Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 481

Cover Renegade Immortal 1

481. ควบคุม

หวังหลินมองนางและเอ่ยถาม “ทำไม?”

นางตอบอย่างเย็นชาขณะที่ใบหน้าเต็มไปด้วยจิตสังหาร “ไม่มีเหตุผล เจ้าสามารถอาศัยที่ไหนก็ได้แต่ไม่ใช่ที่นี่!”

ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นและมองไปที่ตำหนักเมฆาม่วง เขาครุ่นคิดเล็กน้อยจากนั้นก้าวถอยหลัง นั่งลงและเริ่มบ่มเพาะ

หวังหลินอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่เริมมีปัญหา เขามาที่ดาวเทียนหยุนเพื่อหาสถานที่สงบเงียบเพื่อบ่มเพาะ ดังนั้นเข้าจึงไม่ได้จะมาสร้างความเกลียดชังให้กับใคร

เมื่อสถานการณ์ที่นี่ซับซ้อนเล็กน้อย หลังครุ่นคิดอยู่สักพักหวังหลินจึงคิดว่าทั้งหมดต้องเกี่ยวข้องกับตำหนักเมฆาม่วงแห่งนี้เป็นแน่

เมื่อสตรีนางนั้นเห็นหวังหลินนั่งลง นางขมวดคิ้วและเอ่ยอย่างเย็นชา “เขาไม่สามารถพักอยู่ที่นี่ได้ เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ที่นี่แม้เพียงครึ่งก้าวภายในระยะห้าสิบลี้ของตำหนักเมฆาม่วง จากไปได้แล้ว!”

หวังหลินเงยศีรษะขึ้นทันทีและเจตนาฆ่าฟันแล่นผ่านดวงตาเขา สตรีคนนี้เป็นเพียงขั้นแปลงวิญญาณระดับต้นเท่านั้น หวังหลินจึงไม่ถือว่านางเป็นภัยคุกคาม

นางไม่ได้ผงะและยังจ้องหวังหลินกลับ

หลังจากนั้นไม่นาน หวังหลินถอนสายตา ยืนขึ้นและเดินออกไปไกล

จนกระทั่งหวังหลินลับสายตานางไป ลมเย็นๆพัดผ่านและนางพบว่าด้านหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นเฉียบ

นางกัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย เดินออกมาจากตำหนักเมฆาม่วงด้วยสายตารันทด นางนั่งด้านข้างมันจ้องไปบนท้องฟ้าและกระซิบกระซาบ “ศิษย์พี่ซุนหยุน ตราบใดที่ศิษย์น้องอยู่ที่นี่จะไม่มีใครมาแทนที่ท่านได้ ไม่มีวัน!”

บนหน้าผากสวยงามแห่งหนึ่งห่างจากตำหนักเมฆาม่วงออกไปห้าสิบลี้ หวังหลินหยุดลงสะบัดแขนและกระบี่เหินเล่มหนึ่งปรากฎออกมา กระบี่ลอยเข้าหาหน้าผาและหลังจากนั้นไม่นานถ้ำแห่งหนึ่งก็สร้างขึ้น

หวังหลินเก็บกระบี่เหินและเดินเข้าไปข้างใน หลังจากวางกฎเกณฑ์ลงไปหลายอย่างเขาก็นั่งลงและถอนหายใจ

ดวงตาเต็มไปด้วยประกายแสงครุ่นคิด

“ชั้นบรรยากาศของสำนักชะตาสวรรค์ปิดบัง ข้าไม่ได้ผ่านสามบททดสอบและจ้าวซิงชาคนนั้นยังเรียกข้าว่าศิษย์น้องและบอกข้าว่าอาจารย์กำหนดให้ข้าอาศัยอยู่ในตำหนักเมฆาม่วง”

“ตอนนี้ตำหนักนั้นก็มีใครสักคนปกป้องเอาไว้ นางไม่ยอมให้ใครเข้าไปใกล้อีก…”

“เรื่องทั้งหมดนี้ปกคลุมไปด้วยหมอกที่ข้าไม่สามารถมองออก ข้าต้องคิดหาทางรู้ให้หมดโดยเฉพาะเรื่องราวเบื้องหลังตำหนักเมฆาม่วง!”

