Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 688

Cover Renegade Immortal 1

688. ปล่อยฝุ่นกลับคืนเป็นฝุ่น ปล่อยธุลีกลับคืนเป็นเถ้าธุลี

ฮวนหวู่ฉิงเงยศีรษะขึ้นมองม่านแสงและรีบพูด “พูดมา!” หากเต๋าปิสาจสวรรค์หมื่นมายาของหลิวเหมยสมบูรณ์แบบ เขาเพียงแค่กลืนกินมัน ทว่าเต๋าของนางไม่สมบูรณ์ ดังนั้นหากนางไม่ยอมยกให้ เมื่อนั้นจะมีโอกาสมากที่เต๋าของนางจะพังทลายก่อนที่เขาจะกลืนกินได้สำเร็จ

หลิวเหมยเอ่ยขึ้นเบาๆ “สิ่งแรกคือช่วยข้าสังหารหวังหลินซะ!” สายตาจ้องมองทะลุผ่านม่านแสงไปที่หวังหลิน ดวงตาเผยร่องรอยความเกลียดชังฝังลึกซับซ้อนยิ่ง

แม้แต่ตอนนี้นางยังเกลียดหวังหลินอยู่เต็มหัวใจ ความเกลียดเช่นนี้แม้แต่นางยังรู้สึกว่าไม่เป็นความจริงอยู่เล็กน้อย แต่ในใจส่วนลึกของนางไม่อาจลืมเด็กหนุ่มที่นางเห็นเมื่อหลายร้อยปีก่อนที่สำนักเหิงยั่วได้ [สำนึกแรกที่หวังหลินเข้าร่วม]

สิ่งที่นางไม่อาจลืมได้มากกว่าคือความอ่อนละมุนของหวังหลินต่อลี่มู่หวาน

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในสุสานซูซาคุทำให้ความกลียดของนางเกิดขึ้นจริงๆ หลังจากออกมาจากดาวซูซาคุและพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ นางยิ่งเกลียดมากยิ่งขึ้น

แต่ว่า เขตแดนหมื่นมายาไร้ปราณีทำให้นางไม่อาจบอกได้ว่าสิ่งไหนคือเรื่องที่แท้จริงของตนเอง

ท้ายที่สุด ความไร้ปราณีและความอ่อนไหวยังคงอยู่ในความรู้สึก ทั้งสองอย่างแตกต่างกันน้อยมากแต่กลับห่างกันราวกับโลกคนละใบ

อารมณ์ที่ซับซ้อนที่เกิดขึ้นนี้ทำให้นางไม่อาจบอกได้ว่าอะไรคือความเป็นจริง เวลาส่วนใหญ่นางจะรู้สึกถึงอารมณ์ความซับซ้อนที่รุนแรงโดยเฉพาะตอนที่มองหน้าลูกของตนเอง

บรรพชนตระกูลฮวนกล่าวอย่างแน่วแน่โดยไม่มีความลังเล “ก็ได้ ข้าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้เจ้าบรรลุข้อตกลงนี้!”

“เรื่องที่สอง…หากท่านฆ่าหวังหลินไม่ได้ เช่นนั้นเพียง…ส่งกระเป๋าใบนี้ให้เขา!” หลิวเหมยนำกระเป๋าใบหนึ่งออกมาจากหน้าอก นางมองกระเป๋าใบนั้นอย่างอ่อนละมุน

บรรพชนตระกูลฮวนขมวดคิ้วแต่ยังพยักหน้า

เจ้าเศษมารควบคุมร่างกายหวังหลินและชกกำปั้นอย่างต่อเนื่องลงบนม่านแสง ขณะที่เกิดระลอกคลื่นและรอยร้าวบนม่านแสง เสียงหัวเราะของมันก็ยิ่งดังขึ้นและตะโกน “แตกสลายไปซะ!”

หลังสิ้นคำพูด เสียงกระจกแตกและเกิดรอยร้าวดังขึ้นมาแต่เสียงนั้นกลับขยายออกไปอีกหลายพันเท่า ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน วิชาป้องกันสุดท้ายที่บรรพชนเทพของตระกูลฮวนทิ้งไว้ให้ในที่สุดก็พังทลาย!

