676. ฮวนเหมยเข้ามา
พื้นที่ทางใต้ของดาวพันมายาเป็นของตระกูลฮวนซึ่งมีสระน้ำลึกแห่งหนึ่งที่เรียกกันว่าสระจันทร์มายา พิธีถ่ายโอนโลหิตใช้ที่นี่เป็นที่ดำเนินพิธี
น้ำที่อยู่ในสระถูกบรรพชนตระกูลฮวนนำออกไปแล้ว เหลือทิ้งไว้แต่เพียงหลุมลึก ตอนนี้เขากำลังลอยตัวอยู่เหนือสระด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
ด้านล่างเขาคือสมาชิกตระกูลฮวนหลายหมื่นคน ทุกคนต่างเงียบสนิท พื้นที่หลายสิบลี้ไร้สิ้นเสียงอันใด
สมาชิกตระกูลขึ้นมาที่ขอบสระทีละคนและกรีดแขนตัวเองเพื่อปลดปล่อยโลหิตออกมา เมื่อปลดปล่อยจนมีโลหิตได้เพียงพอแล้ว ใบหน้าแต่ละคนเปลี่ยนเป็นซีดขาวและถอยกลับด้วยใบหน้ามืดมน
โลหิตค่อยๆเริ่มเติมเต็มหลุมลึกอย่างช้าๆ เลือดสีแดงเข้มปลดปล่อยกลิ่นคาวไปทั่วบริเวณ
โลหิตของสมาชิกตระกูลหลายหมื่นคนไม่เพียงพอที่จะเติมเต็มบ่อแห่งนี้ แต่มันก็ยังมีโลหิตอยู่ข้างในจำนวนมาก คนสุดท้ายที่ปล่อยโลหิตออกมาคือบรรพชนตระกูลฮวน เขากรีดข้อมือตัวเองโดยไม่ลังเลและปล่อยโลหิตออกมาจำนวนมาก เมื่อโลหิตส่วนใหญ่ออกมาแล้วสีหน้าเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นซีดขาว ท้ายที่สุดเขาก็ถอนมือ พลันสร้างผนึกขึ้นและเอ่ยเสียงเบา “ละลาย!”
วังวนปรากฏขึ้นข้างในสระและหมุนวนอย่างช้าๆ โลหิตของคนนับหมื่นค่อยๆรวมเข้าด้วยกันจนไม่อาจแยกออกได้
พิธีถ่ายโอนโลหิตซึ่งหล่อหลอมโลหิตอันบริสุทธิ์ของตระกูลฮวนจากสมาชิกหลายหมื่นคน ได้เปลี่ยนกลายเป็นสัญลักษณ์โลหิตหนึ่งพันรูปประทับใส่ร่างปลายทางและท้ายที่สุดจะแยกโลหิตของร่างเป้าหมายออกมา
แววตาของบรรพชนตระกูลฮวนเผยสายตาอันล้ำลึกและเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ฮวนเม่ย!”
“พ่อบุญธรรม” หลิวเหมยเดินออกมาจากฝูงชน ชุดราตรีสีขาวทำให้นางเผยสัมผัสแห่งความศักดิ์สิทธิ์
บรรพชนตระกูลฮวนกล่าวขึ้น “เข้าไปในสระโลหิตและจงตั้งใจบ่มเพาะ”
หลิวเหมยพยักหน้าและเดินเข้าหาสระโลหิต ขณะที่นางเดินเข้าไปตัวเปล่า กลิ่นคาวโลหิตพุ่งเข้าหานางทันที นางขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่มุ่งมั่นก้าวเข้าไปในสระ นางเดินเข้าไปอย่างต่อเนื่องจนร่างกายผลุบลงไปในโลหิตไล่ตั้งแต่เข่า เอว หน้าอกและในที่สุดก็ทั้งร่างกาย
ในสระโลหิต คนอื่นมองเห็นแต่เพียงวังวนเท่านั้นและหลิวเหมยจมหายไป
บรรพชนตระกูลฮวนสูดหายใจลึกและสร้างผนึกบนผ่ามือด้วยรูปแบบที่แตกต่างกัน เขาส่งผนึกหลายอย่างเข้าไปในสระโลหิตจนเกิดกลิ่นอายทรงพลังรั่วไหลออกมาจากเขาและกระจายอย่างช้าๆ
ขณะที่เขาสร้างผนึกเร็วขึ้นและเร็วขึ้นนั้น สระโลหิตดูเหมือนกำลังเดือดและวังวนหมุนเร็วยิ่งกว่าเดิม
เวลาผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ดวงตาบรรพชนตระกูลฮวนส่องสว่างขึ้นและตะโกน “เมื่อนานมาก่อน บรรพชนของตระกูลฮวนเป็นเทพอยู่บนแดนสวรรค์อัสนี แม้แดนสวรรค์จะถูกทำลายไปแล้วแต่สายเลือดยังคงอยู่ พิธีกรรมถ่ายโอนโลหิตในวันนี้เป็นการหลอมโลหิตให้กับคนที่จะกลายเป็นความรุ่งโรจน์ในอนาคตของตระกูลฮวน”
วิชาอันซับซ้อนร่ายออกมาจากบรรพชนตระกูลฮวน เมื่อโพล่งออกมาจากปากมันเปลี่ยนเป็นตราประทับและเข้าไปในสระโลหิต
“สายโลหิต จงปรากฏ!” บรรพชนตระกูลฮวนตะโกนเสียงดัง ทั้งสระโลหิตพลันหยุดชะงักจากนั้นเกิดเสียงดังสนั่น สระโลหิตกลายเป็นเสาโลหิตขึ้นมา
เสาโลหิตแตกสลายในพริบตาเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์โลหิตหลายชิ้นลอยอยู่กลางอากาศ ข้างในหลุมมีหลิวเหมยนั่งสมาธิอยู่ด้วยดวงตาปิดสนิท
บรรพชนตระกูลฮวนสูดหายใจลึก จากนั้นฝ่ามือขวาสร้างผนึกและชี้ไปที่หลิวเหมย พริบตานั้นเกิดบาดแผลเปิดบนหน้าผากของนางและโลหิตไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่โลหิตไหลออกมาสีหน้าของหลิวเหมยก็ค่อยๆซีด
ในจังหวะเดียวกัน หนึ่งในสัญลักษณ์โลหิตกลางท้องฟ้าพลันร่อนลงมาและประทับบนหลังของหลิวเหมย จากนั้นสัญลักษณ์โลหิตจำนวนมากก็ตกลงมาตามกัน ประทับลงบนแผ่นหลังของนางอย่างต่อเนื่อง
สัญลักษณ์โลหิตตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของหลิวเหมยเกือบทุกกระเบียดนิ้วเต็มไปด้วยสัญลักษณ์โลหิต ดวงตาของบรรพชนตระกูลฮวนหรี่ลงและก้าวเท้าออกมาเบื้องหน้าหลิวเหมยพร้อมกับยกมือขวาขึ้น แสงลึกลับปรากฏในฝ่ามือกระพริบเปลี่ยนไปหมื่นครั้ง ใครที่มองมันจะเห็นความเป็นไปได้ในชีวิตทั้งหมดตั้งแต่เกิดจนถึงตาย โรคภัยไข้เจ็บทั้งหมด ความรัก ความเกลียดชังของชีวิตซึ่งทั้งหมดอยู่ภายในภาพมายา
นี่คือเต๋าของบรรพชนตระกูลฮวน เต๋าไร้ลักษณ์หมื่นมายา!
เขาประทับฝ่ามือลงบนหน้าผากของหลิวเหมย เต๋าอันทรงพลังของบรรพชนได้ตรงเข้าสู่วิญญาณดั้งเดิมของนาง ขณะเดียวกันปราณสวรรค์ของเขาก็ไหลรินเข้าสู่หลิวเหมยโดยไม่มีการยั้งไว้เพื่อช่วยให้นางเพิ่มระดับบ่มเพาะ
ปราณสวรรค์ที่จำเป็นต่อการบรรลุขั้นเทวะระดับปลายถือว่ามีจำนวนมหาศาล ดังนั้นเซียนขั้นแรกไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ แม้แต่เซียนขั้นหยินหยางก็ไม่อาจทำได้เช่นกัน
มีเพียงคนที่ก้าวเข้าสู่ขั้นที่สองอย่างแท้จริงเท่านั้นจึงจะสามารถมีพลังอำนาจต่อต้านสวรรค์แบบนี้
บรรพชนตระกูลฮวนเป็นเซียนทรงพลังที่อยู่ในขั้นที่สอง เขามีระดับบ่มเพาะอยู่ในขั้นส่องสวรรค์ระดับต้น!
