Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 627

Cover Renegade Immortal 1

627. ออกจากปิดด่านฝึกตน

หวังหลินไม่กังวลกับการต่อสู้ในแคว้นปิศาจอัคคี เขาใช้เวลายี่สิบปีที่ผ่านมาจมดิ่งไปกับวิชาเทพ วิชาเทพเทียบไม่ได้เลยกับวิชาธรรมดา มันจึงเรียนรู้ได้ยากอย่างยิ่ง

ยี่สิบปีเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นสำหรับหวังหลิน ขณะที่กำลังจมความคิดไปกับการเรียนรู้วิชาเทพและสมบัติเทพ เวลาเคลื่อนผ่านไปดุจสายน้ำและเวลาอีกห้าสิบปีผ่านไปโดยไม่รู้ตัว!

เหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบปีจนจะถึงข้อตกลงกับปิศาจโบราณ

ช่วงเวลาเกือบร้อยปีนี้นอกจากการศึกษาวิชาเทพและสมบัติเทพแล้ว หวังหลินไม่เคยหยุดประทับผนึกบนเศษมารเลย ระหว่างนี้ผนึกก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม!

หลังจากผ่านไปหลายทศวรรษ หวังหลินเพียงสัมผัสแค่ปลายขอบของวิชาเทพยับยั้ง ความต้องการสำหรับวิชาเทพนี้ไม่ใช่จำนวนพลังปราณสวรรค์แต่เป็นความรู้ความเข้าใจในสวรรค์

กล่าวให้ถูกก็คือวิชาเทพนี้ครอบคลุมแง่มุมที่นอกเหนือความรู้ความเข้าใจของเหล่าเซียน ราวกับเป็นภูมิความรู้อันลึกลับอย่างยิ่งที่จำเป็นต้องศึกษาอย่างต่อเนื่องและเข้าใจมันก่อนที่ในที่สุดจะเชี่ยวชาญและใช้ได้จริงๆ

หวังหลินใช้เวลาหลายปีมากจนค่อยๆเข้าใจศาสตร์สังหารเทพและในที่สุดก็สำเร็จเพียงแค่ส่วนเล็กๆ วิชายับยั้งนี้เช่นเดียวกัน

หวังหลินลืมเลือนเรื่องเวลาขณะที่ใช้สมาธิทั้งหมดอยู่กับวิชาเทพ ช่วงเวลาหลายทศวรรษที่เขาปิดด่านฝึกตน เผ่าหลอมวิญญาณได้ส่งคนไปแนวหน้าในแคว้นปิศาจอัคคีจำนวนมากเพื่อรวบรวมวิญญาณและทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น

เรื่องราวเปลี่ยนเมื่อกองกำลังของแคว้นอื่นเข้าสู่แคว้นปิศาจฟ้า แทนที่จะหนีออกไป ชาวเผ่ากลับปกป้องแคว้นปิศาจฟ้า

สมาชิกเผ่าจำนวนมากกลับจากแคว้นปิศาจอัคคีและเริ่มต่อสู้กับทหารปิสาจของแคว้นปิศาจอื่นๆ

ทว่าพลังอำนาจของเผ่าหลอมวิญญาณถือว่าเล็กน้อยเกินไป พวกเขาเพียงแค่ป้องกันพื้นที่ภายใต้ก้อนเมฆสีดำและไม่สามารถจากไปไหนได้ จนกระทั่งเมื่อทหารจากแคว้นปิศาจอื่นค้นพบว่าไม่สามารถยึดครองเมืองปิศาจฟ้าได้เพราะถูกปิศาจโบราณผนึกเอาไว้ พวกเขาจึงหันสายตามาที่เผ่าหลอมวิญญาณแทน

นอกจากนี้มีสิ่งประหลาดหลายอย่างเกี่ยวกับเผ่าเล็กๆนี้ ก้อนเมฆสีดำด้านบนเผ่ากระทำการปกป้องอย่างน่าประหลาด มันป้องกันการโจมตีจากทหารปิศาจได้หลายครั้ง

แน่นอนว่าไม่ใช่แคว้นปิศาจทั้งหมดที่สอดสายตามาที่เผ่าหลอมวิญญาณ มีเพียงแค่ผู้นำสองแคว้นเท่านั้นที่ทำแบบนี้ ดังนั้นแคว้นอีกเห้าที่เหลือต่างหันเหความสนใจมาที่แคว้นปิศาจอัคคีแทน

