50. ประลอง (4)
“เขาคือหลิวโม่ว ข้าได้ยินมาจากเหล่าผู้อาวุโสว่าเขาเป็นศิษย์ที่ฉลาดที่สุดในเหิงยั่ว สำนักซวนต้าวพ่ายแพ้แน่นอน!”
“ศิษย์อาวุโสลำดับห้า สู้ๆ! ข้าจะทำตามท่านเป็นตัวอย่าง!”
เหล่าศิษย์ของสำนักเหิงยั่วทั้งหมดส่งเสียงเชียร์ด้วยความตื่นตาตื่นใจ ความมั่นใจจากการพ่ายแพ้ที่สูญเสียไปติดต่อกันสองนัดกำลังกลับมา เหล่าศิษย์สตรีกลายเป็นนิยมชมชอบเขา
ฮวงหลงยิ้มขึ้นบางๆ เขาคิดว่าตั้งแต่หลิวโม่วออกมาคราวนี้ น่าจะเป็นโอกาสชนะครั้งแรกในครั้งนี้
หวังจัวมองอย่างอิจฉาทางหลิวโม่วและถอนหายใจเบาๆ
แม้กระทั่งเหล่าศิษย์ของซวนต้าวก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง ชื่อเสียงของหลิวโม่วที่ได้ยินมาและเขาเติบโตขึ้นในยี่สิบปีที่ผ่านมานี้ แม้ว่าหลิวโม่วจะพ่ายแพ้ในการประลองครั้งก่อน เขายังคงฝากความประทับใจอันลึกซึ้งแก่ผู้อาวุโส
ใบหน้าผู้อาวุโสโอวหยางมืดหม่นลง “ฉิวมู่ ข้าอนุญาตให้เจ้าปลดผนึกของบรรพบุรุษเพื่อใช้พลังให้เต็มที่”
ฉิวมู่เปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจัง เขาเปิดเสื้อขึ้นและเผยให้เห็นยันต์เซียนบนหน้าอก
เหล่าผู้อาวุโสของสำนักเหิงยั่วตาค้าง หลังจากมองไปที่ยันต์เซียนอย่างละเอียดแล้ว พวกเขาทั้งหมดต่างเผยสีหน้าตะลึง
ฮวงหลงถามขึ้น “สหายโอวหยาง ยันต์เซียนนี้”
ดวงตาของผู้อาวุโสโอวหยางสว่างขึ้น เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ฮวงหลง ของสิ่งนี้ข้าจะอธิบายมันให้กับท่านเวลาอื่น ในการประลองแลกเปลี่ยนกันวันนี้ ถ้าจะเพิ่มเงื่อนไขว่า ถ้าหากสำนักซวนต้าวของเราชนะครานี้ ท่านต้องให้พวกเรายืมภูเขาเหิงยั่วเป็นเวลาห้าร้อยปี!”
การแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไป สายตาของฮวงหลงหดแคบลง “สหายโอวหยาง ท่านล้อข้าเล่นรึเปล่า?”
ผู้อาวุโสโอวหยางส่ายหัว “ฮวงหลง ท่านก็โปรดดูเถิด ยันต์เซียนนี้ไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้จากคนที่ไม่ใช่ขั้นผลิดอก ข้าจะเล่าความจริงให้ฟัง บรรพบุรุษของสำนักซวนต้าวได้กลับมาจากสนามรบของแคว้นลำดับสี่และบอกข้าว่าเหล่าบรรพบุรุษทั้งหมดของสำนักเหิงยั่วได้ตายหมดแล้ว!”
สีหน้าฮวงหลงเปลี่ยนไป หลังจากครุ่นคิดเป็นเวลานานเขาก็พูดขึ้น “ผู้อาวุโสโอวหยาง หยุดพล่ามเรื่องไร้สาระได้แล้วมิเช่นนั้นอย่าหาว่าสำนักเหิงยั่วไม่เมตตา!”
