439. เต๋าที่แตกต่าง
“บัดซบ หลังผ่านไปหลายหมื่นปีในที่สุดข้าก็มีร่างกายอีกครั้ง ฮ่าฮ่า เมื่อได้ร่างกายแล้วข้าจะต้องมีความสุขกับตัวเองซะหน่อย ร่ำลือกันว่าเซียนสตรีทั้งหมดบนดาวเฟิ่งหลวนต่างก็เป็นสาวงาม ข้าต้องการไปที่นั่นมาตลอด เมื่อออกจากดาวดวงนี้แล้วข้าจะต้องไปพบด้วยตัวเองสักครั้ง! หวังหลินเจ้าต้องการไปไหม?”
หวังหลินขมวดคิ้ว เขามองเด็กหนุ่มตรงหน้าและเอ่ยด้วยท่าทีสงบนิ่ง “ไม่ไป!”
เด็กคนนี้คือซือถูหนาน หลังครอบครองร่างกายจึงใช้เวลาปรับร่างกายโดยการกลืนกินบรรพชนลำดับสี่ด้วยเวลาอันสั้น แม้จะยังไม่ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ทว่าระดับบ่มเพาะของเขาอยู่ที่ขั้นเทวะเรียบร้อยแล้ว
ซือถูหนานกรอกดวงตาและเอ่ยขึ้น “เจ้าน่าเบื่อเสียจริง ทำแค่การฝึกฝน ฝึกฝนแล้วก็ฝึกฝน ผายลมยังเป็นการฝึกฝนด้วยใช่ไหมเนี่ย?! เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงเริ่มต้นฝึกเซียน?”
“ข้าจะบอกให้ฟัง ข้าฝึกเซียนเพื่อต้องการสาวงามทั้งหมดในโลก ขโมยสมบัติทุกชิ้นในโลกและสังหารใครก็ตามที่ข้าไม่ชอบหน้า! นี่คือเหตุผลที่ข้าฝึกเซียนตอนที่อยู่บนดาวสี่นักบุญ ไม่เช่นนั้นด้วยความน่าเบื่อการฝึกฝนเช่นนี้ ใครจะยอมทำกัน?”
“เมื่อข้าบรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณ ข้าตัดสินใจล้มเลิกการบ่มเพาะและลอบหนีไปแคว้นเล็กๆที่แทบไม่มีพวกเซียน ข้ากลายเป็นขุนนางที่นั่น สนุกสนานทุกคืนและมีสตรีบริการข้าทุกคืนด้วย นั่นคือชีวิต ใครก็ตามที่ข้าไม่ชอบหน้าจะถูกสังหารด้วยวิชาเดียว สิบปี ข้าอาศัยอยู่ที่นั่นสิบปี” ซือถูหนานเริ่มรื้อฟื้นความหลัง เขาคิดถึงวันเวลาเหล่านั้น
หวังหลินเหาะเหินไปด้านหน้าและเอ่ยถาม “หากมันสบายเช่นนั้น ทำไมท่านไม่เอาชีวิตที่เหลืออยู่ที่นั่นเสียเล่า?”
ใบหน้าซือถูหนานปรากฎความโกรธพร้อมกับตอบคำถามเขา “เจ้าคิดหรือว่าข้าไม่ต้องการทำเช่นนั้น? หากไม่ใช่ว่ามีเซียนขั้นแกนลมปราณที่โหดเหี้ยมหาเรื่อง ข้าคงสุขสมหวังกับชีวิตที่เหลืออยู่ที่นั่น เซียนคนนั้นไล่ล่าข้าและข้าผ่านความยากลำบากจนในที่สุดข้าก็หลบหนีได้ ข้ากัดฟันและบ่มเพาะต่อไป คราวนี้อดทนหลายสิบปีจนบรรลุขั้นแกนลมปราณ ก่อนจะปิดด่านฝึกตนข้าฝืนตัวเองอีกครั้งจนบรรลุระดับปลาย”
หวังหลินหัวเราะ เขามองซือถูหนานและถามขึ้น “เช่นนั้นท่านได้แก้แค้นหรือไม่?”
“แก้แค้นอะไรเล่า? เซียนแกนลมปราณคนนั้นถูกคนอื่นสังหารไปนานแล้ว หลังข้าออกจากปิดด่านฝึกตน ข้าก็เข้าไปแคว้นเซียนระดับสองและสนุกสนานกับตัวเองต่อไปเรื่อยๆ เซียนสตรีขั้นพื้นฐานลมปราณเหล่านั้นต่างคลุกคลีกับข้าตลอดทั้งวันอย่างยาวนาน ไม่ต้องพูดถึงว่าข้ากินดีอยู่ดียังไงเลย ข้ามีปราสาทในโลกธรรมดาด้วยซ้ำ ข้าคงอยู่อย่างราชา เจ้าราชาตัวน้อยนั่นก็ดี มันมักจะให้ของดีดีข้าใช้เสมอ เมื่อคิดเรื่องนั้นแล้วข้าคิดถึงจริงๆ”
หวังหลินลูบคางแกมหัวเราะ “หรือว่าท่านเจอเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดหลังจากนั้น?”
