619. ลงมาหาข้าซะดีดี!
เหล่าเซียนของกองกำลังเซียนได้เหาะเหินเข้าหาเผ่าหลอมวิญญาณ
เบื้องหน้าพวกเขาคือก้อนเมฆสีดำไร้ขอบเขต ก้อนเมฆนี้หนามาก มองข้างในไม่ออก แม้กระทั่งสัมผัสวิญญาณก็ยังถูกผลักกลับทันที ความจริงแล้วหากพวกเขาระมัดระวังน้อยลงสักนิด สัมผัสวิญญาณจะถูกวิญญาณข้างในกลืนกินเอาได้!
เสียงกรีดร้องแหลมจนหัวใจสั่นกระตุกดังออกมาจากภายในก้อนเมฆสีดำ!
ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ก็เนื่องมาจากก้อนเมฆสีดำขนาดยักษ์นี้ มันสามารถหยุดการติดตามของผู้คนส่วนใหญ่เอาไว้ได้!
ชายชุดทองใบหน้าจมดิ่งเมื่อเห็นสิ่งนี้ เขาพ่นลมหายใจเย็นและกล่าวออกมา “ที่ที่หวังหลินอยู่มีเพียงการป้องกันนี้เพียงชั้นเดียว เมื่อเราทะลวงผ่านมันไปได้ก็สามารถจับเจ้าเด็กนั่นได้ง่ายๆ!”
มีอีกหลายคนอยู่ด้านข้างเขา ทั้งหมดมีใบหน้ามืดมัวและพูดอะไรไม่ออกสักคำเมื่อจ้องไปที่ก้อนเมฆดำ
ฉวี่หยุนซานเผยสายตาแฝงอาการเยาะเย้ย เขารู้เรื่องนี้มาจากน้องสาวเล็กน้อย ส่วนใหญ่แล้วกลุ่มขนาดเล็กจะคิดว่านี่เป็นโอกาสอันง่ายดายในการได้รับผลประโยชน์เพราะท่านบรรพชนส่งองครักษ์เทพมาด้วยหนึ่งคน ทั้งหมดจึงต่อสู้เพื่อโอกาสนี้
ผู้ส่งสาส์นที่นำข่าวตำแหน่งหวังหลินกลับมาได้กล่าวถึงตำแหน่งนั้นว่ามีก้อนเมฆทรงพลังอยู่รายล้อม ทว่าผู้คนที่แข่งกันเลือกโอกานี้ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก
พวกเขายังเชื่อว่าไม่มีสิ่งใดมีปัญหาเมื่อมีองครักษ์เทพมาด้วย
ฉวี่หยุนซานมองไปรอบๆ รวมตัวเองแล้วมีเกือบยี่สิบคนที่นี่ ส่วนใหญ่เป็นเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับต้นและมีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นระดับกลาง มีเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายอยู่คนเดียวคือลุงเฝิงซึ่งเงียบมาตลอดเวลา
ฉวี่หยุนซานมองชายชราผมสีเทาที่ห่างจากเขาอยู่ไม่ไกลและรู้สึกแต่เพียงความเศร้าโศก เขาคือลุงเฝิงผู้กล้าหาญ เป็นศิษย์น้องของพ่อฉวี่หยุนซานและมาที่นี่เพื่อปกป้องฉวี่หยุนซาน
ทว่าเขาไม่เคยคิดว่าน้องสาวตัวเล็กจะติดตามมาที่นี่อย่างลับๆด้วย…เมื่อเขาลงมากลับเกิดสถานการณ์เลวร้าย ท่านบรรพชนล้างความทรงจำของลุงเฝิงด้วยวิชาลับและเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นหุ่นเชิด เขามีต้นเมล็ดเทพฝังอยู่ข้างใน ดังนั้นจึงไม่สามารถควบคุมชีวิตของตัวเองได้อีกต่อไป
ชายชุดทองตะโกนขึ้น “ก้อนเมฆนี้ก็แค่ของหลอกลวง! หมายเลขสิบ ไปทำลายก้อนเมฆนี้ให้ข้าซะ!”
เซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับต้นที่อยู่ด้านหลังชายชุดทองพลันใบหน้าน่าเกลียด เขาลังเลและไม่กล้าขัดคำสั่ง จากนั้นถอนหายใจและกล่าวอย่างเคารพ “ผู้น้อยจะเชื่อฟัง!”
