5. กลับ
เด็กทั้งสิบเอ็ดคน ไม่มีใครสามารถเดินเข้าห้องได้เลย มีเด็กหญิงคนหนึ่งสามารถเดินไปถึงระยะสองเมตรหน้าประตู แต่ก็โดนดันกลับมาเช่นเดียวกับหวังหลิน
หลังจากสอบครั้งสุดท้ายพวกเด็กๆก็ลงเขามาอย่างผิดหวัง และถูกส่งกลับบ้านโดยเหล่าศิษย์ของสำนักเหิ่งยั่วแบบตัวต่อตัว หวังหลินถูกส่งกลับโดยศิษย์ที่มารับคนก่อนที่มาพร้อมกับหวังโจวและหวังเฮ่า
“พี่หวังโจว ยินดีด้วยที่ได้เป็นศิษย์ของอาจารย์ยุทธ์ อนาคตของพี่ต้องสดใสแน่”เด็กหนุ่มยิ้มและจับมือหวังโจว
หวังโจวตอบกลับด้วยเสียงหยิ่งยโส “เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว อาจารย์ให้ข้ากลับไปดูแลเรื่องทางบ้านให้เรียบร้อยแล้วค่อยกลับมาฝึกเป็นซิวเซียน”
หวังเฮ่าที่ยืนอยู่ข้างๆพูดขึ้นแทรก “ข้าไม่ชอบหน้าอวดดีของเจ้าเลย ถึงแม้ข้าจะไม่ได้เป็นศิษย์ แต่อย่างน้อยข้าก็สามารถเรียนวิชาทำยาเซียน”
หวังโจวมองไปที่หวังเฮ่าอย่างเหยียดๆ และก็มองไปที่หวังหลินที่เงียบมาตลอด เขายิ้มและพูดขึ้นมา
“ไท้จู บอกไปแล้วว่าเจ้าไม่เหมาะสมหรอก แต่พ่อของเจ้าไม่เชื่อข้า เอาเถอะตอนนี้เจ้าก็รู้แล้วว่ามันเป็นไง”
หวังหลินเงยหน้ามองหวังโจว เขาหันไปหาศิษย์ของสำนักเหิ่งยั่ว “ท่านเซียน พ่อกับแม่รอข้าอยู่ รีบส่งข้ากลับบ้านเถอะครับ”
หวังโจวมองหวังหลินพร้อมถอนหายใจอย่างเหยียดหยาม “ไอ้เด็กบ้านนอกนี่ เจ้าน่าจะเป็นช่างไม้ในหมู่บ้านเล็กๆชั่วชีวิตเหมือนพ่อของเจ้าซะเถอะ”
จางซิงยิ้มน้อยๆ พร้อมมองไปที่เด็กทั้งสามคนเบื้องหน้า เขายังคงไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่สลัดแขนเสื้อออกและพาเด็กทั้งสามคนบินหายไปจากโรงเรียนเหิงยั่ว
ในระหว่างทางการบินเป็นเช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว แต่ความรู้สึกของหวังหลินต่างกันราวฟ้ากับเหวครั้ง ครั้งก่อนนั้นเต็มไปด้วยความหวังแต่ทว่าครั้งนี้เต็มไปด้วยความเสียใจ
ในเวลาไม่นานพวกเขาก็มาถึงบ้านตระกูลหวัง หวังหลินเปิดตาเล็กน้อยเขาเห็นว่ามีงานฉลองอยู่ บรรยากาศเต็มไปด้วยชีวิตชีวามีโต๊ะมากมายและปูพรมแดงต้อนรับ พ่อของเขาก็อยู่ที่นั่น รวมถึงสมาชิกทั้งหมดของตระกูลหวังแม้กระทั้งช่างไม้ที่เกื่ยวข้องกับตระกูลก็มาร่วมเฉลิมฉลอง ทำให้งานครั้งนี้ครึกครื้นอย่างมาก
ที่ห้องจัดเลื้ยงมีสามคนที่อยู่ที่นั่น พี่คนโต หวังเทียนซู รวมถึงน้องชายของเขาร่วมเฉลิมฉลอง มันเต็มไปด้วยเสียงและอารมณ์ยินดี ถึงแม้ว่าสายตาทุกคนจะเต็มไปด้วยความอิจฉาแต่ก็รุมเยินยอพ่อของหวังหลินให้มีความสุข จนเขานึกถึงอดีตที่น่าเสียใจขึ้นมา
“พี่สอง ลูกของพี่ต้องได้รับเลือกแน่ หลังจากนี้พี่ก็ไม่ต้องทำงานช่างไม้จนเป็นคนแก่ขี้บ่นอยู่ที่บ้านเล็กๆนั่นอีกแล้ว” หนึ่งในพี่น้องทั้งหกที่มีพุงพลุ้ยที่สุดพูดขึ้นมา
“เหลาอี้ข้าเห็นว่าอดีตไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่ปัจจุบันลูกของท่านกำลังจะได้เป็นเซียน ในฐานะพ่อแล้วเจ้าคงได้ยกระดับฐานะขึ้นแน่นอน”
พ่อของไท้จูมองไปยังญาติพี่น้องต่างๆ ที่เคยดูถูกเขาแต่มาวันนี้กับมายกย่องทำให้ความเสียใจที่เคยมีลดหายไปเหลือเพียงแต่รอยแผลลึกๆในใจที่ยังคงอยู่
“ไท้จู ลูกต้องถูกเลือกอยู่แล้ว!”
