6. ดูถูก
ไท้จูยังคงเงียบ หวังโจวจึงได้ทีพูดออกมา
“ข้าก็เตือนเขาไปแล้วว่าเขาไม่เหมาะสม ของแบบนี้มันอยู่ที่สายเลือด ข้าได้รับเลือกตั้งแต่การทดสอบแรกแล้วเลยไม่ได้พบเขาเลย จนได้ข่าวว่าเขาสอบตกทั้งสามการทดสอบ น่าจะดีกว่านี้ถ้าเขาไม่ได้ไป แม้แต่ลูกของอาสี่คงจะมีความสามารถมากเสียกว่า”
อาสี่ของไท้จูตะโกนตอบกลับไปทันที “หวังโจว!! ต่อให้เจ้าจะเป็นเซียนแต่อย่ามาบังอาจพูดจาแบบนี้ ไม่ว่าหลานข้าจะเหมาะสมหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องของเจ้าเลยเจ้าเด็กขี้อวด” หวังโจวตกใจเล็กน้อยแล้วก็ยืนยิ้มเงียบๆ
พ่อของไท้จูที่ดูคล้ายกับว่าอายุมากขึ้นนับร้อยปีทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ แม่ของไท้จูก็ตกใจเช่นกัน แล้วเอ่ยขึ้นกับเขา
“ไท้จู…..จริงใช่ไหมลูก”
ไท้จูกัดริมฝีปากจนเลือดออกและคุกเข่าลง “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าไม่ผ่านการสอบเป็นศิษย์ ข้าขอโทษ… ไว้ข้าจะทดแทนบุญคุณท่านในชาติหน้า”
แม่ของไท้จูหลังจากได้ยินน้ำเสียงของลูกตนเอง ก็ได้เข้าไปดึงไท้จูให้ลุกขึ้น
“ไม่เป็นอะไรหรอกลูก ไม่ต้องเสียใจไป ถึงเจ้าจะไม่ได้รับเลือกเข้าสำนัก แต่ก็ยังมีการสอบรับราชการอยู่ อย่าทำอะไรโง่ๆเลยไม่งั้นใครจะเป็นคนเผาผีพ่อแม่เจ้า ผ่อนคลายเถอะลูก”
พ่อของไท้จูได้สติขึ้นมาและเห็นหน้าของลูกตัวเองจึงพูดอย่างกังวล “ไท้จู อย่าทำอะไรโง่ๆเจ้ายังมีข้าอยู่ทั้งคน ฟังพ่อนะกลับบ้านและทบทวนตำราสำหรับสอบปีหน้าเถอะ”
เหล่าญาติๆของพ่อไท้จูต่างถอยออกห่างพร้อมมองอย่างดูถูกอีกทั้งยังมีเสียงซุบซิบนินทา
“เด็กไท้จูนั้น ข้าไม่คิดหรอกว่าเขาจะเทียบกับพี่ของเขาหวังโจวได้ ช่างทำตระกูลเสื่อมเสียจริงๆ”
“สงสัยเรื่องที่เขาว่าเด็กคนนี้ฉลาดนักฉลาดหนา เหลาอี้พ่อผู้ไม่เคยทำอะไรสำเร็จคงจะแต่งมันขึ้น ช่างน่าตลกจริงๆ”
“ไปสอบสามคนแต่ไม่ได้อยู่คนเดียว น่าอายจริงๆ”
“ข้ารู้แต่แรกแล้วว่าไท้จูห่วยแตก เหมือนกับพ่อและแม่เขาแหละ”
“สงสัยตาข้าคงจะบอดไป ข้าพยายามให้ลูกข้าแต่งงานกับเขาด้วยแหละ ลูกข้าคงจะเสียใจไปชั่วชีวิต” เหล่าพี่น้องของตระกูลต่างพูดกัน
การกระทำของเหล่าญาติๆนั้นต่างกับราวสวรรค์กับขุมนรก พวกเขาขอกระทั่งให้พ่อของไท้จูเอาของขวัญคืน หวังหลินได้แต่ต่อยลงไปที่พื้นหวังว่าความเจ็บที่มือจะทำให้ความเจ็บใจหายไปได้
คำพูดของผู้คนทำให้เขาอยากตายมากยิ่งขึ้น พ่อของหวังโจวรู้สึกได้ใจอย่างมากจึงพูดขึ้น
“เหลาอี้ ข้าบอกไปแล้วไงพวกเซียนเขาเลือกศิษย์อย่างเข้มข้นมาก ถ้าไม่เจ๋งจริงๆเหมือนลูกข้าคงจะไม่มีโอกาสสักเท่าไหร่ ที่ลูกของเจ้าอยากตายเพราะเจ้าตั้งความหวังไว้มากยังไงหล่ะ”
พ่อของไท้จูเริ่มโกรธขึ้นมาจึงพูดกลับ “หวังเทียนซาน เงียบซะ ตอนพ่อของข้าตายเขาเหลือสมบัติให้ข้า แต่พวกเจ้ากลับรวมหัวกันเอาไป ตัวเจ้ามีความชอบธรรมอะไรถึงมาสอนข้า!!”
