Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 674

Cover Renegade Immortal 1

674. ดมกลิ่นสายลมและฟังเสียงสายฝน รับรู้ถึงวิญญาณและจดจำไว้ทั้งหมด

ดัชนีแห่งความตายเปลี่ยนเป็นลำแสงสีดำพุ่งออกไป รอบๆมันปรากฏระลอกคลื่นออกมาด้วยและกระทั่งมีเสียงสายฟ้าปะทุตามๆกัน

เกิดเสียงดังสนั่นและขยายออกอย่างต่อเนื่องก่อนที่ระเบิดสายฟ้าจะตกลงมาจากท้องฟ้า พลังอำนาจแห่งสายฟ้าที่อยู่รอบดัชนีแห่งความตายพลันทรงพลังมากขึ้น ราวกับเป็นความโกรธกริ้วของสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์

เพียงหนึ่งดัชนี แสงที่ล้อมรอบร่างฮวนตงก็แตกสลายโดยไร้การต่อต้าน สีหน้าซีดเผือดทันทีและรีบล่าถอย พลังอำนาจของดัชนีนั้นแข็งแกร่งเกินไปจนถึงจุดที่แม้จะมีระดับบ่มเพาะของเขาก็ทำให้จิตใจสั่นสะท้าน

อย่างไรก็ตามลำแสงสีดำนั้นราวกับเป็นมังกรทมิฬ มันพุ่งตรงเข้าใส่ฮวนตงที่กำลังล่าถอยด้วย

ฮวนตงตบกระเป๋านำกระบี่โลหะเล่มหนึ่งออกมา ขณะเดียวกันฝ่ามือขวาสร้างผนึกและประทับลงบนกระบี่ “อำนาจแห่งโลหะ!”

กระบี่โลหะพุ่งตรงเข้าใส่ดัชนีแห่งความตาย

ระเบิดสั่นสะเทือนผืนดินได้ปะทุขึ้นกลางท้องฟ้า เสียงแตกร้าวเกิดขึ้นหลายชุดเมื่อดัชนีแห่งความตายปะทะเข้ากับกระบี่โลหะ กระบี่โลหะแตกสลายทีละนิ้วจนกระทั่งกระบี่พลันหายไป ดัชนีแห่งความตายแทงทะลุผ่านอากาศราวกับลำแสงสายฟ้าและมาถึงเบื้องหน้าฮวนตง ในช่วงจังหวะวิกฤตนั้นฝ่ามือของฮวนตงสร้างผนึกและปะทะเข้ากับดัชนีแห่งความตาย

เสียงคำรามสนั่นกึกก้องดังไปทั่วบริเวณ ร่างฮวนตงสั่นสะท้านและกระอักโลหิต เขาล่าถอยราวกับเป็นดาวตกและขณะที่ทำเช่นนั้น ลำแสงสายฟ้ากระพริบครอบคลุมทั่วร่างเขาทั้งหมด ทุกครั้งที่ลำแสงสายฟ้ากระพริบ อาการบาดเจ็บของเขาจะยิ่งย่ำแย่ ลำแสงสายฟ้านี้ประหลาดอย่างยิ่ง เมื่อมันครอบคลุมวิญญาณดั้งเดิมเขาไปหนึ่งส่วน มันกลับทำให้วิญญาณเขาดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส

ใบหน้าซีดและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“นี่มันสายฟ้าอะไรกัน?! คนแบบไหนถึงมีสายฟ้าเช่นนี้!? หากเพียงวิชาเดียวก็ทำให้ข้าบาดเจ็บสาหัสแล้ว เช่นนั้นเขาต้องไม่ได้มาจากดาวรานหยุนแน่นอน ข้าไม่สามารถสู้ได้ ข้าต้องรีบจากไปและรายงานเรื่องนี้กลับไปให้นาง!” ฮวนตงตบขาตัวเองและลำแสงสีขาวเริ่มส่องสว่างออกมาทันทีทำให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เมื่อถึงจุดที่แสงครอบคลุมได้ครึ่งร่าง ตัวเขาก็หายไปในอากาศเรียบร้อยแล้วและกำลังจะเคลื่อนที่พริบตาหนีออกไป