“พี่สะใภ้สองอยู่กับพี่สองที่บ้านนอกคอกนานั่นมีความสุขดีหรือเปล่าละ รู้หรือเปล่าพี่สะใภ้สอง ลูกของท่านยอดกว่าลูกข้าเยอะเลย ไท้จูทั้งฉลาดและเป็นเด็กดี”
“ลูกสาวข้าจะถึงวัยแต่งงานแล้ว ไท้จูก็หล่อเหลาและนิสัยดี ท่านสนใจหมั้นกับลูกสาวข้าไหม” เหล่าคุณนายช่างคุยหลายคนก็ได้เข้าไปคุยกับแม่ของไท้จู
ระหว่างนั้นพ่อของหวังโจวได้มองไปที่ท้องฟ้าและคิดว่าหากเซียนมาส่งข่าวเรื่องการสอบว่าไท้จูไม่ได้รับเลือก เขาจะสู้หน้าเหล่าพี่น้องได้อย่างไร หลังจากคิดแบบนั้นเขาก็ขำกับตัวเองและพูดคุยกับญาติของเขาที่เข้ามาชื่นชมต่อไป
ทันใดนั้นมีเสียงดังขึ้นและสายรุ้งจากท้องฟ้าลงมาที่หน้าลาน เห็นเป็นเงาสี่เงาลงมาจากฟ้า ทุกๆคนเงียบลงทันทีไม่มีใครกล้าพูดอะไร ศิษย์ของสำนักเหิ่งยั่วได้มองไปรอบๆและถอนหายใจเล็กน้อย เขารู้ว่าคนเหล่านี้มาเพื่อเฉลิมฉลองที่ลูกได้เข้าเรียนที่โรงเรียนเหิ่งยั่วและตั้งความหวังในตัวของหวังหลินไว้มาก เด็กคนนี้กำลังจะเผชิญหน้ากับความผิดหวังของพวกผู้ใหญ่
“ช่างโหดร้ายจริงๆ”ศิษย์ของสำนักส่ายหัวและเตรียมตัวออกไป
“เซียนไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องทางโลก จัดการให้เรียบร้อยเสียเถอะอีกสามวันข้าจะมารับ” เขาพูดพร้อมบินหายลับไปราวกับไม่เคยอยู่ตรงนั้น
พ่อของไท้จูเห็นเซียนจากไปก็รีบเข้าไปหาลูกชาย “ท่านเซียนได้รับเจ้าเป็นศิษย์ไหม”
หวังโจวทำหน้าอวดดีและพูดขึ้น “ข้าได้เป็นศิษย์เรื่องง่ายๆ อาจารย์บอกว่าอีกสักสิบปีข้าได้เป็นหัวหน้าของเหล่านักเรียนแน่นอน” พ่อของหวังโจวดีใจมาก เขาอุ้มลูกไว้บนบ่าพร้อมหัวเราะ “เยื่ยมมาก ในเมื่อหวังโจวได้เป็นเซียนแล้ว ชื่อของตระกูลหวังเราจะคงอยู่ต่อไปอีกนานแสนนาน ฮ่าฮ่า!”
พ่อของหวังเฮ่ามีใบหน้ากังวล เขากำลังเอ่ยปากถามหวังเฮ่าแต่ว่า หวังเฮ่าหาวขึ้นมาแล้วพูดตัดหน้า
“โอ้ยย อย่าถามเลยพ่อลูกของพ่อได้เป็นศิษย์อยู่แล้ว” คำพูดนั้นทำให้พ่อของเขามีความสุขมากและหยิบเหล้ามาดื่มทันที
หวังโจวพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ลุงสามลูกของลุกทำให้ตระกูลเราอับอาย เขาติดสินบนพวกเซียนต่อหน้าทุกคนเลย”
หวังเฮ่ากระพริบตาอย่างมีเลศนัยนัย “เอาน่าข้าดีใจนะที่ไม่ได้ทำให้ตระกูลเราต้องอับอายเพราะว่ามีพลังวิญญาณไม่พอ”
พ่อของไท้จูสังเกตเห็นท่าทางของลูกตัวเองก็ตกใจ มีแววเห็นลางร้ายที่กำลังปรากฎ
“ไท้จู แล….แล้วเจ้าสอบผ่านไหม” แม่ของไท้จูถามขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความคาดหวัง