Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 617

Cover Renegade Immortal 1

617. ผนึกที่สอง

หวังหลินขบคิด ยิ่งเขาอยู่ในดินแดนวิญญาณปิศาจแห่งนี้นานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีเรื่องประหลาดใจมากขึ้นเท่านั้น เรื่องแรกคือภาพวาดของฮวงหลง จากนั้นก็เป็นโม่เฟยสองคนที่ดูคล้ายกัน ล่าสุดคือชายร่างยักษ์ที่ดูคล้ายกับหลิงเทียนโฮว

สายตาหวังหลินสั่นระริกและพึมพำกับตนเอง “เทียนหยุนคล้อยตามความต้องการของสวรรค์ การที่เขาส่งข้ามาที่นี่จะต้องมีแรงจูงใจของตัวเอง…อีกทั้งตอนที่ข้าอยู่บนดาวเทียนหยุน ป๋ายเวยได้ชี้ว่าศิษย์ส่วนใหญ่ของเทียนหยุนที่ผ่านช่วงหมื่นปีกลับหายตัวไป ข้าแค่ไม่รู้ว่าการหายตัวไปของเหล่าผู้อาวุโสพวกนั้นเกี่ยวข้องกับดินแดนวิญญาณปิศาจแห่งนี้แค่ไหน”

หวังหลินสัมผัสกระเป๋าและสายตาเยือกเย็น ‘ตราบใดที่ข้าแข็งแกร่งเพียงพอ ไม่ว่าเรื่องประหลาดที่นี่จะเป็นอย่างไร มันก็ไม่สามารถกระทบต่อจิตใจแห่งเต๋าของข้าได้!’

หวังหลินหลับตา วิญญาณดั้งเดิมสลักตราประทับบนเศษมารอย่างต่อเนื่อง หวังหลินประทับตาเข้าไปในส่วนลึกของวิญญาณมาร การควบคุมของเขามั่นคงแข็งแกร่ง

นอกจากนี้ ขณะที่เผ่าหลอมวิญญาณเติบโตขึ้นก็ยิ่งมีคนฝึกฝนวิชาหลอมวิญญาณมากขึ้น รวมไปถึงว่าที่นี่คือสนามรบโบราณ มันจึงมีเศษวิญญาณอยู่มากมาย แม้ว่าส่วนใหญ่จะซ่อนตัวอยู่ใต้ผืนดินส่วนลึก ทว่ายิ่งมีคนเข้าร่วมเผ่าหลอมวิญญาณมากขึ้นก็ยิ่งมีคนเริ่มขุดหลุมลึกขนาดใหญ่ หลุมเหล่านี้คือวิธีการฝึกฝนวิชาหลอมวิญญาณอันพิเศษของเผ่า

นี่คือหนทางเดียวในการบ่มเพาะวิชาหลอมวิญญาณ อีกหนทางหนึ่งก็คือการเข้าไปในแคว้นปิศาจอัคคีเพื่อดูดซับดวงวิญญาณทหารปิศาจที่ตายไปทั้งหมด

แต่ว่ามีเพียงคนที่ฝึกฝนบ่มเพาะสำเร็จเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติเข้าไปในหลุมได้ ใครที่ต้องการเข้าไปเองจะต้องได้รับการยินยอมจากโอวหยางฮัวก่อนเพื่อขอคำอนุญาต

เผ่าหลอมวิญญาณกำลังเติบโตแข็งแกร่งด้วยความก้าวหน้าอันรวดเร็ว! การเติบโตรูปแบบนี้ไม่อาจเห็นได้ในทุกๆวัน เผ่าหลอมวิญญาณดุจรังไหมที่กำลังซึมซับสารอาหาร เมื่อผีเสื้อแรกแย้มเป็นอิสระออกมาจากรังไหม มันจะทำให้ทั้งเก้าแคว้นตื่นตะลึง!

ในความคิดของคนในเผ่า หอคอยที่อยู่ใจกลางคือพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจทำให้ด่างพร้อยได้ราวกับเป็นที่พำนักของเทพ!

สำหรับหวังหลินที่ไม่ได้ออกมาข้างนอกในเวลาสิบปี หวังหลินคือบรรพชนของพวกเขา! เป็นผู้พิทักษ์!

นอกจากเสริมสร้างตราประทับให้กับเศษมารในทุกๆวัน หวังหลินสร้างกฏเกณฑ์จำนวนมากวางลงบนธงกฎเกณฑ์ด้วย ในช่วงเวลาสิบปี หวังหลินทำอย่างต่อเนื่องและค่อยๆเข้าใกล้กฏเกณฑ์ 9,999 ชุดแล้ว

ธงวิญญาณพันล้านดวงถูกหวังหลินปลดปล่อยมานานและวิญญาณร้อยล้านดวงปกคลุมเหนือท้องฟ้าด้านบนของเผ่าหลอมวิญญาณ เสียงเหล่าวิญญาณกำลังกรีดร้องดังให้ได้ยินในทุกวันและกลายเป็นสัญลักษณ์ของเผ่าหลอมวิญญาณ

หวังหลินยังใช้เวลาอีกมากเพื่อศึกษาห้าผนึกของราชรถสังหารเทพ ตอนที่หวังหลินเป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับกลางอยู่นั้นเขาปลดปล่อยผนึกแรกได้อย่างฉิวเฉียด ตอนนี้หวังหลินเป็นขั้นเทวะ จึงสามารถกระตุ้นผนึกแรกได้อย่างสมบูรณ์ ทว่านี่ยังไม่เพียงพอต่อหวังหลิน เขายังต้องการปลดปล่อยผนึกที่สองให้ได้

หลังจากผนึกแรกถูกปลดปล่อย ราชรถสังหารเทพสามารถคุกคามเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายสูงสุดได้ ส่วนผนึกที่สองนั้นหวังหลินแค่ตรวจสอบมันด้วยสัมผัสวิญญาณและนั่นทำให้ลำแสงสายฟ้าหลายเส้นปรากฏขึ้นทันที พวกมันไล่ตามสัมผัสวิญญาณของเขาและติดตามออกมาด้านนอกผนึก หวังหลินเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว เขาประตุ้นพลังปราณสวรรค์ในร่างกายและใช้เวลาหลายลมหายใจเพื่อลบสายฟ้านั่นได้อย่างสมบูรณ์

เมื่อผ่านสายฟ้า หวังหลินจึงสามารถตัดสินได้ว่าผนึกที่สองได้ถูกลบล้างออกไปแล้ว อสูรตัวนั้นจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างขีดสุด! อีกทั้งผนึกที่สองเป็นการผนึกพลังอำนาจแห่งสายฟ้าของอสูรวิญญาณ!

ต้องกล่าวว่าราชรถสังหารเทพมาจากแดนสวรรค์ ผู้สร้างได้บอกว่าพวกมันทั้งหมดคืออาวุธที่ทรงพลังอย่างมาก แม้ว่าชื่อ ‘สังหารเทพ’ จะดูโอหัง หลังจากใช้หวลาหลายร้อยปีกับมันแม้หวังหลินจะไม่เชื่อพลังอำนาจของมันอย่างสิ้นเชิง เขาก็เชื่ออยู่สามในสิบส่วน

หวังหลินสนใจผนึกที่สองนี้เพิ่มขึ้นมากเมื่อพบว่าอสูรจะได้รับพลังอำนาจของสายฟ้า

วิชาสายลม สายฝน ฟ้าผ่าและสายฟ้าของชายชราใต้หอคอยนั้นทรงพลังอย่างมาก ทุกครั้งที่หวังหลินคิดเรื่องนั้นจิตใจเขาจะสั่นเทา ส่วนที่ทรงพลังที่สุดของวิชานั้นคือสายฟ้าสีดำ เมื่อไม่มีมันแล้ววิชานั้นจะอ่อนลงอย่างมหาศาล!

