438. เหลยจี
แม้จะได้ยินคำว่า “สมบัติ” หวังหลินก็ยังนิ่งเฉยอยู่ได้ เขาเคยสังหารบรรพชนเผ่ามารยักและผนึกเผ่ามารยักษ์มาครั้งนึงแล้ว หากบรรพชนผู้ก่อตั้งคนนี้ได้รับอิสระไปและรู้เรื่องนั้น หวังหลินคงเป็นคนแรกที่เขาจะมาหา หวังหลินยังไม่ถึงจุดที่ว่าจะไม่กลัวอะไรเลย
ยิ่งไปกว่านั้นบรรพชนผู้ก่อตั้งไม่ได้พูดว่าสมบัติชิ้นนั้นคืออะไรอีกด้วย
หวังหลินมองต้นไม้บนหน้าอกยักษ์ จากนั้นตบกระเป๋าและธงกฎเกณฑ์ปรากฎขึ้นมา
เขาไม่ได้ใช้ธงกฎเกณฑ์ไปพักนึงหลังจากได้ธงวิญญาณมา ตอนนี้ถึงจังหวะที่จะใช้มันแล้ว
หวังหลินโบกสะบัดธงกฎเกณฑ์ทำให้เชือกควันกฎเกณฑ์ปรากฎขึ้นจากนั้นตะโกนก้อง “ผนึก!”
ด้วยคำพูดเพียงคำเดียว เชือกแห่งกฎเกณฑ์ทั้งหมดเปลี่ยนกลายเป็นกฎเกณฑ์จำนวนมากเรืองแสงสีดำ กฎเกณฑ์เคลื่อนไหวราวกับภูติพรายและร่อนลงบนหน้าอกยักษ์ กฎเกณฑ์แต่ละจุดคล้ายกับตาข่ายขนาดใหญ่เอาไว้ผนึกต้นไม้บนหน้าอกยักษ์
ในเวลาเดียวกัน เขาก็พุ่งตัวออกไปตัดต้นไม้ออกมากิ่งหนึ่ง
หวังหลินจัดการต้นไม้พวกนี้เพื่อให้มั่นใจว่าพวกมันยังคงอยู่เหมือนเดิม
จนกระทั่งตอนนี้เขาหักกิ่งไม้ออกไปเพียงสองกิ่งเท่านั้น
ด้วยกิ่งไม้ในมือ หวังหลินจึงมาถึงคอของเจ้ายักษ์ เขารู้สึกถึงพลังชีวิตแข็งแกร่งออกมาจากเจ้ายักษ์ตอนที่สัมผัสกับคอมัน
ดวงตาหวังหลินสว่างวาบพร้อมกับกดกิ่งไม้ลงบนคอเจ้ายักษ์ให้กรีดโลหิตออกมา
“ช่วยด้วย….หากท่านช่วยข้า ข้าจะกลายเป็นข้ารับใช้และพาหนะของท่าน ข้าจะยังให้สมบัติของเผ่ามารยักษ์ด้วย โลหะเปิดสวรรค์”
“พาหนะ?” หวังหลินสั่นเทาและกิ่งไม้ในมือหยุดชะงัก
“ถูกต้อง ข้าจะกลายเป็นพาหนะของท่าน เหล่าเซียนทรงพลังในสมาพันธ์เซียนชอบใช้เผ่ามารยักษ์เป็นพาหนะ หากท่านช่วยข้า ข้าจะกลายเป็นพาหนะของท่าน” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
หลังขบคิดเล็กน้อย ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและกดกิ่งไม้ลงบนคอเจ้ายักษ์ วงกลมสีดำปรากฎบนผิวหนังของมันขณะที่กิ่งไม้กรีดเข้าไปในเส้นโลหิตและหายไป
ขณะเดียวกันโลหิตก็พุ่งกระจายออกมา หวังหลินรีบกดขวดหยกต้านรับกับแผลกละเก็บโลหตทั้งหมดโดยไม่ผิดพลาดแม้เพียงหยดเดียว
ความเร็วที่เก็บได้ก่อนหน้าเทียบกันไม่ได้กับตอนนี้เลย
โลหิตจำนวนมากถูกเก็บไว้ในขวดหยกจนกระทั่งร่างมันเริ่มบิดเบี้ยว พลังชีวิตอันแข็งแกร่งตามมาพร้อมกับโลหิตเข้าไปในขวดหยก
“ทำไมท่านถึงไม่ช่วยข้าเมื่อข้าจะกลายเป็นพาหนะของท่าน?! ท่านต้องการสิ่งใดเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อจะช่วยข้ากันแน่?!” น้ำเสียงตอนนี้เริ่มคำราม
หวังหลินเอ่ยถามขึ้นขณะกักเก็บโลหิตด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ท่านเป็นใคร?”
