Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 638

Cover Renegade Immortal 1

638. หัวใจตายด้าน

“ผนึกวิญญาณกระบี่…” ดวงตาของหลิงเทียนโฮวยิ่งล้ำลึก

“ที่ที่ข้าผนึกวิญญาณกระบี่นั้นได้ซ่อนไว้อย่างดี มันจะถูกค้นพบได้อย่างไร? ทว่าตราบใดที่วิญญาณกระบี่คิดจะตาย เมื่อนั้นผนึกไม่มีวันพังเสียหาย” หลิงเทียนโฮวครุ่นคิดชั่วขณะก่อนจะหลับตาลง

ในเหวนรกที่ที่โจวยี่ถูกผนึกไว้นั้น เสื้อผ้าหวังหลินพริ้วสะบัดด้วยลมแรงและกระพือพัด เส้นผมลอยคว้างกลางอากาศ หวังหลินถูกดันกลับไปหลายก้าวจากนั้นสายตาเย็นเยียบ

การโจมตีก่อนหน้านี้ได้ทำลายสัมผัสวิญญาณครั้งที่สามที่หลิงเทียนโฮวทิ้งเอาไว้ ทว่าราคาค่าใช้จ่ายถือว่าหนักหนาสาหัส อสูรสายฟ้าแตกสลายกลายเป็นชิ้นเล้กชิ้นน้อยกลับเข้าสู่ราชรถสังหารเทพ

รอยเปิดที่เกิดขึ้นจากสัมผัสวิญญาณหลิงเทียนโฮวนั้นกำลังเริ่มปิดตัวลงและเลือนหายไป

โลหิตในร่างหวังหลินพุ่งพล่านและเส้นชีพจรหลายจุดถูกขัดขวาง ปราณสวรรค์ในร่างหมุนเวียนไม่ลื่นไหลแต่หวังหลินไม่ได้จัดแจงปรับให้เรียบร้อย เขาก้าวไปข้างหน้าและพุ่งตัวดุจอุกกาบาตผ่านช่องว่างในสัมผัสวิญญาณหลิงเทียนโฮวทันที

ครานี้หวังหลินใช้ความเร็วเต็มที่จนเกิดการสั่นสะเทือนดังสนั่น!

ช่องว่างไม่ได้แคบลงตามที่เขาคิดดังนั้นหวังหลินจึงพุ่งเข้าไปในช่องว่างได้ตรงๆ และที่นี่หวังหลินจึงสามารถสัมผัสกลิ่นอายของโจวยี่อย่างเบาบางได้!

“ผู้บุกรุก ตาย!” สัมผัสวิญญาณของหลิงเทียนโฮวปรากฏขึ้นอีกครั้ง คราวนี้สัมผัสวิญญาณส่งคำพูดแห่งอำนาจเผด็จการตรงเข้าสู่หูหวังหลิน เสียงนี้ทำให้หวังหลินสั่นสะท้านรุนแรงจนเขาถูกดันถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

เสียงรอยแตกร้าวดังออกมาจากรอยร้าวในผนังเนื่องจากสัมผัสวิญญาณนี้ และรอยร้าวเล็กๆนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนผนังหน้าผา

วิญญาณดั้งเดิมหวังหลินอ่อนแอลงหลังจากถูกสัมผัสวิญญาณสั่นไหว เขากระอักโลหิตออกมาพร้อมใบหน้าอันซีดขาว

“หลิงเทียนโฮวทรงพลังเกินไป!” หวังหลินสูดหายใจลึก หากเพียงทิ้งสัมผัสวิญญาณไว้เพื่อผนึกโจวยี่ก็ทรงพลังขนาดนี้แล้ว หากมาด้วยตัวเองจะทรงพลังขนาดไหนกัน…

ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้น พลันตบกระเป๋านำพู่กันผลึกสดใสออกมา หวังหลินถือพู่กันแล้วโบกสะบัดอย่างรวดเร็วจนสร้างสัญลักษณ์สีทองขึ้นมาหนึ่งรูป

ชั่วจังหวะที่สัญลักษณ์ปรากฏ มันส่องสว่างขึ้นในช่องสีดำมืดแห่งนี้

หวังหลินวาดอีกครั้งโดยไม่มีความลังเล หนึ่งเส้นทึบ สองเส้น สามเส้น สี่เส้น…หวังหลินวาดเจ็ดเส้นโดยไม่มีหยุดชะงัก!

