581. การประลองแม่ทัพปิศาจ
เมื่อหวังหลินลืมตาขึ้น เงารูปกระบี่หนึ่งเล่มกระพริบผ่านวิสัยทัศน์
โม่ลี่ไฮ่กำลังนั่งด้านนอกห้องหวังหลิน เขานั่งอยู่ที่นี่มาสามวันแล้ว ใบหน้าซีดเผือดไร้รอยเลือด สามวันมานี้เขาต้องการเข้าไปในห้องหวังหลินอยู่หลายครั้งแต่ทุกครั้งเขาจะเห็นหมอกสีดำและกฏเกณฑ์ข้างในนับไม่ถ้วนนจึงต้องหยุดเอาไว้
วันการประลองของแม่ทัพปิศาจเข้ามาอย่างช้าๆ เขายิ่งกระวนกระวายมากขึ้นแต่รู้ว่าหวังหลินวางกฏเกณฑ์เอาไว้เพราะเขาอยู่ในการบ่มเพาะช่วงวิกฤตและไม่ต้องการให้คนอื่นรบกวน
ขณะที่กำลังชั่งใจข้อดีและข้อเสีย โม่ลี่ไฮ่จึงนั่งรอคอยนอกห้องอย่างเงียบๆ วันพรุ่งนี้จะเป็นวันการประลองแล้วและจะเป็นการต่อสู้ที่รุนแรง!
ความกังวลของโม่ลี่ไฮ่เพิ่มขึ้นถึงขีดสุด หากหวังหลินยังไม่ออกมาในวันนี้ เขาจะเสียคุณสมบัติในการประลองของวันพรุ่งนี้โดยสิ้นเชิง
เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะกัดฟันแน่น ยืนขึ้นและก้าวเข้าไปในห้องหวังหลิน
โม่ลี่ไฮ่ส่งเสียง “น้องหวัง!”
ขณะนั้นหมอกสีดำที่ล้อมรอบห้องเริ่มเคลื่อนไหวราวกับมีหลุมอยู่ที่ไหนสักแห่ง วังวนหนึ่งก่อตัวขึ้นและหมอกสีดำทั้งหมดถูกลากเข้าไปในวังวนนั้น
หมอกสีดำหายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตา
โม่ลี่ไฮ่เผยใบหน้ายินดีพร้อมกับหยุดนอกห้องและจ้องมองเข้าไปข้างใน
ประตูถูกผลักเปิดขึ้นและหวังหลินค่อยๆเดินออกมา
ขณะที่หวังหลินปรากฏตัว โม่ลี่ไฮ่ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ตอนนี้หวังหลินเปลี่ยนไปมากกว่าก่อนนี้อีกแล้ว
เมื่อเขาเห็นหวังหลิน เขาเกิดความรู้สึกราวกับกำลังยืนอยู่ใต้ภูเขาที่มียอดทะลุสรวงสวรรค์ แม้ว่าหวังหลินไม่ได้สูงแต่เขามีบรรยากาศของปรมาจารย์และความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเต็มไปทั้งใจโม่ลี่ไฮ่
“ท่านบาดเจ็บ…” หวังหลินหลับตาและกลิ่นอายที่เขาปลดปล่อยทั้งหมดกลับเข้าสู่ร่างกายโดยไม่มีส่วนไหนซึมออกมา ตอนนี้รอบร่างไม่มีการผันผวนแล้วและเขาราวกับเป็นคนธรรมดา
ความรู้สึกของโม่ลี่ไฮ่เปลี่ยนอีกครั้ง หากหวังหลินเป็นเหมือนภูเขาสูงที่วัดไม่ได้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขากลับเสมือนแอ่งน้ำลึก แม้ว่าจะไม่ได้ดูลึกมากเท่าไหร่แต่หากเข้าไปแล้วเขาจะตายโดยต้องฝัง
โม่ลี่ไฮ่สูดหายใจลึกและเอ่ยขึ้น “ข้าแพ้การต่อสู้กับโม่เฟย!”
หวังหลินพยักหน้าและเดินออกจากห้อง เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม “ข้าปิดด่านฝึกตนไปนานแค่ไหน?”
“พรุ่งนี้คือการประลองแม่ทัพปิศาจ!” โม่ลี่ไฮ่กล่าว พลันขบคิดและเอ่ยเสริมอีก “โม่เฟยแข็งแกร่งมาก เขาสามารถต้านทานหมัดสิบพินาศของข้าและร้อยคลื่นทะเลปิศาจถูกสะท้อนกลับมาหาข้าด้วยวิชาเคลื่อนโคจร ข้าโดนวิชานั้นทำให้ข้าพ่ายแพ้!”
หวังหลินมองโม่ลี่ไฮ่ “วิชาเคลื่อนโคจร?”