“ข้าเป็นหัวหน้าสาขาของเผ่ามารยักษ์ เหล่ยจี!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความภูมิใจอันหนักแน่น
หวังหลินถามอีก “เหล่ยจี ท่านถูกผนึกที่นี่ได้อย่างไร?”
“เป็นเพราะสำนักซากศพ ระหว่างการต่อสู้กับเผ่าละทิ้งอมตะ ข้าถูกชาแมนสิบเอ็ดใบไม้ตามไล่ล่าและบาดเจ็บหนัก ข้าจึงหลบหนี สำนักซากศพเห็นโอกาสขณะที่ข้าบาดเจ็บจึงจับตัวและผนึกข้าไว้ที่นี่”
หวังหลินมองหินหยกในฝ่ามือ เขากระจายสัมผัสวิญญาณออกและพบว่าขวดหยกได้รวบรวมโลหิตมาจำนวนมาก
“ท่านช่วยข้าและข้าจะกลายเป็นพาหนะของท่าน เผ่ามารยักษ์จะไม่กลายเป็นพาหนะของใครง่ายๆ แต่เมื่อเราเป็นแล้วจะไม่ทรยศเจ้านายตลอดไป”
หวังหลินเอ่ยถาม “พาหนะ? มีประโยชน์อะไรที่จะมีเผ่ามารยักษ์เป็นพาหนะกัน?”
ขณะนี้กระแสโลหิตที่ออกมาจากรอยแผลกำลังบางลงและรอยแผลดูเหมือนกำลังสมานตัว หวังหลินชี้ไปที่คอเจ้ายักษ์จากนั้นขวดหยกลอยขึ้นสู่อากาศถูกเขาคว้าเอาไว้ ในเวลาเดียวกันฝ่ามือขวาซึ่งเต็มไปด้วยพลังปราณสวรรค์ได้ลดลงมาและกระแทกใส่ก้านคอ โลหิตจำนวนมากพุ่งกระจายอีกครั้งและถูกขวดหยกเก็บรวบรวมไปอีก
“ท่านรู้จักเข็มทิศดวงดาวไหม? ร่างของเผ่ามารยักษ์คล้ายคลึงกับเข็มทิศดวงดาวแต่ว่าแข็งแกร่งกว่า ร่างของเราเป็นอุปกรณ์ที่ดีที่สุดในการเดินทางข้ามดวงดาว รวมถึงร่างของเผ่ามารยักษ์ไม่ได้รับผลกระทบสถานที่บางแห่งที่พวกเซียนไม่อาจไปได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่พวกเซียนแข็งแกร่งเหล่านั้นในสมาพันธ์ฌซียนถึงจ่ายราคาค่าตัวเผ่าของเราอย่างงามให้กลายเป็นพาหนะ”
“ประหลาดจริง!” หวังหลินขมวดคิ้ว แม้ว่าน้ำเสียงบรรพชนเผ่ามารยักษ์จะร้อนใจมากแต่คำตอบกลับมีรายละเอียดสมจริง
ซึ่งจุดนี้นับว่าน่าประหลาดใจ มันไม่เหมือนกับคนที่กำลังร้อนใจแต่ราวกับทุกสิ่งเป็นเพียงแค่การแสดง
เขาเสนอตัวเป็นพาหนะและยกสมบัติของเผ่ามารยักษ์ให้อีก จากนั้นเขาก็เริ่มตอบคำถามของหวังหลินอย่างละเอียดซึ่งนั่นเป็นการชะลอเวลา
ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นและกดฝ่ามือลงบนคอยักษ์ เขาใช้พลังปราณสวรรค์เพื่อเร่งให้โลหิตออกมาเร็วขึ้น
“และสมบัติของเผ่าข้า โลหะเปิดสวรรค์ หากท่านช่วยข้า ข้าจะยกมันให้ท่าน นั่นเป็นสมบัติที่ทรงพลังยิ่งกว่าสมบัติสวรรค์!” น้ำเสียงแฝงไปด้วยคำยั่วยุ
หวงหลินเหยียดยิ้มและเอ่ยออกมา “โลหะเปิดสวรรค์มันคือสิ่งใด?”
