Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 580

Cover Renegade Immortal 1

580. ปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮว 2

โม่หยางตกตะลึง

“ข้าไม่ได้มีความบาดหมางอะไรกับสำนักกระบี่ต้าหลัว หาดเจ้าไม่บังคับข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าข้าคงไม่ต้องโจมตี ส่งข้อความให้สิบสองกระบี่ไปว่าข้าไม่ต้องการเป็นศัตรูกับพวกเจ้าในดินแดนวิญญาณปิศาจแห่งนี้!” ขณะที่กล่าวจบเขาโยนกระบี่ในมือให้โม่หยาง จากนั้นเดินผ่านโม่หยางเข้าไปในห้องตัวเอง

ร่างที่กำลังจากไปทำให้โม่หยางตกตะลึงโดยสิ้นเชิง ตอนนี้เขาถูกบังคับให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังจะใช้สมบัติช่วยชีวิตแต่หวังหลินกลับทำให้เขาให้รู้สึกเหลือเชื่อ

เขาสูดหายใจลึก หยิบกระยี่ยักษ์และตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณเพื่อมั่นใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด เขาจึงมองหวังหลินที่กำลังเดินไปด้วยความงุนงง

“ข้าจะถ่ายทอดข้อความของเจ้าแน่นอน!” โม่หยางเคลื่อนตัวและเหาะเหินออกไปอย่างรวดเร็ว

เขาชะลอตัวลงเมื่อออกห่างมาได้หมื่นฟุต แต่สัมผัสวิญญาณยังคงระมัดระวังเอาไว้ จากนั้นสักพักเขาเห็นว่าหวังหลินยังไม่โจมตีเขา ดูเหมือนว่าหวังหลินจะปล่อยเขาไปจริงๆ

“หวังหลิน ข้าจะชดใช้เจ้ากลับคืนเป็นร้อยเท่ากับความอับอายที่ทำไว้กับข้าในวันนี้แน่นอน แม้ว่าวิชาของเจ้าจะทรงพลัง ครั้งต่อไปข้าจะกลับมาพร้อมกับศิษย์พี่ของข้าอีกครั้ง ข้าอยากเห็นว่าเจ้ายังสงบนิ่งได้อีกหรือไม่! ฮึ่ม หากไม่ใช่ว่าพี่โลภไปที่แคว้นปิศาจอัคคี เขาใช้กระบวนท่าเดียวก็ฆ่ามันได้แล้ว!” โม่หยางเผยดวงตาแฝงจิตสังหารจากนั้นมองไปที่คฤหาสน์แม่ทัพโม่ด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว

เขาเหาะเหินรวดเร็วขีดสุด ยิ่งห่างจากคฤหาสน์แม่ทัพโม่ออกไปไกลก็ยิ่งผ่อนคลายมากขึ้น เขานึกถึงการต่อสู้ก่อนหน้านี้และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวากลัว

“หวังหลินแข็งแกร่งมากจริงๆ! แต่ว่าหาข้าใช้ปราณกระบี่ที่อาจารย์มอบให้ เขาจะไม่สามารถต่อต้านได้แน่!” โม่หยางเผยรอยยิ้มเยือกเย็น

ทว่าขณะนั้นควันสีเทาหลายเส้นออกมาจากกระบี่ยักษ์บนหลังเขาอย่างเงียบๆ พวกมันเหมือนอสรพิษและมุ่งตรงเข้าศีรษะโม่หยาง

สัมผัสแห่งวิกฤตรุนแรงส่งออกมาแต่ควันสีเทาหลายเส้นนั้นเจาะเข้ากะโหลกเขาด้วยความเร็วปานสายฟ้าก่อนที่เขาจะสามารถทำสิ่งใดได้

ควันสีเทาเร็วมากเกินไปและเมื่อมันเข้ามาใกล้มากแล้วโม่หยางถึงรับรู้อันตราย เขากรีดร้องโหยหวน ร่างกายตกลงจากท้องฟ้าและเริ่มเหี่ยวเฉา

วิญญาณดั้งเดิมของเขาไม่อาจหนีรอดไปได้เลย ขณะที่ควันสีเทาเข้าสู่ร่างกายนั้นมันได้สร้างผนึกตัดวิญญาณดั้งเดิมออกจากร่างกาย ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่ควันสีเทาดูดซับเลือดเนื้อและปราณสวรรค์ของเขาพร้อมกับทำให้ผนึกแข็งแกร่งขึ้นไปอีก

ในขณะที่เขาร่อนลงถึงพื้น ดวงตาเบิกกว้างและเขาเปลี่ยนกลายเป็นซากศพ ความคิดสุดท้ายในใจเขาคือเรื่องกระบี่ยักษ์ เขาตรวจสอบมันแล้วแต่ควันสีเทาซ่อนตัวอยู่ข้างในได้อย่างไรกัน?