โม่ลี่ไฮ่นีกย้อนการต่อสู้เมื่อหลายวันก่อนและเอ่ยขึ้น “โม่เฟยถือได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งในหมู่แม่ทัพ วิชาของเขาลึกลับมาก หลังจากเขากลายเป็นแม่ทัพปิศาจและฝึกฝนอยู่ที่ทะเลสาปมังกรสามปี ไม่มีใครสามารถบังคับให้เขาใช้วิชาที่สองนอกจากเคลื่อนโคจรได้!”
“วิชาเคลื่อนโคจรนี้มีพลังอำนาจในการสะท้อนทุกวิชา…มันทรงพลังอย่างยิ่ง!”
หวังหลินกล่าวด้วยท่าทีสบาย “นอกจากหมัดสิบพินาศและร้อยคลื่นทะเลปิศาจ ข้าไม่เชื่อว่าพี่โม่จะไม่มีไพ่ตาย!”
โม่ลี่ไฮ่มองหวังหลินและกล่าวตรงๆ “ข้าใช้มันแล้ว มันเป็นวิชาที่ท่านจักรพรรดิปิศาจสอนข้าเป็นการส่วนตัวซึ่งเรียกกันว่าผลาญปิศาจ ข้าใช้มันและสามารถทะลวงวิชาเคลื่อนโคจรได้ 17 ชั้นจากทั้งหมด 18 ชั้นก่อนที่จะพ่ายแพ้ในที่สุด!”
“น้องหวัง ข้าได้มีข้อตกลงกับโม่เฟยไว้แล้วว่าผู้แพ้จะต้องยอมแพ้ในการประลองแม่ทัพ แต่ว่าตำแหน่งรองผู้บัญชาการสูงสุดที่ข้าจะได้นั้นขึ้นอยู่กับน้องหวังแล้ว!” จิตใจโม่ลี่ไฮ่รู้สึกเจ็บปวดพร้อมกับก้าวถอยหลังและโค้งให้กับหวังหลิน
“ข้าจะทำให้ดีที่สุด!” หวังหลินกล่าว
โม่ลี่ไฮ่สูดหายใจลึกและคำนับมือ “ขอบคุณมากน้องหวัง ข้าจะไม่รบกวนเจ้าอีกต่อไป พรุ่งนี้เราจะไปพระราชวังจักรพรรดิด้วยกัน!” สิ้นคำเขาคำนับมืออีกครั้งและจากไป
ร่างเขาแฝงความเปล่าเปลี่ยวอยู่ลึกๆ
หวังหลินยืนอยู่ในลานกว้างอย่างเงียบๆและหลับตา
เขายืนอยู่ตรงนี้ตลอดทั้งคืน!
ยามเช้าเมื่อพระอาทิตย์ส่องแสงและความมืดเลือนหายไป พระอาทิตย์ส่องประกายกระทบบนพระราชวังจักรพรรดิ เจตนาการต่อสู้รุนแรงปรากฏขึ้นทั้งแปดเมือง
ข้างในเมืองจักรพรรดิส่วนพื้นที่สี่เหลี่ยมหนึ่งหมื่นฟุต มีกลองสงครามยักษ์ตั้งอยู่!
กลองนี้เป็นสีดำสนิทและปลดปล่อยกลิ่นอายโบราณออกไปทั่วพื้นที่
เหล่าทหารเกราะดำก้าวออกมาและล้อมรอบพื้นที่สี่เหลี่ยม จากนั้นคนผู้หนึ่งพุ่งออกมารวดเร็วดุจสายฟ้า เส้นผมซีดพริ้วไสวกลางอากาศราวกับเทพแห่งสงคราม กำปั้นร่อนลงใส่กลองสงครามทันที
ตึงงงง!
เสียงทุ้มดังกึกก้องจากเมืองจักรพรรดิและกระจายออกไปทั้งเมืองปิศาจฟ้า!
