606. ตื่นขึ้น
ณ ภายในหอคอยทมิฬ ลำแสงชั่วร้ายกระพริบถี่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แฝงกระทั่งความรู้สึกกลัวภายในนั้น สถานการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว!
“ประทับฝ่ามือนั่น…นั่นคือมัน!! คนผู้นี้มีบางอย่างคล้ายกับ… เขา…หรือเขาจะอยู่ที่นี่ด้วย?” ร่องรอยความตื่นตระหนกเกิดขึ้นภายในสัมผัสวิญญาณ
โดยปกติแล้วด้วยความแข็งแกร่งของจิตใจของเขา ความรู้สึกน่าหวาดกลัวแบบนี้ไม่เคยปรากฎขึ้นมาเลย ทว่าคนผู้นั้นน่าหวาดกลัวเกินไป น่าหวาดกลัวจนแม้แต่ระดับบ่มเพาะและจิตใจของเขายังสั่นไหวเมื่อคิดถึงคนผู้นั้น!
“แม้ว่ารอยประทับฝ่ามือคนผู้นี้จะมีความแตกต่างอย่างมาก ราวเจ็ดในสิบส่วนช่างคล้ายกับวิชาของเขา…นี่…นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรืออย่างไร…?”
“หวังหลิน!” เสียงตะโกนดังขึ้นดุจเสียงคำรามจากฟากฟ้า แม้ว่าเสียงตะโกนนี้มาจากคนเพียงคนเดียว มันกลับทำให้รู้สึกเหมือนออกมาจากวิญญาณนับร้อยล้านดวง!
เสียงที่มาถึงนี้ราวกับเกิดการระเบิดจำนวนมาก ท้องฟ้าได้เปลี่ยนสีและราวกับนั่นเป็นเพียงเสียงเดียวที่ยังคงเหลืออยู่
วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินได้แสดงอาการมีสติขึ้นมาเมื่อเขาได้ยินเสียงนี้ แม้ว่าสายตาของเขายังคงแดงก่ำแต่ก็ส่องประกายแสงกระจ่างชัดที่หาได้ยาก
เขากลับมาเห็นเมฆสีดำพุ่งเข้ามาจากเหนือเส้นขอบฟ้า เมฆสีดำเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นจากวิญญาณนับไม่ถ้วน เศษวิญญาณเต็มไปด้วยพลังงานและก่อเกิดระลอกคลื่นน่าหวาดกลัว
ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีดำทมิฬเดินตรงเข้าหาหวังหลินทีละก้าวด้านใต้เมฆสีดำ คนผู้นี้ดูธรรมดาแต่สายตาเต็มไปด้วยความเกียจชังฝังลึก เขาจ้องมองหวังหลินและกัดฟันตะโกนขึ้น “หวังหลิน ท่านจำข้าได้หรือไม่?”
หวังหลินเผยสายตาสัมผัสความรู้สึกชัดเจน เขามองไปและเอ่ยเสียงต่ำ “ฮัวเป่า”
“ท่านยังจำข้าได้! หวังหลิน วันนี้ข้าจะฆ่าท่านเอง!” ฮัวเป่าหัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนทำให้ก้อนเมฆด้านบนสั่นสะเทือน มันสร้างแรงกดดันมหาศาลจนล้อมรอบไปทั่วบริเวณ
“หวังหลิน ท่านคงไม่เคยคิดว่าข้าฮัวเป่าจะมีวันนี้ได้ ในตอนนั้นท่านแข็งแกร่งมากในสายตาข้า เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะต่อต้านท่านแต่ว่าตอนนี้ในสายตาข้าตอนนี้ท่านเป็นเพียงแค่มดเท่านั้น!” ฮัวเป่าจ้องมองหวังหลินพร้อมระบายความแค้นทั้งหมดที่เขาเก็บไว้ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เขาไม่ได้รีบโจมตี เขาเพียงต้องการหาที่ระบายอารมณ์!
หวังหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “จริงๆแล้ว ข้าไม่เคยจิตนาการได้เลย”
ฮัวเป่าตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “ตอนที่ท่านทิ้งข้าและฉือซาน ท่านรู้ไหมว่าเราต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหน? โดยเฉพาะข้าถูกผู้บัญชาการคนนั้นบดกระดูกทั้งหมดให้เหลวแหลกและทำลายเส้นชีพจร
“ข้าทุกข์ทรมานและอัปยศอดสู ตอนนั้นท่านอยู่ที่ไหน?”
