620. สิ่งของจากแดนสวรรค์
เมื่อชายชุดดำตกถึงพื้น สายตาหวังหลินส่องขึ้นและเหวี่ยงมือขวา กฎเกณฑ์จำนวนมากลอยออกมาผนึกเส้นชีพจรทั้งหมดในร่างชายชุดทันที
หวังหลินยื่นมือออกไปอย่างผ่อนคลายและใช้สายลมจากดัชนีแห่งความตาย ด้วยระดับบ่มเพาะของเขาจึงสามารถบอกได้เพียงแค่ชำเลืองมองว่าร่างชายชุดดำคนนี้มีบางอย่างแปลกประหลาด วิญญาณดั้งเดิมไม่มีพลังดั้งเดิมเลยแต่กลับมีหินหยกขนาดเท่าเล็บก้อยแทน
ซึ่งทำให้แม้ชายคนนี้จะบรรลุขั้นเทวะ แต่เขาไม่ได้มีเขตแดนของเซียนขั้นเทวะ ในสายตาหวังหลิน ชายคนนี้เป็นเพียงแค่คนโง่เง่าเท่านั้น!
หากลืมว่าหวังหลินได้บรรลุขั้นเทวะไปแล้ว แม้ก่อนที่เขาจะทะลวงผ่านขั้นนี้ หวังหลินก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย!
แต่ว่าสำหรับคนภายนอก หวังหลินเพียงแค่กำมืออย่างง่าย ทำให้กลุ่มกองกำลังเซียนกลายเป็นอึ้งตะลึงงัน
ชายชุดทองสั่นเทา ใบหน้าซีดเผือก หากไม่ใช่ว่าเส้นทางด้านหลังถูกปิดผนึก เขาคงใช้โอกาสแรกหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนเซียนคนอื่นๆ พวกเขาจ้องมองไปที่ชายผู้ถูกจับและกระแทกลงพื้นอย่างตกตะลึง หลังผ่านไปสักพักพวกเขายังไม่อาจเปล่งคำพูดอะไรออกมาได้
มีเพียงฉวี่หยุนซานเท่านั้นที่รู้สึกตื่นเต้นจนถึงขีดสุด เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกครั้งใหญ่ราวกับปลดปล่อยแรงกดดันที่ได้รับมานาน
ชายชุดทองตัวสั่นและรีบกล่าว “ผู้…ผู้อาวุโส…กำลังเข้าใจผิด ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด…เขาเพียงแค่มาที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนของกองกำลังเซียนเพื่อเชิญท่านเข้าร่วม…”
ฉวี่หยุนซานเยาะเย้ยพร้อมกับเดินออกจากกลุ่มไปมากกว่าร้อยฟุต “น้องหวัง จุดประสงค์ที่พวกเขามาที่นี่เพื่อจับท่านไป!”
หวังหลินมองเห็นฉวี่หยุนซานมานานแล้ว ตอนนี้เขาเพียงแค่พยักหน้า
ใบหน้าชายชุดทองยิ่งซีดเผือดมากขึ้น จากนั้นจ้องฉวี่หยุนซานด้วยสายตาดุร้ายและตะโกน “ฉวี่หยุนซาน เจ้ากล้าทรยศท่านบรรพชนหรือ?!”
ร่างฉวี่หยุนซานสั่นสะท้านและเขากำลังเอ่ยออกมา ทว่าหวังหลินสะบัดแขน สายลมอ่อนๆปะทะเข้ากับชายชุดทองและร่างเขาระเบิดออกมาทันที วิญญาณดั้งเดิมหลุดออกจากร่างด้วยความงุนงง ทว่ามันถูกก้อนเมฆสีดำบนท้องฟ้ากลืนกินในไม่ช้า
กลิ่นคาวเลือดยังไม่จางหาย สายตาเซียนรอบๆต่างเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาไม่เคยคิดว่าระดับบ่มเพาะของหวังหลินจะบรรลุขึ้นมามีระดับเหนือจินตนาการเช่นนี้! เพียงแค่กำมือครั้งเดียว องครักษ์เทพก็ถูกจับ เพียงสะบัดมือหนึ่งครั้ง ชายชุดทองก็ระเบิด
“ขั้นเทวะระดับปลาย! เขาต้องเป็นขั้นเทวะระดับปลาย!!”
หวังหลินเมินเฉยเซียนพวกนั้นแต่มองฉวี่หยุนซานด้วยรอยยิ้ม “พี่ฉวี่ เราไม่ได้เจอกันมานานหลายปี”
ฉวี่หยุนซานถอนหายใจและกล่าวอย่างขมขื่น “น้องหวังช่วยข้า…”
หวังหลินใบหน้าสงยนิ่งและยิ้มออกมา “เข้ามาคุยกันด้านในเถอะ” สิ้นคำ เขาคว้าร่างชายชุดดำที่อยู่บนพื้นและเดินเข้าไปในหอคอย
ฉวี่หยุนวานลังเลเล็กน้อยก่อนจะเหาะเหินไปข้างหน้าและติดตามหวังหลินอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่ความตกใจของเขาไม่น้อยกว่าเซียนคนอื่นๆ มันยังยิ่งมากขึ้นอีก!
เขายังจำได้ว่าก่อนที่จะเข้ามาในดินแดนวิญญาณปิศาจ ระดับบ่มเพาะของหวังหลินอยู่ที่ขั้นแปลงวิญญาณระดับกลางเท่านั้น ทว่าผ่านไปไม่กี่สิบปี หวังหลินบรรลุขั้นเทวะได้แล้ว นอกจากจะทำให้เขาตกใจอย่างยิ่งแล้วมันยังทำให้สถานะหวังหลินในใจเขาเพิ่มขึ้นมากมายไม่รู้จบ
เหลือเซียนสิบกว่าคนลอยนิ่งอยู่กลางท้องฟ้า ไม่มีใครกล้าจากไปหรือโจมตี ดังนั้นจึงลอยตัวอยู่ที่นี่ จิตใจแต่ละคนเต็มไปด้วยความลังเล ลมหายใจแต่ละครั้งนานนับปี
ภายในหอคอย หวังหลินนั่งสมาธิลงพลันหยิบโต๊ะกลมออกมาจากกระเป๋าและนำไหเหล้าออกมาหนึ่งไห หวังหลินเทให้ฉวี่หยุนซานหนึ่งถ้วยและยิ้มออกมา “พี่ฉวี่ นั่งลงเถอะ!”
ฉวี่หยุนซานยืนตัวแข็ง ลังเลเล็กน้อยแล้วจึงนั่งลงตรงข้ามหวังหลิน “น้องหวัง ข้า…”
“เมื่อท่านมาที่นี่แล้ว ไม่มีอันตรายอันใดที่จะให้ข้าช่วย” หวังหลินยิ้มพลางวางไหเหล้าลงและมองฉวี่หยุนซาน
ฉวี่หยุนซานครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะหยิบจอกเหล้าและดื่มทั้งหมดในคราเดียว เขาคว้าไหเหล้าและดื่มมันตรงๆ หลังจากดื่มไปมากแล้วเขาก็วางมันลง สายตาสว่างไสวมองหวังหลินก่อนจะสูดหายใจลึก ชี้ไปที่ชายชุดดำ “น้องหวัง คนผู้นี้ไม่มีชื่อและเรียกกันว่าองครักษ์เทพ เรามาจากกองกำลังเดียวกันที่เรียกกันว่ากองกำลังเซียน!”
หวังหลินยังคงนิ่งเฉย ”องครักษ์เทพ…“
ฉวี่หยุนซานดื่มอีกอึกใหญ่ สายตาเริ่มแดงเล็กน้อย “มีคนผู้หนึ่งในกองกำลังเซียนที่เรียกตัวเองว่าบรรพชนแดนสวรรค์ ระดับบ่มเพาะของเขาสูงส่งมากและเขาเป็นคนที่เรียกใช้งานองครักษ์เทพได้ นอกจากนี้เขายังมีองครักษ์เทพทั้งหมดสิบคนซึ่งมีความแข็งแกร่งไม่แตกต่างกันมากนัก”
“การต่อสู้ของเจ้าในเมืองปิศาจโบราณกับแม่ทัพโม่ลี่ไฮ่แห่งแคว้นปิศาจฟ้าได้ทำให้ท่านบรรพชนสนใจ ด้วยเหตุผลไม่ทราบบางอย่างเขาจึงส่งคนออกมาเพื่อจับกุมตัวเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องได้เจอคนที่พยายามจับเจ้าในแคว้นปิศาจฟ้ามาแล้ว”
“จากนั้นเจ้าก็หายตัวไปในแคว้นปิศาจฟ้าและเรื่องนี้ก็ถูกปัดตกไป ทว่าไม่กี่เดือนก่อนมีคนรู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ ดังนั้นท่านบรรพชนจึงส่งเราออกมาเพื่อจับกุมตัวเจ้าอีกครั้ง!”
หวังหลินขมวดสายตา เขาจำได้ว่าตอนที่อยู่ในแคว้นปิศาจฟ้า มีกลุ่มหนึ่งโจมตีเขาตอนที่กำลังฟังเสียงพิณ ศีรษะของกลุ่มนั้นระเบิดออกมาตอนที่เขากำลังจับกุมตัว หวังหลินจดจำเรื่องบ้าๆนี้ในใจได้
ตอนนั้นเขาคิดว่าคนที่ถูกส่งมาจะเป็นแม่ทัพปิศาจคนอื่น ทว่าหลังจากฟังฉวี่หยุนซานในวันนี้ดูเหมือนจะเป็นคนอื่น
ฉวี่หยุนซานกำหมัดแน่นและกล่าวต่อ “น้องหวัง เจ้าไม่รู้ว่าเมื่อตอนนั้น…ตอนนั้นน้องสาวข้าได้ใช้วิธีการบางอย่างเข้ามาที่ดินแดนวิญญาณปิศาจด้วย นางถูกมนต์เสน่ห์ของบรรพชนและกลายเป็นสมาชิกของกองกำลังเซียน หลังจากนางพบข้านางได้หลอกข้าให้เข้าร่วมกองกำลังนี้ เมื่อข้าพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ ข้าอยากจะหนีออกมาแต่บรรพชนปรากฏตัวขึ้น เพียงวิชาเดียวของเขาก็สามารถจับกุมลุงทั้งสี่ที่มากับข้าได้…ตอนตอนนั้นทั้งสี่คนได้ถูกลบความทรงจำและกลายเป็นหุ่นเชิดของเขาแทน แม้กระทั่งข้าก็มีเมล็ดเทพเติบโตในร่างกาย ดังนั้นตอนนี้ชีวิตข้าจึงไม่อาจควบคุมได้อีกแล้ว”
สายตาหวังหลินเรืองแสงสีทองและมองไปที่ร่างฉวี่หยุนซาน สายตานี้ทำให้วิญญาณดั้งเดิมของฉวี่หยุนซานสั่นไหวราวกับกำลังแตกสลาย เขารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเขา ความลับทั้งหมดกำลังเผยต่อหน้าหวังหลิน
ความรู้สึกนี้กินเวลาเพียงชั่วขณะหนึ่งก่อนที่มันจะเลือนหายไป ทว่าฉวี่หยุนซานปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อ สายตาที่มองหวังหลินเต็มไปด้วยความเคารพ
หวังหลินถอนสายตาและชี้ไปที่หน้าผากของฉวี่หยุนซาน จากนั้นเส้นสีเขียวจำนวนมากปรากฏบนหน้าผากและปกคลุมทั้งร่างฉวี่หยุนซานในไม่ช้า
หวังหลินอุทานเสียงเบาและสายตาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขามองเส้นสีเขียวนี้อย่างละเอียดและหลับตาครุ่นคิด
ฉวี่หยุนซานรู้สึกกระวนกระวายใจ หากเมล็ดเทพไม่สามารถลบออกไปได้ เขาคงอยู่ภายใต้การควบคุมของบรรพชนตลอดชีวิตและไม่เป็นอิสระอีกเลย
หลังผ่านไปพักใหญ่ หวังหลินลืมตาขึ้นมาและเอ่ยช้าๆ “บรรพชนคนนั้นเรียกกฏเกณฑ์นี้ว่าเมล็ดเทพหรือ?”
ฉวี่หยุนซานพยักหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ใช่แล้ว ครั้งหนึ่งบรรพชนคนนั้นได้กล่าวว่าเขาได้รับมันมาจากแดนสวรรค์ก่อนที่มันจะล่มสลายและเป็นสิ่งของจากแดนสวรรค์ที่ไม่มีใครนอกจากเขาสามารถทำลายมันได้!”
ดวงตาหวังหลินเผยประกายแสงลึกลับมองไปที่ชายชุดดำและคิดขึ้น ‘ชายชุดดำคนนี้เรียกตัวเองว่าองครักษ์เทพ กฏเกณฑ์นี้ก็เรียกว่าเมล็ดเทพ…บรรพชนคนนี้ยังบอกว่าตัวเองมาจากแดนสวรรค์…หรือมันจะเป็นจักรพรรดิเทพฉิงหลิน…แม้จะมีโอกาสต่ำมากแต่กฏเกณฑ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ มันบรรจุพลังปราณสวรรค์ไร้ขอบเขต ซึ่งควรจะเป็นสิ่งที่มาจากแดนสวรรค์!’
หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือเข้าไปในอากาศ จากนั้นร่างองครักษ์เทพลอยเข้าสู่มือเขา หวังหลินวางมือลงบนศีรษะเขาโดยที่สายตาไม่เปลี่ยนแปลง จากนั้นกระตุ้นวิชาค้นวิญญาณ!
หากชายชุดดำคนนี้เป็นเซียนขั้นเทวะจริง หวังหลินคงไม่กล้าใช้วิชาค้นวิญญาณกับคนที่มีระดับบ่มเพาะเดียวกัน ทว่าร่างคนคนนี้ไม่มีพลังดั้งเดิม ความจริงแล้วที่ระดับบ่มเพาะเป็นขั้นเทวะได้ด้วยหินหยกแตกหักในวิญญาณดั้งเดิม ระดับบ่มเพาะจริงๆเป็นแค่ขั้นแปลงวิญญาณระดับกลางเท่านั้น
ขณะที่หวังหลินใช้วิชาค้นวิญญาณ สีหน้าหวังหลินค่อยๆเปลี่ยนเป็นมืดมน ความทรงจำของคนผู้นี้สั้นมาก มีเพียงแค่ความทรงจำหลังจากกลายเป็นองครักษ์เทพ ส่วนความทรงจำก่อนหน้านี้กลายเป็นความว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง
หวังหลินปล่อยมือขวาและตบหนึ่งครั้ง วิญญาณดั้งเดิมชายตรงหน้าหลุดออกมา หวังหลินมองด้วยสายตาเยือกเย็นพร้อมกับพ่นเพลิงดั้งเดิมออกมาจากปาก หวังหลินเริ่มหลอมวิญญาณดั้งเดิมตรงหน้าฉวี่หยุนซาน
ฉวี่หยุนซานมองด้วยจิตใจเต็มไปด้วยอาการตกใจ มีทั้งความเกรงขามและหวาดกลัว
ขณะที่หวังหลินหลอมวิญญาณดั้งเดิม สายตากวาดผ่านฉวี่หยุนซาน เขามีเหตุผลของตัวเองที่ทำเรื่องทั้งหมดนี้ วิญญาณดั้งเดิมของบรรพชนคนนี้แปลกประหลาดจริงดังนั้นหวังหลินจึงไม่เชื่อทุกอย่างที่ฉวี่หยุนซานพูด เขายังต้องเตรียมการเรื่องสำคัญและให้ระมัดระวังเพิ่มขึ้น
วิญญาณดั้งเดิมขององครักษ์เทพถูกหล่อหลอมอย่างรวดเร็ว หินหยกแตกหักขนาดเท่าเล็บก้อยส่องประกายลอยเบื้องหน้าหวังหลิน เขาจ้องหินหยกและเริ่มครุ่นคิด
แม้ว่าหินหยกนี้ไม่มีปราณสวรรค์เปล่งออกมา ทว่าตอนที่หวังหลินตรวจสอบมันเขาพบว่ามันแฝงพลังปราณสวรรค์จำนวนมากเหนือจินตนาการเอาไว้ ทว่าพลังปราณสวรรค์นี้ไม่สามารถดูดซับได้และดูเหมือนจะมีเจตนาอยู่ข้างในด้วย!
“วิญญาณดั้งเดิมของเซียนและหินหยกแตกหักนี้หลอมรวมกันจนสามารถสร้างสิ่งที่คล้ายกับเซียนขั้นเทวะระดับต้นขึ้นมาได้ ทว่าข้าเชื่อว่าโอกาสำเร็จของการรวมกันแบบนี้มีต่ำมากไม่เช่นนั้นบรรพชนที่ว่ามาคงไม่มีองค์รักษ์เทพเพียงแค่สิบคน!”
“อีกทั้ง การผสมกันนี้ไม่ง่ายเท่าการหลอมกับหินหยก กุญแจสำคัญต้องเป็นเจตนาที่อยู่ภายในหินหยกแตกหักนี้! มีเพียงการรวมกับเจตนาในนี้เท่านั้นจึงจะสามารถทำให้การผสานกันได้เสร็จสมบูรณ์!” ความคิดหนึ่งกระพริบผ่านหวังหลินอย่างรวดเร็ว
หากบรรพชนของกองกำลังเซียนรู้สิ่งที่หวังหลินกำลังคิด เขาจะตื่นตกใจอย่างแน่นอน ต้องกล่าวว่าเขาใช้เวลามากมายเพื่อคิดวิธีนี้ออกมา แต่หวังหลินเพียงแค่ใช้เบาะแสไม่กี่อย่างและคาดเดาความจริงได้เจ็ดถึงแปดในสิบส่วน!
หวังหลินกล่าวขึ้นด้วยสายตาเยือกเย็น “กองกำลังเซียนอยูที่ไหน?”