412. สมบัติที่หลงเหลือ
ดวงตาสตรีสว่างขึ้นขณะเอ่ย “ท่านปู่ทวดเป็นคนพิลึก แม้แต่เซียนคนอื่นๆในเมืองหลวงยังต้องเคารพเขา น่าเศร้าที่เราไม่อาจหาเขาเจอ”
“ข้ากลัวว่าท่านปู่ทอดไม่มีเวลาจะสนใจเรา สำนักของเขาอาจจะพบกับผู้รุกรานเช่นกัน ตอนนี้ความหวังเดียวคือบ้านบรรพชนแล้ว…” บุรุษถอนหายใจขณะที่สายตาตกลงบนเด็กน้อย
ในเมืองหลวงมีเด็กสามคนถูกผู้รุกรานพาตัวไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เยว่เอ๋อเป็นคนที่สี่และบุรุษผู้นี้ต้องทำทุกอย่างเพื่อช่วยเขาให้ได้
นางมองเด็กน้อยที่กำลังหลับปุ๋ยและกระซิบ “ท่านพี่ บ้านบรรพชนมีสิ่งใดพิเศษหรือ?”
บุรุษครุ่นคิดก่อนจะส่ายศีรษะ “ข้าไม่รู้ว่ามีสิ่งใดพิเศษ เพียงแต่บ้านบรรพชนครั้งหนึ่งได้ฝากข้อความไว้ว่าหากตระกูลหวังเผชิญกับภัยพิบัติอันใหญ่หลวง ให้มาที่บ้านบรรพชนและละเลงด้วยโลหิตตระกูล ข้าบอกได้ว่ามันจะสามารถช่วยชีวิตของเราได้ ”
สตรีพลันตกตะลึง นางแต่งงานกับเขามาหลายปีแต่ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
“กล่าวไว้ว่า…ก่อนที่ตระกูลหวังของข้าจะเข้ามาในเมืองหลวง มีเซียนที่แข็งแกร่งกว่าท่านปู่ทวดหลายเท่าปรากฎตัวขึ้น ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้ บ้านบรรพชนเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลัง…” ดวงตาบุรุษสว่างวาบ
“แข็งแกร่งกว่าท่านปู่ทวด…” นางถามขึ้นอีกด้วยสายตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “บรรพชนเซียนผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่หรือ?”
บุรุษขบคิดเล็กน้อยและตอบอย่างไม่มั่นใจ “ท่านปู่ทวดมีชีวิตมาเกินกว่าสองร้อยปี บรรพชนเซียนน่าจะมีอายุขัยยาวนานกว่า ดังนั้นเขาน่าจะยังมีชีวิต…”
ดวงตาหญิงสาวสว่างวาบและนางรีบเอ่ยขึ้น “ถ้าบรรพชนเซียนสามารถช่วยเราได้ เช่นนั้นเยว่เอ๋อจะปลอดภัย”
ชายหนุ่มส่ายศีรษะและยิ้มอย่างขมขื่น “มันเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ว่า…” เขาขบคิด
นางรีบถาม “แต่ว่าอะไร?”
“บันทึกของสถานะตระกูลหวังเมื่อสองร้อยปีก่อน มีตระกูลที่แข็งแกร่งหนึ่งซึ่งมีอยู่ทั้งในโลกแห่งเซียนและโลกคนธรรมดาของแคว้นจ้าว ตระกูลนั้นชื่อว่า ตระกูลเถิง!”
