577. คลื่นใต้น้ำ
หลังจากออกมาจากคฤหาสน์ของรองผู้บัญชาการซวน ดวงตาโม่ลี่ไฮ่เต็มไปด้วยความสุข เขาต้องการจะพูดหลายครั้งแต่ลังเลและท้ายที่สุดจึงไม่ได้พูดออกไป เมื่อกลับมาที่คฤหาสน์แม่ทัพโม่ โม่ลี่ไฮ่สูดหายใจลึกและเอ่ยขึ้นด้วยสายตาจริงใจ “น้องหวัง การประลองระหว่างเหล่าแม่ทัพปิศาจขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว ข้าจะจดจำบุญคุณของเจริงครั้งนี้!”
นี่เป็นครั้งแรกที่โม่ลี่ไฮ่กล่าวกับหวังหลินด้วยน้ำเสียงนี้ ในความคิดเขา หวังหลินไม่ได้เท่ากับเขาอีกแล้วแต่เป็นคนที่สามารถบังคับรองผู้บัญชาการสูงสุดให้ล่าถอยไปหลายก้าวด้วยการโจมตีเดียว!
โม่ลี่ไฮ่เชื่อว่าด้วยการช่วยเหลือของหวังหลิน เขาสามารถเอาชนะการประลองได้แล้ว!
เขาเข้าใจวิชาของหวังหลินอย่างที่สุดและตื่นตะลึงมาก ในขากลับเขาคิดถึงวิชานั้นและจิตนาการว่าตัวเองกำลังเผชิญมัน ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังพ่ายแพ้!
ท่าทางหวังหลินไม่ได้อวดดีหรือภูมิใจ เขาสงบนิ่งมาก ตอนนี้เขาเพียงแค่ยิ้มและเอ่ยขึ้น “พี่โม่ เมื่อข้าตกลงเรื่องนี้ไปแล้ว ข้าจะช่วยท่านแน่นอน!”
โม่ลี่ไฮ่หัวเราะ เขามีความสุขอย่างที่สุดและยิ้มขึ้นมา “น้องหวัง ข้ามีเหล้าโบราณที่บ่มมาห้าร้อยปี คืนนี้เราจะดื่มมัน!”
ดวงตาหวังหลินส่องสว่างพลันพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
ณ อารามกระบี่ที่อยู่ใจกลางเมืองปิศาจฟ้า คนผู้หนึ่งสวมเสื้อคลุมสีเหลืองปรากฏตัวขึ้น เขามองอารามกระบี่จักรพรรดิและยิ้มออกมา “เล่นพอแล้วใช่ไหม? ห้ามไปคุกเมืองฮ่องอีกต่อไป จงอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน”
กระบี่เงินข้างในค่ายกลปลดปล่อยเสียงหึ่งๆราวกับไม่ยอมแพ้
คนผู้นั้นหัวเราะ “หากเจ้ายังซุกซน ข้าจะส่งเจ้าไปทะเลสาปมังกร”
กระบี่จักรพรรดิหยุดส่งเสียงทันทีราวกับความโอหังทั้งหมดสูญหายไป มันส่งเสียงหึ่งๆเล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่าจะมันจะทำท่าทางเช่นนี้ ความโกรธเกรี้ยวที่มีต่ออาหารซึ่งกล้ามาหลอกมันยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก
หลังจากกระบี่จักรพรรดิหยุดเข้าไปคุกเมืองฮ่อง โลกสีแดงด้านล่างค่อยๆฟื้นฟูอย่างช้าๆ เหล่านักโทษถูกโยนเข้าไปข้างในและวงจรการฆ่าฟันเริ่มขึ้นอีกครั้ง
ชายหนุ่มผมดำอยู่ในบ่อโลหิตอย่างเงียบงัน จิตสังหารหลายเส้นสายเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่องและกลิ่นอายฆ่าฟันรอบร่างยิ่งแข็งแกร่งขึ้นและรุนแรงขึ้น
เขาเงยศีรษะขึ้นเป็นพักๆและดวงตาแดงฉานแฝงความกระจ่างชัด
“ข้าต้องหนีรอดเหมือนเขา!”