“มันเป็นสมบัติที่บรรพชนรุ่นแรกของเผ่ามารยักษ์ทิ้งไว้เบื้องหลัง มีเศษของมันทั้งหมด 99 ชิ้น เมื่อรวมเข้าด้วยกันแจะสามารถใช้สร้างเป็นเกราะรบของเทพโบราณได้ เมื่อสวมเกราะนี้ท่านจะมีพลังของเทพโบราณในตำนาน หากท่านช่วยข้า ข้าจะเผยตำแหน่งที่ตั้งชิ้นนึงให้” ขณะที่โลหิตถูกสูบออกไป น้ำเสียงยิ่งอ่อนแอขึ้นแต่การตอบยังคงเต็มไปด้วยรายละเอียด
หวังหลินยิ้มเยือกเย็น ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่ายักษ์ตนนี้กำลังถ่วงเวลา มันอาจพยายามทำอะไรบางอย่าง ยิ่งเขาสูบเลือดมันไปนานเท่าไหร่ก็ยิ่งมีประโยชน์ต่อมันมากเท่านั้น
เมื่อคิดเรื่องนี้หวังหลินจึงตัดสินใจคว้าขวดหยกและกระโดดออกจากร่างยักษ์
ในเวลาเดียวกันเขาก็โบกแขนและกฎเกณฑ์ที่ผนึกต้นไม้ก็กลับคืนสู่ธงกฎเกณฑ์
ไม่ต้องรอให้กฎเกณฑ์ผนึกพวกมัน เหล่าต้นไม้เริ่มขยับเขยื้อนอีก สองสามต้นมาถึงถัดจากรอยแผลตรงคอ จากนั้นเจาะลงเข้าไปและเริ่มเคลื่อนไหวไปรอบๆ
“ท่าน….ช่วยด้วย! หากท่านช่วยข้า ข้าจะให้คนของเผ่ามารยักษ์บนดาวซูซาคุยอมรับท่านเป็นเจ้านาย!”
หวังหลินลอยกลางอากาศ ดวงตาเยือกเย็นและกระซิบ “ข้าไม่อาจช่วยท่านได้ ช่วยท่านไปไม่มีประโยชน์สำหรับข้า ข้าไม่สนใจสมบัติอะไรที่ท่านพูดถึงและการทิ้งท่านไว้ที่นี่ข้าจะสามารถรวบรวมโลหิตเวลาไหนก็ได้”
น้ำเสียงรีบเอ่ยขึ้น “ท่านต้องมีวิธีใช้ประโยชน์จากโลหิตข้าได้อย่างดีแน่ ข้ามีไขกระดูกหนึ่ง พลังจากมันให้มากกว่าโลหิตของข้าหลายเท่า หากท่านต้องการข้าจะยกให้ ถึงแม้ท่านจะไม่ช่วยข้า เพียงแค่ส่งข่าวของข้าให้เผ่ามารยักษ์หรือซูซาคุคนปัจจุบันก็พอ ว่าอย่างไร?”