“ตระกูลเถิงนั้นแข็งแกร่งมากซึ่งเซียนทั้งหมดต่างต้องรับคำสั่งจากเขาและเหล่าราชาของโลกคนธรรมดาก็ต้องโค้งคำนับ”
“ตระกูลเถิงเป็นศัตรูร้ายกาจของตระกูลหวัง” น้ำเสียงดังก้องในรถม้า
“จากนั้นเพียงข้ามคืน ตระกูลเถิงถูกกวาดล้าง สมาชิกทั้งหมดของตระกูลถูกสังหาร ข่าวลือว่าคนที่กวาดล้างออกไปก็คือบรรพชนเซียนผู้นั้น”
รถม้าเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วและสามวันถัดมาพวกเขาก็มาถึงคฤหาสน์แห่งหนึ่ง
คฤหาสน์แห่งนี้ไม่ได้ใหญ่มาก สองร้อยปีก่อนมันเป็นแค่พื้นที่ส่วนหนึ่งของหมู่บ้านก่อนที่มันจะถูกตระกูลหวังซื้อไป มันยังคงอยู่เหมือนเดิมเมื่อสองร้อยปีก่อน
หลังรถม้าหยุดลง ชายกำยำหัวล้านกระโดดออกจากรถม้าด้วยท่าทางเหน็ดเหนื่อย เขาเปิดประตูและเอ่ยด้วยความเคารพ “นายท่าน เรามาถึงแล้ว…”
บุรุษลงมาจากรถม้าและมองไปที่คฤหาสน์ด้วยแววตาหวนรำลึก “ตอนเด็กๆ ข้าอาศัยอยู่ที่นี่หนึ่งปีกับท่านพ่อ พริบตาเดียวสามสิบปีผ่านไปแล้วแต่สถานที่แห่งนี้ไม่เปลี่ยนไปเลย”
ผู้หญิงติดตามเขาลงมาจากรถม้า เย่เอ๋อลืมตาขึ้นมองคฤหาสน์ด้วยดวงตากลมโต
“ตามมา” บุรุษเอ่ยด้วยน้ำเสียงต่ำและเดินไปข้างหน้า
ในคฤหาสน์ไม่มีคนรับใช้ มีแค่คนสูงอายุอยู่ไม่กี่คน คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ติดตามที่จงรักภักดีต่อตระกูลหวัง
แม้ว่าพวกเขาจะผมขาวโพลนแต่ดวงตายังเต็มไปด้วยพลังชีวิต เมื่อถูกพวกเขามองสามารถทำให้จิตใจสั่นไหวได้
ชายหัวล้านรู้สึกหวาดกลัวตอนที่เห็นคนสูงอายุเหล่านี้ เขารู้สึกว่าหนึ่งในนี้สามารถเอาชนะเขาได้ในกระบวนท่าเดียว
สายตาจับจ้องบนชายชราหนึ่งในนั้นทันที หลังจากจดจำของในมือเขาได้จึงตกตะลึงและนึกออกว่าเขาเป็นใคร ชายชราผู้นี้เป็นอันดับหนึ่งในโลกยุทธภพ
บุรุษที่ออกมาจากรถม้าไม่ได้พูดสิ่งใดขณะเดินลึกเข้าไปในคฤหาสน์ ข้างในลึกๆเป็นบ้านที่ดูธรรมดามาก
เยว่เอ๋อถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ท่านพ่อ ที่นี่คือบ้านบรรพชนของเราหรือ?”
บุรุษพยักหน้า เขากำลังจะพูดขึ้นทว่าเสียงดังสนั่นโผล่ออกมาไกลๆ จากนั้นร่างบุรุษสองคนมีรอยสักปกคลุมร่างกายบางส่วนได้ปรากฎเหนือคฤหาสน์ หนึ่งในนั้นมองผู้คนเบื้องล่างและเอ่ยขึ้น “พวกเจ้าวิ่งไวเสียจริง”
สีหน้าบุรุษเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาเข้ามาอยู่เบื้องหน้าภรรยาและเอ่ยอย่างขมขื่น “ท่านเซียนที่เคารพ คู่ต่อสู้ของท่านคือเซียนคนอื่นๆ ทำไมถึงมายุ่งเกี่ยวกับคนธรรมดาเช่นพวกเรา?“
ผู้อาวุโสรอบๆต่างจดจ้องไปที่ทั้งสองคนกลางอากาศด้วยแววตาราวกับสายฟ้า
หนึ่งในนั้นมองบุรุษด้วยสายตาเย็นชาและยื่นมือออกมา เป้าหมายของเขาวันนี้คือเด็กที่มีรากวิญญาณ
จังหวะนี้ ผู้อาวุโสรอบด้านทั้งหมดส่งเสียงคำรามและป้องกันขัดขวางแทนบุรุษ
ทว่าร่างกายแต่ละคนไม่สามารถต้านทานไว้ได้ ดังนั้นจึงกระอักโลหิตออกมาทั้งหมดและถูกโยนไปด้านข้าง