สำนักชะตาสวรรค์เงียบสงัดเวลาค่ำคืน นอกจากศิษย์ไม่กี่คนที่ทำหน้าที่เฝ้าระวังแล้ว ทุกคนที่นี่ต่างก็บ่มเพาะ

หวังหลินลืมตาขึ้นในเวลากลางคืน ลุกขึ้นยืนและเดินออกจากถ้ำที่เขาสร้างด้วยตัวเอง ดวงตาส่องสว่างมองไปรอบๆจากนั้นก้าวไปข้างหน้าเปลี่ยนเป็นควันสีดำและหายตัวไป

ตำหนักเมฆาม่วงราวกับอสูรกำลังนอนหลับไหล ขณะนี้ควันสีดำสายหนึ่งเข้าไปในตำหนักเมฆาม่วง

ตำหนักเมฆาม่วงมีทั้งหมดสามชั้น หวังหลินปรากฎตัวบนชั้นแรก ของตกแต่งรอบๆดูเรียบง่าย แต่แทนที่มันจะดูธรรมดาเกินไปแต่มันกลับให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาแทน

หลังมองไปรอบๆหวังหลินก็เดินขึ้นไปชั้นที่สอง ชั้นนี้มีอยู่หนึ่งเตียงพร้อมกับเก้าอี้สองสามตัว มีภาพวาดภูเขาและแม่น้ำแขวนไว้บนผนังและด้านข้างภาพขวานมีกระบี่โบราณแขวนเอาไว้

ทั้งหมดนี้ดูธรรมดามากโดยไม่มีอะไรผิดปกติ

ชั้นที่สามเป็นห้องลับที่ถูกใช้เพื่อบ่มเพาะ เพดานถูกสร้างขึ้นด้วยวัตถุดิบที่หวังหลินไม่เคยเห็นมาก่อน มันดูเหมือนไม่มีสิ่งใดอยู่ตรงนั้นซึ่งสามารถมองเห็นทะลุขึ้นไปถึงท้องฟ้าด้านนอกได้

หวังหลินไม่สามารถพบสิ่งแปลกปลอมอันใดในสถานที่แห่งนี้

วันเวลาผ่านไปและในพริบตาหวังหลินก็อยู่ในกลุ่มสีฟ้าของสำนักชะตาสวรรค์เป็นเวลาครึ่งเดือน

ช่วงระหว่างครึ่งเดือนนี้ไม่มีใครเข้ามาหาหวังหลิน แม้แต่ศิษย์คนอื่นๆทั้งหมดก็มองเขาด้วยสายตาประหลาดและอยู่ห่างจากเขาราวกับเทพวิบัติ

เทียนหยุนไม่เคยเรียกหาเขาราวกับว่าหลงลืมหวังหลินไป

ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้ถ้ำที่เขาสร้างขึ้นภายในรัศมีสิบลี้ ราวกับเป็นพื้นที่ต้องห้าม

ช่วงระหว่างครึ่งเดือนนี้ไม่มีใครพุดคุยกับหวังหลินเลย และจ้าวซิงชาก็ดูเหมือนจะหายตัวไป เขาไม่เคยแสดงตัวขึ้นอีกครั้งเลย

สตรีคนนั้นมักจะปรากฎตัวด้านหน้าอารามเมฆาม่วงทุกวันที่แสงแดดส่อง นางจ้องมองท้องฟ้าด้วยสายตาว่างเปล่าตลอดทั้งวันและครึ่งเดือนนั้นนางก็ทำเช่นนี้ทุกวัน