อากาศบิดเบี้ยวเบื้องหน้าร่างกายเขาและหวังหลินเดินออกมา เขาชี้ไปที่ร่างโม่หยางหลายจุดก่อนจะคว้าร่างนั้นก้าวเดินและหายตัวไป

หวังหลินปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่าในที่พักตัวเองที่อยู่ในคฤหาสน์แม่ทัพโม่ เขาวางมือลงและร่างโม่หยางร่อนลงบนพื้น หวังหลินสัมผัสกระเป๋าด้วยสายตาเคร่งขรึมจากนั้นธงกฏเกณฑ์ลอยออกมาเปลี่ยนเป็นหมอกสีดำล้อมรอบห้อง กฎเกณฑ์นับไม่ถ้วนกระพริบอยู่ภายในหมอกสีดำ

หลังทำเรื่องทั้งหมดเสร็จสิ้นเขาสูดหายใจลึกและนั่งสมาธิลง หวังหลินบ่มเพาะเล็กน้อยก่อนจะลืมตาขึ้นจรดลงบนร่างโม่หยาง เขาตรวจสอบร่างกายอย่างละเอียดก่อนที่สายตาจะตกลงบนคิ้วโม่หยาง

หวังหลินเผยใบหน้าลังเลที่มิอาจบอกได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากครุ่นคิดสักพักฝ่ามือสร้างผนึกและเริ่มเอ่ยบทร่าย ไม่นานนักเพลิงชั่วร้ายก็ปรากฏบนแขน

ฝ่ามือเปลี่ยนแปลงต่อไปเรื่อยๆจนเกิดภาพติดตาหลายอย่าง แล้วชี้ไปที่ร่างนั้นพร้อมกับเอ่ยเบาๆ “หลอม!”

เพลิงชั่วร้ายลอยเข้าหาร่างโม่หยางและกระจายล้อมรอบศพทันที เกิดเสียงแตกร้าวและเสียงปะทุขึ้นพร้อมกับร่างโม่หยางหลอมละลายอย่างเห็นได้ชัด

ร่างเขากลายเป็นมัมมี่ไปแล้วเพราะพลังชีวิตได้ถูกดูดออกจากร่างด้วยควันสีเทา ตอนนี้มันกำลังเผาไหม้พลันเกิดกลิ่นประหลาดทั่วไปทั้งห้อง ทว่าหวังหลินไม่มีเวลาใส่ใจเมื่อเขากำลังจ้องไปที่ร่างนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ

ระหว่างการต่อสู้ก่อนหน้านี้ตอนที่โม่หยางสัมผัสคิ้วตนเองทำให้หวังหลินรู้สึกถึงสภาวะวิกฤตรุนแรงที่กำลังเข้ามา!

เขาแทบไม่เคยสัมผัสอันตรายรูปแบบนี้อีกเลยหลังจากสำเร็จพลังสังหาร แม้จะเป็นเซียนขั้นเทวะระดับกลางก็ไม่สามารถสร้างกลิ่นอายเช่นนี้ได้โดยไม่ปรากฏตัว สิ่งนั้นแทงทะลุผนึกมากกว่าสามพันชั้นและสั่นสะเทือนตรงๆที่วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลิน

ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้หวังหลินตกอยู่ในสถานการณ์เฉียดตาย เขาตื่นตกใจขีดสุดและตัดสินใจถอยออกมาหนึ่งจังหวะเพื่อลดความตึงเครียด เขามั่นใจว่าถ้าหากไม่จนมุมจริงๆโม่หยางจะไม่ใช้มันออกมา

ร่างโม่หยางค่อยๆหลอมละลายอย่างช้าๆจนเผยวิญญาณดั้งเดิมออกมา วิญญาณดั้งเดิมถูกล้อมรอบด้วยควันสีเทาซึ่งเรืองแสงชั่วร้ายออกมาเป็นพักๆ

ดวงตาวิญญาณดั้งเดิมของโม่หยางปิดสนิทและไร้การเคลื่อนไหวภายในเพลิงชั่วร้าย สายตาหวังหลินเป็นประกายพร้อมกับเริ่มสำรวจวิญญาณดั้งเดิมนั้นอย่างละเอียด ดวงตาหวังหลินค่อยๆหรี่แคบบนหน้าผากโม่หยาง บนนั้นมีเส้นสีฟ้าจางๆที่กำลังกระพริบ

หากมองมันใกล้ๆแล้วเส้นบางๆนี้คือกระบี่ที่หดตัวเล็กลงไปหลายเท่า

เมื่อเขาเห็นเส้นสีฟ้านี้ร่างหวังหลินสั่นสะท้านและเกิดความรู้สึกเผชิญหน้าเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวเข้าตรงๆ

“หลิงเทียนโฮว!” หวังหลินสูดหายใจลึกและดวงตายิ่งเคร่งเครียดมากขึ้น

“ตอนนั้นที่นอกประตู หลิงเทียนโฮวส่งปราณกระบี่ออกมาให้ทั้งสิบสองคนและเรียกพวกมันว่าสมบัติช่วยชีวิต!”