ซือถูหนานเบิกตากว้าง “นั่นก็ใช่ หลังจากนั้นไม่ถึงสามปีได้มีเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดอยากได้สตรีขั้นพื้นฐานลมปราณของข้าเพื่อเอาไปเป็นเตาหลอมเซียนขึ้นมา ข้าไม่อาจเอาชนะเขาได้จึงต้องวิ่งหนี ครั้งนี้ข้าบ่มเพาะจนบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิดระดับปลายแล้วค่อยออกด่านปิดตน”
“หลังจากนั้นข้าตระเวณไปแคว้นระดับสามรอบๆเพื่อใช้ชีวิตเยี่ยงราชาและสนุกสนานกับเหล่าสาวงามทั่วหล้า ตอนนั้นสหายเซียนจำนวนมาต่างอิจฉาข้าทั้งนั้น!”
หวังหลินหัวเราะเสียงดังและถามอีก “เกิดอะไรขึ้นอีก? ไม่ใช่ว่าท่านไปเจอกับเซียนขั้นตัดวิญญาณใช่ไหม?”
ซือถูหนานถอนหายใจ “โชคร้ายนัก หลังจากนั้นแค่สิบปีข้าสังหารไปคนหนึ่งและทำให้เซียนขั้นตัดวิญญาณโกรธเกรี้ยว ข้าเกือบตายและนั่นเป็นตอนที่ข้าพบเย่หวู่โยวช่วยไว้ ตอนนั้นเขายังไม่เป็นซูซาคุเลย ทว่าระดับบ่มเพาะของเขาไม่ได้สูงส่งและเขาไม่อาจปกป้องข้าได้ตลอดไป ดังนั้นข้าจึงทิ้งสาวงามของข้าและใช้ชีวิตวิ่งหนีอีกครั้ง ครั้งนี้ข้าได้รับบทเรียน ข้าปิดด่านฝึกตนเพื่อรู้แจ้งชีวิตและบรรลุขั้นตัดวิญญาณ ข้ายังปิดด่านฝึกตนเรื่อยมาจนบรรลุระดับปลาย
หวังหลินพบว่าเส้นทางฝึกเซียนของซือถูหนานน่าสนใจจึงถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้นต่อไป?”
“หลังจากนั้นข้าก็ไปล้างแค้น ข้าเข้าไปสำนักของเซียนตัดวิญญาณระดับกลางนั่นและสังหารเขาก่อนที่จะกลับมาสนุกกับชีวิต น่าเสียดายที่ช่วงเวลานี้ไม่ได้ยาวนานนัก เย่หวู่โยวพบข้าและชวนข้าไปดินแดนสวรรค์ด้วยกัน ดังนั้นเราจึงเข้าไปรวบรวมหินหยกสวรรค์ได้จำนวนมากและจากนั้นข้าก็บรรลุขั้นแปลงวิญญาณหลังปิดด่านฝึกตนอีกครั้ง”
“เดิมทีข้าต้องการหาแคว้นเซียนสักแห่งและดำเนินชีวิตเช่นราชา เพราะนั่นเป็นจุดที่ไม่มีคนมากนักจะกวนใจข้าได้อีกอีกทั้งข้าไม่ต้องการบ่มเพาะอีกแล้วเพราะมันน่าเบื่อเกินไป ข้าต้องการใช้ชีวิตที่เหลือสนุกกับตัวเอง แต่เจ้าแก่หนังเหนียวเย่หวู่โยวนั่นพูดว่าหากข้าต้องการสนุกสนานก็ควรออกไปนอกดาวสี่นักบุญ เราจึงจะไปสร้างแคว้นระดับหกที่ซึ่งสามารถสนุกที่ไหนก็ได้ที่ข้าต้องการ ข้าคิดไม่ลึกซึ้งพอจึงตกเข้าไปในกับดักของเจ้าโจรแก่นั่น”
“บัดซบ เพื่อความฝันนี้ข้าต้องฝึกเซียนไม่เห็นเดือนเห็นตะวันและไปทุกหนแห่งกับมัน ท้ายที่สุดแล้วเจ้านั่นกลายเป็นหัวหน้าของทุกสำนักในแคว้นซูซาคุและเราสองคนยกระดับแคว้นระดับสี่ทีละก้าวจนกลายเป็นแคว้นระดับหก ทั้งข้าและเขาต่างบรรลุขั้นเทวะได้สำเร็จและสมาพันธ์เซียนยกดาวสวะนี้ให้”
