675. ซือถูหนานปิดด่านฝึกตนอีกครั้ง
การตายของฮวนตงถูกตระกูลฮวนตรวจพบได้ในทันที สำหรับตระกูลขนาดใหญ่บนดาวเคราะห์เซียนหลักนั้น สมาชิกหนึ่งคนที่ถูกฆ่าตายไปทำให้เกิดการกระตุ้นขึ้น
บรรชนตระกูลฮวนโกรธเกรี้ยวเมื่อได้ยินเรื่องนี้ แต่ว่าดวงตาพลันส่องสว่างและระงับเรื่องการล้างแค้นดาวรานหยุนเอาไว้ เขาผลักดันให้ถึงวันถ่ายโอนโลหิต
“สมาชิกตระกูลที่ถูกฆ่าไปเป็นคนในบัญชาของฮวนเหมย ดังนั้นเมื่อทำพิธีถ่ายโอนโลหิตเสร็จ จงปล่อยให้ฮวนเหมยจัดการ!” ไม่มีใครกล้าต่อต้านบรรพชนตระกูลฮวน ทุกคนต่างรู้ว่านี่คือการให้ฮวนเหมยแสดงอำนาจของนาง จึงไม่มีใครกล้ากล่าวอะไรอีก
เรื่องนี้ช่างหนักแน่น
“ผนึกดาวรานหยุนด้วยค่ายกลผนึกดวงดาวเพื่อไม่ให้มีใครหนีรอดออกมาได้! ฮวนเหมยจะจัดการเรื่องนี้หลังพิธีถ่ายโอนโลหิตเสร็จ”
ขณะที่ตระกูลฮวนเคลื่อนไหว ท้องฟ้าก็เปลี่ยนสี เมื่อมีค่ายกลผนึกดวงดาว ดาวรานหยุนก็จะตกอยู่ในกรงขัง
ส่วนหลิวเหมยนั้น หลังจากได้ยินว่าฮวนตงเสียชีวิต สีหน้านางไม่มีอาการเปลี่ยนแปลงอันใดราวกับคนที่ตายเป็นเพียงแค่มดตัวเล็กๆ
หลิวเหมยมองไปบนท้องฟ้าสีครามและกระซิบ “ดาวรานหยุน…เป็นการต่อสู้เพื่อแสดงอำนาจของข้าต่อตระกูลฮวนใช่ไหม…จากที่อาจารย์บอกมา ในระหว่างการถ่ายโอนโลหิต เขาจะถ่ายระดับบ่มเพาะบางส่วนมาให้ข้า ราคานั้นต้องจ่ายด้วยการลดระดับลงหนึ่งขั้นเป็นเวลาสองร้อยปี เขาจะช่วยข้าบรรลุขั้นเทวะระดับปลายสูงสุด ส่วนการเข้าสู่ด่านหยินหยางนั้นมันจะขึ้นอยู่กับความเข้าใจของข้าเอง”
“หลังจากนั้น ความแตกต่างระหว่างข้าและชายที่มาจากซูซาคุก็จะกว้างใหญ่ยิ่งขึ้น อีกไม่กี่ปีหลังจากนั้นเมื่อข้าบรรลุขอบเขตที่สองและเห็นเขาอีกครั้ง ข้าไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ในอารมณ์แบบไหน แต่ถึงตอนนั้นเขาก็จะเป็นเหมือนกับมด เหมือนเช่นฮวนตง…”
หลิวเหมยยิ้มบาง รอยยิ้มของนางงดงามอย่างยิ่งและทำให้ใครต่อใครหัวใจสั่นไหว ทหารลาดตระเวนคู่หนึ่งได้เห็นรอยยิ้มของนางเข้าและทั้งคู่ต่างตกตะลึง แววตาเต็มไปด้วยความหลงไหลและคลุ้มคลั่งซึ่งดูคล้ายกับแววตาของฮวนตง
“เต๋าปิศาจสวรรค์หมื่นมายาสามารถใส่อะไรก็ได้ลงในโลกใต้ภาพมายา…” สายลมเบาๆพัดผ่านทำให้เส้นผมสีดำของนางปลิวไสว นางยกนิ้วขึ้นรวบผมเอาไว้
ชั่วขณะนั้นเกิดคลื่นผันผวนออกมาจากในกระเป๋า แม้ความผันผวนจะถูกจองจำอยู่ข้างในแต่มันกลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจซึ่งค่อยๆเติมเต็มไปทั่วกระเป๋า