แคว้นปิศาจอีกเจ็ดแห่งไม่ได้ส่งทหารปิสาจออกมามากเกินไป เนื่องจากพวกเขาไม่ได้มีความมั่นใจที่จะส่งทุกอย่างออกมาเหมือนปิศาจโบราณแห่งแคว้นปิศาจฟ้า

ตอนนี้ทั้งแคว้นปิศาจวารีและปิศาจอัสนีได้ส่งรองผู้บัญชาการสูงสุดพร้อมกับทหารปิศาจหนึ่งแสนนายออกมา หนึ่งไปทิศเหนือและอีกหนึ่งไปทิศใต้ ทั้งสองกองกำลังล้อมรอบเผ่าหลอมวิญญาณเอาไว้

รองผู้บัญชาการสูงสุดแห่งแคว้นปิศาจวารีเป็นสตรี รูปร่างของนางธรรมดาแต่สายตาปลดปล่อยแสงอันเยือกเย็น นอกจากนั้นนางยังเป็นแม่ทัพของแคว้นปิศาจวารีอีกด้วย

ส่วนแคว้นปิศาจอัสนี รองผู้บัญชาการสูงสุดเป็นชายวัยกลางคนร่างกายกำยำ เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่สวมชุดเกราะ มีสายฟ้าเคลื่อนผ่านร่างกายและพื้นใต้ผ่าเท้าไหม้เกรียม

“เผ่าป่าเถื่อนเล็กๆถึงกับมีสมบัติน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ น่าสนใจจริงๆ!” แม้ชายร่างกำยำดูเหมือนกำลังพูดคุยกับตนเอง น้ำเสียงเขาดุจสายฟ้าผ่า

“ไม่ได้อะไรกลับมาจากแคว้นปิศาจฟ้า แต่ว่าเอาสมบัตินี้กลับไปสู่ท่านจักรพรรดิปิศาจถือว่าไม่ใช่ตัวเลือกที่แย่นัก!” ดวงตาชายร่างกำยำส่องสว่างขึ้นและก้าวเท้าออกไป เกิดเสียงดังปัง พื้นดินใต้ฝ่าเท้าแตกกระจายและพื้นดินไหม้เกรียมเริ่มกระจายออกมา

ร่างชายกำยำเคลื่อนไหวเข้าหาก้อนเมฆสีดำ เขาเคลื่อนไหวเร็วถึงขีดสุดและเห็นได้ชัดว่ามีระดับเทียบเท่ากับเซียนขั้นเทวะระดับต้น เพียงแค่ก้าวเดียวเขาก็ข้ามผ่านระยะทางแสนไกลมาถึงก้อนเมฆสีดำที่ล้อมรอบเผ่าหลอมวิญญาณ

คลื่นปราณปิศาจโอบล้อมร่างกายจนก่อเกิดเป็นโล่ห์ล่องหนผลักก้อนเมฆดำให้ถอยกลับไป

ณ ภายในเผ่าหลอมวิญญาณ โอวหยางฮัวจ้องมองท้องฟ้าด้วยใบหน้าสงบนิ่ง บนพื้นดินชาวเผ่าหลอมวิญญาณต่างนั่งสมาธิกันทั้งหมดและเพ่งสมาธิอย่างสมบูรณ์

โอวหยางฮัวตะโกน “วิญญาณ จงกระจาย!” ทันใดนั้นเหล่าสมาชิกเผ่าทั้งหมดปลดปล่อยวิญญาณที่รวบรวมไว้ออกมา พริบตาเดียวในโลกพลันเต็มไปด้วยควันสีดำที่เกิดจากดวงวิญญาณ ภายใต้การควบคุมของอาจารย์ผู้เคารพยกย่อง มวลก้อนควันสีดำควบแน่นกลายเป็นสายน้ำสีดำพุ่งเข้าใส่ชายร่างกำยำคนนั้น

ชายร่างกำยำหัวเราะ แทนที่จะล่าถอยเขากลับพุ่งมาข้างหน้าและชำกำปั้นออกไป กำปั้นแฝงพลังปราณปิศาจจำนวนมากสร้างเป็นเสียงคำรามดั่งสนั่นพร้อมกับพุ่งเข้าหาแม่น้ำสีดำที่กำลังเข้ามาดุจมังกรสายฟ้า

ห่างออกไปไม่ไกลนัก รองผู้บัญชาการแห่งแคว้นปิศาจวารีกำลังมองการต่อสู้อย่างใจเย็นและกล่าวออกมา “รองผู้บัญชาการแคว้นปิศาจอัสนีประเมินก้อนเมฆนี้ต่ำไป!”

หนึ่งในแม่ทัพปิศาจด้านข้างนางตกตะลึงและเอ่ยถามขึ้น “นายท่าน หรือว่าก้อนเมฆสีดำนี้จะมีความลับบางอย่างซ่อนไว้? รองผู้บัญชาการอัสนีจะสามารถทำลายมันได้ไหม?”

“ก้อนเมฆดำนี้ประหลาดอย่างยิ่ง มันเป็นการรวบรวมวิญญาณจำนวนมากเอาไว้ หากไม่มีคนควบคุมมัน รองผู้บัญชาการอัสนีสามารถทำลายได้ง่ายๆ ทว่าหากมีคนควบคุมมันข้ากลัวว่าเขาจะย้อมแพ้เสียก่อนที่จะทำลายมันได้เสียอีก!”

แม่ทัพปิศาจด้านข้างสตรียิ้มขึ้น “นั่นเป็นเรื่องดี เราตกลงกันว่าเขาจะเป็นคนนำหมอกสีดำออกไปและฝั่งเราจะเป็นคนนำชาวเผ่านี้มา หนทางนี้เราจะไม่ต้องใช้ความแข็งแกร่งอันใดเพื่อเอาชาวเผ่าหลอมวิญญาณทั้งหมดไป หลังจากเรานำกลับไปศึกษา เราจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างแน่นอน”

มังกรสายฟ้าที่เกิดขึ้นจากกำปั้นพลันส่งเสียงร้องคำรามดังสนั่นและพุ่งเข้าหาก้อนเมฆดำ ขณะที่ทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกัน พลันเกิดคลื่นกระแทกทรงพลังปรากฏขึ้น

คลื่นกระแทกนี้ได้ทำให้ก้อนเมฆสีดำเปิดกว้างออกมา จากนั้นแม่น้ำสีดำกระจายหายไปและชายร่างกำยำหัวเราะเยาะ “เป็นแค่เผ่าป่าเถื่อนมากล้าโจมตีข้า เจ้าพวกมดชั้นต่ำ!”

ขณะที่ชายร่างกำยำเอ่ยขึ้น เขาเดินผ่านเข้าช่องว่างที่สร้างขึ้นมาในก้อนเมฆดำ ทหารปิศาจของแคว้นปิศาจอัสนีระเบิดเสียงโห่ร้อง เสียงตะโกนของแต่ละคนไม่ด้อยกว่าเสียงคำรามสายฟ้าเลย!

เพิ่มกำลังใจให้ชายร่างกำยำอย่างเหลือล้น

สตรีจากแคว้นปิศาจอัสนีอยู่ห่างออกไปไม่ไกล นางส่ายศีรษะและเอ่ยขึ้นมา “ไม่มีอะไรระทึกใจในการต่อสู้ครั้งนี้แล้ว ตั้งแต่วันนี้ต่อไปเผ่าหลอมวิญญาณจะถูกลบตัวตนออกไป รอให้รองผู้บัญชาการอัสนีขจัดหมอกสีดำออกไปแล้วเราค่อยไปจับตัวชนเผ่ามา หากใครกล้าต่อต้านก็จงฆ่าซะ!”

ทหารปิศาจหลายนายที่อยู่รอบกายต่างรับคำสั่งนางอย่างเคร่งครัด

ชายร่างกำยำก้าวตรงเข้าไปในเผ่าหลอมวิญญาณเพียงหนึ่งก้าว เขายิ้มกว้างราวกับคาดว่าจะเห็นความตื่นตระหนกและความหวาดกลัวในชนเผ่าเล็กๆแห่งนี้

ทว่าขณะที่เขาเข้ามา พลันตื่นตะลึงทันที พื้นที่ทั่วบริเวณห้าสิบลี้ต่างเต็มไปด้วยชนเผ่าหลอมวิญญาณนั่งสมาธิ พวกเขาทั้งหมดกำลังมองมาที่เขา เพียงแต่…

ในสายตาแต่ละคนไม่มีอาการตื่นตระหนกดั่งที่ชายร่างกำยำคาดหวัง แต่สายตาพวกเขาสงบนิ่งอย่างยิ่งแทนและความสงบนิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องหลอกลวง!