เป็นครั้งแรกที่หวังหลินวาดมากกว่าหนึ่งเส้นทึบด้วยพู่กันนี้ แม้เขาจะเคยวาดมากกว่าสิบสัญลักษณ์ก่อนหน้านี้ตอนที่กำลังจัดการกับเหล่าแมลง ทว่าพวกมันทั้งหมดเป็นสัญลักษณ์หนึ่งเส้นทึบที่ง่ายที่สุด

สัญลักษณ์แต่ละเส้นทึบทำให้หวังหลินสัมผัสว่าส่วนหนึ่งของวิญญาณดั้งเดิมได้เข้าสู่สัญลักษณ์นั้น สัญลักษณ์เจ็ดเส้นจึงบรรจุเศษเสี้ยววิญญาณหวังหลินเข้าไปด้วย

เจ็ดเส้นถือเป็นขีดจำกัดของหวังหลินแล้ว ตอนที่เขาปรับแต่งพู่กันขณะที่อยู่ในเผ่าหลอมวิญญาณ หวังหลินเคยทดสอบมันมาก่อน เขาไม่สามารถวาดแปดเส้นทึบได้เพราะสัมผัสวิญญาณของเขาไม่สามารถแบ่งออกเป็นเก้าส่วนได้!

มีสัมผัสวิญญาณเลียนแบบอยู่ในร่างกายหวังหลินและหนึ่งสัมผัสวิญญาณเลียนแบบต่อหนึ่งสัญลักษณ์ หวังหลินไม่สามารถวาดสัญลักษณ์ที่แปดได้เว้นแต่เขาจะละทิ้งร่างกายและใช้สัมผัสวิญญาณทั้งหมดผสานเข้ากับสัญลักษณ์เหล่านี้!

ในจังหวะที่หวังหลินวาดเส้นที่เจ็ด ปราณสวรรค์ในร่างทั้งหมดพุ่งออกจากร่างกายราวกับม้าควบพุ่งออกไปกลายเป็นสัญลักษณ์เจ็ดเส้น

สัญลักษณ์เจ็ดเส้นรวมเป็นหนึ่งและกลายเป็นสัญลักษณ์รูปวงกลม สัญลักษณ์นี้แข็งแกร่งอย่างยิ่งราวกับบรรจุจักรวาลเอาไว้ มันปรากฏออกมาราวกับดวงอาทิตย์กำลังตกจากฟากฟ้าและตกลงไปในช่องว่าง ไม่เพียงแต่มีลำแสงสีทองที่แพรวพราวมันยังทำร้ายได้กระทั่งดวงวิญญาณ

สัญลักษณ์เทพที่สร้างขึ้นด้วยพู่กันสวรรค์พร้อมกับใช้ปราณสวรรค์เป็นการใช้วิชาเทพอย่าสมบูรณ์แบบ! แสงของมันแทงทะลุผ่านหน้าผาของเหวนรกดุจกระบี่

หากมองจากด้านนอกตอนนี้จะเห็นได้ชัดเจนว่าแสงสีทองกำลังออกมาจากรอยร้าว แสงสีทองกระจายอย่างต่อเนื่องและส่องสว่างขึ้นในตรงทางเข้าเหวนรกในแคว้นปิศาจวารีซึ่งไม่เคยส่องสว่างมาช้านาน

สัญลักษณ์เจ็ดเส้นทึบได้บรรจุวิญญาณดั้งเดิมบางส่วนของหวังหลินเอาไว้ด้วยซึ่งทำให้เขาสามารถควบคุมมันได้ราวกับเป็นร่างกายของตนเอง หวังหลินพามันให้ไปหาส่วนลึกของรอยร้าว

