435. ยักษ์ใต้สำนักซากศพ
นางยกฝ่ามือขึ้นและเรียกรอยสักมังกรและรอยสักพยัคฆ์ สองรอยสักสั่นสะท้านทันทีและจากนั้นลอยเข้าหานางโดยไม่ลังเล ทั้งสองรอยสักหมุนเป็นวงกลมรอบตัวนางราวกับพวกมันมีความสุข
หลังจากนั้นไม่นาน สตรีนางนั้นก็กลับคืนสู่คัมภีร์และสองรอยสักก็ตามนางไปด้วย
บรรพชนลำดับสามในชั้นสิบเอ็ดกระอักโลหิตทันที นี่เป็นอาการบาดเจ็บเพราะอสูรรอยสักของนางถูกขโมยไป ใบหน้านางเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
“บรรพชนคนไหนกัน? นางถึงกับผนึกตัวเองเข้าไปในสมุดรอยสักอสูรเพื่อกลายเป็นอสูรรอยสักเองเสียนี่…” บรรพชนลำดับสามสูดหายใจลึกจากนั้นชี้ไปที่หน้าผากและต้นไม้เก้าใบปรากฎขึ้นมา
“สมุดรอยสักอสูร กลับมา!”
ม้วนคัมภีร์ที่อยู่ชั้นแรกรีบปิดลงหลังจากบรรพชนลำดับสามเรียกไปและมันก็หายวับ
สายตาหวังหลินสว่างขึ้น เขาคว้าม้วนคัมภีร์ของตัวเองเหาะเหินไปทางออกโดยไม่มีเวลาตรวจสอบมัน
ณ หลุมยักษ์มุ่งหน้าออกสุสานอมตะ หวังหลินห่อหุ้มตัวเองด้วยดวงวิญญาณอีกครั้งเพื่อผ่านต้นไม้ออกไป ตอนนี้ด้านนอกเป็นเวลากลางคืนและมืดสนิท
เมื่อออกมาได้ หวังหลินหายตัวอีกครั้งโดยไร้ร่องรอย เขาไม่ได้คืนวิญญาณเขตแดนให้กับบรรพชนลำดับสาม ตั้งแต่ที่วิญญาณเขตแดนดวงนี้ถูกบรรพชนลำดับสามทิ้งเอาไว้ มันจึงอยู่รอดได้ด้วยตัวเองและไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของนางอีก ไม่เช่นนั้นบรรพชนเผ่ามารยักษ์คงไม่มีทางได้มันมาไว้ครอบครอง
หากบรรพชนลำดับสามควบคุมได้ นางคงเอามันกลับคืนมาตอนที่เห็นหวังหลินแล้ว
นอกจากนี้หวังหลินสามารถบอกได้จากการพูดคุยกับนาง นางไม่ได้ใส่ใจวิญญาณเขตแดนนี้มากนักราวกับจะมีหรือไม่มีก็ไม่สำคัญอะไร
ทว่าสำหรับหวังหลินแล้ว วิญญาณเขตแดนดวงนี้ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย มันเป็นไพ่ตายของเขาเพื่อต่อกรกับผู้คนได้เลย
ตอนนี้จูเซว่จื่อกำลังบ่มเพาะอยู่หลังภูเขาซูซาคุ มีผลึกสีแดงลอยอยู่เบื้องหน้า ผลึกนี้รูปร่างราวกับหัวใจ มันคือหัวใจดาวเซียนซึ่งใช้ควบคุมผลึกดาวเซียนอีกที
หลังจากนั้นไม่นานนักจูเซว่จื่อพลันลืมตาขึ้น สายตามีร่องรอยความวุ่นวายซึ่งไม่ได้ปรากฎกับเขาบ่อยนัก
“หยุนเซว่จื่อ ข้าไม่เกลียดเผ่าละทิ้งอมตะ แต่ความเกลียดที่ข้ามีต่อเจ้ามากมายมหาศาล! เจ้าคนทรยศ! ฮ่าฮ่า เจ้าคนกลับกลอก! แม้ว่าข้าจะบาดเจ็บตอนที่เจ้าลอบโจมตีแต่ข้าตื่นเต้นยิ่ง เฉียนผิงไฮ่ หากท่านยังเป็นวิญญาณก็จงดูให้ดี นี่คือคนที่ท่านเลือก!”
