Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 75

Cover Renegade Immortal 1

75. เผชิญศัตรูอีกครั้ง

หลิวซานและทั้งกลุ่มต่างตกตะลึงทั้งหมดไม่เคยเห็นชายวัยกลางคนมีท่าทางแบบนี้เขาเคลื่อนออกห่างจากหวังหลินก่อนจะถามขึ้น “ท่านหวังเกี่ยวอะไรกับน้องเล็ก? หรือท่านจะบอกว่าการที่พวกข้าขึ้นสีเลือดเป็นเพราะเขา?”

ท่าทางของหวังหลินยังคงใจเย็น เขามองไปที่ชายวัยกลางคนแต่ไม่ได้พูดอะไร ขณะที่ซือถูหนานก็พูดลอยๆขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน

“เด็กน้อยคนนี้เป็นคนน่าสนใจจริงๆ วิชาพยากรณ์ได้ใช้ดีทีเดียวเมื่อมันใช้กับคนธรรมดาจะสามารถเห็นลางบอกเหตุหรือนิมิตในอนาคตได้แต่เมื่อใช้มองอนาคตของเหล่าเซียนมันก็เหมือนกับการดิ้นรนในกระแสธารข้าส่งความทรงจำบางส่วนให้เขาเรื่องกวาดล้างสำนักและเขาไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป”

เพียงเวลาแค่ลมหายใจเดียว ร่างชายผู้รอบรู้ได้เหงื่อแตกพลั่กเขาจ้องไปที่หวังหลินด้วยสายตาที่ไม่สงบอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยความกลัวเขาได้ยินประโยคของหลิวซานและรีบพูดขึ้นทันที “ไม่มีอะไรน้อง…น้องเล็กวิชาข้าไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ข้าจึงมิอาจมองผ่านมันได้ มองเห็นมันไม่ได้” ด้วยคำพูดเช่นนั้นเขาได้หน้านิ่วคิ้วขมวดเป็นปม

ภาพที่เขาได้เห็นก่อนหน้านี้ทำให้เขากลายเป็นตกตะลึงไปทั้งตัวนั่นไม่ใช่โลกปกติแต่เป็นนรกที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดคนพวกนั้นในฉากเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่มนุษย์พวกเขาต่างเหาะเหินเดินอากาศและทำลายภูเขาต้นไม้เป็นว่าเล่นชายผู้รอบรู้ได้เติบโตขึ้นจากการเรียนรู้วิชาพยากรณ์ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าเซียนมีอยู่จริงทั้งเขายังรู้ด้วยว่าไม่ควรยุ่งเกี่ยวด้วย ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องตายแน่นอน

หลิวซานขมวดคิ้วกำลังจะพูด ขณะนั้นเขาได้ยินเสียงกรีดร้องขึ้นมาหัวคนหัวหนึ่งได้ลอยผ่านเข้ามากระดอนลงบนพื้น มันกลิ้งจนไปหยุดหน้ากองไฟ

ใบหน้าหลิวซานเปลี่ยนไปมาก เขารีบยืนขึ้นเมื่อสังเกตได้ว่าหัวนั้นเป็นคนที่กำลังลาดตระเวณพื้นที่รอบๆ

หยางเสินจับหัวขึ้นมา เขากำหมัดแน่น “เอ๋อกู๋ พี่ชายจะแก้แค้นให้เจ้า!”