เมื่อเจ้าเศษมารเข้ามาใกล้ มันส่งปราณปิศาจจำนวนมหึมาให้กระจายไปทั่วดวงดาว ภายในปราณปิศาจนั้นหวังหลินสามารถเห็นหลิวเหมยกำลังนั่งอยู่บนพื้นโดยที่บรรพชนตระกูลฮวนอยู่เบื้องหลังของนาง บรรพชนตระกูลฮวนหลับตาและแตะฝ่ามืออยู่บนหน้าผากหลิวเหมย ทั้งยังปลดปล่อยกลิ่นอายประหลาด

“เอ๊ะ?” เจ้าเศษมารตกตะลึง ชั่วขณะนั้นบรรพชนตระกูลฮวนพลันลืมตาขึ้น แววตาสีเทากระพริบวาบ เขาลอยตัวขึ้นกลางอากาศ ทั้งร่างราวกับควันและให้ความรู้สึกราวกับภาพมายา

เจ้าเศษมารมองอย่างตั้งอกตั้งใจ “เด็กน้อย วิธีฝึกฝนของเจ้าดีเยี่ยม ทั้งยังมีการฝึกแบบของมารโบราณอยู่เล็กน้อยจริงๆ!”

สายตาหวังหลินไม่ได้ตกลงบนบรรพชนตระกูลฮวนแต่ตกลงบนหลิวเหมย ดวงตาของนางปิดสนิทและกลิ่นอายของนาง…หายไปอย่างสิ้นเชิง

เขาไม่รู้ว่ากำลังรู้สึกอะไร หวังหลินจึงยังไม่ถอนสัมผัสวิญญาณออกมา

บรรพชนตระกูลฮวนราวกับควันที่กำลังควบแน่นอยู่กลางอากาศ แสงสีเทาในแววตายิ่งรุนแรง เขาสูดหายใจลึกและมองเจ้าเศษมารที่กำลังควบคุมร่างหวังหลินอย่างใจเย็น “ข้ามีวิชาเดียวเท่านั้น เจ้ากล้ารับมันไหม?”

เจ้าเศษมารหัวเราะ “แสดงมาให้ข้าเห็น!”

บรรพชนตระกูลฮวนหลับตา เขาดูดซับเขตแดนของหลิวเหมยและฟื้นฟูพลังปราณสวรรค์ที่ส่งให้นางไป แม้ว่าจะไม่ได้ฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์เมื่อก่อนหน้านี้ แต่มันก็ไม่แตกต่างมากนัก

ทว่าเขายังไม่มั่นใจในการเผชิญหน้ากับเจ้าเศษมารที่ผสานร่างกับหวังหลิน แม้เขาอยากจะหนีก็ไม่อาจหนีจากวิชาของมารร้ายตนนี้ได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงฝากความหวังทั้งหมดไว้กับร่องรอยเต๋าปิศาจสวรรค์ในร่าง

หลังจากกำลังกลืนกินเขตแดนของหลิวเหมยและหลอมรวมมันด้วยตนเอง ในที่สุดเขาก็สร้างร่องรอยเต๋าปิศาจสวรรค์ไร้ลักษณ์ขึ้นมาได้แต่มันก็ยังน้อยเกินไป

บรรพชนตระกูลฮวนหลับตาพร้อมกับมีกล่นอายประหลาดออกมา เขาเผยท่าทางเจ็บปวดและร่างกายแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวเขาก็ดูเหมือนกลายเป็นโครงกระดูกไปแล้ว

หลังจากนั้นไม่นานแม้กระทั่งกระดูกของเขาก็ละลายและเลือนหายไปอย่างสมบูรณ์ จนท้ายที่สุดบรรพชนตระกูลฮวนก็หายไป ทิ้งไว้แต่เพียงกระเป๋าใบหนึ่ง แต่เพราะเต๋าของบรรพชนตระกูลฮวนไม่ได้กระจายหายไป มันจึงตกลงบนพื้น

ขณะที่ร่างกายเขาเลือนหายไป เวลาเดียวกันกลุ่มก้อนควันสีเทาหนาแน่นก็กระจายออกมา

ในนั้นมีวิญญาณดั้งเดิมของบรรพชนตระกูลฮวนอยู่ด้วย!

ควันสีเทาหมุนปั่นราวกับก้นหอยและเข้าสู่วิญญาณดั้งเดิมของเขาทำให้มันค่อยๆโปร่งใสขึ้นเรื่อยย ในที่สุดราวกับวิญญาณเขากำลังจะเลือนหายไปแต่ขณะเดียวกันก็เกิดความรู้สึกวิกฤตทรงพลังขึ้นในใจหวังหลิน

แต่ว่าเจ้าเศษมารมองอย่างสนใจ “วิชานี้น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ!”

เต๋าปิศาจสวรรค์ไร้ลักษณ์ที่แท้จริงคือการกลายเป็นปิศาจสวรรค์ไร้ลักษณ์อย่างสมบูรณ์ ทุกชีวิตในโลกสามารถกลายเป็นปิสาจและไร้ตัวตน สะสมเจตนาชั่วร้ายของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดและผสานเข้ากับเต๋าปิศาจสวรรค์ไร้ลักษณ์จึงจะทำให้คนผู้นั้นกลายเป็นปิศาจสวรรค์ได้อย่างอิสระ!