“หยุนเซว่จื่อ เจ้าและข้าเติบโตมาด้วยกันและมีพรสวรรค์คล้ายคลึงกัน ทำไมก่อนหน้านี้ซูซาคุคนก่อน เฉียนผิงไฮ่ ท่านมักจะมองเขาในแง่ดีเสมอ ทำไมกัน? ท่านมักจะภูมิใจเขา แต่กลับข้าท่านมักจะดูถูกตลอด ท่านมองข้าด้วยสายตาเย็นชาตลอด ข้ารู้สึกเหมือนท่านจะสังหารข้าหากข้าทำผิดพลาดสักครั้งนึง”
“ตอนที่ท่านให้ค่ายกลซูซาคุลี้ลับกับข้า ข้าตื่นเต้นมากและรู้สึกขอบคุณท่าน ข้าลืมเรื่องราวความทุกข์ในอดีตที่ผ่านมาและคิดอย่างเดียวในใจคือยกชีวิตของข้าให้ดาวซูซาคุกและกลายเป็นซูซาคุที่ดี”
“อย่างไรก็ตามข้าไม่เคยคิดว่าเฉียนผิงไฮ่เป็นคนชั่วร้าย ค่ายกลซูซาคุลี้ลับเป็นดาบสองคม ทุกครั้งที่มันถูกใช้งาน วิญญาณดั้งเดิมจะได้รับความเสียหายมหาศาล หากใช้มันมากเกินไปวิญญาณดั้งเดิมจะไม่สามารถกลับมาฟื้นฟูได้อีกเลย แม้เขาจะตายไปแล้วข้าก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำเรื่องเช่นนี้!”
“หากไม่ใช่ว่าข้าวางแผนลับๆมาหลายปีจนในที่สุดก็ได้ผลึกดาวเซียนจากซูซาคุคนก่อนตอนที่เขาตาย ข้ากลัวว่าซูซาคุรุ่นนี้คงไม่ใช่ข้า”
“เฉียนผิงไฮ่ ท่านตาบอดที่ตั้งหยุนเซว่จื่อเป็นซูซาคุรุ่นถัดไป! หากข้าทำตามทำสั่งของท่านและยกผลึกดาวเซียนให้หยุนเซว่จื่อ ดาวเคราะห์คงถูกเผ่าละทิ้งอมตะยึดครอง เฉียนผิงไฮ่ เจ้าเฒ่าผายลม ข้าไม่ได้ฝังร่างท่านในสุสานซูซาคุแต่ขายมันให้สำนักซากศพ! นั่นเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ความเกลียดของข้าเบาลง”
“เฉียนผิงไฮ่ ความจริงได้พิสูจน์ว่าข้าเป็นคนที่คู่ควรสำหรับซูซาคุรุ่นถัดไป ท่านผิดพลาด เป็นความผิดของท่าน!”
“ข้าค้นหาไปทั้งดาวเคราะห์จนในที่สุดก็พบเฉียนเฟิงซึ่งเป็นลูกหลานของท่าน เขามีรากวิญญาณเช่นเดียวกับท่านและดูคล้ายกับท่านเป็นอย่างดี ทุกครั้งที่ข้าเห็นเขา ความเกลียดของข้าที่มีต่อท่านจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ข้ายกค่ายกลซูซาคุลี้ลับให้ ทุกครั้งที่ข้าเห็นเขาใช้มัน จิตใจของข้าจะเต็มไปด้วยความสุข!”
“นี่เป็นหนทางเดียวที่ข้าจะแก้แค้นสิ่งที่ท่านทำไว้กับข้า”
“หยุนเซว่จื่อ เจ้ารู้เรื่องราวเกี่ยวกับผลึกดาวเซียนอยู่แล้ว เจ้าให้เวลาข้าสามเดือนเพื่อพิจารณาว่ามันคุ้มค่าพอที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้ได้รับการช่วยเหลือจากสมาพันธ์เซียน…”
“แม้ผลึกดาวเซียนจะถูกซูซาคุรุ่นสองผนึกไว้ซึ่งทำให้ซูซาคุรุ่นต่อมาไม่สามารถควบคุมมันได้ ตราบใดที่หัวใจดาวเซียนถูกทำลายไปมันจะทำให้ผลึกดาวเซียนถูกทำลายไปด้วยเช่นกัน ทว่าราคาที่ต้องจ่ายมากเกินไป แม้แต่ข้าก็มีเสี้ยววิญญาณอยู่ข้างในด้วย เมื่อผลึกดาวเซียนถูกทำลาย แม้แต่ข้าก็จะตาย”
“สมาพันธ์เซียนจะไม่เข้ามาแทรกแทรงเรื่องราวภายในดาวเซียนทุกแห่งแน่นอน แต่ว่าภายใต้สมมติฐานที่ผลึกดาวเซียนไม่ถูกทำลาย สมาพันธ์ฌซียนจะเข้ามาเก็บผลึกไว้แน่นอน สิ่งนี้เต็มไปด้ววยความลึกลับและไม่มีซูซาคุก่อนหน้าหาสาเหตุได้ว่าทำไม ทว่าสิ่งหนึ่งที่ข้ามั่นใจแน่ๆนั่นก็คือเมื่อผลึกดาวเซียนแตกกระจาย สมาพันธ์เซียนจะส่งคนมาหาสาเหตุทันที และนั่นจะเป็นตอนที่เผ่าละทิ้งอมตะของเจ้าตายแน่นอน!”