หวังหลินเป็นเซียนขั้นเทวะระดับต้นแต่วิชาของเขาก้าวข้ามผ่านเซียนขั้นเทวะระดับกลางไปเรียบร้อยแล้ว ช่องว่างระหว่างขั้นเทวะระดับปลายและสองระดับก่อนหน้าถือว่ากว้างใหญ่มากแต่หวังหลินก็สามารถต่อสู้กับเซียนขั้นเทวะระดับกลางได้

ตอนนี้แม้หวังหลินจะยังเป็นระดับต้น แต่ปราณสวรรค์ในร่างกายเขาไร้ขีดจำกัดเกินกว่าขั้นเทวะระดับกลางมีได้ หวังหลินเพียงแค่ต้องทำความเข้าใจเขตแดนเท่านั้นจึงสามารถจะทะลวงสู่ขั้นเทวะระดับกลางได้

ดังนั้นการฆ่าฮวนตงคนนี้กลับง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ

หวังหลินมองฮวนตงที่กำลังพยายามหลบหนีด้วยสายตาเย็นเยียบ เมื่อเอาเงินมาแล้วหวังหลินก็จำเป็นต้องกำจัดภัยพิบัติออกไป ซึ่งบางครั้งมันก็บอกไม่ได้ว่าอะไรถูกหรือผิด

หวังหลินตบกระเป๋าอย่างเบามือและค่ายกลกระบี่เจ็ดดาราลอยออกมาเป็นลำแสงเจ็ดเส้น ค่ายกลนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮว ดังนั้นจะมีใครสามารถป้องกันได้อย่างไร? พริบตาเดียวกระบี่เจ็ดเล่มก็พุ่งออกไปและมาถึงเบื้องหน้าฮวนตงในช่วงจังหวะที่เขากำลังหายตัวเข้าไปในอากาศ วิญญาณเจ็ดดวงจากกระบี่พลันปรากฏขึ้นและรวมกันเป็นหนึ่ง มันส่งเสียงคำรามและข่วนใส่ฮวนตงอย่างดุร้าย

เสียงดุจกระจกที่กำลังแตกพลันสะท้อนไปทั่วท้องฟ้า ภายในช่องว่างนั้นดวงตาของฮวนตงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว อสูรดุร้ายพลันดึงฮวนตงออกมา กระบี่เจ็ดเล่มล้อมรอบฮวนตงพร้อมกับชี้ปลายกระบี่เข้าใส่ร่างเขา หากเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อย กระบี่จะแทงเข้าใส่ร่างและทำลายวิญญาณของเขาซะ

จังหวะตั้งแต่ฮวนตงปรากฏตัวจนถึงตอนที่เขาถูกจับกุม ทุกสิ่งเกิดขึ้นรวดเร็วมาก เวลาผ่านไปสั้นๆเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น

บรรพชนตระกูลรานสูดหายใจอันหนาวเหน็บเข้าปอด แม้เขาจะสัมผัสวิชาของหวังหลินเป็นการส่วนตัวได้และรู้ว่ามันทรงพลัง แต่การเป็นบุคคลที่สามมองดูคนอื่นนั้นเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ในแววตาเขายังมีความหวาดกลัวอยู่ด้วย ก่อนหน้านี้ตอนที่หวังหลินโจมตีเขามันเป็นเพียงแค่เงาสีดำกระพริบเท่านั้นและเขาเกือบตาย ตอนนี้เขามาตระหนักได้ว่าเงาสีดำนั้นไม่ใช่เพียงแค่วิชาของหวังหลินวิชาเดียว ดูเหมือนว่าทุกวิชาที่หวังหลินใช้จะน่าหวาดกลัวอย่างยิ่งยวด

เขาคิดขึ้นในใจว่าจะไม่ยอมเป็นศัตรูกับซิ่วมู่คนนี้เด็ดขาด!