หวังหลินเชื่อมั่นในการเปิดผนึกที่สอง ทว่าหลังจากวิเคราะห์สายฟ้าแล้วเขาพบว่าเมื่อเปิดผนึกที่สอง กับดักอสูรจะถูกทำลายเนื่องจากความแข็งแกร่งของอสูรภายใน!

กับดักอสูรนี้เขาได้รับมาจากเซียนโบราณที่อยู่ในแดนเทพโบราณตู่ซือเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยพวกเขา ของชิ้นนี้ช่วยหวังหลินไว้อย่างมากในตลอดหลายร้อยปี โดยเฉพาะตอนที่มันมาเจอราชรถสังหารเทพ มันทำให้หวังหลินยังใช้การราชรถสังหารเทพได้ตอนที่ระดับบ่มเพาะของเขายังไม่สูงส่งเพียงพอ!

แต่ตอนนี้ระดับบ่มเพาะของหวังหลินเพิ่มขึ้นมามากและมีอีกหลายผนึกต้องเปิดขึ้น ของชิ้นนี้จึงไม่สามารถควบคุมอสูรวิญญาณได้อีกแล้ว!

หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะตบกระเป๋าและกับดักอสูรลอยออกมาเบื้องหน้า สร้อยข้อมือที่มีสัญลักษณ์โบราณนับไม่ถ้วนแกะสลักเป็นรูปอสูรโบราณ ทั้งยังมีรอยร้าวละเอียดเล็กๆทิ้งไว้ตอนที่ได้รับแรงตีกลับของอสูรครั้งแรก

เมื่อมองกับดักอสูร สายตาหวังหลินเผยอาการลังเล หากไร้ซึ่งกับดักอสูรชิ้นนี้ หวังหลินต้องใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อกำราบอสูรวิญญาณให้ได้อย่างสมบูรณ์ เขาต้องทำตามวิธีที่ผู้สร้างทิ้งไว้เบื้องหลังเพื่อสืบทอดให้ได้ไม่เช่นนั้นสมบัติชิ้นนี้จะถือว่าไร้ค่า

หวังหลินคว้ากับดักอสูร ยืนขึ้นมองด้วยสีหน้ามุ่งมั่นพลันร่างหายวับไปจากหอคอยและปรากฏตัวห่างจากเผ่าหลอมวิญญาณไปห้าพันลี้

สถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ราบและแห้งแล้งโดยสิ้นเชิง หวังหลินโยนสร้อยข้อมือลงบนพื้นก่อนจะสร้างผนึกและชี้ไปที่มัน สร้อยข้อมือปลดปล่อยแสงสีดำก่อนจะเปลี่ยนเป็นราชรถสังหารเทพ

ราชรถแห่งสงครามอันโหดเหี้ยมปกคลุมไปด้วยหนามปรากฏขึ้นและปลดปล่อยแสงอันทรงพลัง ขณะเดียวกันเจ้าอสูรวิญญาณได้ปรากฏตัวออกมา ร่างของมันสูงพันฟุตดุจภูเขาย่อมๆ

ชั่วขณะที่มันปรากฏตัว สายตาสีแดงจ้องหวังหลินอย่างดุดัน มันส่งเสียงคำรามไม่ยอมอ่อนข้อสั่นสะเทือนฟ้าดิน

ขณะที่ส่งเสียงคำรามมันพลันพุ่งเข้าหาหวังหลินในทันที ราวกับภูเขาลูกเล็กกำลังพุ่งเข้ากระแทกใส่หวังหลินและเกิดเสียงอากาศฉีกขาดขึ้น หวังหลินผลักมือขวาไปด้านหน้าด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ

ราวกับมีแขนยักษ์ตกลงมาจากฟากฟ้า หลังจากนั้นเกิดเสียงดังคำรามสนั่น ร่างยักษ์ของอสูรวิญญาณถูกกดลงต้านกับผืนดิน

ทั้งผืนดินสั่นไหว ฝุ่นผงเตะขึ้นตลบอบอวน

เจ้าอสูรวิญญาณเงยศีรษะขึ้น สายตาของมันเต็มไปด้วยเจตนาต่อสู้ดิ้นรน มันส่งเสียงคำรามดุร้ายและระเบิดกลิ่นอายไม่ยอมแพ้ต่อผู้ใด