สัมผัสวิญญาณของหลิงเทียนโฮวเริ่มเผยอาการกำลังเลือนหายไปเมื่อถูกแสงสีทองแทงะเข้าใส่ ทว่ามันได้หยุดการเลือนหายทันที ส่งเสียงคำรามและพุ่งออกมา คราวนี้สัมผัสวิญญาณก่อเป็นรูปร่างของหลิงเทียนโฮว!

หลิงเทียนโฮวสวมเสื้อคลุมผู้ใช้เต๋ามีสายตาแห่งอำนาจเผด็จการได้เข้ามาใกล้ทีละก้าว จากนั้นเปลี่ยนเป็นภาพเบลอจนเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่หนึ่งสายพุ่งตรงเข้าใส่สัญลักษณ์นั้น

เมื่อสัญลักษณ์และปราณกระบี่ปะทะกัน พลันเกิดคลื่นกระแทกรุนแรงกระจายออกมาอย่าบ้าคลั่ง เกิดการสั่นสะเทือนรุนแรงจนทำให้รอยร้าวนับไม่ถ้วนแตกสลาย คลื่นกระแทกทรงพลังจนทำให้สถานที่หลายแห่งในแคว้นปิศาจวารีเกิดการสั่นเทาและทำให้ผู้คนจำนวนมากมายในแคว้นเกิดอาการตื่นตกใจ

หวังหลินใบหน้าซีดเผือดขั้นสุดและกระอักโลหิตออกมาจากปาก โลหิตมีปราณสวรรค์อยู่ในนั้นด้วยและเมื่อมันตกลงบนพื้นดินจึงเกิดเป็นรอยลึกหกรอย

สัญลักษณ์แตกกระจายและสัมผัสวิญญาณทั้งหกแตกสลายไปด้วย ส่วนสุดท้ายกลับมาหาร่างหวังหลินก่อนจะพังทลาย

ส่วนปราณกระบี่ที่สร้างขึ้นจากสัมผัสวิญญาณหลิงเทียนโฮว มันสลัวลงแต่ความคมไม่ได้ลดลงไปด้วย ทว่าด้วยความที่สัญลักษณ์ที่พังทลายเป็นวิชาเทพของจริง แม้จะแตกเสียหายไปแล้วยังเกิดจุดแสงสีทองนับไม่ถ้วนล้อมรอบกระบี่และก่อเกิดเป็นกรงขังสีทองเอาไว้

แม้จะไม่สามารถขังปราณกระบี่ไว้ได้นาน มันยังกักขังได้ชั่วเวลาหนึ่ง!

ความเสียหายต่อวิญญาณดั้งเดิมถือว่าเป็นความเสียหายอันใหญ่หลวงต่อเหล่าเซียน!

ดวงตาหวังหลินแดงฉานขั้นสุดและจิตใจแห่งการเข่นฆ่าปรากฏออกมา เมื่อหวังหลินมาถึงจุดนี้แล้วเขาจะไม่มีวันถอนตัวกลับไปแน่ พลันกระโดดข้ามปราณกระบีที่ถูกขังเอาไว้และมุ่งหน้าตรงเข้าหาส่วนลึกของรอยร้าว!

หวังหลินเข้าไปข้างในด้วยการก้าวครั้งเดียว!

ร่างวิญญาณสีม่วงแขวนอยู่เบื้องหน้าหวังหลิน ร่างวิญญาณนี้คือโจวยี่!