เซียนคนนั้นกัดฟันแน่นและพุ่งทะยานเข้าหาก้อนเมฆสีดำ ทว่ายิ่งเขาเข้าไปใกล้ แรงกดดันที่สามารถสั่นเทือนวิญญาณดั้งเดิมได้ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น อีกทั้งยังมีเสียงกรีดร้องครวญครางของเหล่าภูติผีพุ่งเข้าหาดุจวิชาคลื่นเสียง
เมื่อเข้าไปใกล้ระยะหมื่นฟุตจากก้อนเมฆก็ไม่อาจเข้าไปใกล้ได้อีกแล้ว เขารู้สึกว่าหากฝืนบังคับตัวเองให้เดินหน้าต่อไป เขาจะตายแน่นอน!
เมื่อเห็นเซียนหยุด ใบหน้าชายชุดทองเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย เขาตะโกนด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “หมายเลขสิบ เจ้ากล้าขัดคำสั่งหรือ!?”
เซียนคนนั้นเผยใบหน้าเจ็บปวดเมื่อได้ยินเสียงนี้ เขาถอนหายใจและคิดขึ้นมา ‘ช่างเถอะ ชีวิตที่แทบไม่เหมือนชีวิตมนุษย์เช่นนี้ควรจะมาถึงจุดจบแล้ว หากข้าตายที่นี่ ข้าก็จะหลุดพ้นจากความทรมาน!’
เขาสูดหายใจลึกพลันก้าวเท้าออกและพุ่งไปดุจอุกกาบาต!
ในพริบตาที่เขาเข้าไปภายในระยะของก้อนเมฆสีดำ ก้อนเมฆนั้นขยับเคลื่อนไหวทันที
ก้อนเมฆพรั่งพรูดุจคลื่นโหมกระหน่ำและก่อเกิดเป็นรูปทรงดอกเห็นขยายออกมาข้างนอกอย่างต่อเนื่อง
เสียงกรีดร้องแหลมคมยิ่งรุนแรงขึ้นพร้อมกับดังสะท้อนไปทั่วท้องฟ้า ก้อนเมฆหมุนปั่นราวกับตาพายุโดยที่มีเสียงคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์ดังออกมา ขณะเดียวกันนั้นก้อนเมฆสีดำเปลี่ยนเป็นปากยักษ์ที่สามารถกลืนกินโลกได้ทั้งใบอย่างรวดเร็ว มันกลืนกินเซียนที่เข้ามาโดยไม่มีอาการลังเล ไม่เหลือทิ้งสิ่งใดไว้เบื้องหลังแม้แต่น้อย
เซียนแทบทั้งหมดของกองกำลังเซียนต่างตกใจ แม้พวกเขาจะอยู่ห่างไกลแต่กลับรู้สึกว่าตอนนี้ก้อนเมฆสีดำอยู่ข้างๆกัน เสื้อผ้าชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ราวกับไม่ใช่หมายเลขสิบเพียงคนเดียวที่ถูกก้อนเมฆนี้กลืนกิน
สายตาขององครักษ์เทพที่สงบนิ่งมานานพลันส่องสว่างขึ้นทันทีพร้อมกับมองก้อนเมฆอย่างระมัดระวังและเผยใบหน้าฉงน
“กลุ่ม…หัวหน้ากลุ่ม ก้อนเมฆนี้…” ชายผู้หนึ่งที่อยู่ด้านข้างชายชุดทองเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ชายชุดทองใบหน้ายิ่งมืดดำขึ้น เขาชี้ไปที่ชายชราที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลและเอ่ยออกมา “หมายเลขสาม ตาเจ้า!”
ชายชราผมขาวคนนี้คือท่านลุงผู้กล้าหาญของฉวี่หยุนซาน ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความสับสน เขาก้าวออกมาโดยไม่ได้กล่าวสิ่งใด
ฉวี่หยุนซานกำหมัดแน่น จากนั้นมองท่านลุงเฝิงที่กำลังออกไปด้วยหัวใจอันเจ็บปวด
ชายชรามาถึงระยะหนึ่งหมื่นฟุตจากก้อนเมฆดำในไม่กี่ก้าว เพียงแค่เขากำลังจะก้าวต่อไป ก้อนเมฆดำหมุนปั่นเร่งความเร็วขึ้น ในเสี้ยววินาทีนั้นมันแยกเปิดออกทิ้งไว้แต่เพียงถนนโล่งๆตรงกลาง
ชายหนุ่มใบหน้าเยือกเย็นผู้หนึ่งก้าวเดินออกมาทีละก้าว เขาชำเลืองไปที่ชายชราก่อนจะมองผู้คนของกองกำลังเซียนทั้งหมด แล้วกล่าวขึ้นอย่างเยือกเย็น “ท่านบรรพชนของข้ายินดีต้อนรับทุกคน!”
ชายชุดทองสีหน้าเปลี่ยนไปและร้องตะโกน “หมายเลขสามฆ่ามัน! เราสามารถใช้เส้นทางนี้เข้าไปได้!”
ชายหนุ่มใบหน้าเยือกเย็นคนนี้คือฉือซาน ใบหน้าเขาไร้อารมณ์ใดโดยธรรมชาติ ชายชราพุ่งเข้าหาฉือซานในพริบตา
ทว่าขณะที่เขากำลังเข้ามาใกล้ ก้อนเมฆดำสายหนึ่งพลันพุ่งออกมาล้อมรอบชายชรา ดึงเขากลับเข้าไปในก้อนเมฆสีดำ ชายชราคนนั้นเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เหตุการณ์นี้ดุจค้อนกระแทกเข้ากลางใจผู้คนของกองกำลังเซียนเข้าอย่างจัง โดยเฉพาะฉวี่หยุนซานที่มีสายตาแดงก่ำ
ฉือซานผายมือขวาและกล่าวออกมา “ด้านนี้!”
สิ้นคำเขาก็หันตัวกลับและเดินออกไป
ชายชุดทองสีหน้าลังเล เขามองกลับไปที่ชายชุดดำโดยไม่รู้ตัวและรู้สึกจิตใจเยือกเย็นยิ่งขึ้น พลันเยาะเย้ยและกล่าวออกมา “ไปกันเถอะ ข้าอยากเห็นว่าหวังหลินจะมีไม้เด็ดอะไรซุกซ่อนไว้แค่ไหนกัน!”
ทั้งกลุ่มเหาะเหินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและก้อนเมฆสีดำเปิดเส้นทางขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่พวกเขาเข้าไป เส้นทางด้านหลังค่อยๆถูกก้อนเมฆปิดตัวลงอย่างช้าๆ
หลังจากเหาะเหินในช่วงเวลาสั้นๆ ชายชุดทองหยุดชะงัก ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจและสีหน้าท่าทางเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดอย่างยิ่ง ผู้คนด้านหลังเขาทั้งหมดต่างตะลึงกันกับสิ่งที่เห็นด้านหน้า
สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าพวกเขาคือเผ่าขนาดใหญ่ที่มีผู้คนอยู่จำนวนมากมาย ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดเงยศีรษะขึ้นและจ้องมองด้วยสายตาเย็นชา
สายตาของผู้คนมากมายรวบรวมมาที่กลุ่มของกองกำลังเซียน แม้ว่าระดับบ่มเพาะของแต่ละคนจะสูงส่งแต่ก็ยังตื่นตะลึง
ใจกลางเผ่ามีพื้นที่เปิดที่มีรัศมีห้าลี้ ตรงกลางของมันมีหอคอยตั้งสูงตระหง่าน สัมผัสแห่งอำนาจกระจายออกมาจากหอคอยและล้อมรอบไปทั่วบริเวณ
ผู้คนที่รู้สึกถึงมันได้แทบจะหายใจหนักภายใต้แรงกดดันนี้
ฉือซานยืนอยู่นอกพื้นที่ว่างเปล่าและกล่าวอย่างเคารพ “ท่านบรรพชน ข้าพาแขกมาที่นี่แล้ว!”