ผู้อาวุโสโอวหยางยิ้มขึ้น “สำนักซวนต้าวของเราไม่ใช้กำลังบังคับเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ของพวกเรา ดังนั้นเราจึงใช้การประลองแลกเปลี่ยนเพื่อความเป็นธรรม ถ้าหากเหิงยั่วชนะในครานี้พวกเราจะจากไปแต่โดยดี ข้าได้ส่งคำพูดของข้าให้ท่านแล้ว ฮวงหลง เริ่มการประลองนี้ต่อกันเถอะ”
ศิษย์สายในของสำนักเหิงยั่วเต็มไปด้วยความงุนงงแต่ทั้งหมดกลับรู้สึกราวกับแบกก้อนหินยักษ์ไว้บนบ่า แม้แต่ท้องฟ้ายังรู้สึกมืดหม่น
หวังหลินตื่นตระหนก ดูเหมือนว่าสิ่งที่ซื่อถูหนานพูดจะเป็นเรื่องจริง โลกผู้ฝึกเซียนแบ่งด้วยลำดับจริงๆ
ใบหน้าของซุนต้าซื่อซีดเผือกและสายตาเหม่อลอย เขาพึมพำกับตัวเอง “จบ..มันจบแล้ว…บรรพบุรุษของสำนักเหิงยั่วตายทั้งหมด ก่อนนี้อย่างน้อยพวกเรายังข่มขู่สำนักอื่นและอดทนรอไว้ได้ แต่ตอนนี้เหล่าบรรพบุรุษต่างตายกันหมด มันจบสิ้นแล้ว แม่งเอ้ย! ถ้าไม่ใช่เพราะแคว้นลำดับสี่มาบุกรุกเมื่อห้าร้อยปีก่อนเพื่อขโมยดาวมังกรและส่งผลให้ในแคว้นเรียกผู้ฝึกเซียนขั้นผลิดอกออกไปทั้งหมด สำนักเหิงยั่วก็คงไม่อยู่ในสภาวะเช่นนี้”
ฮวงหลงเห็นเหล่าพี่น้องและศิษย์สายในต่างไม่สบายใจ เขาเก็บความไม่สงบในใจไว้และตะโกนขึ้น “ทุกคนในสำนักเหิงยั่วอย่าพึ่งตื่นตกใจ ไม่ว่าข่าวนี้จะเป็นจริงหรือไม่จะต้องถูกตรวจสอบโดยผู้อาวุโสขั้นแตกหน่อกันก่อน แล้วพวกเจ้าจะกังวลอะไร? หลิวโม่ว ประลองต่อ!”
หลิวโม่วที่อยู่บนลานประลองก็รู้สึกตกใจกับคำพูดของโอวหยางเช่นกันแต่เขาตั้งสติคืนกลับมา เปิดปากและปล่อยหมอกสีม่วงขึ้น หมอกสีม่วงนี้เติบโตจนกระทั่งเป็นมือยักษ์และจับเข้าหาฉิวมู่
ใบหน้าฉิวมู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาและตบกระเป๋าข้างเอว บอลทองหกลูกเหาะออกมาและพุ่งเข้าหามือหมอกของหลิวโม่ว หลิวโม่วยิ้มอย่างเย็นชา ฝ่ามือก่อเป็นผนึกและมือยักษ์ได้โบกไปในอากาศ สายลมปิศาจได้เคลื่อนออกจากบอลทองทั้งหกเข้าปะทะ
สายลมปิศาจเกิดจากพลังปราณซึ่งควบคุมจากร่างของฉี่มู่ เขารีบตะโกนขึ้น “ระเบิด!”
