Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 637

Cover Renegade Immortal 1

637. ช่วยโจวยี่

โจวยี่และหวังหลินไม่ได้มีความสัมพันธ์ล้ำลึกอะไรต่อกันนัก แต่ทว่าช่วงเวลาสั้นๆตอนอยู่ในแดนสวรรค์กลับทำให้หวังหลินประทับใจลึกล้ำถึงจิตวิญญาณ

บุรุษผู้หลงรักสตรีจนยอมเผาวิญญาณดั้งเดิมของตนเองเพื่อปล่อยนางไป ความหลงไหลของเขาไม่ได้ทำให้ใครสนใจนัก ทว่าแววตากระจ่างชัดที่เขาแสดงออกมาตอนเผาไหม้วิญญาณดั้งเดิมตนเองนั้นได้ทำให้คนที่เห็นทุกคนหวั่นไหว

เขายังมอบของขวัญที่มีค่าเป็นผลึกเทวะให้กับหวังหลินเพื่อตอบแทนในการคุ้มครองศพของหญิงสาวคนนั้นอีก…

มันเป็นงานง่ายๆแต่สำคัญที่สุดก่อนที่เขาจะตาย

จากนั้นโจวยี่ได้กลายเป็นวิญญาณกระบี่ของกระบี่สวรรค์พิรุณ ทว่าเศษวิญญาณซึ่งก่อขึ้นจากความหลงไหลของเขากลับเลือนหายไปและไม่มีตัวตนอีกเลย…ชั่วขณะนั้นราวกับโจวยี่ได้ยินเสียงทั้งโลกทั้งใบแตกสลายอยู่เบื้องหน้า

จิตใจของเขาตายด้านและปราณกระบี่ไร้ชีวา ใช้ร่างวิญญาณดั้งเดิมไล่ล่าหลิงเทียนโฮวผ่านมิติว่างและสาบานว่าจะฆ่าหลิงเทียนโฮวให้ได้! ในตอนที่เขากำลังไล่หาความตายนั้นเป็นเพราะสิ่งอยู่กับเขามาตลอดอันตรธานหายไป…

หวังหลินร่วมเป็นสักขีพยานความโหดเหี้ยมของโลกแห่งเซียนผ่านช่วงชีวิตตนเอง น้อยคนนักที่คู่ควรให้หวังหลินจดจำในเบื้องลึกของจิตใจ…ซือถูหนาน ตุ้นเทียน(จ้าวสำนักของสำนักหลอมวิญญาณ) ฉีฮู่​ (ปรมาจารย์เผ่ามารยักษ์) โจวยี่…

ตอนนั้นหวังหลินเป็นเพียงเซียนขั้นตัดวิญญาณ เบื้องหน้าโจวยี่เขาเป็นเพียงหนุ่มน้อยผู้ถ่อมตน แต่วันนี้หวังหลินเป็นเซียนขั้นเทวะแล้ว!

หวังหลินสูดหายใจลึกและก้าวเข้าไปในช่องว่าง!

แม้จะรู้ว่ามีอันตราย ตราบใดที่เขามีสติ หวังหลินก็ยังต้องทำ!

เมื่อตอนที่เขาช่วยฉือซานคราวก่อน หวังหลินยังสู้กับแม่ทัพปิศาจด้วยตนเอง วันนี้ที่เขาช่วยโจวยี่จะไม่ยอมหยุดแม้จะมีสัมผัสวิญญาณเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวคุ้มครองเอาไว้!

ขณะก้าวเข้าไปในช่องว่าง สัมผัสวิญญาณเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวพุ่งออกมาโดยมีอำนาจกดขี่ออกมาด้วย การโจมตีของสัมผัสวิญญาณนั้นกลายเป็นรูปร่างมีตัวตนเมื่อเข้ามาใกล้หวังหลิน

สัมผัสวิญญาณแห่งอำนาจกดขี่นี้ดุจกระบี่แหลมคมที่สามารถแทงทะลุสวรรค์และตรงเข้าหาหวังหลินได้

การป้องกันนอกสุดของหวังหลินคือธงวิญญาณ มันปลดปล่อยเสียงคำรามพร้อมกับวิญญาณร้อยล้านดวงรวมตัวกันสร้างเป็นโล่ห์ป้องกันกระบี่

ทว่าสัมผัสวิญญาณของหลิงเทียนโฮวทรงพลังเกินไป! โล่ห์ที่เกิดจากวิญญาณร้อยล้านดวงถูกแทงและตรงเข้าหาหวังหลินอย่างต่อเนื่อง

หวังหลินเผยสีหน้ามุ่งมั่น รู้ตัวดีว่าไม่ควรขยับไปข้างหน้าในตอนนี้ แต่หากเขาล่าถอยหวังหลินจะไม่มีโอกาสที่สองในการช่วยโจวยี่อีก

ช่วงชีวิตของผู้หนึ่งจะมีสิ่งที่ต้องทำให้ได้อยู่ หากไม่ทำแล้วมีชีวิตไปอีกหมื่นปี เมื่อหันหลังกลับมาจะเห็นได้ว่ามันไร้ค่ายิ่ง!