หากเหตุการณ์ดำเนินเช่นนี้ต่อไปหวังหลินก็คงไม่คิดอะไรมาก การสามารถบ่มเพาะโดยไม่มีใครมาก่อกวนเขาถือว่าผ่อนคลายอย่างยิ่ง ทว่าในยามบ่ายของวันที่ 17 หวังหลินที่กำลังบ่มเพาะอยู่ภายในถ้ำพลันขมวดคิ้วและมองออกไปนอกถ้ำทันที

ด้านนอกถ้ำมีลำแสงสองเส้นลอยเข้ามาจากระยะไกล หลังหมุนเป็นวงกลมหนึ่งคราพวกเขาก็ร่อนลงไม่ไกลและเผยตัวเป็นชายชราสองคนสวมชุดคลุมสีม่วงส่องสว่าง

ชายชราหนึ่งในนั้นตัวอ้วนท้วนและอีกคนผอมบาง ทั้งสองมองไปที่ถ้ำของหวังหลินด้วยใบหน้าเย็นชา หนึ่งในนั้นตะโกนขึ้น “ศิษย์คนใดกล้าเปิดถ้ำขึ้นที่นี่โดยไม่มีการอนุญาตของผู้อาวุโส? จงออกมาที่นี่เดี๋ยวนี้!”

ร่างหวังหลินออกมาจากถ้ำ ใบหน้าหมองหม่นมองไปที่ชายชราสองคน ทั้งคู่ต่างก็เป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับต้น

หนึ่งในชายชราตะโกนออกมา “เจ้าเป็นใครถึงกล้าเปิดถ้ำขึ้นที่นี่? เจ้ามีเวลาหนึ่งก้านธูปเพื่อทำลายถ้ำแห่งนี้และจากที่นี่ไป ไม่เช่นนั้นเจ้าจะได้รับการลงโทษตามกฎสำนัก!”

ดวงตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งและถามขึ้น “ท่านทั้งสองเป็นใคร?”

คนที่ยังไม่ได้พูดสักคำพลันเอ่ย “ผู้อาวุโสคุมประพฤติของกลุ่มสีม่วง!”

หวังหลินสะบัดแขนไปเบื้องหลังเกิดเสียงดังตู้ม ถ้ำที่เขาอาศัยอยู่มาครึ่งเดือนพลันล่มสลายเกิดเป็นควันฝุ่น

ร่างหวังหลินดูเหมือนจางหายเข้าไปและออกมาจากควันฝุ่นแต่ดวงตาเขายังสงบนิ่งเช่นเดิม

ชายชราผู้โอหังก่อนหน้านี้พลันเยาะเย้ย “แม้ว่าเจ้าจะทำลายถ้ำไปแล้วแต่เจ้าแหกกฎสำนัก ตามเรามาที่โถงหลัก คนที่นั่นจะตัดสินโทษของเจ้า!”

หวังหลินสูดหายใจลึกจากนั้นมองทั้งสองคนและเอ่ยท่าทีนิ่งๆ “ข้าเพียงต้องการบ่มเพาะอย่างเงียบสงบและไม่ได้มีส่วนรวมในการลวงหลอกทั้งหมด นับตั้งแต่ข้ามาที่นี่สิ่งที่ข้าพบเจอนับว่าไม่มีความยุติธรรม ช่างมันเถอะ!”

เช่นนั้นเขาเคลื่อนตัวไปข้างหน้าและตบกระเป๋า แส้ฟาดวิญญาณพลันปรากฎในฝ่ามือและหวดเข้าหาทั้งสองคนราวกับมังกร

ใบหน้าชายชราทั้งสองคนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและถอยกลับหลัง ททั้งสองคนเริ่มร่ายมนต์และในไม่ช้าแต่ละคนก็มีแสงสีขาวดำโผล่ออกมา

หนึ่งในชายชรารีบตะโกนขึ้น “เจ้ากล้าโจมตีผู้อาวุโสคุมประพฤติ?!”

