3. การทดสอบ
หวังโจวรู้สึกตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้าเช่นกันแต่ด้วยความหยิ่งยโสเขาจึงไม่ได้พูดออกมา
ในขณะเดียวกันนั้นมีสายรุ้งหลากสีได้ลอยมาถึงพวกเขา จึงได้พบว่ามีเด็กอายุราวๆ 15 ปีหลายคนถูกพามาเช่นกัน ผู้เยาว์ชายหญิงพวกเขาต่างแสดงอาการตื่นตกใจและตกตะลึงในความงามเหมือนหวังหลิน
นักเรียนของเหิ่งยั่วจากที่ต่างๆได้มองไปรอบๆและจับกลุ่มคุยกันอย่างตื่นเต้น หลังจากรอสักพักพวกเขาได้รวมตัวกันต่อหน้าชายวัยกลางคนที่สวมชุดดำ เขาเริ่มพูด
“มีพวกเจ้าไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้รับเลือกเป็นนักเรียนของโรงเรียนเหิ่งยั่ว”
ทุกคนต่างเริ่มตกใจ หวังหลินเองก็กังวลเช่นกัน จากที่เขานับดูคนที่อยู่ที่นี้มีถึง 48 คน
“ซิวเซียน(เด็กฝึกหัด)เป็นขั้นเริ่มต้นของการเป็นเซียน ข้าจะเริ่มต้นการทดสอบโดยตรวจสอบพลังวิญญาณของพวกเจ้าว่าเพียงพอหรือไม่ จากนี้คนที่ข้าเลือกให้เดินออกมาทีละคน”
เด็กคนแรกได้เดินไปหาชายวัยกลางคน เขาวางมือบนหัวเด็กคนนั้นเบาๆและพูดขึ้นมาว่า “ไม่ผ่าน!! ไปยืนทางซ้าย”
เด็กน้อยดูเหมือนจะไม่มีเรื่ยวแรงขึ้นมาทันที ใบหน้าเขาแสดงความเสียใจและก้มหน้าเดินไปทางซ้าย
จากนั้นชายชุดดำก็ทดสอบต่อไปเรื่อยๆ
“ไม่ผ่าน”
“ไม่ผ่าน”
“ไม่ผ่าน”
“ไม่ผ่าน”
…..
สิบคนมาแล้วยังไม่มีใครผ่านเลย ทางขวาของชายวัยกลางคนยังไม่มีคนยืนแม้แต่คนเดียว คนต่อไปคือหวังโจว เขาเดินไปอย่างมั่นใจแต่มีความประหม่าเล็กน้อย
ชายวัยกลางคนได้เอามือวางบนหัวเขา ท้นใดนั้นใบหน้าของชายชุดดำก็แสดงอาการพึงพอใจ “เจ้าชื่ออะไร”
หวังโจวตอบอย่างรวดเร็วด้วยเสียงที่นอบน้อม “ท่านเซียน นามของข้าคือหวังโจว”
ชายวัยกลางคนพยักหน้าเบาๆ “เจ้าคือเด็กที่อาจารย์พูดถึงสินะ ถ้าอย่างนั้นไปยืนทางขวาได้”
หวังโจวได้เดินไปทางขวาท่ามกลางดวงตาของนักเรียนคนอื่นที่มองอย่างอิจฉา เขายืนอย่างหยิ่งยโสราวกับสวมมงกุฎอยู่บนหัว “เขาโชคดีเป็นบ้า” หวังเฮ่าบ่นให้หวังหลินฟัง แต่ทว่าหวังหลินกำลังกังวลใจโดยเฉพาะเมื่อคิดถึงความหวังของพ่อแม่ทำให้เขาต้องกำหมัดแน่น
“เจ้าไปทางขวาได้” ชายวัยกลางคนกล่าวขึ้นมา ทุกคนต่างตกใจที่คนที่ได้รับเลือกนั้นเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิง
เวลาผ่านไปมีเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่ยืนอยู่ฝั่งขวา ต่อไปถึงตาของหวังเฮ่าแล้ว
หวังเฮ่าเดินไปอยู่ต่อหน้าชายวัยกลางคน และคุกเข่าอย่างรุนแรงราวกับพื้นจะแตกพร้อมพูดว่า “ท่านเซียน ข้าหวังเฮ่า วันนี้ท่านลำบากมากแล้วเชิญท่านไปพักผ่อนก่อนข้ายังไม่รีบ ตกลงนะครับ?”
ชายวัยกลางคนขำออกมา เขาพบเด็กมามากแต่พึงเคยเจอคนแบบนี้ แน่นอนเขาไม่ได้เหนื่อยเลยแม้แต่น้อยโดยไม่สนใจคำพูดของหวังเฮ่า เขาวางมือลงบนหัวหวังเฮ่าพร้อมส่ายหัว “พลังวิญญาณห่ว…..”