“ตอนที่ข้าเรียกให้ท่านมาช่วยนับไม่ถ้วน ท่านไปอยู่ไหน? ในสายตาท่าน ฉือซานและข้าเป็นเพียงเบี้ยเท่านั้น น่าเสียดาย เจ้าสิบสามเป็นคนโง่และไม่รู้จักธาตุแท้ของท่าน! ”
เศษวิญญาณด้านบนดูเหมือนจะรู้สึกตื่นเต้นและส่งเสียงคำรามออกมาร่วมกับเขา
“โชคดีที่สวรรค์มีตาและไม่ให้ข้าตาย ข้าได้รับชีวิตใหม่และได้พบกับนายท่าน ข้าสามารถใช้วิชาหลอมวิญญาณของข้าที่นี่ได้อย่างสมบูรณ์และได้หลอมวิญญาณมากกว่าร้อยล้านดวง วันนี้ท่านจะตายอย่างไม่ต้องสงสัย! แต่ว่าข้าจะไม่ฆ่าท่านง่ายเกินไป ข้าจะผนึกวิญญาณของท่านไว้ในร่าง และโยนเข้าสู่คุกใต้ดินที่โหดร้ายที่สุดในแคว้นเก้าปิศาจ ที่ที่ท่านจะอัปยศจนไม่อาจตายได้!
“จากนั้นข้าจะแยกวิญญาณของท่านและผนึกไว้ในธงวิญญาณที่ข้าสามารถทรมานท่านได้ทุกวัน!”
ฮัวเป่าจ้องมองหวังหลินอย่างโหดเหี้ยมก่อนจะเผยสีหน้าเยาะเย้ยและกล่าวขึ้นมา “ท่านเคยคิดไหมว่าวันหนึ่งจะถูกฆ่าโดยวิชาที่ท่านเป็นคนสอนเอง? ท่านเคยลิ้มรสความรู้สึกของวิญญาณร้อยล้านดวงที่ทะลวงเข้าสู่ร่างกายไหม!? ”
“หลังจากที่ข้าเอาวิญญาณของท่านมา ข้าจะกลับไปที่เผ่าหลอมวิญญาณและเอาวิญญาณของพวกเขาทั้่งหมดมาด้วย!” ร่างของฮัวเป่าสั่นระริก การสั่นนี้เกิดขึ้นจากความตื่นเต้นและเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
หวังหลินครุ่นคิดอยู่นานและกล่าวช้าๆ “เช่นนั้นมันทำให้เจ้าเกลียดข้ามากขนาดนี้”
“เกลียด? แน่นอน ข้าฮัวเป่า ทั้งชีวิตนี้จะไม่เป็นคนธรรมดา ด้วยวิชาหลอมวิญญาณและวิญญาณนับร้อยล้านดวง ข้าจะเป็นคนชั้นยอดในดินแดนวิญญาณปิศาจ ท่านไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นอาจารย์ของข้า แม้ท่านจะเคยเป็นมาก่อน! ท่านก็ต้องตาย!”
เสียงหัวเราะอันหยิ่งผยองดังออกมาจากฮัวเป่า ตอนนี้เขามีความสามารถที่จะโอหังอย่างแท้จริง พลังจากดวงวิญญาณนับร้อยล้านดวงต้องทรงพลังมหาศาลอย่างแน่นอน!
โดยเฉพาะวิญญาณทั้งร้อยล้านดวงนี้มาจากสนามรบโบราณ ก่อนที่พวกมันตายไม่มีใครคนไหนที่ระดับการบ่มเพาะอ่อนแอ มีแม้กระทั่งวิญญาณเทียบได้กับแม่ทัพปิศาจซึ่งทำให้ทั้งหมดน่ากลัวมากขึ้น!
“ด้วยธงวิญญาณในมือข้า ใครกันเล่าจะหยุดข้าได้นอกจากนายท่านที่ช่วยข้าไว้? ไม่มีใครสามารถหยุดข้าได้แล้ว! วิญญาณร้อยล้านดวงไม่ใช่เป้าหมายของข้า เป้าหมายของข้าคือพันล้าน หมื่นล้าน ข้าต้องการสร้างแคว้นแห่งที่สิบในดินแดนวิญญาณปิศาจ จักพรรดิปิศาจคนแรกจะต้องเป็นข้า ฮัวเป่า!”
หวังหลินมองฮัวเป่าอย่างเงียบงันและกล่าวอย่างช้าๆว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าต้องการจะฆ่าข้าและความเกลียดชังคือเหตุผลเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น อีกครึ่งหนึ่งคือการฆ่าทุกคนที่รู้จักวิชาหลอมวิญญาณ วิธีนี้จะไม่มีใครคนอื่นที่สามารถใช้วิชาเดียวกับเจ้ามาหลอมวิญญาณให้สมบูรณ์…ถูกต้องไหม?”
ฮัวเป่ามองหวังหลินและหัวเราะน่าขนลุก “ท่านคู่ควรที่จะเป็นอาจารย์คนก่อนของข้าจริงๆ ใช่แล้ว ท่านรับข้ามาเพื่อเป็นเบี้ยแต่ท่านกลับสอนวิชาหลอมวิญญาณให้ข้า แม้ว่าข้าจะเกลียดท่านมาก่อนแต่นั่นก็ไม่มากนัก แต่ข้างในคุกมืดนั่นข้าจึงได้เข้าใจ ว่าเหตุใดท่านถึงกลายเป็นอาจารย์ของข้า? เหตุใดคนอื่นถึงโจมตีข้าก็เพราะพวกเขาไม่ชอบท่านน่ะหรือ? เพราะท่านแข้งแกร่งหรือ? จากนั้นหากข้ามีพลังมากกว่านี้จะเกิดอะไรขึ้น!?”
“นั่นเป็นเหตุผลว่าตอนที่ข้าได้ถูกช่วยเอาไว้ ข้าจึงสาบานว่าจะกลายเป็นคนแข็งแกร่ง ข้าจะไล่ตามท่านแล้วฆ่าท่านซะ!”
หวังหลินส่ายหน้าเล็กน้อย มองฮัวเป่าอย่างละเอียดและกล่าวขึ้น “การที่จะสามารถฝึกฝนจนก้าวมาถึงขั้นนี้ได้ภายในสิบปี ข้าต้องขอชื่นชม แม้แต่หญิงสาวผู้ได้รับพรจากสวรรค์ก็ไม่อาจเทียบกับเจ้าได้“
“คราแรกข้าก็ยังสงสัย แม้ว่าพรสวรรค์ของเจ้าจะดีและกระทั่งดีดีกว่าผีเสื้อสีชาดหลายขุม เป็นไปไม่ได้เลยที่จะก้าวมาสู่ระดับนี้ได้ภายในเวลาเพียงสิบปีเท่านั้น ทั้งควรเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะมีและควบคุมวิญญาณมากมายขนาดนี้ แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจเหตุผลแล้ว! เจ้าต้องฝึกฝนด้วยวิธีการเผาผลาญแก่นชีวิตของตนเอง เจ้าจะบรรลุระดับสูงสุดได้ในช่วงเวลาอันสั้น ยอดนี้คงอยู่ได้เพียงไม่นาน และข้ากลัวว่ามันคงอยู่ได้เพียงไม่เกินหนึ่งวัน…”
“หุบปาก!!!” ฮัวเป่าชี้ไปบนท้องฟ้าด้วยใบหน้าดุดัน เมฆดำบางส่วนแบ่งออกมากลายเป็นวิญญาณนับล้าน ฮัวเป่าชี้ไปที่หวังหลินและเศษเสี้ยวดวงวิญญาณพุ่งเข้าหาเขา
ฮัวเป่าหัวเราะดุจคนบ้า “ข้าจะให้ท่านเห็นว่าเศษเสี้ยวจิตวิญญาณนับล้านมันเป็นแบบไหน ท่านอาจจะไม่เคยเห็นวิญญาณนับล้านมาก่อน!”