ผู้คนแห่งเมืองปิศาจฟ้าแห่งนี้ทั้งหมดต่างรู้กันว่ามีกลองปิศาจฟ้าอยู่ในเมืองจักรพรรดิ มันจะถูกใช้เฉพาะเมื่อเหตุการณ์สำคัญเช่นการบูชาบรรพชน เปิดทะเลสาปมังกรและงานอื่นๆ
ทะเลสาปมังกรคือเก้าครั้ง บูชาบรรพชนหกครั้งและสามครั้งใช้กับงานอย่างอื่น
เสียงกลองดังกึกก้องทั้งบนฟ้าและผืนดิน เมืองทั้งเมืองสั่นเทา ผู้คนนับไม่ถ้วนถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงกลองนี้
แม่ทัพปิศาจแต่ละนายนำผู้ใต้บังคับบัญชาและผู้ช่วยเดินบนถนนทหารมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองจักรพรรดิ
ประตูเมืองจักรพรรดิทั้งหมดแปดประตูถูกเปิดขึ้น ทหารปิสาจหลายคนประจำการที่ประตูเพื่อตรอบตัวตนของแม่ทัพปิศาจก่อนจะนำพาเข้าไปข้างใน
การต่อสู้ในวันนี้จะเกิดขึ้นที่ลานสี่เหลี่ยมหมื่นฟุตใกล้กับประตูปิศาจฟ้า มีค่ายกลอันแข็งแกร่งปกป้องจึงไม่ถูกทำลายได้ง่ายๆ ทางส่วนตะวันออกของลานคือที่นั่งเก้าชั้นกว้างกว่าพันฟุต เจ้าหน้าที่นับไม่ถ้วนของเมืองปิศาจฟ้าปรากฏตัวและนั่งลงในแต่ละที่
มีอยู่หนึ่งที่นั่งอยู่จุดบนสุดและนั่นเป็นที่นั่งสำหรับจักรพรรดิปิศาจ!
ปลายสุดสนามฝั่งเหนือและใต้คือที่นั่งแปดตอนกว้างมากกว่าแปดร้อยฟุต สองชั้นบนสุดของแต่ละฝั่งมีที่นั่งชั้นละสี่ที่นั่ง
ทั้งหมดสิบหกที่นั่งนั้น แปดคนบนสุดคือผู้บัญขาการทหารสูงสุดและด้านล่างอีกชั้นคือรองผู้บัญาการทหารสูงสุด
ตอนนี้สนามสี่เหลี่ยมดูมีชีวิตชีวาอย่างมาก ผู้คนเข้ามานั่งประจำที่ก่อนที่ท่านจักรพรรดิปิศาจจะมาถึง
ท่ามกลางคนเหล่านี้มีบางส่วนกำลังหาว เห็นได้ชัดว่าปกติแล้วเวลานี้พวกเขายังอยู่บนเตียง
ใช้เวลาไม่นานก่อนที่เก้าอี้นั่งจะเติมเต็มทั้งหมดยกเว้นของท่านจักรพรรดิ หัวหน้าผู้บัญชาการสูงสุดและรองผู้บัญชาการสูงสุด เสียงกระซิบและเสียงพูดคุยเริ่มดัง
“ครั้งนี้ท่านแม่ทัพโม่เฟยจะเป็นอันดับหนึ่งแน่ๆ ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ!”
“ไม่หรอก แม่ทัพฉีเจี้ยนมีระดับบ่มเพาะเทียมฟ้า เขายังมีตัวช่วยที่เก่งกาจซึ่งแม่ทัพฉีเจี้ยนสามารถต่อสู้จนได้อันดับหนึ่งได้!”
“เจ้าประเมินแม่ทัพปิศาจโม่ลี่ไฮ่ต่ำไป ระดับบ่มเพาะของเขาน่าตกตะลึงและมีพลังอันร้ายกาจ อย่าลืมว่ายังมีววิชาที่ท่านจักรพรรดิสั่งสอนเป็นการส่วนตัวอีก เขามีคุณสมบัติที่จะเข้าไปอยู่ในสามอันดับแรก!”
“โม่ลี่ไฮ่? เจ้าอาจจะไม่รู้ดีเท่าไหร่ แต่เขาต่อสูกับโม่เฟยและพ่ายแพ้ ทั้งสองคนตกลงกันว่าผู้แพ้จะไม่เข้าการประลองในวันนี้!”
“โอ้? นั่นใช่เรื่องจริงหรือ? หากเป็นเช่นนั้นก็น่าสงสารโม่ลี่ไฮ่เหลือเกิน!”
“ไม่เป็นเช่นนั้นหรอก แม้ว่าโม่ลี่ไฮ่จะไม่สามารถทำได้ ไม่ได้หมายความว่าผู้ช่วยของเขาจะทำไม่ได้ แต่ว่าผู้ช่วยของเขาไม่ค่อยมีชื่อเสียงเท่าไหร่ ข้ากลัวว่าเขาไม่มีโอกาสชนะเหมือนเดิม!”
“นอกจากทั้งสามคนนี้ ไม่มีใครที่แข็งแกร่งในหมู่แม่ทัพปิศาจเลยหรือ? ลือกันว่าแม่ทัพปิศาจยู่เสินที่มีเต๋าแห่งการสังหารได้บรรลุถึงขีดสุดแล้ว เขาเป็นเพียงคนเดียวในหมู่แม่ทัพที่ไม่ได้ครอบครองเมืองและใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในเมืองปิศาจอัคคี หากเขาปรากฏตัวขึ้นมาจะเกิดพายุแน่นอน!”