ความตั้งมั่นของหวังหลินเปลี่ยนเป็นความแน่วแน่และเด็ดขาด เขาก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว เจตจำนงกระบี่จากสัมผัสวิญญาณของหลิงเทียนโฮวใกล้เข้ามากระชั้นชิดขึ้น

หวังหลินสะบัดแขนขวา สัญลักษณ์สีทองควบแน่นรอบร่างทันที เจตจำนงกระบี่ตกลงใส่บนร่างหวังหลิน แสงสีขาวเคลื่อนระหว่างเหล่าแมลงไปล้อมรอบร่างหวังหลินในชั่วอึดใจ หวังหลินก้าวเท้าไปข้างหน้าอีกครั้งโดยไม่มีความลังเล!

แมลงมากกว่าครึ่งแข็งกระด้างและหลุดออกจากสัญลักษณ์สีทอง หวังหลินโบกสะบัดแขนเสื้อและรวบรวมพวกมันใส่กระเป๋า

ครั้งนี้ได้กระตุ้นสัมผัสวิญญาณเข้มข้นมากกว่าครั้งล่าสุดหลายเท่าตัว เสียงคำรามดังสนั่นสะท้อนผ่านช่องว่างในหุบเขา เสียงดังก้องนับไม่ถ้วนผสานเข้าด้วยกันก่อเกิดเป็นความกริ้วโกรธที่ต้องการให้ผู้บุกรุกทั้งหมดตายไปสิ้น!

เหล่าดวงวิญญาณจากธงวิญญาณทั้งหมดไม่สามารถขัดขวางได้เลย มันแตกเสียหายมากยิ่งขึ้นและถูกโจมตีลงบนเกราะมารโดยตรง

เกราะมารแตกสลายในชั่วขณะ หวังหลินสัมผัสถึงพลังอำนาจเหนือจิตนาการกระแทกเข้าบนร่าง พลันเกิดความรู้สึกหากเขาไม่ล่าถอย หวังหลินจะแตกสลายและตายในทันที!

อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกเป็นเพียงความรู้สึก ด้วยการควบคุมตัวเองของหวังหลินเขาจึงสามารถระงับความรู้สึกนี้ไว้ได้ สายตามีความมุ่งมั่นมากขึ้นและเศษมารที่เขาประทับผนึกไว้มาร้อยปีพลันถูกปลดปล่อยเป็นครั้งแรก!

หวังหลินไม่ได้ประทับตราใส่เศษมารตนนี้ให้เป็นรูปร่างสมบูรณ์ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ทำให้มันกลายเป็นวิญญาณดั้งเดิมดวงที่สอง หลังจากปลดปล่อยไปแล้ว ร่างวิญญาณมารสีดำหนึ่งเขาพุ่งออกจากหน้าผากหวังหลินในทันที มันส่งเสียงหัวเราะออกมาเต็มไปด้วยพลังมาร ทั้งพยายามกลืนกินปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวด้วยสายตางุนงง

ขณะที่วิญญาณมารปรากฏออกมา พลังมารที่หวังหลินไม่เคยเห็นมาก่อนไหลรินออกจากเกราะมารไม่มีที่สิ้นสุด พลังนั้นเข้าไปในเจ้าเศษมารทำให้ร่างของมันเปลี่ยนแปลงจนเป็นรูปร่างอย่างช้าๆ

หลังกลืนกินสัมผัสวิญญาณของหลิงเทียนโฮว กลิ่นอายรุนแรงเกิดระเบิดออกมาจากร่าง เขตแดนทรราชย์เริ่มอาละวาดข้างใน เจ้าเศษมารส่งเสียงคำรามและเกิดอาการดิ้นรนอย่างเห็นได้ชัด

ชั่วจังหวะนั้นดวงวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินกลับสั่นเทารับรู้ความไม่เสถียรของวิญญาณมารตนนี้ได้ เขาส่งเศษเสี้ยวสัมผัสวิญญาณเข้าไปในวิญญาณมารเพื่อกระตุ้นตราประทับทันทีโดยไม่มีความลังเล แม้ว่าตราประทับนี้ไม่ได้มั่นคงนักแต่มันก็ถูกประทับใส่หลายครั้งในช่วงร้อยปี

เมื่อถูกกระตุ้น ดวงวิญญาณมารถูกดูดกลับเข้าไปในร่างหวังหลินทันที พร้อมกับเกิดเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอราวกับมีคนกำลังร่ายวิชา แม้แต่เกราะมารที่อยู่รอบร่างหวังหลินยังได้รับผลกระทบ มันเปลี่ยนเป็นควันสีดำและไม่มีรูปร่างอีก หวังหลินเก็บมันใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็วจากนั้นก้าวไปข้างหน้า คราวนี้เคลื่อนไปได้ร้อยฟุต!