ดวงตาหวังหลินส่องสว่าง เขาหัวเราะเยือกเย้นและไม่เสียเวลากับคนผู้นี้อีก พลันเปลี่ยนเป็นควันสีเขียวและหายตัวไปจากที่นี่
หลังหวังหลินจากไป ร่างยักษ์สั่นเทาและร้องคำราม
“เวลาอีกเพียงครึ่งก้านธูปเท่านั้น! หากคนผู้นั้นดูดโลหิตของข้าไปจนเหลือเพียงหนึ่งในสาม ข้าคงล่อให้รากต้นไม้หลักออกไปจากร่างกายข้าได้ เมื่อนั้นข้าคงมีทางที่จะเอาวิญญาณออกจากร่างกายนี้!”
เสียงคำรามของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ สายตาที่ปิดสนิทพลันตื่นขึ้นทันที
สองลำแสงที่สว่างมากกว่าสายฟ้ากระพริบในดวงตา
ขณะที่คำราม ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเจ็บปวดพร้อมกับผิวหนังที่ปกคลุมกระดูกสันหลังเริ่มขยับ หลังจากนั้นไม่นานหนามแหลมสีม่วงอมฟ้าโผล่ออกมาจากกระดูกสันหลังของเขา
หนามอันน่ากลัวหลายแถวเรืองแสงสีม่วงปรากฎบนแผ่นหลัง บนกระดูกสันหลังชิ้นบนสุดมีต้นไม้สีม่วงขนาดครึ่งนึงของร่างหลักโผล่ออกมา ในเวลาเดียวกันมันก็ยื่นกิ่งก้านสาขาออกไปจำนวนนับไม่ถ้วนเพื่อปกคลุมร่างยักษ์ในไม่ช้า
ดอกไม้สีม่วงขนาดหนึ่งในสามของร่างยักษ์พลันผลิบาน มันดูดพลังชีวิตจากร่างยักษ์เพื่อเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ
เจ้ายักษ์คำรามอย่างเจ็บปวด “สำนักซากศพ! หากว่าข้าเหลยจี ได้รับอิสระเข้าสักวัน ข้าจะไม่ลืมสิ่งที่พวกแกทำไว้!!!”
ร่างหวังหลินปรากฎในสำนักซากศพ เขาชี้กลางอากาศทำให้วิญญาณดวงหนึ่งปรากฎขึ้น วิญญาณดวงนี้คือวิญญาณที่เขาทิ้งไว้ข้างในถ้ำหลังจากที่ออกมาเพื่อตรวจสอบสถานการณ์
ในถ้ำแห่งนั้นมีพลังลึกลับที่ห้ามใช้สัมผัสวิญญาณเอาไว้แต่ไม่มีผลอะไรต่อเหล่าดวงวิญญาณ
เมื่อหวังหลินชี้ไปที่วิญญาณดวงนั้น ดวงตาเขาสว่างวาบและยิ้มออกมา จากนั้นเคลื่อนไหวและหายตัวไปจากสำนักซากศพ
หวังหลินปรากฎตัวบนพื้นที่ราบเหนือสำนักซากศพ เขามองไปทางทิศเหนือและเห็นคลื่นควันยักษ์สีฟ้ากำลังเข้ามาหาเขาราวกับสึนามิ
ข้างในควันสึนามิสีฟ้าเป็นร่างเด็กหนุ่มสวมชุดแดงกำลังเดินมา
เด็กคนนี้หน้าตาหล่อเหลาเอาการ ใบหน้าขาวราวกับหยกและดูน่ารักมาก ทว่าสายตามีเปลวเพลิงอำมหิตซ่อนไว้อย่างดี
เขาเดินก้าวเข้ามาทีละก้าว ฟ้าดินเหมือนสั่นสะท้านใต้ฝ่าเท้าเขา ขณะที่ควันสีฟ้าเคลื่อนผ่านไป ก้อนเมฆและใบหญ้าทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสีฟ้าเรืองรองสว่างไสว
“ฮ่าฮ่า หวังหลิน เจ้าคิดว่าร่างใหม่ของข้าเป็นอย่างไร?”