ร่างกายของบรรพชนตระกูลฮวนหายไปและวิญญาณของเขาเปลี่ยนไปเป็นความว่างเปล่า พริบตานั้นปรากฏภาพมายานับไม่ถ้วนออกมาจากทุกทิศทาง คลื่นกลิ่นอายน่ากลัวออกมาจากภาพมายาเหล่านั้น แต่ละภาพไม่อ่อนแอไปกว่าเซียนขั้นหยินหยางเลย บางส่วนถึงกับทรงพลังมากด้วยซ้ำ

วิชาเต๋าปิศาจสวรรค์ไร้ลักษณ์นับว่าน่าตกใจอย่างยิ่งและมันยังไม่ได้แสดงพลังที่แท้จริงออกมาเลย นี่เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น

อย่างไรก็ตามในชั่วจังหวะนี้เอง กลุ่มก้อนควันสีดำหนึ่งพลันออกมาจากศีรษะหวังหลิน เจ้าปิศาจพุ่งออกมาจากร่างกายหวังหลินและกระโจนออกไปพร้อมกับเสียงหัวเราะเริงร่า ในเวลาเดียวกันมันก็อ้าปากและเริ่มดูดกลืน พริบตาเดียวเท่านั้นภาพมายาส่วนใหญ่ก็ถูกมันกลืนกิน

“สารอาหารชั้นดี! เจ้าเด็กน้อยรสชาติเหมาะกับข้าเสียจริงๆ เจ้ารู้ใช่ไหมว่านำอะไรมาให้ข้า หากไม่ช่เพราะข้าสัญญาไว้แล้ว ข้าคงไม่อยากฆ่าเจ้าจริงๆ!” เจ้าเศษมารหัวเราะและดูดกลืนเข้าปากอีกคำ

เมื่อไร้เจ้าเศษมาร หวังหลินจึงกลับมาควบคุมร่างกายได้ เขามาถึงพื้นในพริบตาและยืนอยู่ตรงหน้าหลิวเหมย

หลิวเหมยหลับตาสนิทและไม่มีพลังชีวิตทิ้งไว้ในร่าง นางบ่มเพาะบรรลุขั้นเทวะแล้ว นั่นหมายความว่าวิญญาณดั้งเดิมและเขตแดนได้หลอมรวมกัน การกลืนกินเขตแดนของนางหมายถึงกลืนกินวิญญาณของนางไปด้วย

อีกด้านหนึ่ง ขณะที่เจ้าเศษมารกลืนกินอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดภาพมายาทั้งหมดก็หายไป กลางอากาศปรากฏบรรพชนตระกูลฮวนที่เกือบเป็นภาพลวงตาควบแน่นขึ้นอีกและมีใบหน้าขมขื่น

เขามีเต๋าปิศาจสวรรค์ไร้ลักษณ์เพียงแค่เศษเสี้ยวเท่านั้น หากเขตแดนของหลิวเหมยสมบูรณ์เขาคงได้กลายเป็นปิศาจสวรรค์ไร้ลักษณ์ที่แท้จริงและไม่ต้องกลายเป็นสารอาหารให้เจ้าเศษมารตนนี้

หลังจากถอนหายใจออกมา ร่างกายบรรชนตระกูลฮวนก็เคลื่อนไหวและเตรียมการหลบหนี

เจ้าเศษมารหัวเราะและกระจายปราณปิศาจออกมา บรรพชนตระกูลฮวนถูกห่อหุ้มไว้ข้างในและถูกเจ้าเศษมารกลืนกินไปแล้ว

“ตุ๊กตาน้อยหวังหลิน ข้าได้ทำตามสัญญาแล้ว!” เจ้าเศษมารหันกลับมามองหวังหลินอย่างมืดมน จากนั้นก้าวมาหาความว่างเปล่าและเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย

รอบด้านต่างเงียบสนิท สมาชิกตระกูลฮวนทุกคนไม่มีใครเอ่ยปาก ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ต่างทำให้พวกเขาตกตะลึงมหาศาลและทำให้เคารพหวังหลินอย่างลึกซึ้ง

หวังหลินมองหลิวเหมยด้วยความสงบนิ่ง เขาไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นมาอยู่พักใหญ่

ฮวนเฟิงเฉินลังเลเล็กน้อยก่อนจะก้าวมาข้างหน้าและเอ่ยขึ้น “สหายเซียน ก่อนที่หลิวเหมยจะจากไป นางทำข้อตกลงกับ…ฮวนหวู่ฉิง หากเขาไม่สามารถฆ่าท่านได้ เขาต้องส่งประเป๋าใบหนึ่งให้ท่าน”