หลิวเหมยก้มศีรษะลงสัมผัสกระเป๋า ความผันผวนข้างในลดลงแต่ความขุ่นเคืองใจรุนแรงมากขึ้น
หลิวเหมยกล่าวเบาๆ “จงเชื่อฟังเสียดีดี เจ้าไม่สามารถออกมาได้ตอนนี้…” นางกัดนิ้วตัวเองเล็กน้อย ป้ายใส่ข้างในกระเป๋าและเผยท่าทางเจ็บปวด
ความผันผวนค่อยๆเลือนหายไปอย่างสมบูรณ์และความขุ่นเคืองใจถูกระงับเอาไว้
“เจ้า ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้…” น้ำเสียงชราดังออกมาจากด้านหลังหลิวเหมย ร่างบรรพชนตระกูลฮวนเลือนลางและปรากฏตัวออกมา เขามองกระเป๋าของหลิวเหมยและขมวดคิ้ว
“ข้าบอกเจ้าก่อนแล้วว่ามันดุร้ายเกินไปและเจ้าไม่ควรไปสัมผัสมัน!”
หลิวเหมยขบคิดและไม่ได้เอ่ยตอบ
บรรพชนตระกูลฮวนตะโกน “สังหารสิ่งนั้นเสียตอนนี้และอย่านำมันขึ้นมาอีก หากเจ้าทำเช่นนี้ต่อไป เจ้าจะทำลายจิตใจแห่งเต๋าของตัวเอง แล้วเจ้าจะผ่านขอบเขตแรกและไปสู่ขั้นหยินหยางได้อย่างไร!?”
หลิวเหมยเงยศีรษะขึ้นมองท่านบรรพชน “อาจารย์ หลิวเหมยรู้ว่ากำลังทำอะไร โปรดอย่ากล่าวเรื่องนี้อีก ไม่เป็นไร…”
บรรพชนตระกูลฮวนมองหลิวเหมยอยู่สักพัก เขาถอนหายใจและเอ่ยขึ้น “ทำไม ทำไมเจ้าต้องมาเป็นแบบนี้?!”
ส่วนหวังหลินกำลังขี่เจ้ามังกรเงินพุ่งตรงไปหาดาวหยุนเซีย มองจากระยะไกลแล้วดาวเคราะห์หยุนเซียเป็นสีเทาหม่นเนื่องจากมีหมอกปกคลุมอย่างหนาแน่น มันหนาจนสัมผัสวิญญาณไม่สามารถมองทะลุผ่านได้
นอกจากนี้ยังมีเสียงคำรามระเบิดออกมาจากสายหมอกราวกับเป็นคำเตือนให้ทุกคนที่ผ่านมาไม่ให้เข้าไป
มังกรเงินพาหวังหลินมาอยู่ด้านนอกดาวหยุนเซียและจ้องหมอกหนาแห่งนี้ ดวงตาหวังหลินส่องสว่างวาบจากนั้นตบกระเป๋านำค่ายกลกระบี่เจ็ดดาราออกมา พวกมันโคจรอย่างรวดเร็วสร้างเป็นพลังเกลียวรุนแรง
เมื่อล้อมรอบด้วยพลังเกลียวนี้ หวังหลินจึงก้าวไปข้างหน้าและเก็บเข็มทิศดวงดาวกลับไป เขาเข้าไปในสายหมอกด้วยค่ายกลกระบี่เจ็ดดาราที่กำลังแทงทะลุราวกับเสาเข็ม ค่ายกลกระบี่หมุนปั่นอย่างรวดเร็ว ผลักสายหมอกทั้งหมดเบื้องหน้าหวังหลิน
แต่ว่าสายหมอกนี้หนาแน่นเกินไป แม้จะใช้วิธีนี้แต่สายหมอกเบื้องหน้าหวังหลินดูไม่มีวันหมดสิ้น หากมองจากภายนอกแล้วดูเหมือนสายหมอกกำลังกลืนกินหวังหลินด้วยซ้ำ
แม้จะมีใครสักคนผ่านมา พวกเขาคงไม่รับรู้ได้ว่ามีอยู่คนหนึ่งกำลังพุ่งผ่านลงไปในส่วนลึกของสายหมอก