ทว่าแส้ฟาดวิญญาณรวดเร็วมาก หลังเกิดภาพติดตา ใบหน้าผู้อาวุโสคนที่ตะโกนก็เปลี่ยนทันที ร่างเขาสั่นสะท้านจากนั้นเกิดเสียงดับป๊อป เขาถูกผลักออกไป โผลิตออกมาจากมุมปากและวิญญาณดั้งเดิมถูกผลักออกไปสามนิ้ว

แส้ฟาดวิญญาณนั้นใช้โจมตีวิญญาณดั้งเดิมโดยเฉพาะ!

สีหน้าเขาเผยความกลัวเกินจินตนาการขณะที่จะกลับเข้าร่างด้วยความสั่นเทา ท่าหวังหลินไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสนั้น นิ้วมือวาดโค้งออกมา

สายฟ้าแดงเส้นโค้งพุ่งออกไปเข้าหาชายชรา ใบหน้าเขาน่าเกลียดขณะพ่นหมอกควันออกมาป้องกันสายฟ้าโค้งนั้น

ผู้อาวุโสอีกคนใบหน้าซีดเผือดทันที เขาสะบัดแสงสีขาวในมือไปข้างหน้าทันที กระบี่ม่วงปรากฎในฝ่ามือชี้ไปที่หวังหลินและตะโกน “เจ็ดดาราทลาย!”

ขณะที่เอ่ยคำนั้น กระบี่ม่วงแตกร้าวและแบ่งออกเป็นเศษส่วนเจ็ดชิ้น เศษทั้งเจ็ดของกระบี่ไอ้โอบอุ้มกลิ่นอายกองทัพนับหมื่นและพุ่งเข้าหาหวังหลิน

หวังหลินพลันหันกลับมาและดวงตาส่องสว่างขึ้น จิตสังหารเข้มข้นทะลักออกมาจากดวงตา

“อะ…สายตาแบบนั้นมันอะไรกัน!?!?! นี่ข้ากำลังกระตุ้นสัตว์ประหลาดอะไรอยู่!?!?!” หลังชายชราเห็นจิตสังหารในดวงตาหวังหลิน จิตใจเขาพลันสั่นเทา เพียงแค่ขณะนั้นหวังหลินตบกระเป๋าและกระบี่สวรรค์ปรากฎขึ้นมารวดเร็วดั่งสาฟ้า

สิ่งที่ปรากฎหลังจากกระบี่สวรรค์คือดาบครึ่งจันทราที่แม้แต่หวังหลินก็ระแวง

เสียงเสี่ยงหึ่งๆดังก้อง เศษกระบี่ทั้งเจ็ดชิ้นไม่แม้แต่เข้าใกล้ก่อนจะแตกสลายออกไปเนื่องจากแรงกดดันของกระบี่สวรรค์ เสียงหัวเราะของฉวี่ลี่กั๋วดังออกมาจากภายในกระบี่สวรรค์

ชายชราหันตัวกลับเพื่อหลบหนีโดยไม่มีอาการลังเล เขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อย่างชัดเจนแล้ว สิ่งที่ทำให้เศษกระบี่เจ็ดชิ้นแตกกระจายไม่ใช่กระบี่สวรรค์แต่เห็นดาบครึ่งจันทราด้านหลังมัน ดาบครึ่งจันทรานั้นกวัดแกว่งเจ็ดครึ่งในพริบตา แต่ละครั้งปะทะเข้าใส่หนึ่งในเศษทั้งเจ็ดและทำให้พวกมันทั้งหมดแตกละเอียด

แต่ว่าความเร็วของมันรวดเร็วเกินไปจนดูเหมือนเศษทั้งเจ็ดชิ้นแตกสลายในเวลาเดียวกัน

หลังจากเห็นเช่นนี้จะไม่ให้ชายชราตกใจได้อย่างไร? เขาลอบก่นด่า หากเขารู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นเขาคงไม่ฟังคำพูดจ้าวซิงชา แม้ว่าตอนนี้เขาจะเสียใจมันก็สายเกินไปแล้ว

