384. ธงวิญญาณสามวิถี
หอคัมภีร์ของภูเขาหลอมวิญญาณไม่ได้ใหญ่มาก มันมีเพียงแค่สามชั้น
มองไกลๆแล้วหอคัมภีร์แห่งนี้ดูปกติมาก ทว่าเมื่อหวังหลินเข้าไปสายตาพลันเพ่งพินิจบนร่างชายชราที่นั่งอยู่ข้างใน เขาใกล้จะถึงขั้นวิญญาณแรกกำเนิดแล้วซึ่งห่างอีกเพียงก้าวเดียว
ใบหน้าชายชราสีเหลืองซีด ร่างกายผอมบางและดูเหน็ดเหนื่อย ตอนที่รับรู้ว่ามีคนเข้ามาเขาพลันลืมตาขึ้นและเอ่ยว่า “ป้ายสิทธิ์”
หวังหลินยื่นป้ายสิทธิ์ของตนเองให้ ชายชรามองดูและตอบกลับ “เจ้าสามารถอ่านได้ตามต้องการแต่ไม่อนุญาตให้ขึ้นไปชั้นสาม เวลาที่จำกัดไว้คือสามวัน”
หวังหลินพยักหน้าและเข้าไปในหอคัมภีร์
ที่ชั้นแรกมีหินหยกวางไว้บนหิ้งอยู่หลายแถว ไม้ไผ่แกะสลักและกระทั่งหินแกะสลัก ดวงตาหวังหลินกวาดผ่านพวกมันไป มีวิชาแตกต่างกันอย่างกว้างขวางและครอบคลุมแทบทุกอย่าง มีวิชาที่เขารู้จักอยู่แล้วและบางวิชาเขาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
แต่ไม่มีสิ่งไหนเกี่ยวกับการหลอมธงวิญญาณ
หลังตรวจตราที่ชั้นแรก หวังหลินจึงเข้าไปชั้นสอง
จำนวนวิชาบนชั้นที่สองน้อยกว่าชั้นแรก พวกมันกระจัดกระจายไปรอบห้องพร้อมกับคำอธิบายรายละเอียดแต่ละวิชา
หวังหลินกวาดผ่านสัมผัสวิญญาณและพบกับคำว่า ‘วิธีการสร้างธงวิญญาณ’ หวังหลินหยิบหินหยกขึ้นมาตรวจสอบและขมวดคิ้ว
หินหยกชิ้นนี้บรรจุกรรมวิธีการสร้างธงวิญญาณไว้จริงๆแต่เป็นวิธีเหมือนกับที่คนอื่นๆทำกันมา หากสำนักหลอมวิญญาณใช้วิธีนี้จริงๆไม่มีทางที่พวกเขาจะมีชื่อเสียงดังเช่นตอนนี้
หลังค้นหาผ่านชั้นที่สองอย่างละเอียด หวังหลินพบว่าไม่ีสิ่งใดที่เขาต้องการ เมื่อมองขึ้นบนชั้นสามหวังหลินไม่วู่วามและกลับไปหาผู้อาวุโสร่างผอม เขาคำนับและถามขึ้น “ผู้อาวุโส ทำไมข้าถึงขึ้นไปชั้นที่สามไม่ได้?”
ชายขราอ้าปากหาว เขามองหวังหลินและเอ่ยตอบ “เจ้าขึ้นไปไม่ได้ก็คือไปไม่ได้ มีปัญหาอะไรไหม?”
สายตาหวังหลินเยือกเย็นขณะจ้องชายชราไปด้วย
ชายชราขมวดคิ้ว เขาพึมพำบางอย่างและพูดอย่างเหลืออด “เจ้าไม่ต้องจ้องข้า เจ้าต้องการอ่านวิธีการสร้างธงวิญญาณใช่ไหม? ข้าบอกเจ้าก็ได้ว่ามันไม่ได้อยู่ที่นี่และมันไม่ได้อยู่ในชั้นสามเลย มีหินหยกเพียงสิบชิ้นที่มีวิธีการสร้างธงวิญญาณ หากเจ้าต้องการมันก็ไปขโมยมา ไปดูสิมีถ้ำแห่งหนึ่งอยู่ตรงนั้น หากเจ้าสามารถขโมยมันมาได้เจ้าก็เรียนรู้มันได้”
หวังหลินมองไปตำแหน่งที่ชายชราชี้ไป มีถ้ำแห่งหนึ่งอยู่ตรงนั้นจริงๆ
“ไม่มีกฎใดในสำนักหลอมวิญญาณ หากเจ้ามีความสามารถที่จะฆ่าก็จงฆ่าซะ หากเจ้าต้องการสิ่งใดก็ขโมยมันมา และหากเจ้าต้องการสตรีใดก็นำมันมาให้ได้!”