ฉวี่ลี่กั๋วได้ยินบทสนทนาระหว่างคนทั้งคู่อย่างชัดเจน มันมองไปที่ฮัวเป่าและคิดขึ้นว่า ‘เด็กคนนี้ไม่รู้จักสวรรค์ชั้นสูงว่าเป็นแบบไหน ปู่ฉวี่ของเจ้าพยายามก่อกบฏหลายครั้งแล้วและทุกครั้งข้าก็ล้มเหลว ถ้าเจ้าทำสำเร็จได้จริงๆ ข้าจะเปลี่ยนแซ่เป็นฮัวให้เลย และขอเรียกว่าฮัวลี่กั๋ว!’
“การปฎิวัติมันเป็นเรื่องยากมาก และต้องวางแผนไว้ให้รอบคอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องต่อกรกับปิศาจตนนี้ เจ้าคิดจริงๆหรือว่ามันจะง่ายดายปานนี้!?”
หวังหลินเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ท้องฟ้าอย่างสงบนิ่ง เศษเสี้ยวจิตวิญญาณนับล้านพุ่งตรงมายังเขา นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เห็นมานานแล้ว มวลดวงวิญญาณสีดำเต็มไปด้วยท่าทีอันดุร้าย ไม่ยอมถดถอยจนกว่าจะกลืนกินเขาอย่างสมบูรณ์
หวังหลินถอนหายใจเบาขณะขยับมือขวาและประทับเข้าหาท้องฟ้า จากนั้นปรากฎสัญลักษณ์บางอย่างในฝ่ามือ
วิญญาณหนึ่งล้านดวงหยุดชะงักทันทีและหยุดนิ่งไม่ไหวติงหลังจากเห็นสัญลักษณ์นี้ เหตุการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องประหลาดเกินไปและกระทั่งทำให้ฮัวเป่าตกตะลึง
“วิชาหลอมวิญญาณไม่ได้เอามาใช้กันแบบนี้!” หวังหลินเอ่ยออกมาเบาๆ พลันสะบัดแขนขวา ปรากฎความวิญญาณหนึ่งล้านดวงปรากฏสายตาแห่งความนอบน้อม!
ดวงวิญญาณที่จดจำฮัวเป่าว่าเป็นนายของพวกมัน แต่เมื่อเห็นสัญลักษณ์นั้น พวกมันเข้าใจได้ทันทีว่าคนเบื้องหน้าคือนายเหนือหัวที่แท้จริง!
“นี่….นี่เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้!!” ฮัวเป่าสูญเสียการเชื่อมต่อกับเศษเสี้ยววิญญาณล้านดวงในจิตใจทันที เขาตกตะลึงและตะโกนด้วยสีหน้าดุดัน “วิญญาณร้อยล้านดวง กลืนกินมันซะ!!“
หลังเอ่ยเช่นนั้น ก้อนเมฆดำในท้องฟ้าพลันตกลงมาทันที ก่อเกิดแรงกดดันบ้าคลั่งมหาศาลและวิญญาณนับร้อยล้านดวงก็พุ่งออกมา ราวกับสิ่งเดียวที่คงอยู่ในโลกตอนนี้คือเหล่าดวงวิญญาณ!
ฮัวเป่าแสดงสีหน้าโหดเหี้ยมราวกับกำลังมองหวังหลินถูกกลืนกิน
ขณะที่วิญญาณร้อยล้านดวงพุ่งออกมา วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินออกมานอกร่างกายและกวาดผ่านไปทั่วบริเวณ จุดอ่อนที่หวังหลินทิ้งไว้ในวิชาหลอมวิญญาณได้ถูกใช้ในเวลานี้ หวังหลินสามารถควบคุมวิญญาณของคนที่เขาสอนวิชาไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
วิญญาณร้อยล้านดวงเริ่มหวาดกลัวและดวงตาเผยอาการน้อบน้อม พวกมันเริ่มล้อมตัวหวังหลินเป็นวงกลม ก่อตัวกลับเป็นเมฆสีดำและจ้องมองกลับมาที่ฮัวเป่า ฮัวเป่าตะลึงงันโดยสิ้นเชิง ไม่มีแม้แต่วิญญาณดวงเดียวที่อยู่ใกล้เขา
นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สถานการณ์ตอนนี้นี้ได้ทำให้จิตใจฮัวเป่าขาวโพลน
“วิชาหลอมวิญญาณของเจ้าถูกคนอื่นปรับแต่งมาเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุม จะเป็นอย่างไรเล่าถ้าหากรากของวิชาหลอมวิญญาณเปลี่ยนไปง่ายดายโดยไร้การสืบทอดที่แท้จริงและเสียสละเวลาไปหมื่นปีเช่นนั้นหรือ?!”