เมื่อการเข่นฆ่าเริ่มต้นขึ้น ทุกคนในบ่อโลหิตลอยตัวขึ้นไปบนอากาศและเริ่มฆ่ากันเอง ชายหนุ่มผมดำเสมือนกับเทพแห่งการเข่นฆ่า ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหารเข้มข้นและเคลื่อนร่างผ่านหลายคนราวกับมังกรกำลังโกรธเกรี้ยว
หลังจากการฆ่าฟันที่ไม่รู้จบเสร็จสิ้น เหลือเพียงชายผมดำอยู่กลางท้องฟ้าคนเดียว ผู้คนที่พึ่งเกิดใหม่ทั้งหมดใบหน้าสงบนิ่งและไม่ได้มองขึ้นไปบนท้องฟ้า
หมอกโลหิตล้อมรอบชายหนุ่มผมดำกว้างกว่าร้อยฟุต เขาสูดหายใจลึกและเผยความกระจ่างชัดที่หาได้ยากก่อนจะมุ่งเข้าไปทางออก
เมื่อเขาเคลื่อนไหวเหลือเพียงไม่กี่ฟุต พลันเกิดแสงสีเงินกระพริบขึ้นมาและมังกรเงินปรากฎขึ้นทันใดพร้อมกับโยนกรงเล็บขนาดยักษ์ของมันออกมาด้วย ชายหนุ่มผมดำข้างในหมอกโลหิตเผยรอยยิ้มขมขื่น
เขาใช้น้ำเสียงที่ได้ยินเพียงคนเดียวและเอ่ยขึ้นบางเบา “ระเบิด!”
เพียงคำเดียว ทั้งร่างเขาระเบิดออกทันที แม้กระทั่งหมอกโลหิตรอบตัวก็ระเบิดไปด้วยจนพลังนั้นปะทะกับกรงเล็บของมังกรเงิน
เสียงดังก้องเต็มไปทั่วบริเวณ มังกรเงินถอนกรงเล็บออกมาและเกิดบาดแผลหลายรอย นี่มันเสมือนน้ำมันราดบนกองไฟ ความโกรธของมังกรเงินต่อหวังหลินได้ถูกจุดขึ้นอีกครั้ง
ส่วนชายหนุ่มผมดำนั้นเกิดขึ้นที่บ่อโลหิตอีกครั้ง จากนั้นก้มศีรษะลงและขบคิด
เจ้ามังกรเงินคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เลื่อนสายตาไปที่ชายหนุ่มผมดำทันที มันส่งเสียงคำรามอีกครั้งพร้อมกับส่งปราณกระบี่หนึ่งสายไปที่บ่อโลหิต
บ่อโลหิตแตกกระจายและชายหนุ่มด้านในตายทันที
วงจรนี้ดำเนินซ้ำต่อไป ทุกครั้งที่เขาเกิดขึ้นมาเจ้ามังกรเงินจะฆ่าเขา หลังจากทำแบบนี้อยู่หลายครั้งเจ้ามังกรเงินเผยท่าทางโอหังและเลือนหายไป
เมื่อจักรพรรดิปิสาจไม่ปล่อยให้มันไปที่คุกเมืองฮ่องและบอกให้มันพักอยู่อีกหลายวัน มันจึงตัดสินใจระบายความโกรธขึ้นที่นี่
ซึ่งไม่ได้กล่าวถึงคุกเมืองฮ่องในตอนนี้เลย
มีเวลาเหลือเพียงอีกครึ่งเดือนจนกว่าจะเกิดการต่อสู้ระหว่างแม่ทัพปิศาจ กลิ่นอายอึดอัดล้อมรอบไปทั้งเมืองปิศาจฟ้าและเหล่าแม่ทัพปิศาจหลายคนต่างกำลังเตรียมการในส่วนของตน
นอกจากการเตรียมการธรรมดาแล้วยังมีการเตรียมการเบื้องหลังฉากอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการต่อรองอย่างลับๆหรือเคลื่อนไหวในที่ลับ ทว่าจักรพรรดิปิศาจไม่ได้สนใจเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง
แม้ว่าจะมีคำสั่งในดินแดนวิญญาณปิศาจ คำสั่งที่ซ่อนอยู่คือความโกลาหลไม่มีที่สิ้นสุด มันคือช่วงกลียุค!
การต่อสู้ระหว่างแม่ทัพปิศาจเป็นสิ่งสำคัญมากเพราะนี่คือโอกาสอันใหญ่หลวงของแม่ทัพปิศาจเพื่อเลื่อนลำดับขั้นขึ้นไป หากพวกเขาพลาดโอกาสนี้นั่นหมายถึงจะติดอยู่ที่ระดับแม่ทัพปิศาจตลอดไป!
ซึ่งทำให้เหล่าแม่ทัพปิศาจสนใจเรื่องนี้มากที่สุดอย่างไม่เคยมีมาก่อน!