“สหายเซียนเต็มไปด้วยจิตสังหาร ข้าไปทำร้ายพวกเจ้าทั้งหมดหรือ?” น้ำเสียงหวังหลินดังออกมาจากหอคอย แม้ว่าน้ำเสียงจะสุภาพอย่างมากแต่ก็แฝงพลังมารซ่อนไว้เบื้องหลัง เสียงของเขาแพร่กระจายไปทั้งเผ่าหลอมวิญญาณอย่างช้าๆ
หวังหลินได้เรียนรู้วิชาเสียงมารสวรรค์ขณะที่ประทับผนึกใส่เจ้าเศษมาร ตอนนี้วิชาได้ถูกกระจายออกไปกับเสียง ทุกคนในกองกำลังเซียน นอกจากชายชุดดำแล้วต่างถูกวิชานี้พุ่งเข้าไปในจิตใจ
ระดับบ่มเพาะของชายชุดดำค่อนข้างสูง ดังนั้นเขาจึงไม่พ่ายแพ้ภายในเสียงนี้ ดวงตาเขาส่องสว่างเจิดจ้าจ้องไปที่หอคอย ใบหน้าเผยอาการสับสนและลังเลขึ้นอีกครั้ง
วิญญาณดั้งเดิมของชายชุดทองสั่นไหว ดวงตาแฝงความสับสนโดยไม่รู้ตัวและกล่าวอย่างไร้สติ “เจ้าไม่ได้ทำร้าย…”
“หากเป็นเช่นนั้น พวกเจ้าทั้งหมดถือดีเกินไปที่ยังเข้ามาหาข้าเพื่อสร้างปัญหา!” น้ำเสียงหวังหลินเต็มไปด้วยเจตนาอันเยือกเย็น
สมาชิกเผ่าหลอมวิญญาณทั้งหมดตะโกนดังขึ้นทันที “สามหาว!”
ทุกคนในเผ่าหลอมวิญญาณกล่าวคำเดียวกันในคราเดียว น้ำเสียรวมเข้ากับเสียงครวญครางจากก้อนเมฆดำจนดังก้องมากกว่าเสียงสายฟ้าคำรามตอนที่ปะทะเข้าใส่หูเหล่าเซียนเสียอีก มันราวกับกระบี่อันแหลมคมนับไม่ถ้วนแทงเข้าใส่หูพวกเขา ทำให้หูอึ้งและวิญญาณดั้งเดิมสั่นสะท้าน!
โลหิตพุ่งออกมาจากปากเซียนที่มีระดับต่ำ เห็นได้ชัดแล้วว่ามันเข้าไปทำให้วิญญาณดั้งเดิมสั่นเทาและได้รับบาดเจ็บ เสียงตะโกนนี้ทั้งยังกระจ่างชัดอยู่ในใจของทุกคน
ชายชุดทองมีใบหน้าเปลี่ยนไปมหาศาล เขาถอยกลับโดยไม่รู้ตัวและใบหน้าตื่นตระหนก
หากเขาเป็นแบบนี้ เช่นนั้นพวกเซียนรอบด้านก็คงแย่กว่าเขา ทุกคนสูดหายใจอันหนาวเหน็บเข้าปอด จิตใจแต่ละคนสั่นไหวและตระหนักได้ว่าหลายสิ่งกำลังแย่
ส่วนฉวี่หยุนซานนั้นจิตใจตื่นเต้นยิ่งกว่าอาการตกใจ เขาลอบตะโกนในใจว่า
“เป็นเขา เป็นเขาจริงๆ!”
ขณะที่ชายชุดทองล่าถอย เขาร้องเสียงแหลมขึ้นมา “องครักษ์เทพ โจมตี!”
หลังกล่าวเช่นนั้น สายตาของชายชุดดำพลันสว่างเจิดจ้าทันที เขาก้าวไปข้างหน้าและมาถึงยอดหอคอยในก้าวเดียว ฝ่ามือสร้างผนึกและกระแทกลงไป!
ผนึกนี้ราวกับแฝงพลังอำนาจที่สามารถยกภูเขาขึ้นมาได้ สัญลักษณ์สีทองปรากฏกลางท้องฟ้าและพุ่งเข้าหาหอคอย
เสียงเยือกเย็นดังออกมาจาภายในหอคอย จากนั้นร่างหวังหลินโผล่ออกมา เขากระทั่งไม่ได้มองขึ้นไปแต่ฝ่ามือปลดปล่อยแสงสีดำพุ่งตัวขึ้นไปในท้องฟ้า กล่าวเสียงสงบนิ่ง “ลงมาหาข้าซะดีดี!”
หลังฝ่ามือยื่นออกไป สัญลักษณ์สีทองพลันเกิดรอยร้าวทันที ตามมาด้วยเสียงแตกร้าวจนสัญลักษณ์สีทองแตกกระจาย ชายชุดดำสีหน้าเปลี่ยนไปและเป็นครั้งแรกที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาต้องการหลบแต่ร่างกายถูกจับไว้ด้วยพลังที่สามารถขโมยพลังชีวิตได้ เขาถูกดึงลงมาจากท้องฟ้าด้วยความเหี้ยมโหด
ตู้มมมมม!
ร่างชายชุดดำกระแทกลงไปที่พื้นดินอย่างรุนแรง