แม้แม้กระทั่งสัมผัสเยาะเย้ยอยู่ลึกๆและสายตาเยือกเย็นนั้นสงบนิ่งอย่างยิ่ง

สายตาประหลาดนับไม่ถ้วนเหล่านี้ทำให้รองผู้บัญชาการอัสนีจิตใจเต้นผิดจังหวะ

เขาก้าวช้าลงโดยไม่รู้ตัว จากตำแหน่งของเขาสามารถมองเห็นได้ว่าใจกลางเผ่ามีพื้นที่ว่างเปล่ากว้างระยะห้าลี้ที่มีหอคอยสูงตั้งอยู่ตรงกลาง!

ชั่วขณะที่เขาเห็นหอคอย ดวงตาชายร่างกำยำขมวดลง ด้วยฉลาดของเขาจึงรู้ได้ทันทีว่าเผ่าขนาดใหญ่นั้นต่างก็มีความเชื่อของตนเอง หอคอยนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นความเชื่อของพวกเขา!

ชายร่างกำยำเยาะเย้ย “หลังจากข้าทำลายหอคอยนี้ ข้าอยากเห็นเสียจริงว่าพวกเจ้ายังมีสายตาเช่นนั้นอยู่อีกหรือไม่!” เขาพุ่งตรงเข้าไปที่หอคอย ไม่มีชนเผ่าคนใดที่กำลังนั่งอยู่พูดคุยกัน พวกเขาเพียงแต่มองชายร่างกำยำด้วยสายตาเย็นเยียบ

ความเงียบเช่นนี้ดุจแรงกดดันที่มองไม่เห็นซึ่งทำให้ชายร่างกำยำรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทว่าเขามั่นในใจระดับบ่มเพาะของตนเอง พ่นลมหายใจเย็นพร้อมกับเข้าไปใกล้หอคอยและกำลังจะโยนกำปั้นเข้าใส่

“จงหยุด!” เสียงอ่อนโยนและแทบไม่ค่อยได้ยินดังออกมาจากภายในหอคอย

เสียงนี้เบามากแต่การปรากฏของมันดูเหมือนได้หยุดเวลาเอาไว้ได้ แม้แต่ตอนนี้ก้อนเมฆสีดำยังไม่เคลื่อนไหว พลังอำนาจที่มิอาจระบุต้นสายปลายเหตุพลันปรากฏขึ้นมาและล้อมรอบชายร่างกำยำทันที

ร่างกายเขาสั่นสะท้านและสายฟ้าที่เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องผ่านร่างกายพลันหยุดชะงัก ขณะนั้นกลิ่นอายเขาเลือนหายไปอย่างสิ้นเชิง

ร่างกายหยุดกลางอากาศ แน่นิ่งอย่างสมบูรณ์!

กำปั้นเขาง้างออกมาได้ครึ่งวงกลมแล้ว แต่มันไม่อาจส่งออกมาได้อีก

สิ่งเดียวที่สามารถเคลื่อนไหวได้คือดวงตาของเขา ตอนนี้ในสายตาเกิดความหวาดกลัวกับสิ่งที่ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนในชีวิต ความหวาดกลัวในสายตาเขาเทียบได้กับมหาสมุทรที่ถูกจมไปทั้งผืนดินวิญญาณปิศาจ

ร่างหวังหลินค่อยๆเดินออกมาจากหอคอย เส้นผมพริ้วไปด้านหลังและด้วยชุดสีขาวที่กำลังสวมใส่ หวังหลินดูราวกับเป็นเทพ!