ตูม ตูม ตูม
บอลทองทั้งหกระเบิดพร้อมกัน คลื่นระเบิดที่ปล่อยออกมาพัดเอาเหล่าผู้ชมถอยกลับเล็กน้อย
หลิวโม่วเย้ยหยัน “ก็แค่กลเล็กๆ!” มือยักษ์ก่อร่างเป็นหมัด ไม่สนการระเบิดใดใด หมัดนั้นพุ่งเข้าปะทะอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของฉิวมู่ซีดเผือก มองไปยังมือที่ปะทะเข้ากับเขา ฉิวมู่กัดฟันกรอดและหยิบเอายันต์เซียนสีเหลืองออกมา ยันต์เซียนสีเหลืองดูธรรมดา ฉิวมู่ป้ายยันต์เซียนด้วยลิ้นและพ่นเลือดออกมา
หมอกเลือดในอากาศเปลี่ยนแปรเป็นของเหลวและกลายร่างเป็นมังกรโลหิต ฉิวมู่ไม่ได้ลืมตาขึ้นและผนึกฝ่ามือขึ้นอีกครั้ง มังกรโลหิตบิดเบี้ยวและหันกลับมา มันกลายร่างเป็นภาพแปลกประหลาดที่ประทับบนยันต์เซียน
ทันใดนั้นยันต์เซียนสีเหลืองก็เริ่มเปล่งแสงสว่างจ้าราวกับเป็นดวงอาทิตย์ขนาดเล็ก หมัดได้กระจายหายไปข้างหน้าสายตาทุกคน
หลังจากหวังหลินเห็นเช่นนี้เขารู้สึกตื่นตกใจ เขาก็มีหนึ่งในยันต์เซียนพวกนั้นเช่นกัน
“มันคือยันต์เซียนวิเศษ!” หลิวโม่วขมวดคิ้ว เขาโบกแขนเสื้อและมังกรขาวสองตัวก็ลอยออกมา พวกมันบินวนรอบตัวหนึ่งครั้งและพุ่งเข้าใส่ฉิวมู่ด้วยความเร็วปานสายฟ้า
ฉิวมู่หัวเราะออกมาอย่างภูมิใจ เขาได้ใช้พลังทั้งหมดเพื่อต้านทานหมัดยักษ์ไปหมดแล้ว จึงไม่เหลือแรงจะหยุดสองมังกรขาวพวกนี้
เห็นมังกรขาวสองตัวที่อวดโฉมฟันอันดุร้ายและอันตรายเช่นนี้พุ่งเข้าใส่ฉิวมู่ เสียงหายใจอันเยือกเย็นดังออกมาจากเหล่าศิษย์สำนักซวนต้าว
หลังจากนั้นชั่วครู่ สายรุ้งสีดำพุ่งออกมาจากเหล่าสำนักซวนต้าวและป้องกันมังกรสองตัวอย่างง่ายดาย เมื่อเกิดเสียงปะทะกัน มังกรขาวสองตัวก็หายไปอย่างรวดเร็วกลายเป็นกระบี่สีเงินสองเล่ม สายรุ้งสีดำปรากฎขึ้นอีกครั้งและปะทะกับกระบี่จนหักครึ่งออกเป็นสองส่วน
อั่ก!
ใบหน้าของหลิวโม่วเปลี่ยนไป กระบี่เหินได้เชื่อมต่อกับจิตวิญญาณของเขาได้แตกสลายไป ทำให้กระอักเลือดออกมาคำโต ใบหน้าเผยแววหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
มือยักษ์บนศีรษะฉิวมู่กระจายหายไปด้วย เพราะหลิวโม่วไม่สามารถคงสติไว้ได้
ฉิวมู่ได้ใช้ยันต์เซียนอย่างรวดเร็วทำให้เขาโชคดีรอดชีวิตไปในวันนี้ หลิวโม่วเดินออกจากลานประลองด้วยสีหน้าซีดเผือก
ใบหน้าของฮวงหลงลดต่ำลง เขาตะโกนขึ้น “สำนักซวนต้าว จะหนีไปไหน!” ผู้อาวุโสด้านข้างเขากลายเป็นกราดเกรี้ยวไปด้วย บางคนถึงกับหยิบเอาสมบัติของตัวเองออกมาพร้อมจะต่อสู้
ศิษย์สายในที่เห็นเหตุการณ์กลายเป็นโกรธเคือง ทั้งหมดมองไปยังชายวัยกลางคนที่ยืนด้านหลังสำนักซวนต้าว
เป็นเขาที่เย้ยหยันก่อนหน้านี้
ผู้อาวุโสโอวหยางหันหลังกลับและมองไปยังชายวัยกลางคน เขายิ้มอย่าสุขุมและพูดขึ้น “รอบที่สามนี้ผู้ชนะคือสำนักเหิงยั่ว ส่วนเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้น ข้า…”
“ชายชราโอวหยาง อย่าพูดไร้สาระ สำนักเหิงยั่วนี้เป็นเพียงสำนักระดับกลางเท่านั้น!”
ชายวัยกลางคนที่ยืนด้านหลังได้เดินก้าวออกมาข้างหน้าช้าๆ เมื่อเขาก้าวไปหนึ่งครั้ง พื้นก็พลันแตกระแหงและแยกเป็นทางไปสู่สนามประลอง