“เจ้าให้เวลาข้าสามเดือนเพื่อให้ข้าคิดทบทวนเรื่องนี้เพราะว่าเจ้าไม่ต้องการผลักไสไล่ส่งข้าเกินไป หยุนเซว่จื่อ ข้าจะเข้าไปเล่นเกมกับเจ้า หากเจ้าสามารถได้ผลึกดาวเซียนนี้ไปก่อนที่ชีวิตข้าจะสิ้นสลาย เมื่อนั้นข้าจะยกให้เจ้าโดยไม่มีปัญหา แต่ไหร่ที่เจ้าแพ้ ข้าจะทำลายผลึกดาวเซียนเพื่อลากเผ่าละทิ้งอมตะของเจ้าลงไปพร้อมกับข้า!”
ข้าไม่อาจะเป็นซูซาคุคนแรกแต่ข้ายังเป็นซูซาคุคนสุดท้ายได้ อย่าปล่อยให้ข้ามีโอกาส!
ความบ้าคลั่งฝังลึกในดวงตาจูเซว่จื่อและเริ่มหัวเราะ
ทวีปซูซาคุฝั่งตะวันตกส่วนพื้นที่ราบ พื้นที่แห่งนี้ปกคลุมไปด้วยกระท่อมธรรมดาหลายพันแห่ง มีเหล่าเซียนจำนวนมากมายบ่มเพาะทั้งในและนอกกระท่อม
เซียนส่วนใหญ่เหล่านี้เป็นศิษย์ของสำนักในแคว้นระดับห้า พื้นที่แห่งนี้เป็นแนวป้องกันฝั่งตะวันตก
สัญญาสงบศึกสามเดือนเป็นช่วงเวลาที่ดีในการฟื้นตัว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะลดความระมัดระวังตัวลง ยังมีเซียนจำนวนมากที่ยังลาดตระเวณรอบนอก
ห่างออกไปจากพวกเขาไปห้าพันลี้เป็นพื้นทีปกคลุมในสายหมอกสีดำ ที่นี่เป็นจุดที่กองกำลังจู่โจมเผ่าละทิ้งอมตะตั้งอยู่
ใจกลางค่ายของเหล่าเซียนมีกระท่อมหรูหราแห่งหนึ่ง เฉียนเฟิงนั่งอยู่ข้างในพร้อมกับผีเสื้อสีชาดเบื้องหลัง สายตามีความสับสนพร้อมกับซ่อนอาการดิ้นรนไว้อย่างดีเยี่ยม
ดวงตาเฉียนเฟิงเป็นประกายราวกับสายฟ้าจ้องไปที่ก้อนเมฆดำห่างไปไกล ใบหน้ามืดมนอย่างมาก
“เจ้าเฒ่านั่นคิดอะไรอยู่? นี่มันอันตรายเกินไป เราอาจจะยอมยกดาวซูซาคุเสียดีกว่าและหนีไปให้ไกลแล้วกลับมาตอนที่มีพลังอำนาจที่จะชนะ หากยื้อกันเช่นนี้นานเกินไป กำลังใจมีแต่ถดถอยลง”
ดวงตาเขาสว่างขึ้น พลันพ่นลมหายใจเยือกเย็นและพึมพำกับตนเอง “ข้าสงสัยว่าเจ้าเซิ่งหนิวนั่นไปอยู่ที่ไหน มันกล้าทำให้ข้าบาดเจ็บ หากข้าพบมัน ข้าจะกลืนกินเขตแดนของมันแน่นอน แม้ว่าธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงจะทรงพลัง เจ้าเฒ่ายังยกสมบัติให้ข้าสิ้นนึง สมบัตินี้ต้องทรงพลังอย่างมาก ด้วยสมบัตินี้ข้ามีความมั่นใจว่าจะต่อกรกับธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงของเซิ่งหนิวได้แน่”
“แต่ว่าการไม่ใช้สมบัติที่เจ้าเฒ่าให้ข้ามาจะดีที่สุดเว้นเสียว่ามันจำเป็น เจ้าเฒ่ากระดูกผุนั่นซ่อนเจตนาเอาไว้อย่างแนบเนียน แต่ก่อนหน้านี้ข้าสังเกตว่ามันมีเจตนาดีต่อข้านั่นยังนับว่าประหลาดนัก”
“ข้าจำเป็นต้องให้ศิษย์น้องช่วยเพื่อกลืนกินเขตแดนของเซิ่งหนิว ข้าจะต้องวางแผนนี้อย่างรอบคอบ! หลังข้ากลืนกินเขตแดนของมันและจับตัวศิษย์น้องได้ ข้าจะออกจากดาวดวงนี้ จักรวาลกว้างใหญ่และข้าสามารถไปที่ไหนก็ได้ตามที่ข้าต้องการ ก่อนนี้ข้ากังวลเรื่องฉายาแห่งซูซาคุ แต่ตอนนี้ดาวเคราะห์โกลาหลยิ่ง ฉายานั้นไร้ประโยชน์ต่อข้า! แต่ก่อนที่ข้าจะจากไป ข้าจะต้องสังหารนังสำส่อน ซื่อฉิน!”