หลังจากออกมา หวังหลินเพียงแค่สะบัดแขนเสื้อโดยไม่ได้มองชายร่างกำยำ ชายคนนั้นถูกสายลมรุนแรงพัดออกไปทันที เขากระอักโลหิตและถูกโยนออกไปจากเผ่าหลอมวิญญาณในพริบตา

ร่างชายกำยำถูกส่งออกไปราวกับอุกกาบาต และระหว่างทางหมอกโลหิตสายหนึ่งระเบิดออกมาจากร่างเขา ท้ายที่สุดร่างกายกระแทกเข้าใส่พื้นดินหลังจากออกไปจากเผ่าหลอมวิญญาณ จนกระทั่งตอนนี้ขาก็ยังไม่สามารถขยับได้แม้แต่เพียงนิ้วเดียว!

รอบๆด้านต่างเงียบสนิท!

รูม่านตาของสตรีจากแคว้นปิศาจอัคคีหดเล็กลงทันที ความคิดนางขาวโพลนเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ทว่านางคืนสติได้รวดเร็วและร้องตะโกน “ถอยเร็ว!”

น่าเสียดายที่มันสายเกินไป หวังหลินไพล่แขนทั้งสองไปด้านหลังพร้อมกับลอยตัวออกมาจากเผ่าหลอมวิญญาณ สมาชิกของเผ่ามีจิตสังหารซึมออกมาและติดตามเขาทันที

สตรีจากแคว้นปิศาจอัคคีพลันเปลี่ยนสีหน้าและตะโกน “ค่ายกล!”

ทหารปิศาจพึ่งเริ่มขยับตัวและปราณปิศาจพึ่งเริ่มเคลื่อนไหว!

“จงหยุด!” หวังหลินอ้าแขนออก เงยศีรษะขึ้นและหลับตา ความเข้าใจหลายทศวรรษทำให้เขาสัมผัสกับปลายขอบวิชาเทพ ขณะนี้เป็นครั้งแรกที่เขากำลังกระตุ้นวิชาเทพด้วยพลังเต็มที่!

หนึ่งคำพูด โลกหยุดหมุน!

ทุกคนนอกเผ่าหลอมวิญญาณหยุดเคลื่อนไหวในชั่วขณะ!

สมาชิกเผ่าหลอมวิญญาณดูเหมือนจะได้รับคำสั่งและรีบพุ่งออกมาฆ่าในเวลาเดียวกัน! ก้อนเมฆเหนือเผ่าหลอมวิญญาณกระจายออกมาและปกคลุมท้องฟ้ารอบบริเวณ

สตรีจากแคว้นปิศาจวารีต่างแข็งทื่อ ทว่าหลังจากเวลาสามลมหายใจผ่านไป แสงสีฟ้าพลันล้อมรอบนาง ดวงตานางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและหันตัวหนีกลับโดยไม่มีอาการลังเล

ขณะนั้นเองลำแสงกระบี่สามเส้นลอยออกมาไล่ทันนางทันทีและล้อมรอบนางเอาไว้ วิญญาณกระบี่ทั้งสามของซื่อจู ฮ่ายจูและโม่หยางปลดปล่อยเสียงคำราม จิตใจของนางสั่นไหวและกระบี่สามแล่มแทงเข้าใส่ร่างนาง หมอกโลหิตพลันปรากฏออกมาและนางตายทันที!

หวังหลินลอยตัวกลางอากาศและสัมผัสพลังอำนาจของวิชาเทพอย่างเงียบๆ ราวกับว่าการฆ่าฟันที่เกิดขึ้นบนพื้นดินเป็นอีกโลกใบหนึ่ง เขาไม่ได้ให้ความสนใจมันเลยแม้แต่น้อย

“ข้ายังไม่เข้าใจวิชาเทพนี้อย่างเต็มที่…แต่วันที่ข้าตกลงกับปิศาจโบราณกำลังมาถึง ดังนั้นไม่มีเวลาให้เข้าใจได้ต่อเนื่อง…ถึงเวลาต้องจากไปแล้ว…” หวังหลินโบกแขนขวาและกระบี่สามเล่มลอยเข้ามาหา ปากกระบี่ซื่อจูถือวิญญาณดั้งเดิมของสตรีคนนั้นเอาไว้

หนึ่งเดือนถัดมาหวังหลินออกมาจากเผ่าหลอมวิญญาณ ตอนที่เขาจากมาหวังหลินเอาธงวิญญาณพันล้านดวงมาด้วยและทิ้งสัมผัสวิญญาณหนึ่งสายไว้เพื่อปกป้องเผ่า

หวังหลินไม่ได้เร่งรีบเข้าหาแคว้นปิศาจอัคคี เขาเข้าไปในถ้ำก่อนอันดับแรก บนเส้นทางมังกรหวนคืนนั้นหวังหลินบันทึกสัญลักษณ์สิบเอ็ดแบบอย่างละเอียดก่อนจะจากไป!