ดวงตาโจวยี่หลับสนิทและใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสนยุ่งเหยิง นอกจากพื้นที่ระหว่างคิ้วของเขาแล้ว ทั้งร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยสีม่วง สีม่วงนี้ดูเหมือนมีชีวิตและดิ้นอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าคล้ำสีม่วงของโจวยี่ราวกับก้อนเส้นด้ายที่เหมือนพยายามกลืนกินแสงสีทองจากระหว่างคิ้ว

ยังมีค่ายกลขนาดสามสิบฟุตอยู่บนพื้นใต้โจวยี่ด้วย ควันสีม่วงกำลังพวยพุ่งออกมาจากค่ายกลและเข้าไปในร่างโจวยี่

กระบี่สมบัติสี่เล่มแทงอยู่บนพื้นตรงมุมทั้งสี่ของค่ายกล แสงของกระบี่สมบัติปลดปล่อยอย่างช้าๆรวมเข้ากับพื้นดิน

ขณะเดียวกันมีบอลแสงเท่ากำปั้นบนกระบี่สามเล่มในนั้น บอลแสงปลดปล่อยกลิ่นอายอันทรงพลังออกมา

“ผู้อาวุโสโจวยี่…” หวังหลินไม่ได้เจอโจวยี่มานานมากแล้ว ทว่าตอนนี้โจวยี่ถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มควันสีม่วง หากแสงสีทองระหว่างคิ้วของโจวยี่ถูกควันสีม่วงกลืนกิน เมื่อนั้นโจวยี่จะกลายเป็นของหลิงเทียนโฮวตลอดกาลโดยไม่มีโอกาสตื่นขึ้นอีกเลย

ค่ายกลนั้นกำลังผนึกและหล่อหลอมโจวยี่ให้กลายเป็นของหลิงเทียนโฮวในเวลาเดียวกัน เขาเรียกมันว่าค่ายกลเปลี่ยนมารเป็นเทพ ค่ายกลนี้ทรงพลังอย่างยิ่งแต่หัวใจหลักคือกระบี่สี่เล่มบนพื้น!

ครั้งหนึ่งหลิงเทียนโฮวเคยหลอมดาวเคราะห์เล็กๆสี่ดวงให้กลายเป็นกระบี่วิญญาณดั้งเดิมสี่เล่ม กระบี่ทั้งสี่เล่มที่เห็นคือกระบี่วิญญาณดั้งเดิม การเพิ่มพลังของค่ายกลนั้นหลิงเทียนโฮวจะทิ้งสัมผัสวิญญาณของตัวเองไว้บนกระบี่เพื่อทำให้ค่ายกลทรงพลังยิ่งขึ้น

ส่วนควันสีม่วง มันคือกลิ่นอายปิศาจ! มาจากเศษวิญญาณปิศาจโบราณของแคว้นปิศาจวารี!

เหตุผลที่หลิงเทียนโฮวสามารถลอบเข้ามาที่นี่เพื่อผนึกโจวยี่เมื่อหลายปีก่อนได้เป็นเพราะเขาตกลงบางอย่างไว้กับปิศาจโบราณแห่งแคว้นปิศาจวารี ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

ตำแหน่งรอยร้าวคือสายใยที่ซ่อนเอาไว้ สายใยนี้ถูกซ่อนไว้ข้างใต้ผืนดินและเชื่อมต่อตรงเข้ากับเมืองหลวงแคว้นปิศาจวารี ซึ่งทำให้ปิศาจโบราณสามารถส่งพลังปราณปิศาจผ่านสายใยที่ซ่อนเอาไว้เวลาใดก็ได้ พลังปราณปิศาจจะถูกค่ายกลดูดซับ จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นผนึกหลอมเทพและค่อยๆรุกล้ำวิญญาณของโจวยี่

หลิงเทียนโฮวและปิศาจโบราณแคว้นปิศาจวารีได้ทำข้อตกลงร่วมกัน ข้อตกลงนี้จะสำเร็จลุล่วงได้หลังจากหลิงเทียนโฮวผนึกโจวยี่ไว้ที่นี่

เศษดวงวิญญาณปิศาจโบราณแต่ละตนในทั้งเก้าแคว้นต่างมีแผนของตนเอง ปิศาจโบราณแห่งแคว้นปิศาจวารีกำลังมองหาร่างวิญญาณที่สามารถทนต่อปราณปิศาจของตนเองได้ กระบวนการนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้ามากแต่ก็มั่นคงอย่างยิ่ง

ตราบใดที่แสงสีทองระหว่างคิ้วโจวยี่ถูกกลืนกินจนหมด เขาจะกลายเป็นร่างกายให้ปิศาจโบราณแห่งแคว้นปิศาจวารีในทันที!