บุรุษมีท่าทีเปลี่ยนไปมาก เขารีบคว้าตัวภรรยาและลูกพร้อมกับลากเข้าไปในบ้านบรรพชน
หลังเข้าไปในบ้านบรรพชน เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบปกคลุมหน้าผาก ดวงตาแดงฉานขณะรีบกดบนแผ่นจารึกทำให้ช่องลับเปิดออก เขากัดนิ้วทันทีและใช้โลหิตวาดสัญลักษณ์หนึ่งในช่องลับนั้น
สัญลักษณ์นี้เป็นสิ่งที่ผู้นำตระกูลทุกรุ่นต้องสลักไว้ในใจตอนกลายเป็นผู้นำตระกูล
เสียงดังปัง ผนังบ้านบรรพชนเปลี่ยนกลายเป็นฝุ่นผงขณะที่คนผู้หนึ่งมองมาด้วยใบหน้ามืดมน
ภรรยาที่มาด้วยกันอยู่ข้างหน้าเด็กน้อยพลันเกิดใบหน้าสิ้นหวัง
ตอนนี้ตำแหน่งที่บุรุษวาดสัญลักษณ์ลงไปพลันปลดปล่อยแสงลึกลับและหินหยกชิ้นหนึ่งลอยออกมาจากช่องลับ
พลังลึกลับหนึ่งกระจายไปทั่วบริเวณอย่างรวดเร็ว
ชายใบหน้ามืดมนพลันเปลี่ยนท่าทางทันที เขาเผยสายตาไม่เชื่อและรีบถอยกลับไป คู่หูของเขาอยู่กลางอากาศซึ่งมาด้วยกันต่างก็รับรู้ถึงพลังลึกลับได้และกำลังจะวิเคราะห์
แต่ขณะนี้เองหินหยกกระพริบถี่
บุรุษใบหน้ามืดมนกรีดร้องอย่างโหยหวนพร้อมกับเส้นโลหิตบนหน้าผากโป่งพอง เขารีบถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อสัมผัสรัศมีแห่งการทำลายล้างออกมาจากหินหยก รัศมีนี้แม้กระทั่งคนที่มีสี่ใบไม้ก็ไม่สามารถต่อต้านได้
แต่เมื่อหินหยกถูกเปิดใช้งาน ด้วยระดับบ่มเพาะของบุรุษใบหน้ามืดมนไม่มีโอกาสรอดชีวิต
หินหยกกระพริบหนึ่งครั้งและบุรุษใบหน้ามืดมนกระอักโลหิตและถูกผลักออกไปจากบ้านบรรพชน เขาตกลงบนพื้นและตายทันที
คู่หูของเขากำลังจะตรวจสอบแต่หยุดกึกและหันตัวหนีกลับทันที เขาสัมผัสกลิ่นอายที่ไม่สามารถต้านทานได้ออกมาจากบ้านหลังนี้
ทว่าก่อนที่เขาจะหนีไปได้ไกล หินหยกกระพริบอีกครั้ง เขากระอักโลหิตคำโตออกมา หล่นจากท้องฟ้าและเสียชีวิตทันที
เหตุการณ์ประหลาดนี้ทำให้คนทั้งสามในบ้านบรรพชนตกใจอย่างยิ่ง
บุรุษพึมพำกับตัวเอง “ข่าวลือเป็นความจริง…”
หินหยกที่หวังหลินทิ้งไว้ที่นี่บรรจุเสี้ยวขอบเขตจวี่ของเขา ด้วยระดับบ่มเพาะของเขาตอนนั้นแม้แต่เซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดยังตายทันทีเบื้องหน้ามัน
ในตอนนี้ด้านล่างของภูเขาเหิงยั่วนอกสำนักเทียนต้าว เหล่าเซียนส่วนใหญ่รวบรวมตัวกัน ใบหน้าแต่ละคนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวขณะจ้องออกไปไกล
พวกเขาทั้งหมดกำลังจ้องไปที่คนผู้หนึ่งที่ลอยตัวกลางอากาศ
ร่างกายส่วนใหญ่ปกคลุมไปด้วยรอยสัก เพียงแค่ยืนอยู่ที่นี่ก็ปลดปล่อยรัศมีอันแข็งแกร่งแล้ว
น้ำเสียงแหบแห้งออกมาจากคนผู้นั้น “แคว้นเซียนแห่งนี้น่าสนใจจริงๆ พวกเจ้าคิดว่าจะมีสมบัติบางอย่างที่ทำให้กู้คืนสถานการณ์ได้หรือ?“
ชายชราผมขาวสวมชุดคลุมสีดำเดินออกมาจากสำนักเทียนต้าว เขาจ้องไปที่สมาชิกเผ่าละทิ้งอมตะด้วยสายตาเกลียดชัง “เจ้าก็ลองดู!”