“หินหยกได้บอกว่ามีสัญลักษณ์สิบสองแบบแต่ตอนนี้มีเพียงแค่สิบเอ็ด ข้าไม่รู้ว่าสัญลักษณ์ชิ้นสุดท้ายอยู่ที่ไหน…” หวังหลินก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเป็นธรรมชาติ จากนั้นกระตุ้นวิชาเคลื่อนร้ายขั้นสูงและมุ่งหน้าตรงเข้าไปในแคว้นปิศาจอัคคี

เพลิงสงครามปกคลุมทั้งแคว้นปิศาจอัคคี อีกเจ็ดแคว้นทำการเพิ่มหอคอยทหารของตนภายในแคว้นปิศาจอัคคีทำให้แคว้นแห่งนี้กลายเป็นสมรภูมิรบโดยสมบูรณ์ หลังจากศึกสงครามหนึ่งร้อยปี พื้นดินเปื้อนไปด้วยสีแดง มื่อเข้าสู่แคว้นแห่งนี้จะเกิดกลิ่นคาวเลือดหนาเตอะลอยโชยเข้าจมูก

นอกจากเลือดแล้วยังมีร่างศพร่างมากมายนับไม่ถ้วนปกคลุมผืนดิน กลิ่นอายแห่งความตายระเบิดออกมาจากซากศพและก่อเกิดเป็นหมอกสีเทาห่อหุ้มไปทั้งแคว้นปิศาจอัคคี

นี่คือการต่อสู้เป็นตายระหว่างแคว้นปิศาจฟ้าและแคว้นปิศาจอัคคี! กล่าวได้ว่าการต่อสู้นี้ไม่มีผู้ชนะหรือผู้แพ้ แต่ละชีวิตแลกกับอีกหนึ่งชีวิตโดยที่พลังอำนาจของแคว้นปิศาจอัคคีค่อยๆถดถอยลงอย่างช้าๆ

เมืองหลวงของแคว้นปิศาจอัคคีกลายเป็นความว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง แม้กระทั่งจักรพรรดิปิศาจยังเข้าสู่รบครั้งนี้เป็นการส่วนตัว นอกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ชื่อหุบเขาปิศาจ ทุกหนแห่งล้วนว่างเปล่า!

ปิศาจโบราณแห่งแคว้นปิศาจอัคคีได้เลียนแบบปิศาจโบราณแห่งแคว้นปิศาจฟ้า มันผนึกเมืองหลวงและไม่ยอมให้ใครก็ตามเข้าไป

หุบเขาปิศาจของแคว้นปิศาจอัคคีไม่ได้อยู่นอกเมืองแต่อยู่ในส่วนลึกของเมือง ปราณปิศาจหนาแน่นกระจายออกมาจากหุบเขาและห่อหุ้มเมืองหลวงเอาไว้

เมื่อมองจากระยะไกล เมืองหลวงถูกล้อมรอบไปด้วยปราณปิศาจแต่ยังมีกลิ่นอายความตายจำนวนมากอยู่ด้วย ราวกับเมืองแห่งนี้อยู่ภายในสายหมอกและทำให้ผู้คนรู้สึกเศร้าหมองเมื่อมองมัน

เมื่อหวังหลินร่อนลงมาด้านนอกเมืองหลวงของแคว้นปิศาจอัคคี การก้าวของเขาทำให้พื้นดินแตกระแหง เสียงดังชัดเจนจนรู้ได้ว่ารอบด้านเงียบมากแค่ไหน

พื้นดินสีแดงเข้มยามเหยียบย่ำลงไปให้ความรู้สึกเหมือนโคลน ความรู้สึกเหมือนโคลนนี้เกิดขึ้นมาจากโลหิตของเหล่าผู้คนนับสิบล้านที่ชุ่มบนพื้นดินกินเวลากว่าร้อยปี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version