หวังหลินมีสีหน้าเป็นธรรมชาติ ด้วยวังวนที่สร้างขึ้นจากค่ายกลกระบี่ ไม่มีสายหมอกส่วนไหนสามารถเข้ามาใกล้เขาได้ แต่ว่าในช่วงจังหวะนั้น รอบด้านหวังหลินก็เป็นสีเทาอย่างสิ้นเชิงจนเขาไม่อาจเห็นอะไรได้ สัมผัสวิญญาณถูกขัดขวางไปด้วยดังนั้นจึงพึ่งพาเพียงแต่สัญชาตญาณและเหาะเหินลงไป
หลังจากนั้นอีกสักพัก สายหมอกด้านหน้าหวังหลินก็ค่อยๆเบาบางลง หวังหลินขมวดคิ้วและเร่งความเร็วทันที หวังหลินพุ่งออกมาจากหมอกหนาแน่นดุจอุกกาบาตและฉากเหตุการณ์ที่ปรากฏเบื้องหน้าเขาได้ทำให้รูม่านตาหวังหลินหดเล็กลงในทันที
ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยสายหมอกจนเห็นแสงเดือนแสงตะวันไม่อาจเล็ดลอดผ่านเข้ามาได้ พื้นดินเป็นสีดำสนิทแต่ไม่มีผลกระทบต่อสายตาของเซียน
พื้นดินเต็มไปด้วยรอยแตกร้าวจนดูเหมือนมีปากขนาดยักษ์พยายามกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง
กลิ่นอายแห่งความตายอันทรงพลังมีอยู่เต็มทั่วฟ้าดิน กลิ่นอายนี้ไม่ได้ออกมาจากคนหรือสิ่งของ แต่มาจากทั้งดวงดาว!
พื้นดินที่เต็มไปด้วยรอยร้าวถูกปกคลุมด้วยหนวดเน่าที่กำลังสบัดไปมาอย่างช้าๆ มองครั้งแรกมันดูราวกับพื้นดินปกคลุมไปด้วยเส้นผม
วิวทิวทัศน์นี้ทำให้จิตใจผู้คนหนักอึ้งและหักห้ามตัวเองไว้
คลื่นเสียงคำรามออกมาจากดาวหยุนเซียและส่วนใหญ่ออกมาจากใต้พื้นดิน
“นี่มันดาวเซียนที่ไร้ค่าอย่างแท้จริง…” หวังหลินขบคิดเงียบๆพลันลอยตรงไปพร้อมกับกระจายสัมผัสวิญญาณออกมามองหาสายแร่โลหะ ขณะที่ลอยไปนั้นเขาเห็นเมืองหลายเมืองกลายเป็นซากปรักหักพัก เห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้ครั้งนึงเคยเป็นสถานที่ที่รุ่งเรืองมาก่อนแต่ทุกอย่างตอนนี้กลับย่อยยับไปหมดแล้ว
หนวดบนพื้นได้ห่อหุ้มรอบซากปรักหักพักของเมืองเหล่านั้น เมื่อมองไปจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามีเส้นผมตั้งชูขึ้นมา
หวังหลินเหาะเหินข้ามผ่านท้องฟ้าอย่างเงียบๆ สายตากวาดมองไปยังเมืองหลายแห่ง ขณะนั้นหนวดทั้งหมดที่แต่เดิมทีกวัดแกว่งไปมาพลันหยุดชะงัก พวกมันทั้งหมดหดตัวกลับอย่างรวดเร็วและเลือนหายไปจากพื้นผิว
เสียงคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์ดังออกมาจากเส้นขอบฟ้าไกล ก้อนเมฆแดงที่ปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างพลันพุ่งตรงเข้าหาหวังหลินอย่างบ้าคลั่ง