ความหวาดกลัวในใจของซานเหรินไม่ได้ด้อยไปกว่าบรรพชนตระกูลรานเลย เขามองค่ายกลกระบี่เจ็ดดาราด้วยใจระทึกและสูดหายใจลึกเข้าปอด ในตอนนี้เขาไม่สงสัยเลยว่าหากซิ่วมู่ต้องการฆ่าเขา เขาก็ไม่อาจต่อต้านได้เลย

“ข้ากลัวว่าระดับบ่มเพาะของเขาอาจจะอยู่ที่ขั้นเทวะระดับปลายสูงสุด!”

ซุนซื่อกลับสงบได้มากกว่า ในใจเขาคิดว่าระดับบ่มเพาะของหวังหลินสูงส่งอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้เขารู้สึกข่มขื่นและคิดในใจ ‘หากซิ่วมู่แข็งแกร่งขนาดนี้ ข้าต้องสร้างสัมพันธ์อันดีกับเขา’

ฮวนตงศีรษะด้านชา กระบี่เจ็ดเล่มรอบตัวเขาราวกับเป็นมีดแห่งความตายแขวนอยู่เหนือศีรษะซึ่งสามารถตกใส่เขาตอนไหนก็ได้ เขาจ้องหวังหลินแต่ก็เห็นอีกสามคนด้านหลังและส่งเสียงตะโกน “รานเซว่เฟิง ซุนซื่อ จ้าวซานเริน พวกเจ้ากำลังรนหาที่ตายหรือ?!”

สามคนนิ่งเงียบแต่ไม่ได้พูดอะไร ทว่ากลับมีแสงกระพริบเย็นเยียบแล่นผ่านในแววตา

ฮวนตงเห็นแสงเยือกเย็นนี้และลอบตระหนักได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติและตะโกน “ข้ามาที่นี่ตามคำสั่งตระกูลฮวนเท่านั้น หากเจ้าฆ่าข้า ตระกูลฮวนจะส่งคนอื่นมา เจ้าคิดว่าจะฆ่าคนอื่นทั้งหมดได้หรือ? ด้วยพลังของเจ้าเท่านี้ หากต่อต้านตระกูลฮวนของข้า เจ้าจะตายแน่นอน!”

“ปลดปล่อยข้าและข้าจะลงโทษพวกเจ้าทั้งหมดอย่างยุติธรรม!”

แม้คำพูดของฮวนตงจะกล่าวถึงบรรพชนตระกูลรานและพรรคพวก ทว่าสายตาเขากวาดมาที่หวังหลินเป็นพักๆ ดูเหมือนเขาจะมีความกลัวต่อคนที่จับเขาเอาไว้ ซึ่งเขาก็กำลังเดาว่าคนผู้นี้อำนาจอะไรหนุนหลังอยู่

หลังจากบรรพชนตระกูลรานได้ยินเรื่องนี้ ในสายตาเขามีความลังเลแต่ก็ถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่นทันที “สหายเซียนฮวน ข้าสงสัยว่าทำไมเจ้าถึงมาที่ดาวรานหยุน”

ฮวนตงจ้องบรรพชนตระกูลรานและมองไปที่อีกสองคน ฮวนตงยิ้มออกมา “เพราะสมาชิกตระกูลฮวนถูกพวกเจ้าฆ่าไปเมื่อสี่ปีก่อนเป็นความจริง รานเซว่เฟิง ซุนซื่อ จ้าวซานเหริน สายเลือดของตระกูลพวกเจ้าจะต้องมาถึงจุดจบ!”

บรรพชนตระกูลรานเปลี่ยนเป็นสีหน้ามืดมนพร้อมกันหันมาหาหวังหลิน “สหายเซียนซิ่วจะจัดการคนที่มาคุกคามเราใช่ไหม?”

