับมามองด้านข้าง
มีถ้ำจำนวนนับไม่ถ้วนใกล้ๆกับถ้ำของหวังหลิน เขาปิดด่านฝึกตนตลอดเวลาดังนั้นนอกจากชายวัยกลางคนแล้วหวังหลินไม่พบเจอคนอื่นเลย
ในตอนนี้ถ้ำแห่งหนึ่งห่างออกไปหนึ่งร้อยฟุตมีอีกคนเดินออกมา เขาสวมชุดสีฟ้าสว่างถักทอจากไหมพรมและผ้าคลุมหน้าสีขาวปกคลุมเหนือไหล่ ให้ความรู้สึกหลุดโลกไปมาก
เส้นผมสีดำเคลื่อนไหวตามแรงลม นางดูอ่อนโยนมาก แต่งแต้มด้วยสีชมพูบนแก้มทำให้นางดูงดงามยิ่ง
สตรีนางนี้ดูเหมือนจะสังเกตได้ว่ามีคนกำลังมองอยู่ดังนั้นจึงมองออกมา ดวงตาน่ารักที่มิอาจอธิบายได้ หลังเห็นหวังหลินนางยิ้มตอบและจากนั้นมองออกไปไกล
หวังหลินถอนสายตา เขาจดจำได้ทันทีว่าสตรีคนนี้คือคนที่เขาเห็นตอนที่มาถึงยามอาทิตย์ตกดิน
หวังหลินขมวดคิ้ว “นางช่างดูคุ้นเคย…แต่ข้ามั่นใจว่าไม่เคยเห็นนางมาก่อน…”
หลิวเหมยจากสำนักซวนต้าวเป็นเพียงร่างอวตารที่สร้างจากวิชาเซียนพันร่าง
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและไม่ใส่ใจนางอีก แม้ว่านางจะสวยที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมาในชีวิต แม้จะสวยกว่าผีเสื้อสีชาดหรือลี่มู่หวานแต่นางยังไม่สามารถทำให้เขาสนใจได้
หวังหลินกระโดดลงจากภูเขาและพลางตรวจสอบไปด้วย สายตาเพ่งสังเกตบนถ้ำแห่งหนึ่งบนภูเขา
มันไม่มีสิ่งใดพิเศษเกี่ยวกับถ้ำแห่งนี้และมันไม่ได้อยู่ต่ำสุด มองไกลๆเขาสามารถเห็นตัวเลข 743 ด้านบนของทางเข้าถ้ำได้
“มันควรเป็นที่นี่!” หวังหลินร่อนลงมาและมองไปที่ถ้ำ
ขณะที่เขาบ่มเพาะหวังหลินใช้ตาสายแร่วิญญาณเทียมเพื่อค้นหาตำแหน่งที่ตาสายแร่วิญญาณของจริงตั้งอยู่ เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาสามารถกำหนดได้ว่าถ้ำหมายเลข 743 คือถ้ำที่ใกล้กับตาสายแร่วิญญาณของจริงที่สุด
“มีคนอยู่ข้างใน” หวังหลินเห็นว่าประตูถ้ำถูกผนึกไว้อยู่ หลังครุ่นคิดเล็กน้อยจึงนึกแผนนึงขึ้นมา
เขากำลังจะกลับเข้าถ้ำของตนเองทว่าชายวัยกลางคนเดินออกมาจากบ้าน สายตาสว่างวาบและมองไปทางหวังหลิน
ความจริงแล้วเขาเฝ้าดูหวังหลินตั้งแต่ตอนที่ออกมาจากถ้ำแล้ว
ชายวัยกลางคนเอ่ยด้วยใบหน้าไร้อารมณ์“เฉียนมู่ มานี่!”
ร่องรอยจิตสังหารปรากฎในแววตาหวังหลิน เขามาถึงห่างจากชายวัยกลางคนไปสิบฟุต
“พื้นฐานลมปราณระดับปลายสูงสุด…” รูม่านตาเขาเล็กลงและหัวใจเต้นรัวราวกับกลองชุด เขามีลางสังหรณ์แปลกๆเกี่ยวกับเฉียนมู่ ระดับฝึกฝนของเฉียนมู่ถือว่าเร็วเกินไป ตอนที่เขามาที่นี่มีเพียงแค่ขั้นพื้นฐานลมปราณระดับต้นเท่านั้น
ตอนที่เห็นเขาอีกครั้งก็อยู่ระดับกลางเสียแล้ว
ตอนนี้พอเห็นอีกครั้งอีกกลับบรรลุระดับปลายขั้นสูงสุด ชายวัยกลางคนเลียรมฝีปากขณะหัวใจเต้นรัว เขาอดคิดไม่ได้ว่าครั้งหน้าที่พบกันอีกครั้งคนผู้นี้จะบรรลุถึงระดับของเขาแล้วซึ่งก็คือขั้นแกนลมปราณระดับต้น!
“เฉียนมู่คนนี้ค่อนข้างมีสมบัติที่ฝืนกฎสวรรค์หรือไม่ก็วิธีการบ่มเพาะอันลึกลับ!” ชายวัยกลางคนจ้องหวังหลินและยิ้มแย้ม “เฉียนมู่ ข้ากลัวว่าครั้งหน้าที่เราเจอกัน ข้าจะต้องเรียกเจ้าว่าสหายเซียนเสียแล้ว”
หวังหลินชำเลืองมองเขาและเอ่ยตอบ “ไม่มีปัญหาอะไร!”