อสูรตัวโตท่าทางดุร้ายกำลังขี่บนก้อนเมฆแดงอยู่ด้วย มันเหมือนมังกรแต่ไม่ใช่มังกร ร่างกายของมันยาวหลายหมื่นฟุตและมีสามหัว ต้องกล่าวว่ามันคล้ายกับงูมากกว่าแต่ทั้งร่างปกคลุมอยู่ในเส้นขน
เจ้าอสูรร้องคำรามและพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่หมอกกลางท้องฟ้าก็ถูกแยกส่วนออกมาราวกับมีมือล่องหนเปิดเส้นทางให้
เมื่อหวังหินเห็นอสูรตัวนี้ด้วยสัมผัสวิญญาณ สีหน้าพลันเปลี่ยนไปและร้องอุทาน “อสรพิษพิฆาตจันทร์!”
เทพโบราณมีความประทับใจฝังลึกกับอสูรตัวนี้ หวังหลินสูดหายใจเข้าเต็มปอด เขาลดตัวลงและเข้าลงไปใต้ดินผ่านรอยร้าวรูหนึ่ง
ขณะเดียวกันข้อมูลเกี่ยวกับอสรพิษพิฆาตจันทร์จากเทพโบราณตู่ซือก็แล่นผ่านจิตใจ ดวงตาหวังหลินพลันเผยแสงลึกลับขึ้นทันที
“อสรพิษพิฆาตจันทร์ไม่ได้สิ่งที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ มันเป็นปรสิตพิเศษที่อาศัยอยู่ในร่างเทพโบราณ ตอนที่เทพโบราณมีชีวิตอยู่มันจะดูดซับเลือดของเทพโบราณตนนั้นเพื่อเอาชีวิตรอด แต่มันก็ไม่สามารถละทิ้งร่างเทพโบราณตนนั้นไว้ได้ บางครั้งมันก็ถูกเทพโบราณใช้เป็นสมบัติวิเศษ”
“เมื่อเทพโบราณตาย ปรสิตจะตายไปด้วยเช่นกัน แต่มีโอกาสยากมากที่อสรพิษพิฆาตจันทร์จะไม่ตายและออกมาจากร่างเทพโบราณได้ ยิ่งเทพโบราณแข็งแกร่งขนาดไหน อสรพิษพิฆาตจันทร์ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น”
“อสรพิษพิฆาตจันทร์ในเทพโบราณตู่ซือได้ตายไปทั้งหมด ดังนั้นพวกมันจึงไม่ปรากฏตัวออกมา แต่กลับมีอสรพิษพิฆาตจันทร์ตัวหนึ่งปรากฏขึ้นที่นี่ หรือว่า…หรือว่าที่นี่จะมีเทพโบราณหลงเหลืออยู่!?! แต่หากเป็นกรณีนั้นจริงๆมันคงไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง ดาราจักรทุกชั้นฟ้าจะไม่มีใครรับรู้ได้อย่างไร? หากเซียนทรงพลังเห็นสิ่งมีชีวิตตัวนี้ พวกเขาคงไม่ปล่อยมันไป”
หวังหลินมองก้อนเมฆสีแดงขณะที่อยู่ในรอยร้าวใต้ผินดิน ร่างยักษ์ของอสรพิษค่อยๆลอยออกไปไกลและหวังหลินขบคิดอย่างเงียบเชียบ
ชั่วขณะนี้ บนดาวเซียนที่ดูธรรมดาอย่างยิ่งแห่งหนึ่งในดาราจักรพันธมิตรเซียน สตรีสองคนสวมเสื้อผ้าหลากสีสันเข้าไปในเมืองหลวงของแคว้นคนธรรมดา
นางแต่ละคนมีลูกแก้วส่องสว่างเจิดจ้าลอยอยู่บนแขนขวา ลูกแก้วนี้ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายสังหารทรงพลังออกมา
ขณะที่นางทั้งสองกำลังเหาะเหินอยู่กลางท้องฟ้า หนึ่งในนั้นตะโกนขึ้น “ซือถูหนาน จงออกมาเดี๋ยวนี้!”