หวังหลินพยักหน้าโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

“ชื่อซิ่ว! เจ้าเป็นใครกันแน่และทำไมถึงต้องการมายุ่งเรื่องของตระกูลฮวนด้วย?!” ฮวนตงหันมาหาหวังหลินทันทีและตะคอก “บรรพชนของตระกูลฮวนกลับมาแล้ว เจ้าคิดจริงๆหรือว่าจะต่อสู้กับบรรพชนของเราได้? ข้าจะปล่อยเจ้าไปและสัญญาว่าจะไม่พูดถึงเจ้าต่อนายหญิงของข้า ข้าจะไม่ลากเจ้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอน!”

“นายหญิงของตระกูลฮวน?” หวังหลินมองไปที่ฮวนตง

ซุนซื่ออธิบาย “สหายเซียนซิ่ว เจ้ายังไม่รู้เรื่องนี้ แต่บรรพชนของตระกูลฮวนได้นำสตรีนางหนึ่งมาจากดาราจักรพันธมิตรเซียน เขารับนางเป็นศิษย์และจะใช้พิธีถ่ายโลหิตเพื่อเปลี่ยนเส้นเลือดของนาง”

หวังหลินขมวดสายตาและเอ่ยถาม “บรรพชนตระกูลฮวนคนนี้มีระดับบ่มเพาะอะไรกัน?”

ฮวนตงผ่อนคลายเล็กน้อย “เขาบรรลุขั้นที่สองไปแล้ว หลายพันปีก่อนเขาได้บรรลุขั้นหยินหยาง!”

หวังหลินมองไปที่บรรพชนตระกูลรานและคนอื่นๆด้วยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม ในสายตาเขายังแฝงการเยาะเย้ยไว้ด้วยซึ่งทำให้บรรพชนตระกูลรานก้มศีรษะลงต่ำ

หวังหลินกล่าวอย่างสงบนิ่ง “ข้าจะส่งเขาให้พวกเจ้า ไม่มีอะไรที่ข้าต้องทำอีกต่อไป” จากนั้นหวังหลินสะบัดแขน ค่ายกลกระบี่เจ็ดดาราพลันหมุนรอบฮวนตง ผนึกวิญญาณเขาเอาไว้แล้วกระบี่กลับมาที่ด้านข้างหวังหลิน

“ข้ายังมีเรื่องสำคัญต้องทำและจะกลับมาในอีกไม่กี่เดือน!” จากนั้นหวังหลินก็หันตัวและจากไป

ดวงตาของฮวนตงเผยความสิ้นหวังและตะโกน “หากเจ้าสังหารข้า นายหญิงของข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ นายหญิงฮวนเหมยเป็นศิษย์ของท่านบรรพชนเพียงคนเดียวเท่านั้นและนางจะกลายเป็นผู้นำของตระกูลฮวนในอนาคต!”

หวังหลินหยุดกึกและหันกลับมา เขามองฮวนตงและถามด้วยท่าทีนิ่งๆ “ฮวนเหมย? ชื่อเดิมของนางคืออะไร?”

ฮวนตงเยาะเย้ยและกล่าวขึ้น “หากเจ้าปล่อยข้าไป ข้าจะบอกเจ้า…”

ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ หวังหลินขมวดคิ้วและยื่นมือออกมา ร่างฮวนตงลอยเข้าไปที่มือหวังหลินทันที เขาประทับมือลงบนศีรษะของฮวนตงและจากนั้นลำแสงสายฟ้าหนึ่งเส้นกระพริบแล่นผ่านดวงตา เงาด้านหลังเคลื่อนผ่านท่อนแขนอย่างรวดเร็วและล้อมรอบร่างฮวนตงไว้อย่างสมบูรณ์

“ค้นวิญญาณ!”