หวังหลินเงยศีรษะขึ้นและสายตาจ้องไปบนกระเป๋าที่ตกลงมาตอนที่ฮวนหวู่ฉิงสูญเสียร่างกาย หวังหลินโบกสะบัดแขนและมันก็ร่อนลงบนมือเขา

มีเม็ดยาหนึ่งเม็ดและหินหยกหนึ่งก้อน ไม่มีสิ่งอื่นอีก

เมื่อถือหินหยก หวังหลินส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปข้างใน…

“เม็ดยานี้คือยาแก้แรงอาฆาตของลูก ผสานมันเข้ากับเซียนอัสนีที่ขุ่นเคืองใจมากที่สุดจึงจะสามารถลบล้างได้…ตอนนั้นอาจารย์ได้บอกให้ข้าทิ้งเงาไว้ในจิตใจเจ้า ตอนนั้นข้าไม่อาจทำได้…แต่ตอนนี้ข้าทำได้แล้ว”

สายลมอ่อนๆพัดผ่านไป กวาดฝุ่นผงบางส่วนบนพื้น สายลมพัดผ่านบนร่างหลิวเหมย เศษส่วนรูปทรงเพชรค่อยๆหลุดออกมาจากหน้าผากหลิวเหมยและพัดพาไปกับสายลม

ในเวลาเดียวกันก็มีเศษเล็กเศษน้อยหลุดออกมาจากร่างหลิวเหมยมากขึ้นและพัดพาออกไป จนในที่สุดทั้งร่างของนางก็เปลี่ยนกลายเป็นเศษส่วนดุจผีเสื้อที่โบยบิน ทั้งหมดถูกสายลมพัดพาออกไป ไกลแสนไกล…

ราวกับร่างหลิวเหมยปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้ามองลงมาบนผืนดิน ใช้มือเล่นผมตัวเองและเผยรอยยิ้ม นางลอยขึ้นไปและลอยขึ้นไปจนกระทั่งไปถึงปลายเส้นขอบฟ้า…

หวังหลินเงยศีรษะขึ้นมองบนท้องฟ้า ไร้สิ้นเสียงใดๆ

“เหนือชีวิตและความตายคือเวรกรรม เหตุแห่งกรรมในอดีตจะส่งผลกระทบต่อเวรกรรมในวันนี้…ปล่อยฝุ่นให้กลับเป็นฝุ่น ปล่อยธุลีให้กลายเป็นธุลี ทั้งหมดเป็นแค่เศษความทรงจำแห่งอดีต เป็นความฝันตื่นหนึ่ง…” หวังหลินถอนหายใจ หันตัวกลับและจากไป

“นางตายจริงๆใช่ไหม…” ขณะที่หวังหลินจากไป เขาไม่ได้ไล่ตามคำถามนี้ ไม่ว่าหลิวเหมยจะตายจริงหรือไม่ตายก็ไม่สำคัญ ฝุ่นผงเหล่านั้นกลับคืนสู่แผ่นดินดังเดิม

แผ่นหลังของหวังหลินค่อยๆหายไปจากสายตาตระกูลฮวนจนกระทั่งเขาหายไปเหนือเส้นขอบฟ้า ที่หลงเหลือทิ้งไว้คือความทรงจำสู่รุ่นลูกรุ่นหลานของตระกูลฮวน

หวังหลินไม่ได้กวาดล้างตระกูลฮวน เขาเหนื่อยมาก เหนื่อยมากเหลือเกิน…

ที่เหนื่อยไม่ใช่ร่างกายแต่เป็นจิตใจ

เขาได้พบประสบการณ์มากเกินไประหว่างช่วงการฝึกเซียนแปดร้อยปี…

ณ ดาวรานหยุน หมู่บ้านจันทราร่วงหล่น มีตระกูลหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ตระกูลนี้ประหลาดมากเพราะมีแค่สองคนเท่านั้น หนึ่งเป็นชายหนุ่มที่ดูเยาว์วัยพร้อมกลิ่นอายโบราณ และอีกหนึ่งเป็นเด็กทารก

เวลาเดียวกันภายในดาราจักรทุกชั้นฟ้า กรีดกำลังเร่ร่อนไปรอบๆด้วยใบหน้ามืดมน บนร่างกายมีกฏเกณฑ์มากมายนัก ทุกครั้งที่คิดจะทำให้หนังศีรษะด้านชาและจิตใจเย็นเยียบ

“หวังหลินบัดซบ หากข้าไม่เจอมันเร็วๆนี้ เมื่อกฏเกณฑ์หนึ่งบนร่างกายข้ากระตุ้นขึ้น ข้าจะตายโดยไม่มีหลุมฝัง!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version