ทันใดนั้นก่อนที่จะพูดอะไรต่อไป หวังเฮ่าก็หยิบกล่องหยกขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “ท่านเซียนพ่อของข้าพบสิ่งนี้ที่ภูเขา ลองมาหลายวิธีแล้วไม่สามารถเปิดได้เลยข้าเลยนำมาให้ท่าน”
ชายวัยกลางคนรู้สึกขำ เขากำลังจะปฎิเสธแต่ว่าพอมองไปที่กล่องนั้นก็เผยแววตาตกใจ “นี่มันเห็ดหลินจือสามร้อยปีถูกผนึกโดยเซียน ไม่แปลกเลยที่พ่อของเจ้าไม่สามารถเปิดมันได้”
“เอาเป็นว่าข้ากำลังต้องการคนช่วยทำยาพอดี ข้าเห็นเจ้าเป็นเด็กฉลาด มาเป็นศิษย์ข้าไหมละ?”
หวังเฮ่ารู้สึกตื่นเต้นมาก ทันทีที่เห็นท่าทีที่เปลื่ยนไปของชายวัยกลางคนเขารู้สึกยินดี “ตกลงครับท่านเซียน ข้าหวังเฮ่าต้องการเป็นศิษย์ท่าน”
ชายวัยกลางคนยิ้ม “ถึงเจ้าจะเป็นผู้ช่วยข้าแต่ข้าก็ไม่ลำเอียงหรอกนะ ไปยืนทางขวากับคนอื่นๆ” หวังเฮ่าเดินไปหาหวังโจวอย่างดีใจทันที เด็กๆคนอื่นต่างรู้สึกเสียใจบางคนถึงขนาดร้องไห้ออกมา ชายวัยกลางคนเห็นดังนั้นจึงตะคอก “เอาพวกที่ร้องไห้กลับบ้านไป!!!”
เหล่าศิษย์ของสำนักที่ยืนอยู่ไม่ไกลต่างพาเด็กที่ร้องไห้ลงไปทันที
ในที่สุดก็ถึงคราวหวังหลิน เขาหายใจลึกๆแล้วเดินเข้าไปหาชายวัยกลางคน ความคิดของเขาว่างเปล่าไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากคิดถึงหน้าพ่อแม่ “เขาต้องเลือกข้า!” หวังหลินบอกกับตัวเอง
ชายวัยกลางคนวางมือบนหัวหวังหลิน เขารู้สึกว่าเลือดตัวเองกำลังจะเป็นลิ่มน้ำแข็ง
“ไม่ผ่าน!!”
หวังหลินรู้สึกเสียการทรงตัว หูของเขาราวกับได้ยินเสียงฟ้าผ่า เขาได้ยินเสียงของชายวัยกลางคนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทุกคนรับการทดสอบเสร็จแล้วมีแค่สามคนเท่านั้นที่ถูกเลือก ช่างสูงส่งเหลือเกินสำหรับคนที่ได้รับเลือก หวังโจวมองหวังหลินอย่างดูถูกกว่าเดิม
“สำหรับซิวเซียน(เด็กฝึกหัด) พลังวิญญาณเป็นเรื่องสำคัญแต่ความมุ่งมั่นและความขยันสำคัญกว่า คนธรรมดาที่มีความพยายามสามารถกลายเป็นศิษย์ลับได้ นี่เป็นโอกาสสำหรับคนที่ไม่ผ่าน การทดสอบที่สองคือทดสอบความพยายาม”
ชายวัยกลางพูดต่อ “พวกเจ้าทุกคนต้องขึ้นเขาจากขั้นแรกไปถึงยอดเขาในเวลาสามวัน ผู้ที่ทำได้ถือว่ามีคุณสมบัติแต่ถ้าหากยอมแพ้ให้พูดออกมา จะมีคนรับกลับบ้าน”
หลังจากพูดเสร็จชายวัยกลางคนได้เดินไปผู้ถูกเลือกทั้งสาม “พวกเจ้าสามคนมากับข้า ไปเตรียมพบอาจารย์ เวลาที่จะพบได้ขึ้นอยู่กับความต้องการของท่านอาจารย์ หวังเฮ่ามากับข้าจะแนะนำให้รู้จักต้านฟง” ชายวัยกลางคนพูดพร้อมพาเด็กทั้งสามหายเข้าไปในภูเขา
หวังหลินหายใจลึกดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาเริ่มออกเดินทางเพื่อขึ้นเขา ซึ่งเป็นการทดสอบความอดทน
ตอนนี้เหลือผู้เข้าทดสอบอยู่ 39 คนที่คราแรกรู้สึกท้อใจแต่ในตอนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวังอีกครั้ง
เขากำลังก้าวเดินออกไปสู่ถนนแห่งโชคชะตาที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงที่ไหน