ด้วยระดับบ่มเพาะของฮวนตงที่เป็นขั้นเทวะระดับกลาง หากหวังหลินต้องการใช้วิชาค้นวิญญาณ เขาจำต้องยืมพลังขององครักษ์เทพ

ความทรงจำของฮวนตงราวกับเป็นเศษเสี้ยว หวังหลินมองผ่านพวกมันด้วยการช่วยเหลือขององครักษ์เทพ ขณะที่มองไปร่างของฮวนตงก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง ดวงตาดิ้นรนเผยอาการเจ็บปวด

ขณะที่ค้นผ่านความทรงจำเข้าไป หวังหลินจับจ้องลงบนร่างสตรีงดงามคนนั้นและใบหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นมืดมน หวังหลินลดฝ่ามือลงและตีใส่ร่างฮวนตง ร่างเขาแตกสลายและวิญญาณดั้งเดิมถูกหวังหลินจับเอาไว้ หวังหลินโยนวิญญาณใส่เข้าไปในธงวิญญาณหนึ่งพันล้านดวงในทันที

ฉากกระทันหันนี้ทำให้บรรพชนตระกูลรานและคนอื่นๆต่างตกอยู่ในอาการตะลึง พวกเขาต่างมีความคิดของตนเอง

“หลิวเหมย…” หวังหลินขมวดคิ้ว ฉากเหตุการณ์บนดาวซูซาคุแล่นผ่านแววตาหวังหลิน รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสุสานซุซาคุด้วย

“นางมีโชคอันยิ่งใหญ่และได้มาดาราจักรทุกชั้นฟ้า…” หวังหลินขบคิดอย่างเงียบๆอยู่พักใหญ่ เขามองไปบนท้องฟ้าและจากไปโดยไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

บรรพชนตระกูลรานและคนอื่นๆไม่กล้าขัดขวางเขา พวกมองร่างหวังหลินที่ค่อยๆเลือนหายไปโดยทำอะไรไม่ถูก

หลังจากออกมาจากชั้นบรรยากาศแล้ว หวังหลินตบกระเป๋านำเข็มทิศดวงดาวออกมา มันเปลี่ยนกลายเป็นมังกรเงินและเลือนหายไปในอวกาศ

หวังหลินนั่งสมาธิอยู่บนมังกรเงินและพึมพำกับตนเอง “แม่นางหลิวเหมยไม่ได้มีความเกลียดชังฝังลึกกับข้า หากนางรู้ว่าอะไรดีสำหรับนาง ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดียิ่ง แต่หากนางยังทำท่าทางเหมือนตอนอยู่บนดาวซูซาคุ เมื่อนั้นข้าคงทำได้เพียงฆ่านางเท่านั้น ส่วนบรรพชนตระกูลฮวน ข้าไม่ต้องสู้ตายกับเขา หากเขาปรากฏตัวข้าเพียงต้องหนีด้วยการช่วยเหลือขององครักษ์เทพ อีกทั้งข้าตัวคนเดียว แต่เขามีตระกูลอยู่ หากข้าฆ่าเขาไม่ได้ ข้าจะฆ่าคนตระกูลเขาเพื่อเป็นการล้างแค้น”

เมื่อคิดเรื่องนี้ในใจ หวังหลินก็ไม่คิดเรื่องหลิวเหมยอีกแต่เพ่งสมาธิไปบนแผนที่ในสมอง เขากำลังมุ่งหน้าไปที่ดาวหยุนเซีย

“สายแร่โลหะเพลิงบนดาวหยุนเซียเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับข้า ตราบใดที่มันเป็นโอกาสในการทำให้ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าสมบูรณ์ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาหยุดข้าได้ หากใครกล้าขโมยมันไป ข้าจะฆ่ามันซะ!” หวังหลินลอยผ่านดวงดาวไปด้วยสายตาเย็นชา

ระหว่างทาง หวังหลินไม่ได้พักลงสักแห่งเลย หนึ่งเดือนถัดมาดาวหยุนเซียก็ปรากฏในสัมผัสวิญญาณซึ่งห่างออกไปไกล

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version