จำนวนปราณสวรรค์อันกว้างใหญ่และเต๋าไร้ที่สิ้นสุดของบรรพชนตระกูลฮวนได้รวมเข้าด้วยกันเปลี่ยนส่งให้ร่างหลิวเหมย เห็นได้ชัดว่าบรรพชนดูแลศิษย์คนนี้เป็นอย่างดียิ่งและมีเจตจำนงจะให้นางเป็นผู้นำของตระกูลฮวน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ยอมทำให้การบ่มเพาะของตนเสียหายเพื่อช่วยนางเพิ่มระดับบ่มเพาะแบบนี้
ร่างหลิวเหมยสั่นเทา จากนั้นสัญลักษณ์โลหิตทั้งหมดที่ล้อมรอบนางก็พลันเข้าสู่ร่างกาย เปลี่ยนกลายเป็นโลหิตของตระกูลฮวน มันไหลเวียนในร่างกายนางและบังคับโลหิตเดิมทั้งหมดออกจากร่างไป
ขณะเดียวกันวิญญาณดั้งเดิมของนางก็เริ่มส่องสว่างเจิดจ้าและเติบโตแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขั้นเทวะระดับต้น…ขั้นเทวะระดับกลาง…ขั้นเทวะระดับปลาย…ขั้นเทวะระดับปลายสูงสุด!
สมาชิกตระกูลฮวนที่อยู่ใกล้ต่างพากันอิจฉา ขั้นเทวะเป็นขอบเขตที่ทรงพลัง จะมีเซียนสักกี่คนที่อยู่ในขั้นเทวะ? มีเซียนสักกี่คนที่ต้องใช้เวลาหลายพันปีเพื่อบรรลุขั้นเทวะระดับปลายสูงสุดด้วยตัวเอง?
หลิวเหมยคนนี้เพียงใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งก้านธูปก็บรรลุเป้าหมายในชีวิตของคนจำนวนมากได้แล้ว
แขนของบรรพชนตระกูลฮวนหดลงและเขาดูแก่ขึ้นในทันที เขาก้าวถอยออกมาและแม้แต่ดวงตาก็หมองลง พลันมองหลิวเหมยและเอ่ยเสียงเบา “ตั้งแต่วันนี้ต่อไป เจ้าเป็นคนของตระกูลฮวน โลหิตตระกูลฮวนจะไหลผ่านร่างของเจ้า ตอนนี้บิดาเจ้าจำเป็นต้องปิดด่านฝึกตน ระหว่างเวลานี้เจ้าต้องมุ่งมั่นบรรลุขั้นหยินหยางให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้”
หลิวเหมยหันกลับมามองบรรพชนตระกูลฮวนอย่างเงียบๆ นางไม่ได้กล่าวอันใดและพยักหน้าเท่านั้น
“เต๋าปิศาจสวรรค์หมื่นมายา ข้าอยากรู้เสียจริงว่าเมื่อมันก้าวสู่ขั้นที่สองแล้วจะเปลี่ยนไปแบบไหน!” ชายชราหัวเราะและดูเหมือนไม่สนใจความไม่เฉยเมยของหลิวเหมย พลันสะบัดแขนเสื้อและหายตัวไป
ชายชราส่งเสียงดังก้อง “ไปที่ดาวรานหยุน ฮวนเหมย นี่คือการต่อสู้ของเจ้าในฐานะคนของตระกูลฮวน!”
หลิวเหมยเงยศีรษะขึ้น นางลอยขึ้นกลางอากาศดุจเทพธิดาโดยไม่ได้มองเหล่าสมาชิกตระกูลนับหมื่นคน เป้าหมายของนางคือดาวรานหยุน
นางไม่ได้พาคนติดตามไปด้วยเลยสักคนและออกไปคนเดียว
ณ รอยร้าวใต้ผืนดิน หวังหลินถอนสายตาออกมาจากอสรพิษพิฆาตจันทร์ ในแววตายังคงมีความตกใจแฝงอยู่
“อสรพิษพิฆาตจันทร์ตัวนี้ยาวถึงหมื่นฟุต พลังของมันไม่อ่อนด้อยไปกว่าเซียนขั้นส่องสวรรค์ หากไม่มีเทพโบราณเช่นนั้นความสามารถการโจมตีของมันไม่ได้แข็งแกร่งนัก ตราบใดที่ข้าไม่ได้ไปเริ่มยุแหย่มันเข้า มันก็น่าจะประคองร่างแรกนี้เอาไว้”
หวังหลินขบคิดเล็กน้อย จากข้อมูลความทรงจำของเทพโบราณ ปรสิตที่อาศัยอยู่ในร่างเทพโบราณนั้นมีอยู่สามร่าง ร่างแรกคือตัวที่พึ่งผ่านหน้าเขาไป ไม่มีความสามารถในการโจมตี