หลิงเทียนโฮวไม่ได้วางแผนเรื่องนี้ล่วงหน้า เนื่องจากเขาถูกโจวยี่ไล่ล่าอย่างต่อเนื่องหลังจากออกแดนสวรรค์ โจวยี่ได้ถูกสตรีชุดขาวทำให้กลายเป็นวิญญาณของกระบี่สวรรค์และได้รับวิชาทรงพลังมา นอกจากนั้นหลิงเทียนโฮวยังได้รับบาดเจ็บจากสตรีชุดขาวอยู่ก่อนแล้ว หลังจากสู้กับโจวยี่หลายครั้งหลิงเทียนโฮวจึงอยู่ในสภาวะน่าอับอายอย่างยิ่ง

ในมุมมองของหลิงเทียนโฮว กระบี่วิญญาณดวงนี้ต้องการจะตายและใช้ปราณกระบี่ของกระบี่สวรรค์ที่มีอยู่อย่างจำกัดด้วยความบ้าคลั่ง ต้องกล่าวว่ากระบี่สวรรค์พิรุณนั้นคือสมบัติหมายเลขหนึ่งของแดนสวรรค์พิรุณ แม้ว่าเขาจะได้มาหนึ่งแต่เขาไม่กล้านำมันออกมาข้างหน้าโจวยี่ เขารู้ว่าเมื่อไหร่ที่นำออกมาจะถูกโจวยี่ควบคุมทันที

แม้หลิงเทียนโฮวจะแข็งแกร่งแต่เขาได้รับบาดเจ็บจากรอยประทับสวรรค์ รอยนี้ทรงพลังเกินไปและมีเกียรติอันยิ่งใหญ่ หลิงเทียนโฮวสรุปได้ว่านี่คือวิขาเทพที่ไม่ใช่แค่เทพทั่วไปสามารถใช้ได้แน่นอน วิชานี้คือวิชาเทพระดับสูงแน่ๆและมีเพียงแค่จักรพรรดิเทพเท่านั้นที่สามารถใช้มันได้!

หนึ่งนิ้วก็สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้แล้ว จากนั้นรวมกับที่โจวยี่โจมตีโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของตนเองและใช้ปราณกระบี่ของกระบี่สวรรค์พิรุณอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลิงเทียนโฮวถูกบังคับให้ตกอยู่ในสภาวะน่าอับอาย

อย่างไรก็ตาม พลังของหลิงเทียนโฮวไม่มีข้อสงสัย เขาเพียงแค่ตกอยู่ในความอับอายชั่วคราวเท่านั้น จากนั้นเขาก็ล่อโจวยี่เข้าไปในดินแดนวิญญาณปิศาจและผนึกไว้ที่นี่ ทั้งยังทำข้อตกลงกับปิศาจโบราณในแคว้นปิศาจวารีอีกด้วย

วิธีนี้ถือว่ายิงครั้งเดียวได้นกสองตัว อย่างไรก็ตามหลิงเทียนโฮวไม่คาดคิดว่าอีกหลายร้อยปีต่อมาหวังหลินจะปรากฏตัวขึ้นและเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง

ข้างในรอยร้าวนั้น หวังหลินมองโจวยี่ที่ถูกผนึกไว้ภายในค่ายกล ร่างโจวยี่ส่งกลิ่นอายแห่งความตายอันหนาแน่น ตอนที่ถิงเอ๋อหายไปเมื่อก่อน หัวใจของเขาก็ตายด้านไปแล้ว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version