“ข้าใฝ่หาความสนุกสนานบนดาวซูซาคุดวงนี้ น่าเสียดายที่เผ่าละทิ้งอมตะอยู่ที่นี่ พวกมันกล้าขโมยไปจากข้า แล้วจะปล่อยพวกมันไปได้อย่างไรกัน? ตอนนั้นสงครามอุบัติขึ้นปกคลุมทั้งดวงดาว ท้องฟ้ามืดสลัว ข้าได้สตรีเผ่าละทิ้งอมตะมาไม่กี่คนและสนุกสนานด้วยกัน”
“หลังจากนั้นเย่หวู่โยวสละชีวิตตัวเองพร้อมกับสหายบางส่วนเพื่อผนึกเผ่าละทิ้งอมตะ ตอนนั้นข้ารันทดมากและกำลังจะออกจากดาวซูซาคุเพื่อหาดาวเซียนอ่อนแอให้ดำเนินชีวิตเช่นองค์ชายต่อไป น่าเสียดายที่เจ้าโจรเฒ่าเย่หวู่โยววางแผนเอาไว้และทำให้ข้ากลายเป็นซูซาคุรุ่นที่สอง”
“สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเจ้าก็รู้อยู่แล้ว ร่างของข้าถูกทำลายและถูกบังคับให้ซ่อนตัวในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าจนข้ามาพบเจ้า ตอนนี้ข้าได้ร่างกายกลับคืนมา ข้าต้องกลับไปแก้แค้นและหาความสนุกบนดาวเฟิ่งหลวน จากนั้นข้าจะหาแคว้นเซียนสักแห่งที่นั่นและดำเนินชีวิตเช่นราชาต่อไป! ข้าจะบอกเจ้าให้นะหวังหลิน ฝึกฝนให้พอดี ชีวิตเป็นสิ่งที่ควรมีความสุขและสนุกสนาน” สายตาซือถูหนานแฝงความหดหู่ราวกับเขาผ่านชีวิตมามากมาย
หวังหลินเอ่ยขึ้นด้วยความสงบ “เต๋าของข้าและท่านไม่เหมือนกัน!” ดวงตาสงบนิ่ง เขาฟังเรื่องราวชีวิตของซือถูหนานและกล่าวเช่นนั้น หวังหลินรู้ว่าเขามิอาจไร้กังวลเช่นซือถูหนานที่สนุกสนานเช่นนั้นได้
จากความไม่รู้จัก หัวใจหวังหลินเริ่มไล่ตามการฝึกเซียน เขาต้องการรู้ว่าจุดสุดท้ายของการฝึกเซียนคืออะไร นี่เป็นสิ่งที่เขาแตกต่างจากซือถูหนาน
ซือถูมีความต้องการในแบบของตนเองและหวังหลินก็มีความภาคภูมิใจของตนเอง
ความภาคภูมิใจของเขากำลังขึ้นไปสู่จุดยอดทีละก้าว เพื่อที่จะยืนเหนือกฎเกณฑ์ของโลกและเข้าใจความแท้จริงแห่งสวรรค์
ซือถูหนานมองหวังหลินอย่างละเอียดถี่ถ้วนและรู้สึกว่าเขาไม่เคยเข้าใจเด็กคนนี้เลยเสียจริง เด็กผู้ที่เขาเฝ้ามองเติบโตขึ้น โดยเฉพาะตอนนี้เขากลับรู้สึกถึงความแปลกหน้าต่อหวังหลิน แต่ภายในความแปลกหน้านี้กลับซ่อนความรู้สึกความคุ้นเคยด้วยอีก
เหตุผลที่เขารู้สึกแปลกหน้าเป็นเพราะเขาไม่เคยเห็นท่าทางเช่นนี้บนใบหน้าหวังหลินมาก่อน มันเป็นความภูมิใจในเต๋าของตนเอง
ซือถูหนานเกลียดใบหน้าเช่นนี้มากเพราะเขาเคยเห็นมันมาก่อนบนคนอื่น และคนผู้นั้นเป็นคนที่เขาเคารพและเกลียดในเวลาเดียวกัน ซูซาคุรุ่นแรก เย่หวู่โยว