หวังหลินมองอสูรวิญญาณอย่างเยือกเย็น เมื่อก่อนเขาไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับเจ้าอสูรวิญญาณตัวนี้ได้เลย ทว่าตอนนี้เขาสามารถกำราบมันอย่างง่ายดายเพื่อให้มันไม่สามารถเป็นอิสระได้

มือขวากดเจ้าอสูรลงจากระยะไกล หวังหลินกัดปลายลิ้นจากนั้นเริ่มค่อยๆวาดอย่างช้าๆกลางอากาศ สัญลักษณ์โลหิตรูปหนึ่งค่อยๆกลั่นขึ้นมา สัญลักษณ์นี้ถูกผู้สร้างราชรถสังหารเทพทิ้งไว้ มีทั้งหมดจำนวนเจ็ดสัญลักษณ์ และเมื่อทั้งเจ็ดชิ้นถูกวางลงไปมันจะทำให้ราชรถยอมรับผู้เป็นนายได้อย่างแท้จริง!

ทว่าผนึกสองในเจ็ดนี้ควรใช้เมื่อผนึกที่สี่ถูกปลดปล่อยเท่านั้น

หลังจากสัญลักษณ์โลหิตเสร็จสมบูรณ์ หวังหลินสะบัดมัน พลันเปลี่ยนเป็นลำแสงสีแดงโลหิตพุ่งตรงไปยังอสูรที่กำลังดิ้นรนอยู่บนพื้น สัญลักษณ์โลหิตตกลงไปบนตำแหน่งระหว่างคิ้วของอสูรวิญญาณ

ร่างอสูรวิญญาณสั่นสะท้านทันทีราวกับมันได้รับความเจ็บปวดมหาศาล มันส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ละเริ่มทุรนทุราย

หวังหลินกระพริบตาและลดมือขวาลง

ขณะที่เจ้าอสูรได้รับอิสระ มันจ้องหวังหลินทันทีพร้อมกับปลดปล่อยเสียงคำรามดังหลายชุดและสายตาต่อต้านของมันยิ่งรุนแรงมากขึ้น

หวังหลินมองเจ้าอสูรวิญญาณอย่างเย็นชาและสร้างผนึก แสงสีดำปรากฏจากผนึกที่หวังหลินสร้างขึ้นและเขาร้องตะโกน “ผนึกแรก จงเปิด!”

แสงสีดำลอยออกมาพร้อมกับสัญลักษณ์และร่อนลงบนอสูรวิญญาณ พลันเกิดเสียงแตกร้าวและกลิ่นอายทรงพลังปะทุออกมาจากร่างมันในทันที

พริบตานั้นเจ้าอสูรวิญญาณยืนขึ้น มันอ้าปากสีแดงฉานราวกับสามารถกลืนโลกได้ทั้งใบและพุ่งเข้าใส่หวังหลิน

ร่างหวังหบินไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวแม้แต่เพียงก้าวเดียว เขาเลื่อนฝ่ามืออีกครั้งและสะบัด!

ฝ่ามือสร้างสายลมกรรโชกและกระแทกเข้าหาอสูร เกิดเสียงดังปังพร้อมกับปากเจ้าอสูรแตกเป็นเสี่ยงๆจากแรงปะทะ! เจ้าอสูรถอยกลับทันที ร่างของมันเปลี่ยนเป็นควันสีดำหลายเส้นแยกออกกันทุกทิศทางและมันพุ่งเข้าใส่หวังหลินอีก

หวังหลินเริ่มวาดกลางอากาศด้วยมือทั้งสองข้างจากนั้นสัญลักษณ์สีแดงโลหิตสองสายปรากฏขึ้นมา

ชั่วขณะนั้นแสงสีดำเกือบทุกเส้นเข้าสู่ร่างหวังหลินและเข้าหาวิญญาณดั้งเดิม หวังหลินเผยอาการเยาะเย้ยและเกิดแสงสีทองกระพริบออกมาจากดวงตา