เหล่าผู้คุ้มกันต่างหยิบอาวุธของตัวเองขึ้นมาและจิตสังหารของพวกเขาต่างกระจายไปรอบๆ

ชายใบหน้าคล้ำที่ยืนถัดจากหลิวซานถามขึ้น “เจ้าเป็นใคร? ดูเหมือนว่าพวกเจ้าไม่เข้าใจกฎกระมัง”

เสียงหัวเราะในความมืดดังออกมาจากพื้นที่ห่างไกลตามมาด้วยเสียงเหยียบใบไม้ เหล่าชายชุดคลุมดำหลายสิบคนปรากฎบนพื้นฝุ่นผงบนเสื้อคลุมได้กระจายออกขณะเดียวกันก็จ้องไปที่ทุกคน

“ฝ่ามือแยกภูเขาหลิวซาน ให้ของกับข้ามาและพวกเราจะจากไปทันทีไม่เช่นนั้นที่นี่จะไม่มีใครรอดชีวิต” ร่างชายสูงอายุและผอมบางเดินออกมาจากในกลุ่มชายชุดคลุมดำ

ใบหน้าหลิวซานสงบเรียบราวกับน้ำ “ข้าสงสัยว่ามันเป็นใคร ดูเหมือนเจ้าคือกองกำลังอีแร้ง”

ชายสูงอายุหัวเราะออกมา “ไอ้หนุ่มหลิว อย่าพูดอะไรน่ารำคาญกองกำลังคุ้มกันของเจ้าเพียงแค่ทำการขนส่งสินค้าบังหน้าแต่ความจริงคือนำโสมห้าร้อยปีกลับมา หากเจ้ายอมจำนนพวกเจ้าทั้งหมดก็จะปลอดภัย อย่าเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเลย”

หลิวซานขมวดคิ้ว เขามองไปที่คนรอบัวเขาและคิดขึ้นมา ‘กองกำลังอีแร้งมันรู้เรื่องที่ข้าซ่อนโสมได้ยังไงกัน? ดูเหมือนข้าจะมีหนอนบ่อนไส้’ คิดได้เช่นนั้นเขาก็มองตกไปที่หวังหลินและเขาเยาะเย้ยขึ้น

เขาชำเลืองไปที่ชายใบหน้าคล้ำ กำหมัดแน่นและพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ “ไม่ว่าข้าจะมีหรือไม่มีโสมพวกเจ้ากำลังจะขโมยมันไปจากข้าด้วยวิชากระจอกของพวกเจ้างั้นหรือ?”

ชายใบหน้าคล้ำได้รับข้อความและลอบไปอยู่หลังหวังหลิน

หวังหลินขมวดคิ้ว ชายผู้รอบรู้ได้รีบหยุดชายใบหน้าคล้ำและพูดขึ้น “เจ้ากำลังทำอะไร? น้องเล็กคนนี้ไม่ใช่ศัตรู”

ชายใบหน้าคล้ำมึนงงและไม่อาจตอบสนองได้

ขณะนั้น ชายสูงอายุหัวเราะขึ้น “ไอ้หนุ่มหลิวข้าไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้ก็จริงแต่หัวหน้าของเรากำลังเคลื่อนไหวเจ้าถือว่าตายไปแล้ว” เช่นนั้นเขาก้าวถอยหลังสองสามก้าวและพูดขึ้น “หัวหน้ามาถึงแล้ว” เขาได้โค้งคำนับบนพื้นทันที

เหล่าชายชุดดำทั้งหมดต่างมีใบหน้าตื่นเต้น พวกเขาทำเหมือนกันทั้งหมดเหมือนชายสูงอายุและร้องตะโกนขึ้น “หัวหน้ามาถึงแล้ว!”

ทันใดนั้นน้ำเสียงเย็นยะเยือกได้ดังออกมาจากทุกทิศทาง “นำโสมออกมาหรือเจ้าต้องการตาย!” ขณะที่เสียงมาถึงบอลอัคคีขนาดเท่ากำปั้นได้ลอยดิ่งเข้าสู่รถม้าที่จอดเป็นวงกลมไฟอันร้องแรงจากบอลอัคคีได้กระทบกับหนึ่งในผู้คุ้มกันก่อนที่เขาจะได้กรีดร้อง ร่างก็เผาไหม้เป็นจุล

ขณะเดียวกัน ทุกคนในกองกำลังคุ้มกันต่างตกตะลึง บางคนถึงกับปล่อยอาวุธตัวเองและทำมันหล่นลงบนพื้น

สายตาของหยางเสินเผยแววหวาดกลัว “อะ…อาวุธนั่นมันอะไร?”