“หากเจ้าไม่มีความสามารถใดก็จงหาคนอื่นที่ไม่มีความสามารถมาฝึกฝนด้วยกันเพื่อให้เจ้าปกป้องตัวเองได้”
“ไม่มีกฎ เจ้าสามารถทำอะไรตามที่ต้องการก็ได้…” หวังหลินยิ้มบาง สำนักหลอมวิญญาณแห่งนี้น่าสนใจจริงๆ เขาสะบัดแขนและมือล่องหนยักษ์คว้าชายชราเอาไว้
ชายชราตกตะลึงแต่เขาหัวเราะ ใบหน้าที่เหลืออดเมื่อครู่หายไปและแทนที่ด้วยเจตนาต่อสู้ “เยี่ยม! เยี่ยม! ในร้อยปีที่ผ่านมาเจ้าเป็นคนที่ห้าที่โจมตีข้า ก็ได้ ข้าจะเล่นกับเจ้าแล้วกัน!”
สิ้นคำพูดเขาขยับร่างกายเพื่อทำลายให้เป็นอิสระ
สายตาหวังหลินเยือกเย็น เขาโบกแขนอย่างลวกๆ ชายชราถูกโยนด้วยพลังแข็งแกร่งเข้าหากำแพง
ศีรษะชายชราหมุนติ้วกับผนัง เขากำลังจะร้องอย่างโกรธเกรี้ยวทว่าถูกจับขึ้นโยนอีกครั้ง
ปัง ปัง ปัง
การกระแทกต่อเนื่องทำให้ชายชรากระอักโลหิต เมื่อเห็นว่าหวังหลินกำลังทำต่อไปเขารีบตะโกนทันที “ท่านปู่โปรดหยุดเถอะ ข้าจะเรียกท่านว่าท่านปู่! หากท่านโยนข้าอีก ร่างแก่ๆนี้จะพังเสียหาย!”
หวังหลินปล่อยมือ ร่างชายชราตกลงบนพื้นและลุกขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน เขายิ้มอย่างขมขื่นและเอ่ยทันที “ศิษย์น้อง ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าก็สามารถขโมยได้ตามที่เจ้าต้องการ ตราบใดที่เจ้าไม่สังหารผู้คนมากเกินไปจะไม่มีใครก่อกวนเจ้าแน่นอน”
หวังหลินมองชายชราและจากไป หลังจากนั้นไม่นานนักเขาก็มาถึงเบื้องหน้าถ้ำที่ชายชราชี้เมื่อคราก่อน มีกฎเกณฑ์บางอย่างวางไว้ด้านนอกถ้ำ หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและพบว่ามีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งฝักฝนอยู่ข้างใน ห้องด้านข้างมีเซียนสตรีสองคนกำลังฝึกฝนข้างในเช่นกัน
ดวงตาหวังหลินสว่างวาบและโบกแขนขวาสร้างกฎเกณฑ์มายาขึ้นหลายวง เสียงดังปัง กฎเกณฑ์ข้างนอกถ้ำทั้งหมดแตกสลายไปพร้อมกับประตู
ชายชราที่อยู่ห่างไกลพลันร่างสั่นเทา เขาคิดว่าภูเขาหลอมวิญญาณได้คนที่ไม่สามารถต่อกรได้อีกคนนึงแล้ว
ชายวัยกลางคนร้องคำรามอย่างเกรี้วกราดเพราะถ้ำตนเองถูกทำลาย เขาเหาะเหินออกมาเป็นลำแสงสีแดงพร้อมกับนำธงสีม่วงผืนเล็กมาด้วย วิญญาณหลายร้อยดวงลอยออกมาจากธง
ดวงวิญญาณเหล่านี้มีทั้งบุรุษและสตรี พวกมันร้องเสียงแหลมเสียดแทงแก้วหูและพุ่งเข้าหาหวังหลิน
“ทำลายถ้ำของข้า เจ้ารนหาที่ตาย!”