ส่วนร่างที่สองนั้นเส้นขนบนร่างทั้งหมดของมันจะหดลงและเปลี่ยนไปได้หลายรูปทรงเมื่ออยู่ในร่างเทพโบราณ ร่างแบบที่สองนี้ปกติคือการจำศีลของมัน
ร่างที่สามคือสถาวะสุดท้ายที่แสดงขึ้นมาตอนที่มันโจมตี เส้นขนแต่ละเส้นจะยืดยาวออกมาและยาวได้เท่ากับขนาดร่างกายของมัน หากเผชิญกับอสรพิษพิฆาตจันทร์ในสภาวะนั้น พวกเขาต้องหนีทันทีไม่เช่นนั้นจะเสี่ยงการถูกโจมตี
หวังหลินขบคิด เขาก้าวลงไปในรอยร้าวให้ลึกขึ้น กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาเพื่อตามหาสายแร่ธาตุโลหะ
“น่าประหลาดเล็กน้อยที่อสรพิษพิฆาตจันทร์ปรากฏตัวที่นี่ มันไม่ใช่อสูรที่ข้าจะไปตอแยได้ ดังนั้นข้าควรจะหลีกหนีมันเสียดีกว่าและเอาสมาธิมาค้นหาสายแร่โลหะ”
หวังหลินเคลื่อนไหวอยู่ใต้ดินส่วนลึกด้วยความเร็วสูง ในไม่นานเขาก็ถึงจุดไปต่อไม่ได้แต่หวังหลินไม่ได้หยุดชะงัก เขาพุ่งเข้าไปในผนัง ร่างกายจมเข้าไปและลดลงอย่างต่อเนื่องโดยใช้วิชาหลบหนีปฐพี
ขณะที่เคลื่อนไหวไปหวังหลินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มีของเหลวเหนียวๆที่ออกมาจากดินโคลนรอบตัวอย่างต่อเนื่อง หากไม่ใช่เพราะว่าเขามีปราณสวรรค์รอบร่างกาย หวังหลินคงจมไปในของเหลวนี้แล้ว
“ที่นี่ประหลาดมาก!” ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาไกลขึ้นและไกลขึ้น บางครั้งเขาก็สัมผัสถึงความผันผวนทรงพลังได้และทุกครั้งที่ทำเช่นนั้นเขาก็จะค้นไปรอบๆทันที
สัมผัสวิญญาณของหวังหลินกระจายออกมาอย่างต่อเนื่องจนเกือบผ่านดวงดาวได้ทั้งหมด หวังหลินขมวดคิ้วทันที ในส่วนที่ลึกที่สุดของดาวดวงนี้หวังหลินได้เห็นสายแร่โลหะที่ตรงดิ่งไร้จุดสิ้นสุด
สายแร่นี้อยู่ลึกมากในดวงดาว ปลายสุดของมันทะลุออกจากพื้นไปบนดาวเคราะห์ข้างเคียง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมตระกูลฮวนถึงพบสายแร่นี้ได้
หวังหลินขมวดคิ้วมากขึ้นและมากขึ้น เขาไม่ได้เคลื่อนไหวทันทีแต่เริ่มครุ่นคิด
“หากสายแร่โลหะนี้ถูกซ่อนไว้อย่างดี เช่นนั้นมันก็มีเหตุผลอยู่ แต่สายแร่นี้ไม่ได้ซ่อนตัวไว้เลย เซียนขั้นเทวะใดที่ผ่านมาที่นี่จะพบเจอได้ทันที นี่นับว่าเป็นเรื่องประหลาด” หวังหลินตรวจสอบสายแร่อย่างละเอียดแต่เขาไม่อาจพบอะไรได้
หลังจากขบคิดอยู่ชั่วครู่ สายตาเผยแววมุ่งมั่น สะบัดแขนและฉีกพื้นดินเบื้องหน้าออกมา หวังหลินตรงเข้าไปหาส่วนลึกที่สุดของสายแร่โลหะ
ไม่นานนักเขาก็มาถึง สิ่งปรากฏเบื้องหน้าตอนนี้คือสายแร่ขนาดใหญ่ที่มีจุดแสงสีทองอยู่จำนวนมาก สายแร่มหึมาแห่งนี้ดุจมังกรขดตัวล้อมรอบดาวหยุนเซีย
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยพลันเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ หลังจากเห็นอสรพิษพิฆาตจันทร์นั้น เมฆอึมครึมก็ปกคลุมไปทั่วจิตใจ