หวังหลินคือคนที่สืบทอดวิชาหลอมวิญญาณ วิชาหลอมวิญญาณคือหัวใจหลักของสำนักหลอมวิญญาณ และแม้ว่าวิชาหลอมวิญญาณนี้จะไม่ใช่วิชาที่ทำให้โลกสั่นสะเทือนแต่มันเป็นสิ่งที่ถูกศิษย์สำนักหลอมวิญญาณหลายชั่วอายุคนปรับแต่งมาแล้วนับไม่ถ้วน สมาชิกของสำนักหลอมวิญญาณใช้เวลาไปเป็นหมื่นปีเพื่อศึกษาวิธีการปรับแต่งวิชา จะมาถูกคนอื่นที่ฝึกฝนมาแค่สิบปีแก้ไขวิชาสมบูรณ์และกระทั่งไม่เป็นผู้สืบทอดที่แท้จริงได้อย่างไร?
ผู้ช่วยชีวิตฮัวเป่าไม่อาจทำได้ บางทีคนที่อยู่ในชุดเกราะอาจทำได้ แต่เขาคงไม่มาเสียเวลากับเรื่องเล็กๆเช่นนี้
“เป็นไปไม่ได้ … เรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร…ผู้มีบุญคุณของข้าได้บอกอย่างชัดเจนว่าเขาได้ซ่อมแซมจุดอ่อนของวิชานี้ไปแล้ว…ทำไม…” ฮัวสีหน้าตะลึงงันได้เปลี่ยนเป็นความโกรธทันที เขาจ้องมองดวงวิญญาณรอบตัวหวังหลินและตะโกน “ดวงวิญญาณ กลับมาเร็ว!!!”
ตะโกนแทบเสียงแตกแต่ดวงวิญญาณรอบตัวหวังหลินไม่แม้แต่จะมองเขา พวกมันรายล้อมหวังหลินด้วยสายตาที่ดูเคารพ!
“เศษเสี้ยวจิตวิญญาณ กลับมาเร็วเข้า!” ฮัวเป่าคำรามอย่างบ้าคลั่ง แต่วิญญาณพวกนั้นยังคงล้อมรอบตัวหวังหลิน
ภายในใจของฮัวเป่าเต็มไปด้วยความโกรธ ร่างกายสั่นเทาและกระอักโลหิตออกมาคำโต เขาใช้เวลาวันทั้งคืนตลอดเวลาสิบปีในการหล่อหลอมวิญญาณ เขาพยายามอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งขยายขอบเขตดวงวิญญาณได้ถึงร้อยล้านดวง ตอนนั้นเขาเชื่อว่าตัวเองมีพลังที่สามารถถล่มสวรรค์ได้ เขากลายเป็นคนแข็งแกร่งและสามารถฆ่าหวังหลินได้แน่นอน!
ทว่าในตอนนี้ ตอนที่เขากำลังเผชิญหน้ากับหวังหลิน ทุกอย่างทั้งหมดนั้นได้สูญสลายไป สิบปีที่ฝึกฝนมาอย่างหนักถูกส่งต่อให้กับหวังหลิน เปลวเพลิงแห่งความโกรธแค้นเผาไหม้ภายในจิตใจของเขา ส่องสว่างเพียงพอจนแทบทำให้เขาสูญสลาย!
“หวังหลิน ข้าจะฆ่าแก!!!” เส้นเลือดบนใบหน้าฮัวเป่าปูดโปนออกมาและเขาเริ่มบ้าคลั่ง ตอนนี้เขาดูเหมือนจะบ้ามากกว่าหวังหลินตอนที่อยู่ภายใต้ผลลัพธ์ของผลทะยานสวรรค์เสียอีก
เพราะเขามีความหวัง เมื่อความหวังนั้นพังทลายลงไป จึงเริ่มกลายเป็นผิดหวังและบ้าคลั่งขึ้นมา!