หวังหลินสงบนิ่ง คนที่พุ่งออกมาจากถ้ำไม่ใช่ขั้นวิญญาณแรกกำเนิด เขาเป็นเพียงขั้นแกนลมปราณระดับปลายเหมือนกับผู้อาวุโสจากหอคัมภีร์
ทว่าธงวิญญาณในมือเขานับว่าแตกต่างเล็กน้อย หวังหลินสามารถเห็นเส้นสีทองบนธงวิญญาณได้อย่างชัดเจนและมันปลดปล่อยกลิ่นอายสีดำรอบๆ มันแตกต่างจากธงปกติอย่างมากซึ่งดูเหมือนพวกมันจะสลายหายไปราวกับลมพัดได้ทันที
ดวงวิญญาณหลายร้อยดวงพวกนี้เต็มไปด้วยพลังงานและมีไม่กี่คนที่ปลดปล่อยแรงกดดันซึ่งไม่อ่อนแอน้อยไปกว่าเซียนขั้นแกนลมปราณตามปกติเลย
“การเติบโต!” สายตาหวังหลินสว่างวาบเพราะเขาเห็นความแตกต่างจากธงวิญญาณผืนนี้
ดวงวิญญาณข้างในธงวิญญาณมีความสามารถในการเติบโต
หวังหลินยื่นมือออกไป ธงวิญญาณลอยออกจากมือของชายวัยกลางคนและเข้าสู่มือหวังหลิน เขากวาดสัมผัสวิญญาณออกจากมันและประทับของตัวเองลงไป จากนั้นจึงสัมผัสได้ว่ามันเป็นของตนเอง
เพียงสะบัดธงวิญญาณหนึ่งครั้ง เหล่าดวงวิญญาณที่กำลังพุ่งเข้าหาเขาทั้งหมดพลันถูกมันดูดซับไป
เซียนขั้นแกนลมปราณตกตะลึง เขาสูดหายใจอันหนาวเหน็บและนำหินหยกสีดำออกมาทันที เขาวางมันไว้บนพื้นพลางถอยกลับและร้องตะโกน “ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ ถ้ำนี้เป็นของเจ้า หินหยกเป็นของเจ้าและธงเป็นของเจ้าเช่นกัน ข้ามีนางสนมสองคนด้วย ข้ายังไม่ได้แตะมันเลย เจ้าเอาไปเลยแล้วกัน!”
“ข้าให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับเจ้าแล้ว ดังนั้นตามกฎ เจ้าไม่สามารถฆ่าข้าได้” สิ้นคำเขารีบถอยกลับไป
หวังหลินมองคนผู้นั้น เขาไม่ได้โจมตีเพียงแต่โบกแขน หินหยกสีดำลอยเข้าสู่ฝ่ามือและตรวจสอบมันอย่างละเอียด
ในตอนนี้เองสตรีสองคนเดินออกมาจากถ้ำ ทั้งคู่ต่างเป็นหญิงงดงามและเยือกเย็น พวกนางทำท่าเหมือนปกติและเพียงยืนอยู่เงียบๆ
“นี่เป็นวิธีสร้างธงวิญญาณของจริง ทว่าดูเหมือนมันจะไม่สมบูรณ์…” หวังหลินถอนสัมผัสวิญญาณออกมาและขมวดคิ้ว
สตรีผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ข้างกัน นางสวมชุดราตรีสีฟ้าเมื่อเห็นหวังหลินขมวดคิ้วหลังจากอ่านหินหยกจึงสอบถาม “ศิษย์พี่ ท่านสังเกตได้อย่างไรว่าวิธีนั้นดูไม่สมบูรณ์”
หวังหลินเงยศีรษะขึ้นมองทั้งสองคน ทั้งคู่ต่างก็เป็นเซียนขั้นแกนลมปราณระดับต้น
หวังหลินเอ่ยถาม “ทำไมมันเป็นเช่นนี้?”