อย่างไรก็ตามสัมผัสวิญญาณครั้งที่สามกลับเข้มข้นมากกว่าครั้งล่าสุด มันพุ่งออกมาจากส่วนลึกของช่องว่าง ส่งเสียงสนั่นดุจสายฟ้าและดูเหมือนจะมีเสียงของหลิงเทียนโฮวอยู่ด้วย

เสียงดังขึ้นอู้อี้อยู่ในลำคอราวกับมีคนกำลังร่ายวิชา

ธงวิญญาณไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะต่อต้านและเกราะมารก็หายไปแล้ว สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้คือผนึกชีวิตหนึ่งแสนสาย จังหวะที่ผลกระทบจากสัมผัสวิญญาณครั้งที่สามมาถึง ผนึกชีวิตหนึ่งแสนสายได้แบ่งตัวออกเป็นหนึ่งล้าน การขยายตัวออกได้ทำให้สามารถขัดขวางสัมผัสวิญญาณของหลิงเทียนโฮวได้ ทว่าในชั่วอึดใจนั้นผนึกหนึ่งล้านสายกลับแตกสลายอย่างรวดเร็ว

หน้าหวังหลินเกิดเส้นเลือดปูดพองขึ้น เขาคำรามและตบกระเป๋า ราชรถสังหารเทพลอยออกมาและเปลี่ยนเป็นอสูรสายฟ้า!

เจ้าอสูรสายฟ้าร้องคำรามออกมาและโผล่เบื้องหน้าหวังหลินปะทะใส่สัมผัสวิญญาณ สายฟ้ารอบๆเจ้าอสูรสายฟ้าเริ่มส่งเสียงดังซี่ๆ

ร่างเจ้าอสูรสายฟ้าปลดปล่อยสายฟ้าจำนวนมากและผลักดันสัมผัสวิญญาณของหลิงเทียนโฮวออกไปอย่างต่อเนื่อง

ในช่วงจังหวะนี้ผนึกชีวิตของหวังหลินฟื้นตัวกลับมาเป็นหนึ่งล้านอย่างรวดเร็ว สายตาหวังหลินเป็นประกายเยือกเย็น บางครั้งการป้องกันโดยไม่ตอบโต้ก็ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด หากเขาต้องการจะเข้าไปแล้วจำเป็นต้องโจมตีบ้างแล้ว!

หวังหลินก้าวไปข้างหน้าและกระตุ้นดัชนีแห่งความตายในมือ ปราณสวรรค์ในร่างพรั่งพรูออกมาพร้อมกับดัชนีแห่งความตายหลายนิ้วพุ่งใส่สัมผัสวิญญาณของหลิงเทียนโฮวที่กำลังถูกอสูรสายฟ้าขัดขวางเอาไว้

แสงสีดำที่เกิดขึ้นจากดัชนีแห่งความตายพุ่งออกไปดุจลูกธนู ร่อนลงใส่สัมผัสวิญญาณโดยทิ้งด้านหลังไว้เป็นระลอกคลื่น

หวังหลินก้าวเท้าอีกครั้งและชี้ไปข้างหน้า ดัชนีมารปรากฏและปราณสวรรค์ในร่างพุ่งพล่าน เนื่องจากน้ำทิพย์สวรรค์สี่หยดจากคราวก่อน แม้หวังจะไม่ได้ใช้หินหยกสวรรค์ใดๆเขาก็มีพลังปราณสวรรค์ไร้ขีดจำกัด

ปราณสวรรค์ในร่างเปลี่ยนเป็นพลังมาร และเพราะมีเจ้าเศษมาร พลังมารนี้จึงบริสุทธิ์อย่างยิ่ง มันพุ่งออกไปจากนิ้วหวังหลินทันที

ไม่ได้มีเพียงหนึ่งแต่มีถึงสิบสาย!