การกลายเป็นรองผู้บัญชาการสูงสุดหมายถึงมีคุณสมบัติในการเป็นหัวหน้าผู้บัญชาการสูงสุดในอนาคต เพื่อให้ตำแหน่งนี้มาครอบครองจึงมีวิธีการหลายอย่างถูกใช้ออกมา!
แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสับสนวุ่นว่ายแต่ยังมีคำสั่งหนึ่งออกมา นั่นคือมีเพียงกฏเดียวคือเหล่าแม่ทัพปิศาจไม่ควรให้เกิดการต่อสู้ขั้นเป็นตาย ไม่เช่นนั้นถูกตัดคุณสมบัติออกจากการแข่งขันแม่ทัพปิศาจ!
ทำให้แผนการทั้งหมดตกลงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ผู้ช่วยของแม่ทัพปิศาจแต่ละคน การสังหารผู้ช่วยเสมือนกับการทำลายแขนขวาของแม่ทัพปิศาจตนนั้นและการบดขยี้นั่นหมายถึงการชนะ!
การสังหารผู้ช่วยของแม่ทัพปิศาจจึงกลายเป็นการต่อสู่ซึ่งหน้า!
และการต่อสู้ในที่ลับคือการลอบสังหารแม่ทัพปิศาจ แม่ทัพปิศาจไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้แต่ว่าผู้ช่วยสามารถทำได้ พวกเขาจึงจ้างนักฆ่าเพื่อมาทำเช่นนั้นและเรื่องนี้ไม่ผิดกฏ
อย่างไรก็ตามแม้ว่านี่มันจะไม่ผิดกฏอะไรแต่เป็นการข้ามเส้นแม่ทัพปิศาจ ดังนั้นเว้นแต่คนที่ฆ่าแม่ทัพปิศาจจะมีระดับบ่มเพาะสูงเทียมฟ้า แม้ท่านจะให้ปีกไปก็คงยากจะทำให้คนสั่งการรอดไปได้ พวกเขาจะตายโดยไร้ข้อสงสัย!
นอกจากนั้นแล้วการตายของแม่ทัพปิศาจคนหนึ่งเป็นเรื่องใหญ่ระดับแคว้น!
คงไม่ผิดที่กล่าวว่าใครที่พึ่งพาการลอบสังหารถือว่าเป็นคนหมดหวังโดยสิ้นเชิง!
การต่อสู้ในที่ลับและในที่แจ้งนี้ยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อการแข่งขันใกล้เข้ามา! โม่ลี่ไฮ่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการปิดด่านฝึกตนและไม่ค่อยออกไปไหน ซึ่งทำให้เขาอยู่ในสภาพดีที่สุดและจงใจหลีกเลี่ยงการลอบสังหารไปในตัวด้วย
ในเวลาเดียวกันเขาทั้งยังวางค่ายกลและจัดให้คนในสังกัดของเขาที่มีระดับบ่มเพาะสูงมาเฝ้าระวังอีกชั้นนึง
ระหว่างสภาวะอึดอัดนี้มีเพียงหวังหลินที่สงบนิ่งได้อย่างสมบูรณ์ ชีวิตของเขาไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย เขาออกไปข้างนอกทุกเช้าและนั่งฟังเสียงพิณริมแม่น้ำ
ราวกับเรื่องอึดอัดทั้งหมดและการเคลื่อนไหวก่อนการต่อสู้ครั้งใหญ่เป็นแค่เมฆที่ลอยผ่านไป มีเพียงเสียงพิณเท่านั้นที่สำคัญสำหรับเขา
ทุกครั้งที่ฟังเสียงพิณ หวังหลินจะจมดิ่งตัวเองลงไปและผ่านประสบการณ์อันประหลาด ทุกๆวันจิตใจของเขาจะใสสะอาด
หวังหลินไม่ได้กังวลเรื่องโม่ลี่ไฮ่จะถูกลอบสังหารเลย โม่ลี่ไฮ่เป็นคนฉลาดและมีมือหลายข้างมากกว่าที่เขาแสดงให้เห็นในปัจจุบัน
หวังหลินรู้เห็นเรื่องนี้อย่างชัดเจนหลังจากติดต่อเขาเป็นเวลานาน หากโม่ลี่ไฮ่ไม่มีวิธีการของตัวเอง เขาคงไม่มีทางที่จะรอดมาจนกลายเป็นยอดแม่ทัพได้