“วิญญาณดั้งเดิม จงออกมา!” หวังหลินร้องคำรามและสายตาสลัวลง วิญญาณดั้งเดิมของเขาลอยออกมาจากนั้นเจ้าอสูรวิญญาณถูกวิญญาณหวังหลินกำลำคอเอาไว้

สัญลักษณ์โลหิตสองเส้นลอยออกมาอย่างรวดเร็วและถูกวิญญาณดั้งเดิมหวังหลินคว้าเอาไว้ จากนั้นกดทั้งสองเส้นลงบนระหว่างคิ้วของอสูรวิญญาณ

ร่างอสูรวิญญาณสั่นสะท้าน จากนั้นกลิ่นอายทรงพลังยิ่งขึ้นพวยพุ่งออกมา คราวนี้มันคาดไม่ถึงว่าจะสามารถเป็นอิสระจากวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินได้

วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินกลับเข้าร่าง ลืมตาตื่นขึ้นและมองไปที่เจ้าอสูร

ณ ที่ไหนสักแห่งจากห่างหวังหลินไปไกลมากซึ่งอยู่ชายแดนระหว่างแคว้นปิศาจอัคคีและแคว้นปิศาจทอง

สถานที่แห่งนี้คือเทือกเขาขนาดใหญ่ มีบรรยากาศเป็นพิษเต็มไปทั่วเทือกเขาตลอดทั้งปีดังนั้นมันจึงเป็นสถานที่ที่ไม่ได้ถูกแคว้นปิสาจจัดการ

มีเมืองสีขาวแห่งหนึ่งลึกเข้าไปภายในชั้นบรรยากาศพิษ กล่าวให้ถูกก็คือมันเป็นปราสาทที่ล้อมรอบด้วยกำแพงหินสีขาวสูงร้อยฟุต ข้างในปราสาทกำลังปลดปล่อยสัมผัสอันลี้ลับ

เงาร่างสีดำเหาะเหินอย่างรวดเร็วภายในนั้น ขณะที่กำลังเหาะเหินอยู่กลางอากาศ เงาสีดำคุกเข่าลงหนึ่งข้างและกล่าวอย่างเคารพ “ขอคำนับท่านบรรพชน ข้าพบตำแหน่งของหวังหลินซึ่งหายตัวไปจากเมืองหลวงแคว้นปิศาจอัคคีเมื่อยี่สิบปีก่อนแล้ว!”

ปราสาทเงียบสงัดอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะเกิดเสียงน่าขนลุกดังออกมา “ตอนนี้เขามีระดับบ่มเพาะที่ขั้นไหน?”

เงาสีดำลังเลเล็กน้อยและกล่าวขึ้น “เรื่องนี้…ผู้น้อยไม่สามารถรู้ได้เพราะกลุ่มที่ส่งไปจับเขาถูกฆ่าทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่มีข่าวกลับมา ทว่าผู้น้อยรู้ว่าคนผู้นี้ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้ส่งสาส์นของปิศาจโบราณ”

“ผู้ส่งสาส์นของปิศาจโบราณ…ฮ่าฮ่า คนที่ชายชราเช่นข้าต้องตาไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ ส่งไปอีกสามหน่วย…นำองครักษ์เทพไปด้วย จับมันมาตัวเป็นๆ!”

เงาสีดำรับคำสั่งอย่างเคร่งครัดและหายตัวไป

ภายในปราสาท ชายชราร่างเล็กพึมพำ “หากหวังหลินคนนี้ได้รับการฝึกฝนอย่างเหมาะสม เขาจะสามารถกลายเป็นองครักษ์เทพให้ข้าได้อีกคน! ไม่ว่าเขาจะมีระดับบ่มเพาะสูงแค่ไหน ตราบใดที่ไม่ได้บรรลุขั้นเทวะ เช่นนั้นองครักษ์เทพก็สามารถจับตัวเขาได้โดยไร้ปัญหา!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version