ไม่ต้องพูดถึงคำชมเลย ญาติๆทุกคนล้วนแต่ทำให้ทุกอย่างแย่ขึ้นไม่มีให้แม้แต่ความเป็นมนุษย์
หวังเทียนซานเริ่มโกรธเช่นกัน “อย่าเอาเรื่องเก่าๆมาพูดเลย ข้าแค่ให้คำแนะนำว่าลูกเจ้าไม่เหมาะสม แทนที่จะขอบคุณกลับมาโกรธเสียนี่ อย่างว่าแหละลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นพ่อยังไง ลูกก็อย่างนั้นเพราะตัวเจ้าเองทำให้ลูกตัวเองต้องหวังลมๆแล้งๆ”
คำพูดเหล่านั้นผ่านหูของหวังหลินและเสียบเข้าไปในหัวใจเขากล้ำกลืนน้ำตาขณะที่ทุกคนมองไปที่เขาด้วยสายตาที่ต่างจากเดิม
“แก!!! มาตัดสินกันเดียวนี้เถอะ”
พ่อของไท้จูลุกขึ้นแต่ทว่าอาสี่ของไท้จูได้เข้ามาขวางไว้ “พี่สองอย่าเลย พี่ใหญ่มีลูกน้องมากมายพี่จะเสียเปรียบนะไม่ต้องห่วงข้าอยู่ข้างท่านเสมอ”
หลังจากพูดเสร็จอาสี่ก็หันไปพูดกับหวังเทียนซาน “ข้าอดทนมามากแล้วกับการที่ท่านด่าว่าพี่สอง ถ้าท่านยังทำอยู่ข้าคงต้องตัดขาดพี่น้อง ถึงตระกูลหวังจะใหญ่โตแต่ข้าก็มีเพื่อนมากมายทั่วประเทศเช่นกัน พวกเขามีอิทธิพลมากทีเดียว เจ้าต้องอยู่อย่างลำบากแน่นอนถ้าคิดจะเป็นศัตรู”
หวังเทียนซานเข้าใจคำพูดของอาสี่ทันที เรื่องนี้ทำให้เขากลัวไม่น้อย
“เหลาซื่อ(อาสี่) อย่ากล่าวเช่นนั้นเลย ลูกของเหลาเอ้อร์ไม่เหมาะสมจริงๆ พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดเขาไม่มีพรสวรรค์จริงๆ ผู้อาวุโสอย่างเรากับการดุด่าว่ากล่าวผู้เยาว์เช่นนั้นหรือ? สิ่งที่เจ้าพูดช่างดูไม่มีเหตุผลเสียจริง” ปู่สามผู้ซึ่งอาวุโสที่สุดกล่าวขึ้นอย่างไม่พึงพอใจ
*หมายเหตุ คำอ่านเลขจีน
อี = 1
เอ้อร์ = 2
ซาน = 3
ซื่อ = 4