“เส้นสีฟ้านี้คือปราณกระบี่นั้น! ไม่สงสัยเลยว่ามันสามารถทำให้ข้ารู้สึกกำลังตกอยู่ในสภาวะเฉียดตายและแทงทะลุผ่านผนึกแห่งชีวิตได้ตรงๆ…” ดวงตาหวังหลินสว่างวาบและเผยใบหน้ามุ่งมั่น

“เมื่อข้าเห็นปราณกระบี่เส้นนี้แล้ว มันจะกลายเป็นของข้า!”

หวังหลินหลับตาและวางแขนตัวเองบนเข่า ลำแสงหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือศีรษะเมื่อวิญญาณดั้งเดิมออกจากร่างกาย จากนั้นผนึกแห่งชีวิตของเขาล้อมรอบวิญญาณดั้งเดิมราวกับชุดเกราะหลายชั้น

วิญญาณดั้งเดิมหวังหลินมองไปที่วิญญาณดั้งเดิมของโม่หยาง เขาขบคิดเล็กน้อยก่อนจะพ่นเพลิงดั้งเดิมบางส่วนเข้าไปรวมในเพลิงชั่วร้านั้น เพลิงชั่วร้ายที่กำลังเผาไหม้เริ่มไหม้อย่างรุนแรงทันที

หวังหลินส่งเพลิงดั้งเดิมของตนอย่างต่อเนื่อง

วิญญาณดั้งเดิมของโม่หยางเผยท่าทางเจ็บปวด มันต้องการดิ้นรนแต่ผนึกชีวิตรอบวิญญาณของมันขังเอาไว้อย่างสมบูรณ์

วิญญาณดั้งเดิมหวังหลินเผยท่าทางระมัดระวังเมื่อควบคุมเพลิงชั่วร้ายให้หลีกเลี่ยงปราณกระบี่พร้อมกับกลืนกินวิญญาณดั้งเดิมโม่หยางอย่างช้าๆ วิญญาณโม่หยางค่อยๆถูกหล่อหลอม

กระบวนการนี้กินเวลาหลายวัน แม้หวังหลินจะมีจิตใจแข็งแกร่งแต่การเพ่งสมาธิเป็นเวลานานแบบนี้ทำให้วิญญาณดั้งเดิมของตนหมองลงและใบหน้าเผยความเหน็ดเหนื่อย

แต่ดวงตาส่องสว่างมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ

วันนี้ ในที่สุดวิญญาณดั้งเดิมของโม่หยางก็แตกสลายกลายเป็นจุดแสงสีฟ้าหลายเส้น แสงสีฟ้าบางๆเส้นนั้นลอยท่ามกลางจุดสีฟ้า

วิญญาณดั้งเดิมหวังหลินสูดเข้าไป เศษเสี้ยววิญญาณของโม่หยางที่แตกกระจายทั้งหมดถูกหวังหลินกลืนกินเพื่อฟื้นฟูพลังงานที่ใช้ไป หลังจากเสร็จสิ้นหวังหลินมองเส้นสีฟ้าไร้การเคลื่อนไหวนั้นด้วยสายตาลังเล

หวังหลินครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะกัดฟันแน่น ไม่มีท่าทางลังเลและกลืนกินเส้นสีฟ้า!

ตอนนี้วิญญาณดั้งเดิมหวังหลินสั่นสะท้านรุนแรงและเริ่มหลุดการเชื่อมต่อจากร่างกาย หวังหลินเตรียมการเรื่องนี้ไว้แล้วซึ่งเป็นเหตุผลที่ร่างกายหยาบไม่ให้อยู่ไกลเกินไป หวังหลินเคลื่อนไหวด้วยท่าทางดิ้นรนและก่อนที่การเชื่อมต่อจะขาดหาย เขาเข้าไปในร่างตนเอง

หวังหลินนั่งอยู่ตรงนี้เงียบๆเป็นเวลาสามวัน! จนกระทั่งค่ำของวันที่สามหวังหลินลืมตาขึ้น แม้ว่าสายตาสงบนิ่งแต่ในดวงตาคู่นั้นแฝงประกายแสงแพรวพราว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version