คำสบถออกมาจากเมืองหลวง ชายหนุ่มในชุดสีม่วงพุ่งตัวตามมา เขากระทั่งไม่ได้มองไปที่สตรีสองคนนั้นและหนีทันที
“ซือถูหนาน จ้าวสำนักมีคำสั่งลงมาแล้ว เจ้าเป็นที่ต้องการตัวของดาวหลวนเฟิงและและดาวทั้งหมดตกอยู่ภายใต้ดาวหลวนเฟิง เจ้าไม่อาจหนีรอดไปไหนได้!”
ชายคนนั้นคือซือถูหนาน ตอนนี้เขาอยู่ในสภาวะย่ำแย่และตะโกนกลับมา “บอกสาวกลิ่นเหม็นคนนั้นไปว่าหากนางยังบังคับข้าต่อไป ข้าจะแกะสลักเรื่องราวเจ้าชู้ของนางใส่หินหยกหมื่นก้อนและส่งกระจายออกไปทั่วดาราจักรพันธมิตรเซียน บัดซบ ไล่ตามข้ามาเกือบร้อยปี นี่มันน่ารำคาญจริงๆ!”
“ฮึ่ม!” สตรีสองคนผสานลูกแก้วแสงสองลูกในมือเข้าด้วยกันทันที มันผสานเข้าหากันและกลายเป็นร่างสตรีที่น่าดึงดูดใจอย่างยิ่ง
“ครั้งนี้ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าหนีพ้น!” ร่างของนางก้าวเท้าออกมาและยกฝ่ามือละเอียดดุจหินหยกขึ้นมา ท้องฟ้าพลันมืดมนและพื้นดินเริ่มสั่นเทา ท้องฟ้าและผืนดินได้บีบอัดอย่างรวดเร็ว
ซือถูหนานส่งเสียงร้องอย่างประหลาด เปลวเพลิงสายหนึ่งเผาไหม้ข้างในร่างกายพร้อมกับเขาพุ่งตัวออกไป ซึ่งแม้จะพุ่งออกมาได้ก็กระอักโลหิตคำโตและใบหน้าซีดเผือดทันที
“แม่นางกลิ่นเหม็น รอข้าก่อนเถอะ! ข้าจะทำให้เซียนและคนธรรมดาในดาราจักรพันธมิตรเซียนทั้งหมดได้เห็นนิสัยความเจ้าชู้ของเจ้า! ข้าจะทำให้เจ้ามีชื่อเสียงโด่งดังในดาราจักรแห่งนี้! ข้าจะรักษาคำพูด!” ซือถูหนานกระอักโลหิตอีกคำออกมาและหนีอย่างบ้าคลั่ง
“อย่างมากข้าก็แค่ปิดด่านฝึกตนอีกครั้ง เจ้ารอก่อนเถอะ!” ดวงตาซือถูหนานเป็นสีแดงฉาน เขาคิดในใจไว้แล้วว่าจะปิดด่านฝึกตนอีกครั้ง ซึ่งหากเขาไม่สามารถบรรลุขั้นส่องสวรรค์ เขาก็จะไม่ออกมา!