Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 689

Cover Renegade Immortal 1

689. ไม่ฝึกเซียนตลอดชีวิต

ท้องฟ้าสีฟ้าครามราวกับม้วนผ้าไหมคลี่ออกมา ก้อนเมฆสีขาวสองสามก้อนตบแต่งจนทำให้ผ้าไหมฟ้าครามดูงดงามยิ่งขึ้นถนัดตา

ใต้ภูเขาฉุยเหลียนมีแม่น้ำเล็กๆสายหนึ่งเชื่อมลงไปหลายลี้ก่อนจะเข้าสู่ธารแม่น้ำที่กว้างใหญ่ ในสถานที่แห่งนี้มีหมู่บ้านหนึ่งตั้งอยู่ ทั้งเขียวชอุ่มและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

“ตอนนั้นน้ำในแม่น้ำสายนี้ช่างหอมหวานและบางครั้งก็มีก้อนเมฆเกิดขึ้นบนยอดฉุยเหลียน หากมีคนสูดหายใจในก้อนเมฆ คงพูดได้ว่าร่างกายจะมีสุขภาพดีและไม่ปวดไข้ไปสิบปี!” เสียงเด็กหนุ่มผู้หนึ่งดังออกมาจากหมู่บ้านภายในภูเขา

เด็กหนุ่มผู้นี้อายุราวสิบสี่สิบห้าปีและดูหยาบคายมาก เขากำลังพูดคุยกับเด็กๆอายุราวเจ็ดถึงแปดขวบด้านหน้าเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อน

“ดูข้าสิ ข้าเคยป่วยไข้ไหมเล่า? นั่นเป็นเพราะพ่อข้าพาข้าขึ้นไปสูดอากาศในก้อนเมฆ รสชาตินั้น อ๊าาาา มันช่างสบายยิ่งนัก” เด็กหนุ่มภูมิใจมากพร้อมกับทำท่าทางและพูดเป็นตุเป็นตะ

เหล่าเด็กๆเจ็ดถึงแปดขวบทั้งหมดต่างเบิกตากว้างเผยท่าทางตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดถูกเรื่องราวที่เล่าไปครอบงำกันหมดและหวังว่าจะสามารถไปสูดหายใจเข้าปอดสักครั้ง

“หวังผิง นอกจากเราทั้งหมดแล้ว มีเจ้าคนเดียวที่ต้องไปสูดอากาศมากที่สุดจริงๆ โชคร้ายนักหลังจากท่านปู่สวรรค์โกรธเกรี้ยว ก้อนเมฆนั้นจึงหายไป หากมันยังอยู่ที่นี่และพ่อเจ้าพาเจ้าขึ้นไป เจ้าคงไม่เจ็บปวดไปสิบปี” สายตาเด็กหนุ่มตกลงบนเด็กน้อยคนหนึ่งในฝูงชน

เด็กน้อยคนนี้อายุราวห้าถึงหกปี ใบหน้าซีดขาวและร่างกายอ่อนแอ เขาตัวเตี้ยมากกว่าเด็กคนอื่นๆแต่ก็หล่อเหลามาก หากไม่มีภาพลักษณ์ที่ดูเจ็บป่วยออดๆแอดๆ เขาคงดูน่ารักราวกับตุ๊กตา ตอนนี้เขากำลังสวมเสื้อกันหนาว ดวงตาเต็มไปด้วยตื่นเต้น “พี่โจว เมื่อกลับบ้าน ข้าจะลองขอพ่อให้พาขึ้นไปที่นั่น”

เด็กหนุ่มหัวเราะและเอ่ยออกมา “ลุงช่างไม้หวังแกะสลักได้ดีทีเดียว แต่ก้อนเมฆบนยอดฉุยเหลียนตอนนี้มันหายไปหมดแล้ว เขาจะพาเจ้าไปได้อย่างไร? ฟังข้านะ หากพวกเจ้าทั้งหมดเรียนรู้ไปจากข้าและศึกษาวิชากระบี่ทุกวัน จะช่วยให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นและเมื่อเราเติบโตขึ้นไป เราจะสามารถเดินทางท่องยุทธภพได้”

อุดมการณ์ในอุดมคติของเด็กหนุ่มทำให้แววตาความตื่นเต้นของเด็กคนอื่นๆยิ่งมากขึ้น

ขณะเดียวกันเด็กผู้เล่าก็ตื่นเต้นไปด้วย จากนั้นมีเสียงเรียกหาหลายเสียงออกมาจากหมู่บ้าน