ความร้อนได้เพิ่มขึ้นรอบกองไฟ ทำให้เหล่ากองกำลังได้รู้ว่าไฟมันร้อนได้เช่นไร

ใบหน้าหลิวซานเต็มไปด้วยความตกใจ เขาถอยหลังสองสามก้าวและจ้องไปที่ร่างที่ไฟคลอกตายคนนั้นอย่างไร้คำพูด

ดวงตาของชายใบหน้าคล้ำเผยความกลัวอย่างสุดขีดเขาพูดขณะที่ร่างกายสั่นไปด้วย “เซียน…วิชาเซียน?” ชายใบหน้าคล้ำได้เคยทดสอบเข้าสู่สำนักเมื่อเขายังเป็นเด็กน้อยหลังจากที่เขาล้มเหลว เขาก็เข้าสู่โลกของผู้ฝึกยุทธ​การทดสอบนั้นได้ฝังลึกลงในจิตใจเขา ดังนั้นเมื่อเขาเห็นบอลอัคคีเขาจึงปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกันได้

ชายสูงอายุเผยใบหน้าภาคภูมิใจ “แน่นอน หัวเราะของเราเป็นเซียน! ทำไมพวกเจ้าไม่รีบส่งโสมมาให้พวกเราอีก”

คนในกองกำลังคุ้มกันทุกคนต่างมองไปหลิวซานสายตาพวกเขาร้องไห้เพื่อขอความช่วยเหลือ หากมันเป็นคนปกติพวกเขาก็คงกล้าที่จะสู้ แต่นี่คือเซียนเหล่าผู้คุ้มกันทั้งหมดต่างสูญเสียจิตใจการต่อสู้ไปแล้ว

หลิวซานเผยใบหน้าอันขมขื่นและเจ็บช้ำ เมื่อเขากำลังจะพูด บอลอัคคีมากกว่าสามลูกก็ปรากฎขึ้นในอากาศและยังไม่เคลื่อนไหว

ดวงตาของหวังหลินหรี่ลงและเขาเริ่มสนใจมากขึ้น จากการที่ดูบอลอัคคีแล้วคนที่ร่ายมันพวกนี้คงระดับไม่ได้สูงกว่าระดับสามเขาจับค้างและส่งสัมผัสวิญญาณออกไปจึงได้พบกับคนผู้หนึ่งที่อยู่บนต้นไม้ใหญ่ไม่ไกล

“นี่มันอะไรกัน?” หวังหลินพึมพำเขาตกตะลึงเมื่อคนผู้นี้อายุราวๆยี่สิบและอยู่ที่จุดสูงสุดระดับสองเขาเกือบจะทะลวงเข้าสู่ระดับสามได้แล้วใบหน้าชายหนุ่มมืดมนและปกคลุมไปด้วยรอยแผลเป็น มองคราแรกเขาช่างดูป่าเถื่อนแต่เมื่อหวังหลินมองอีกรอบ ใบหน้ายิ่งคุ้นเคย

ชายผู้รอบรู้ทำท่าทาง “หลิวซาน ให้พวกเขาไป แม้ตระกูลเหนือจะค้นเจอพวกเขาก็ไม่อาจดุด่าเราได้ ศัตรูเป็นถึงเซียนการป้องกันของคนธรรมดาเช่นเราจะต่อต้านเขาได้ยังไง?”

หลิวซานลังเลเล็กน้อยจากนั้นเขาหยิบเอากล่องขนาดเล็กออกมาอย่างหมดหนทางและวางลงบนพื้นขณะที่กล่องลงบนพื้น มันก็ลอยไปบนอากาศแต่ว่ามันไม่ได้บินไปที่คนของกองกำลังอีแร้ง แต่กลับเข้าสู่มือของหวังหลิน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version