สตรีชุดฟ้ารีบเอ่ยตอบ “ศิษย์พี่ต้องเป็นฉิงมู่แน่นอน ผู้ชนะการประลองศิษย์สายนอกคนล่าสุด ข้าเป็นศิษย์น้องของท่านเรียกข้าว่าซื่อหยุน ซื่อหยุนขอคำนับศิษย์พี่ ส่วนเหตุผลที่ธงวิญญาณไม่สมบูรณ์นั้นเพราะมันแบ่งออกเป็นสามส่วน แต่ละส่วนเปรียบกับชื่อของภูเขาสามลูก หลอมวิญญาณ แยกวิญญาณและผนึกวิญญาณ”
“การหลอมรวมวิธีทั้งสามเข้าด้วยกัน ท่านจะได้วิธีการสร้างธงวิญญาณที่แท้จริง”
ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น เขาเก็บหินหยกและมองเข้าไปในถ้ำ สถานที่แห่งนี้ไม่มีมาตรฐาน เขากระจายสัมผัสวิญญาณและลอยเข้าไปทางใต้ของภูเขา
สตรีสองคนตกตะลึง พวกนางมองหน้ากันเองก่อนจะติดตามหวังหลินไปอย่างรวดเร็ว เป็นเรื่องอันตรายอย่างมากที่จะอยู่คนเดียวในสำนักหลอมวิญญาณ ท่านจำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่นซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีกันหลายกลุ่ม เว้นแต่ว่าระดับฝึกฝนของท่านจะแข็งแกร่งทรงพลัง
เมื่อท่านพ่ายแพ้การประลอง ท่านต้องยื่นทุกสิ่งทุกอย่างให้อีกฝ่าย เมื่อส่งทุกอย่างให้อีกคนจะทำให้ไม่สามารถสังหารอีกฝ่ายได้ ซึ่งผู้อาวุโสจะไม่แทรกแทรง
กฎไร้เหตุผลพวกนี้ทำให้ไม่มีใครรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักหลอมวิญญาณ ทว่าไม่มีใครรู้ว่าทำไมสำนักหลอมวิญญาณถึงทำเช่นนี้
ศิษย์พี่ที่พวกนางติดตามได้กลัวหวังหลินมาก ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่พวกนางจะติดตามหวังหลิน
ขณะที่หวังหลินเหาะเหิน เขาขมวดคิ้วหันกลับมาและร้องตะโกน “อย่าตามข้ามา!” เขามองไปที่สตรีสองคนอย่างเยือกเย็นและหันกลับเพื่อออกไป
สตรีถัดจากซื่อหยุนถามขึ้นอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ เราจะทำยังไงกันดี?”
ซื่อหยุนกระทืบเท้าและพ่นลมหายใจ “เราจะทำอะไรได้เล่า? หากเขาไม่ให้เราติดตาม เช่นนั้นเราจะไม่ติดตาม เมื่อเขาค้นเจอถ้ำ เราจะไปเปิดถ้ำของเราใกล้เขา อาจจะดีกว่าที่คนอื่นมาเผชิญหน้ากับเขาและไม่ก่อกวนการฝึกฝนของเรา”
ใกล้กับตีนเขา สายตาหวังหลินจดจ้องไปบนหน้าผา เขาชี้หน้าผาและกระบี่เหินพุ่งออกไป ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจก็เกิดถ้ำแห่งหนึ่งขึ้น
หลังจากหวังหลินเหาะเหินเข้าไปในถ้ำ เขาส่งกฎเกณฑ์หนึ่งออกมาอย่างลวกๆและปิดผนึกถ้ำไป
ข้างในถ้ำ สายตาหวังหลินจดจ้องไปบนผนัง เหตุผลที่เขาเลือกที่นี่เป็นเพราะมันมีสายแร่วิญญาณอยู่ใกล้ที่สุด
แม้ว่าเขาไม่สามารถดูดซับพลังของสาายแร่วิญญาณได้เหมือนคราวก่อน เขายังสามารถหยิบยืมพลังของมันมาได้ ร่างกายเขาหายวับไปและปรากฎตัวอีกครั้งเบื้องหน้าสายแร่วิญญาณหลักที่อยู่ใต้ภูเขาหลอมวิญญาณ
หลังจากนั่งลงในท่านั่งดอกบัว เขากระจายสัมผัสวิญญาณออกและพบสิ่งที่ทำให้หวังหลินตื่นตะลึง
ในส่วนลึกที่สุดของสายแร่วิญญาณมีก้อนควันสีดำที่ป้องกันสัมผัสวิญญาณทุกทิศทางไว้ พลังปราณจากสายแร่วิญญาณกำลังถูกควันสีดำนี้ดูดซับไปด้วย
สัมผัสวิญญาณของหวังหลินอยู่ที่ปลายของควันสีดำ เขาสามารถตรวจจับเหล่าดวงวิญญาณที่กรีดร้องได้ซึ่งปรากฎเป็นช่วงๆข้างในควันสีดำ
“มันหยุดสัมผัสวิญญาณ?” หวังหลินมองไปรอบๆและพบกับกฎเกณฑ์แห่งหนึ่งรอบควันสีดำในทันที
เป็นเพราะกฎเกณฑ์นี้ทำให้สัมผัสวิญญาณของเขาไม่สามารถเข้าไปได้ หลังตรวจดูมันเล็กน้อยสายตาหวังหลินจึงเพ่งพินิจ
“นี่มัน…นี่…หรือจะเป็นกฎเกณฑ์วิญญาณโบราณ?” จิตใจหวังหลินสั่นสะท้าน