เจตนาไม่ดีพลันปรากฎในดวงตาชายวัยกลางคนแต่เขารีบซ่อนเอาไว้และยิ้มแย้ม “เฉียนมู่ หากเจ้าสามารถบรรลุขั้นแกนลมปราณได้เจ้าจะมีโอกาสที่ดีในการประลองเพื่อเป็นศิษย์หลักอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เมื่อเจ้ากลายเป็นศิษย์หลักเจ้าต้องระลึกถึงข้าเสมอและกลับมาหาบ่อยๆนะ”
หวังหลินยิ้มบาง “แน่นอน…แต่พลังปราณในห้องข้าไม่เพียงพอ ข้าสงสัยว่าข้าสามารถเปลี่ยนอีกห้องได้ไหม?”
ชายวัยกลางคนตกตะลึงและอึดอัดใจเล็กน้อย “ห้องหมายเลขต่ำกว่า 700 จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากผู้อาวุโส ทว่าข้าสามารถช่วยเจ้าได้อีกครั้งเดียวเท่านั้น”
หวังหลินส่ายศีรษะ “ข้าไม่ต้องการให้เกิดปัญหามากหรอก ข้าเพียงต้องการถ้ำเลข 743”
ชายวัยกลางคนมองไปที่ถ้ำ 743 เขาหัวเราะและพลางเอ่ย “นั่นไม่เป็นปัญหา แต่ว่าเฉียนมู่ แม้ถ้ำ 743 จะมีพลังปราณมากขึ้นทว่ามันไม่ได้ดีที่สุด”
“ไม่มีปัญหา!” หวังหลินหัวเราะและนำหินวิญญาณระดับกลางสองก้อนออกมา “ข้าต้องรบกวนพี่ใหญ่เสียแล้ว นี่คือหินวิญญาณที่แสดงความนับถือของข้า”
หลังชายวัยกลางคนรับมันไป เขาลอบเยาะเย้ย ‘ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา แต่เมื่อตอนดึกมาถึง ไม่ว่าเจ้าจะให้หินวิญญาณข้ามากมายแค่ไหน ข้าจะออกไปค้นดูว่าเจ้าบ่มเพาะได้เร็วขนาดนี้อย่างไร!’
แม้ว่าเขาจะคิดเรื่องนี้ในใจ เขาหัวเราะ พร้อมกันนั้นนำหินหยกออกมาบันทึกข้อความและสะบัด หินหยกลอยออกไปไกล ภายใต้การควบคุมของเขามันจึงลอยเข้าสู่ถ้ำ 743
หลังจากนั้นไม่นานนักคนผู้หนึ่งลอยออกมาจากถ้ำ 743 เขาสวมชุดสีดำและใบหน้าเต็มไปเนื้อ เขาดูราวกับคนขายเนื้อมากกว่าจะเป็นเซียน พลันร่อนลงเบื้องหน้าชายวัยกลางคนและคำนับฝ่ามือ “ผู้อาวุโส ท่านต้องการพูดคุยกับข้าเรื่องอะไร?”
ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้น “ส่งป้ายสิทธิ์ของเจ้ามา ข้ากำลังเปลี่ยนถ้ำให้เจ้า”
“เปลี่ยนถ้ำ? ข้าไม่เปลี่ยน ข้าบ่มเพาะดีอยู่แล้วที่นี่! ทำไมข้าควรจะต้องเปลี่ยน?” เขาพ่นลมหายใจ สายตาจรดลงบนหวังหลินและเยาะเย้ย “เจ้าคือสารเลวที่ต้องการเปลี่ยนใช่ไหม? ส่งหินวิญญาณระดับกลางหนึ่งร้อยก้อนให้ข้าไม่เช่นนั้นก็ฝันไปเถอะ!”
เช่นนั้นเขากลับไปยังถ้ำ 743 โดยไม่แม้แต่หันกลับมามอง
“ฮึ่ม!” ชายวัยกลางคนมองแผ่นหลังของเขา เขาตัดสินใจว่าหลังจากเจรจากับเฉียนมู่ เขาจะทำให้มันจ่ายอย่างสาสมแน่นอน
“เฉียนมู่ เจ้ากลับไปก่อน ข้าจะหาถ้ำอื่นให้เจ้าพรุ่งนี้” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาโบกแขนเสื้อและกลับเข้าห้องโดยไม่ปล่อยให้หวังหลินพูดอีก
ใบหน้าหวังหลินยังคงปกติขณะกลับเข้าถ้ำของตนเอง เขาเยาะเย้ยในใจ หากชายวัยกลางคนไม่เข้ามาก่อกวนเขาก็คงไม่ถูกกำหนดให้ต้องตาย ทว่าหากชายวัยกลางคนเข้ามาหาเขาตอนกลางคืนด้วยความโลภ เมื่อนั้นหวังหลินทำได้เพียงสังหารเท่านั้น
ชายวัยกลางคนเดินออกมาจากบ้านของตนเองยามดึกอันเงียบสงัด เขามองถ้ำของหวังหลินและสายตาเต็มไปด้วยความโลภโมโทสัน