“แน่นอนสิ ยังมีแม่ทัพโม่เหวินอีกด้วย วิชาของเขาช่างพิเศษมากและสืบทอดมาจากทะเลสาบมังกร ปกติเขาไม่ใช่ตัวสำคัญดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ความแข็งแกร่งที่แท้จริง วันนี้ข้าหวังว่าจะเห็นเขาใช้วิชาที่ข้าชอบสักครั้ง!”
“ทุกคนอย่าลืมสิว่ามีแม่ทัพปิศาจอันดับสี่เมื่อสามร้อยปีก่อน ปิศาจอมตะเซี่ยเหลียน!”
“เซี่ยเหลียน…สตรีคนเดียวในหมู่แม่ทัพปิศาจ ลือกันว่านางเข้าการแข่งขันเมื่อสามรอ้ยปีก่อนด้วยอาการบาดเจ็บและยังชนะได้ที่สี่ หากนางไม่บาดเจ็บ โม่เฟยอาจจะไม่มีโอกาสได้ตำแหน่งที่หนึ่ง!”
เสียงสนทนาดังก้องไปทั้งสนาม ทุกคนต่างกระซิบว่าใครจะเป็นผู้ชนะในการประลองของเหล่าแม่ทัพในครั้งนี้!
หลังจากชายชราตีกลองครั้งแรก เขาหลับตาลงและเพียงแค่ยืนนิ่งเงียบๆ
ณ ตอนนั้นเขาลืมตาขึ้นและเคลื่อนไหวรวดเร็วจนเกิดภาพติดตาก่อนจะตีกลองอีกที!
ตึงงง!
เสียงกลองครั้งที่สองดังก้องไปทั่วสนามทำให้การพูดคุยทั้งหมดหยุดลง เสียงกลองยังกระจายไปทั้งเมืองปิศาจฟ้าอีกด้วย
เสียงกึกก้องไปทั่วผืนฟ้าราวกับเสียงฟ้าคำรามและขับไล่ความมืดมิดในอากาศให้หายไปพร้อมกับเผยแสงอาทิตย์สว่างไสว
ขณะที่เสียงกลองดังกึกก้องนั้น ลำแสงแปดเส้นพุ่งเข้าหาสนามสี่เหลี่ยม พวกเขาไม่ได้ใช้ประตูแต่ลอยเข้ามาที่นี่ตรงๆ
มีเพียงรองผู้บัญชาการสูงสุดเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติทำเช่นนี้ได้!
สวรรค์ ซวน เหลือง จักรวาล นิรันดร์และเดียวดาย หกรองผู้บัญชาการสูงสุดร่อนลงจากท้องฟ้าและนั่งประจำที่ของตัวเองบนชั้นสองจากจุดบนสุดของฝั่งเหนือและใต้ รองผู้บัญชาการซวนยังคงใบหน้าซีดเผือด ขณะที่เขานั่งลงพลันหลับตาบ่มเพาะและเมินเฉยต่อทุกอย่างรอบตัว
หลังจากทั้งหกคนมาถึง พลันเกิดเสียงคำรามสนั่นดังกว่าก่อนหน้านี้ แปดผู้บัญชาการสูงสุดเดินเข้ามาหาสนามสี่เหลี่ยมจากกลางท้องฟ้า ทั้งแปดคนนั้นมีเจ็ดคนเป็นบุรุษและอีกหนึ่งเป็นสตรี!
ทั้งแปดคนคำนับฝ่ามือให้กันเองก่อนจะนั่งประจำที่อย่างของตนตามลำดับโดยไม่ได้เอ่ยคำใด
การปรากฏตัวของแปดคนทำให้ทุกคนที่นี่จับความสนใจ สายตาทุกคนเต็มไปด้วยความชื่นชม ชื่นชมเนื่องจากแปดคนนี้เพียงแค่อยู่ภายใต้ท่านจักรพรรดิปิศาจเท่านั้น!
แม้กระทั่งภายในทั้งดินแดนวิญญาณปิศาจแห่งนี้ ชื่อเสียงแต่ละคนโด่งดังอย่างมากและแทบทุกคนรู้จัก!
ตึงงงงง! เสียงกลองครั้งที่สามดังก้องไปทั่วบริเวณดุจเสียงคำรามรุนแรงมากกว่าครั้งก่อนหลายเท่า มันกระจายออกไปหลายพันลี้และโสตประสาทของทุกคนเต็มไปด้วยเสียงนี้
สายตาทุกคนจับจ้องไปบนสถานที่หนึ่งและสถานที่นั้นคือที่นั่งว่างเปล่าที่อยู่บนสุดฝั่งตะวันออกของสนาม!