ในใจเขา เย่หวู่โยวเป็นเสมือนพี่ใหญ่ เขาเป็นเหมือนอาจารย์และเพื่อนในเวลาเดียวกัน แม้ซือถูหนานจะมีความอวดดีมากแต่เขาใส่ใจคนที่มีน้ำใจต่อเขาเช่นกัน และเย่หวู่โยวให้เขามากเกินไป มีหลายสิ่งที่เขาไม่ได้กล่าวแต่จดจำมันได้ในใจ นั่นเป็นเหตุผลที่แม้เขาจะเจ้าอารมณ์ แม้กระทั่งอยากจะออกไปจากที่นี่ เพียงคำเดียวจากเย่หวู่โยวทำให้เขาล้มเลิกความคิดและอยู่ที่นี่กลายเป็นซูซาคุรุ่นสอง ในใจเขามันเป็นเหมือนการดูแลดาวซูซาคุดวงนี้เพื่อเย่หวู่โยว
ครั้งแรกที่พบกับเย่หวู่โยว เขามักจะมีใบหน้าที่หวังหลินแสดงออกมาตอนนี้เสมอ ถึงแม้ตอนที่เย่หวู่โยวตาย ใบหน้าเขายังเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
จากศิษย์ชั้นต่ำของสำนักแห่งหนึ่งในแคว้นระดับสี่จนกลายเป็นจ้าวสำนัก จากนั้นรวมสำนักทั้งหมดในแคว้นเพื่อกลายเป็นจ้าวสำนักของทั้งแคว้น
เขามุมานะบากบั่นใช้พลังจำนวนมากเพื่อยกระดับแคว้นระดับสี่เข้าสู่แคว้นระห้า จากนั้นทำสิ่งที่แทบเป็นไปไม่ได้โดยการยกระดับแคว้นระดับห้าไปสู่แคว้นระดับหก!
กลายเป็นแคว้นระดับหกและได้รับดาวเคราะห์จากสมาพันธ์เซียน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาคือเย่หวู่โยว!
ไม่มีเขา แคว้นซูซาคุคงยังเป็นแคว้นระดับสี่ที่ไม่สะดุดตาบนดาวสี่นักบุญ มันอาจจะถูกทำลายไปแล้วก็ได้
จังหวะนี้ซือถูหนานเห็บใบหน้าเดียวกันบนหวังหลิน จิตใจเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อนก่อนจะหายใจออกมาและเอ่ยขึ้น
“ช่างเถอะ ตอนนี้มันเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการส่งเจ้าไปที่สุสานซูซาคุและเอาเสี้ยววิญญาณของเจ้าออกมาจากผลึกดาวเซียน หวังหลิน สุสานซูซาคุล้อมรอบไปด้วยพลังลึกลับของผลึกดาวเซียน ดังนั้นนอกจากซูซาคุคุนปัจจุบันแล้วไม่มีเซียนขั้นเทวะคนไหนสามารถเข้าไปได้ มีเพียงแค่เซียนขั้นแปลงวิญญาณที่สามารถเข้าไปได้เท่านั้น ดังนั้นครั้งนี้ข้าไม่อาจช่วยเจ้าได้ แต่ว่าเจ้าผ่อนคลายเถอะ แม้เจ้าจะเอาเสี้ยววิญญาณกลับคืนมาล้มเหลว ข้ายังมีอีกทางหนึ่งเพื่อให้เจ้าได้มันกลับมาแต่วิธีนั้นซับซ็อนและยากมากไปหน่อย หากเจ้าเอามันกลับมาด้วยตัวเองคงเป็นวิธีที่ดีที่สุด”
หวังหลินพยักหน้า เขามองไปทางแคว้นซูซาคุ “เรื่องราวบนดาวซูซาคุเกือบหมดแล้ว เมื่อข้าได้ผลึกดาวเซียน ข้าจะออกจากดาวดวงนี้ ซือถู จักรวาลกว้างใหญ่ไพศาล ข้าหวังว่าเราจะมีโอกาสพบเจอกันอีกครั้งในอนาคต!” สิ้นคำ หวังหลินเหาะเหินออกไปไกล
ซือถูหนานหัวเราะขณะไล่ตามหวังหลินทันและเอ่ยขึ้น “เร็วเกินไปที่จะกล่าวประโยคนั้นในตอนนี้ เราค่อยคุยตอนที่แยกทางกันดีกว่า ข้าเชื่อว่าเราจะเจอกันอีกครั้ง หากไม่มีอะไรผิดพลาดข้าจะกลายเป็นองค์ชายบนดาวเฟิ่งหลวน”
ขณะที่หวังหลินเหาะเหินไป เขาพลันถามขึ้นทันที “ซือถู เหนือขั้นเทวะขึ้นไปคือขอบเขตอะไร?”