หวังหลินเผยสีหน้าอันซับซ้อน เขาสะบัดมือขวาและถอนหายใจ “เจ้าแข็งข้อก็เพราะข้า ก่อนที่เจ้าจะตาย ข้าจะให้เจ้าได้เห็นการใช้ธงวิญญาณที่แท้จริง!”
ธงวิญญาณพันล้านดวงลอยออกมาจากกระเป๋าของหวังหลิน วิญญาณร้อยล้านดวงที่ล้อมรอบได้สั่นเทาทันทีก่อนจะรวมกลายเป็นวิญญาณหนึ่งดวง!
วิญญาณดวงนี้เป็นผลึกสีใส มันโยนกำปั้นเข้าไปใส่ฮัวเป่าทันที!
เมื่อกำปั้นลงมาถึง ร่างฮัวเป่าสั่นสะท้านถูกฉีกกระชากออกไปพร้อมกับวิญญาณ!
หวังหลินถอนหายใจสะบัดธงวิญญาณ วิญญาณร้อยล้านดวงลอยเข้าไปในธง กลิ่นอายฆ่าฟันกระจ่างชัดในดวงตา เขามองออกไปไกลจนสามารถเห็นหอคอยสีดำที่อยู่ห่างออกไป
มีชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ใต้หอคอย สวมเกราะสีดำและกำลังมองตรงมาหาหวังหลินเช่นกัน
สายตาหวังหลินเลื่อนจากชายชราไปที่หอคอย เขาสัมผัสถึงพลังชั่วร้ายทรงพลังที่กำลังออกมาจากหอคอยทมิฬ
มันคือพลังชั่วร้ายที่แท้จริง มีความแตกต่างระหว่างพลังชั่วร้ายที่สร้างจากระดับบ่มเพาะของพวกเซียน
ตอนนี้หวังหลินสงบนิ่งขึ้น รูม่านตาหดเล็กลง พลังชั่วร้ายนี้ทรงพลังอย่างยิ่ง คนที่อยู่ในหอคอยทมิฬจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกาจ หวังหลินสูดหายใจลึก วิญญาณดั้งเดิมและร่างกายยังไม่หลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์ มันยังต้องใช้เวลาอีกครึ่งเดือนเพื่อให้วิญญาณและร่างกายผสานกันเป็นหนึ่ง และจากนั้นระดับบ่มเพาะของขั้นเทวะระดับต้นจะเสถียร
“ผลทะยานสวรรค์ถือว่าโหดเหี้ยมเกินไป แม้ว่าจะช่วยทำให้ข้าทนรับการโจมตีได้แต่มันยังทำให้ข้าเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่งที่ไม่เคยเข้าสู่สภาวะนี้มาก่อน..“ หวังหลินสูดหายใจลึก จ้องมองด้านหน้าออกไปไกล
ชายชราสวมเกราะที่อยู่ใต้หอคอยก้าวเท้าออกมา หนึ่งก้าวนี้ทำให้พื้นดินสั่นเทาและกระจายแรงสนั่นมาถึงเท้าหวังหลิน
“ขั้นเทวะระดับปลาย…ระดับบ่มเพาะของคนผู้นี้….ไม่สิ เดี๋ยวก่อน ระดับการบ่มเพาะที่แท้จริงของเขาไม่ได้สูงขนาดนี้ มันเป็นเพราะเกราะบนร่าง!” สายตาแจ่มใสในดวงตาสั่นสะท้านอีกครั้ง ผลกระทบของผลทะยานสวรรค์กำลังโจมตีจิตใจหวังหลินอย่างบ้าคลั่ง พยายามทำให้เขากลับมาบ้าคลั่งอีก
ดวงตาหวังหลินเย็นเยือก พ่นลมหายใจเย็นออกมาเพื่อต้านทานผลกระทบจากผลไม้ จากนั้นชี้มือไปบนท้องฟ้า เสียงดังสนั่นกึกก้องพลันปรากฏแม่น้ำสายใหญ่ขึ้นมาในท้องฟ้า
หลังจากนั้นไม่นาน เขาชี้ไปที่จุดระหว่างคิ้วของตัวเองด้วยมือซ้าย ลำแสงสีทองออกมาจากหน้าผากเข้าไปในมือนั้น ปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวปรากฏขึ้น!
ดวงตาของชายขราในชุดเกราะส่องสว่างชึ้นและหยุดชะงัก