หวังหลินหลับตาฟังเสียงพิณจากเรือพร้อมกับนั่งอยู่ข้างแม่น้ำ เขาหยิบไหเหล้าขึ้นมาแต่พบว่ามันหมดเสียแล้ว
หวังหลินถอนหายใจพลางลืมตาขึ้นมองไปบนท้องฟ้าอย่างเงียบงัน
ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงพิณบรรเลง หัวใจของเขาจะสั่นเทาและเกิดความรู้สึกการทะลวงหลายอย่าง น่าเสียดายที่การรู้แจ้งสวรรค์ของเขายังไร้ตัวตนให้จับต้องได้
ขณะที่ฟังเสียงพิณ หวังหลินค่อยๆซึมซับตัวเองลงไปในบรรเพลงและรับรู้มันอย่างเงียบๆ ปราณสวรรค์ในร่างกายถูกใช้เพื่อซ่อนมันเอง นอกจากนั้นยังมีกระบี่จักรพรรดิปิศาจที่ยังมองหาเขาอยู่
ทว่าเพียงขณะนั้นพลันขมวดคิ้ว เขาถูกขัดจังหวะระหว่างการรู้แจ้งสวรรค์และดื่มด่ำกับเสียงเพลง
“เจ้าคือรองแม่ทัพของโม่ลี่ไฮ่ใช่ไหม?” น้ำเสียงเต็มไปด้วยคำดูถูกลอดออกมาผ่านเสียงเพลงและทำลายอารมณ์ของเพลงไปโดยสิ้น
ชายชุดดำยืนห่างจากหวังหลินไปร้อยฟุต เขาวางฝ่ามือบนหน้าอกและมีกระบี่คดเคี้ยวราวกับงูกำลังหมุนวงกลมรอบตัว อีกทั้งบนใบหน้ายังมีร่องรอยใจร้อนอยู่ด้วย
“ฆ่าเจ้าก็เหมือนกับตัดแขนโม่ลี่ไฮ่ออกไปข้างนึง!”
หวังหลินวางไหเหล้าลงแต่ไม่ได้ยืนขึ้นหรือมองเขา หวังหลินชี้นิ้วโป้งขวาไปที่คนผู้นั้นพร้อมกับดัชนีแห่งความตายพุ่งออกไปเป็นลำแสงสีดำทันที
ขณะที่ลำแสงสีดำพุ่งออกมา ควันรอบๆด้านพลันเหือดแห้งและพลังชีวิตจากควันนั้นเข้าไปในลำแสงสีดำอย่างเงียบๆ
แสงสีดำเข้าไปใกล้ชายชุดดำอย่างรวดเร็ว ใบหน้าพลันเปลี่ยนไปและก้าวถอยไปหลายก้าว จากนั้นกระบี่เหินที่หมุนวงกลมรอบร่างพุ่งเข้าหาลำแสงสีดำในพริบตา ทว่าขณะที่มันปะทะกับลำแสงสีดำ ปลายกระบี่เริ่มแตกร้าวจนกระทุ่งถูกแทงทะลุแตกหักถึงด้ามจับ กระบี่เหินกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยแทบในเสี้ยววินาที
ชายชุดดำเผยใบหน้าไม่เชื่อสายตาพร้อมกับล่าถอยต่อเนื่อง น่าเสียดายที่เขาช้าเกินไป! แสงสีทำทะลุผ่านกระบี่เหินและร่อนลงบนหน้าอกเขา
ร่างเขาถูกโยนโค้งออกไปไกล หมอกโลหิตระเบิดออกมาจากร่างในระหว่างทาง แม้ชายคนนั้นจะตกถึงพื้นไปแล้ว หมอกโลหิตยังคงลอยอยู่กลางท้องฟ้า
เมื่อชายชุดดำตกถึงพื้น ดวงตาแฝงแววสำนึกผิดก่อนจะแน่นิ่งไปในที่สุด ขณะเดียวกันควันสีเทาสายหนึ่งออกมาจากร่างกายและเลือนหายเข้าไปในฝ่ามือขวาหวังหลิน
คนผู้นี้ไม่ใช่คนต่างถิ่นแต่เป็นคนในดินแดนวิญญาณปิศาจ ระดับบ่มเพาะของเขาไม่ได้สูงส่งซึ่งเป็นเพียงเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับปลายเท่านั้น เขาอาจจะถูกแม่ทัพปิศาจบางคนส่งมาโดยไม่รู้จักหวังหลิน
หวังหลินฟังเสียงพิณต่อไป…