หลังจากนั้นไม่นานหวังหลินยกมือขวาขึ้นพร้อมกับแม่น้ำอเวจีปรากฏ หวังหลินก้าวอีกหลายก้าวใช้วิชาของตนเองและรุมกระหน่ำสัมผัสวิญญาณของหลิงเทียนโฮว

หวังหลินยังรู้สึกว่าพลังยังไม่เพียงพอ ผนึกชีวิตหนึ่งล้านสายเปลี่ยนเป็นพลังสังหาร เหลือเพียงหนึ่งสายที่ไม่ได้เปลี่ยนคือสายที่ซ่อนอยู่ในวิญญาณดั้งเดิม ส่วนที่เหลือทั้งหมดเปลี่ยนเป็นพลังสังหารหนึ่งเส้นพุ่งออกไป!

สำหรับปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวที่หวังหลินได้รับมา หวังหลินไม่โง่พอที่จะใช้มันสู้กับสัมผัสวิญญาณนั้น เขากลัวว่ามันจะเปลี่ยนฝ่ายในจังหวะที่เรียกออกมา

ชั่วเวลานี้ทั้งหุบเหวนรกดูเหมือนกำลังสั่นเทา เศษหินเศษดินจากผนังหน้าผาหลุดลอยออกจากผนังด้วยพลังอันลึกลับ

วิชาทั้งหมดปะทะเข้ากับสัมผัสวิญญาณของหลิงเทียนโฮวทันที ขณะเดียวกันเจ้าอสูรสายฟ้าส่งเสียงคำรามดังสนั่นพร้อมกับเปลี่ยนตัวเองเป็นลำแสงฟ้าผ่า พุ่งตรงเข้าใส่สัมผัสวิญญาณพร้อมกับวิชาของหวังหลิน

เสียงดังอู้อี้นี้กำลังออกมาจากทางเข้าสู่หุบเหวนรกในแคว้นปิศาจวารี พื้นดินเริ่มสั่นไหวอย่างต่อเนื่องราวกับคลื่นเสียงทรงพลังกำลังผ่านไป

แม้แต่มู่หรงโจวที่อยู่ส่วนลึกใต้เหวนรกยังรู้สึกหวาดกลัวต่อความผันผวนเบื้องบน ส่วนสตรีสองคนด้านข้างเขาต่างมองขึ้นไป สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ช่างน่ากลัว นี่มัน…หรือจะเป็นเพราะหวังหลิน?” ฉีเฟยสูดหายใจลึกและความโกรธตอนที่หวังหลินทำลายสัมผัสวิญญาณของนางได้เลือนหายไป นางคิดขึ้นในใจว่านางคงไม่กล้าไปยั่วยุคนเช่นนี้

คลื่นทรงพลังกระจายผ่านผนังหุบเหวนรกอย่างต่อเนื่องจนมาถึงด้านล่าง ด้านล่างหุบเหวนรกเต็มไปด้วยทางเดิน เมื่อเสียงเข้าสู่พื้นที่บริเวณนี้มันจึงสะท้อนกลับไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ทางเดินด้านล่างหุบเหวนรกเป็นรูปสี่เหลี่ยมที่มีหลุมสีดำอยู่ตรงกลางและนำไปสู่สถานที่แห่งใดไม่มีใครทราบ

กระบี่ใหญ่เล่มหนึ่งแทงออกมาได้ครึ่งส่วนเข้ามาในผนังทางเดิน ชั่วขณะที่ระลอกคลื่นเดินทางมาถึงกระบี่ มันได้ลดลงไปเล็กน้อย

คลื่นเสียงกระจายออกไปไกลดังสะท้อนผ่านทางเดิน ณ ตอนนั้นตรงทางออกของแคว้นปิศาจอัคคีซึ่งมีกรีดและเหล่าศิษย์สำนักกระบี่ถูกขังเอาไว้ กรีดพลันลืมตาขึ้นและเกิดเป็นประกาย

“กลิ่นอายของหลิงเทียนโฮว! หรือเขาจะมาถึงก่อน…ไม่น่าใช่ แม้กลิ่นอายนี้จะเป็นของหลิงเทียนโฮวแต่มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น…นอกจากนี้ยังมีกลิ่นอายอื่นอีก…กลิ่นอายอีกอันไม่คุ้นเลย การปรากฏตัวในเวลาแบบนี้อาจเป็นเพราะป้ายสิทธิ์…”

กรีดกวาดสายตาผ่านศิษย์สำนักกระบี่ต้าหลัวโดยบังเอิญก่อนจะหลับตาลง

เมื่อระลอกคลื่นมาถึงที่นี่ พวกมันก็บางเบามากแล้ว ไม่มีใครสามารถรับรู้ได้นอกจากกรีด

ณ สำนักกระบี่ต้าหลัว หลิงเทียนโฮวที่กำลังสวมชุดคลุมเต๋าและกำลังฝึกฝนกลับลืมตาขึ้นมาทันที…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version