ชายผู้นั้นหัวเราะพร้อมกับดวงตาสว่างวาบและกลิ่นอายเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริง รอยสักเคลื่อนไหวจนออกมาจากร่างกายและสร้างเป็นมังกรหลายตัวลอยรอบร่างเขา
“น่าสนใจ ข้าไม่ได้ถูกส่งมาที่นี่เพื่อต่อกรกับพวกเซียนระดับต่ำ ข้าเพียงแค่ผ่านมาเท่านั้นแต่เมื่อพวกเจ้าขอ ตอนนี้ข้าชักจะอยากเห็นว่าสมบัติอะไรที่ทำให้พวกเจ้ามั่นใจขนาดนั้น” สายตาเผยแววดูถูก สำหรับชาแมนหกใบไม้แล้วแม้เขาจะพบกับเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับปลาย ไม่มีใครเป็นภัยคุกคามสำหรับเขา
เขาไม่เชื่อว่าจะมีเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับปลายที่อยู่แค่ในแคว้นระดับสาม
เพียงก้าวเดียวเขาก็เข้ามาใกล้สำนักเทียนต้าว มังกรรอบตัวเขาทั้งหมดต่างส่งเสียงคำรามและลอยเข้าไปหาสำนักเทียนต้าว
เหล่ารอยสักมังกรเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้า เซียนแคว้นจ้าวที่เหลือทั้งหมดกุมลมหายใจไว้และสายตาทุกคนเผยแสงอันลึกลับ
มีข่าวลือว่าเซียนแคว้นจ้าวคนหนึ่งได้บรรลุขั้นตัดวิญญาณที่นี่เมื่อสองร้อยปีก่อน ข่าวลือได้บอกว่าเขาทิ้งไม้แกะสลักชิ้นหนึ่งไว้เบื้องหลังและใครก็ตามที่ได้มันไปจะกลายเป็นศิษย์สายตรงของเขา
สถานที่ที่เก็บรักษาไม้แกะสลักไว้ต่างถูกล้อมด้วยเสี้ยวสัมผัสวิญญาณของเขา หากไม่มีโชคชะตาต้องกัน มันไม่อาจเปิดออกได้
แต่หากแคว้นจ้าวเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่ ไม้แกะสลักนี้จะปลดปล่อยพลังอำนาจมหาศาล
จังหวะที่เหล่ามังกรเข้ามาใกล้ ภูเขาเหิงยั่วพลันสั่นสะเทือนพร้อมกับไม้แกะสลักชิ้นหนึ่งลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
เมื่อไม้แกะสลักปรากฎ เหล่ามังกรสั่นสะท้าน ดวงตาบุรุษจากเผ่าละทิ้งอมตะเผยประกายลึกลับ
“เช่นนั้นนี่ก็คือสมบัติแฝงเขตแดนที่เซียนขั้นตัดวิญญาณได้ทิ้งเอาไว้ ทว่าระดับบ่มเพาะของเซียนคนนี้ต่ำเกินไป มันเพียงแค่ระดับต้นเท่านั้น แม้เขาจะมาด้วยตัวเองข้าก็ยังสามารถสังหารเขาได้ คิดว่าสมบัติชิ้นเดียวจะหยุดข้าได้อย่างไร?” หลังชายชราจากเผ่าละทิ้งอมตะพูดจบ แสงลึกลับจากดวงตาเขาหายไปและเต็มไปด้วยสายตาดูถูกอีกครั้ง