หวังหลินไม่แม้แต่มองผู้อาวุโสคนนั้น เพียงก้าวเดียวเขาก็มาถึงถัดกับผู้อาวุโสที่วิญญาณดั้งเดิมหลุดออกไป ตอนที่หวังหลินเข้ามาใกล้ผู้อาวุโสยังคงต่อต้านสายฟ้าเส้นโค้ง เขากำลังจะล้มเลิกการต่อต้านและกำลังจะหลบหนีแทน

ดวงตาหวังหลินเยือกเย็นขั้นสุด เขาสะบัดแขนและธงกฎเกณฑ์ปรากฎออกมาในอุ้งมือ เพียงสะบัดหนึ่งครั้งกฎเกณฑ์นับไม่ถ้วนพุ่งออกมาและผนึกเส้นทางหลบหนีของวิญญาณดั้งเดิมผู้อาวุโสอย่างสมบูรณ์

ในเวลาเดียวกันเขาก็ยื่นมืออกไปและเอ่ยขึ้น “กลับมา!”

วิญญาณดั้งเดิมสัมผัสถึงพลังแข็งแกร่งสายหนึ่งออกมาจากด้านหลัง แม้ว่ามันจะถูกล้อมรอบด้วยกฎเกณฑ์ มันต้องการเวลาสักเล็กน้อยเพื่อทำลวงออกไป แต่ตอนนี้เวลาเล็กน้อยเช่นนั้นไม่อาจเป็นไปได้!

เขากัดฟันกรอดขณะที่หันกลับมาและตะโกน “ข้าเป็นผู้อาวุโสคุมประพฤติ! แม้เจ้าจะเป็นศิษย์ของเทียนหยุน หากเจ้าสังหารข้าเจ้าจะถูกลงโทษจากสำนัก!”

หวังหลินเยาะเย้ย “ดูเหมือนท่านจะรู้จักตัวตนของข้าดี!” เขาดึงแขนขวากลับทำให้วิญญาณดั้งเดิมกรีดร้องโหยหวนและถูกดึงให้กลับเข้ามา

ในเวลาเดียวกันหวังหลินตบกระเป๋าและกระดิ่งลอยออกมา กระดิ่งเติบโตขึ้นยาวสามเมตรจากนั้นหวังหลินโยนวิญญาณดั้งเดิมไปที่กระดิ่งและให้มันขังวิญญาณดั้งเดิมเอาไว้

“หล่อหลอม!” หวังหลินตะโกนขณะที่หันไปรอบๆและมองขึ้นไป

ด้านบน ชายชราอีกคนถูกบังคับให้ถอยกลับมาด้วยใบหน้าเจ็บปวด เขายืนห่างไปหนึ่งร้อยฟุตและไม่กล้าเคลื่อนไหวเลย กระบี่ครึ่งจันทรากวัดแกว่งอย่างน่ากลัวเบื้องหน้าเขา และเสียงหัวเราะจองหองของฉวี่ลี่กั๋วดังออกมาจากกระบี่สวรรค์

“เจ้าหลานชายยืนอยู่ตรงนี้ต่อหน้าปู่ฉวี่ซะ หากเจ้ากล้าเคลื่อนไหวแม้หนึ่งนิ้ว ข้าจะหั่นเจ้าเป็นชิ้นๆ!”

หวังหลินมองชายชราด้วยสายตาสงบนิ่งและเอ่ยออกมา “เมื่อที่นี่ไม่ต้องการให้ข้าอยู่อย่างสงบ ข้าจะแสดงตัวและควบคุมซะ! ตอนนี้บอกข้ามาว่าเมื่อก่อนใครอยู่ในตำหนักเมฆาม่วง!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version