หนึ่งเดือนให้หลัง ร่างหนึ่งปรากฎตัวใกล้สำนักซากศพแคว้นจ้าว คนผู้นี้เป็นชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีขาว ใบหน้าปลดปล่อยกลิ่นอายโบราณ
เขาคือหวังหลิน
หลังออกจากสุสานอมตะ หวังหลินไม่ได้พักผ่อนและใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายในแคว้นซูเพื่อเข้าสู่สนามรบต่างแดน เขาต้องการใช้เหล่าวิญญาณเร่ร่อนเพื่อซ่อมแซมธงวิญญาณหนึ่งล้านดวง
น่าเสียดาย แม้เขาจะพบเหล่าวิญญาณเร่ร่อนแต่พวกมันไม่สามารถใช้ซ่อมแซมธงวิญญาณได้ ตอนที่วิญญาณเร่ร่อนดวงหนึ่งเข้าไปในธงวิญญาณ มันกลับบ้าคลั่งกลืนกินวิญญาณดวงอื่นเพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่ง จากนั้นถูกวิญญาณดวงอื่นโจมตีและถูกทำลายไป
ทั้งสองเป็นศัตรูตามธรรมชาติเหมือนน้ำกับไฟ พวกมันไม่สามารถผสมกันได้
เป็นผลให้การใช้วิญญาณเร่ร่อนเพื่อซ่อมแซมธงวิญญาณถือว่าล้มเหลว
ส่วนเหล่าวิญญาณกลืนกิน หวังหลินจับมาหนึ่งตัวเพื่อทดสอบแต่ผลที่ได้เหมือนกัน ดังนั้นจึงยอมแพ้วิธีนี้และออกมาจากสนามรบต่างแดน
สิ่งสุดท้ายที่หวังหลินทำคือไปหาร่างยักษ์ที่อยู่ใต้สำนักซากศพแคว้นจ้าว
ร่างนี้เป็นของบรรพชนเผ่ามารยักษ์ที่พาเผ่ามารยักษ์มาสู่ดาวซูซาคุ
หวังหลินมีขวานยักษ์เล่มหนึ่งในกระเป๋า ขวานเล่มนี้เป็นของบรรพชนผู้ก่อตั้ง
หวังหลินดึงโลหิตจำนวนมากจากร่างบรรพชนเผ่ามารยักษ์เพื่อให้ร่างหลักของเขาสามารถใช้โลหิตเป็นส่วนประกอบในการใช้วิชาของเทพโบราณได้ สิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมการออกจากที่นี่ของเขา
หวังหลินไม่สนใจจะเข้าร่วมเรื่องราวโกลาหลบนดาวซูซาคุ เขาเพียงต้องการเอาผลึกดาวเซียนมาเพื่อเอาเสี้ยววิญญาณของตัวเองออก จากนั้นจะไปดาวเทียนหยุนเพื่อหาเทียนหยุนและกลายเป็นศิษย์ของเขา และฝึกฝนให้ถึงขั้นเทวะภายใต้ท้องฟ้าดาวดวงใหม่
เขาจะกลับมาดาวซูซาคุในอนาคตแน่นอน แต่ในเวลานั้นเขาจะไม่กลายหมากในแผนคนอื่น เขาจะเป็นราชาที่ซูซาคุในปัจจุบันจะต้องมองขึ้นมาหาเขา
“และข้าจะต้องหาโอกาสดูว่าความจริงแล้วสมาพันธ์เซียนนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน!”
หวังหลินสูดหายใจลึก ขณะที่มองขึ้นสู่ท้องฟ้า แรงกระตุ้นที่จะออกไปจากที่นี่พลันเพิ่มขึ้น
“แต่ว่าก่อนที่จะออกไป แม้ข้าไม่มีทางต่อกรกับจูเซว่จื่อได้ ข้าต้องทดสอบกับศิษย์สองคน หลิวเหมยและเฉียนเฟิง!”