เด็กหนุ่มเงยศีรษะขึ้นและถอนหายใจ “เอาหละ ชุมนุมการต่อสู้ในวันนี้ได้จบลงแล้ว เมื่อเราทานอาหารเย็นเสร็จ เราจะเริ่มขึ้นอีก”

เหล่าเด็กๆกระจายตัวด้วยความเสียดาย เด็กน้อยนามว่าหวังผิงเดินไปในหมู่บ้านด้วยแววตาตื่นเต้น บางครั้งก็มองกลับไปที่ยอดฉุยเหลียน

ขณะที่เดินอยู่มีชายร่างกำยำผู้หนึ่งออกมาจากหมู่บ้าน เขาตัวโตมากและกำลังถือคราด คันธนูและลูกธนู ทั้งยังมีกวางตัวหนึ่งพาดไว้เหนือไหล่

ชายร่างกำยำเห็นเด็กชายจึงยิ้มออกมา “เด็กน้อยตระกูลหวัง เจ้ากับเด็กน้อยตระกูลข้าได้เข้าร่วมชุมนุมการต่อสู้ไหม?”

เด็กน้อยพยักหน้าอย่างอายๆและกล่าวขึ้น “คารวะ ลุงโจว”

ชายหนุ่มร่างกำยำเผยรอยยิ้มกวางขึ้น เขาลูบศีรษะเด็กน้อยและหัวเราะ “เจ้าเป็นลูกนายช่างจริงๆ ไม่เพียงแต่เจ้าหล่อกว่าแต่ยังมีมารยาทมากกว่าเด็กกลิ่นเหม็นของข้าเสียอีก เจ้ากำลังกลับบ้านใช่ไหม? ไปสิ ลุงโจวจะไปกับเจ้าด้วย ข้าจำต้องพูดคุยบางเรื่องกับพ่อเจ้า”

เด็กน้อยพยักหน้ารวดเร็วและนำทางชายร่างกำยำกลับบ้านของเขา หลังจากนั้นไม่นานนัก บ้านเรียบง่ายหลังหนึ่งปรากฏขึ้นในปลายสุดด้านเหนือของหมู่บ้าน เด็กหนุ่มวิ่งไปสองสามก้าวและตะโกน “ท่านพ่อ ลุงโจวมาหา”

ชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินออกมาจากบ้าน คนผู้นี้ดูธรรมดาและไม่มีสิ่งใดพิเศษ เทียบกับความหล่อเหลาของเด็กน้อยไม่ได้เลย เมื่อยืนด้วยกันกับลูก หลายคนคงเดาไม่ออกว่าทั้งสองเป็นพ่อลูกกัน

ชายหนุ่มสวมผ้าลินินหยาบกระด้าง ฝ่ามือเต็มไปด้วยตุ่มพอง เขาเดินออกมาจากประตูพร้อมรอยยิ้ม “พี่ใหญ่โจว การเก็บเกี่ยววันนี้ดูดีเชียวนะ”

เด็กน้อยวิ่งเข้าไปในห้องและนำขนมปังนึ่งสีขาวออกมา เขามาข้างๆชายหนุ่ม ดึงเก้าอี้ไม้ออกมานั่งลงและเริ่มกิน

ชายร่างกำยำชื่อโจว วางกวางที่พาดบนไหล่ลงไปและหัวเราะ “น้องหวัง ข้าเจอกวางตัวนี้พอดีตอนที่กำลังขึ้นไปบนภูเขา การเก็บเกี่ยวไม่แย่นัก”

ชายหนุ่มยิ้มบางเบาๆ ลูบศีรษะเด็กน้อยและหัวเราะ “ด้วยวิชาการต่อสู้ของพี่ใหญ่โจว การคว่ำกวางลงได้ไม่ใช่เรื่องยาก”

ชายร่างกำยำจากตระกูลโจวหัวเราะออกมา “น้องหวัง เด็กในตระกูลข้าไม่ใช่ตัวเล็กแล้ว อีกสองปีข้าจะสร้างบ้านให้เขาและรับลูกสะใภ้ บ้านที่กำลังจะสร้างเพียงแค่ขาดเครื่องตกแต่ง ข้าจะต้องขอให้น้องหวังช่วยเสียแล้ว”

หวังหลินยิ้ม “ไม่มีปัญหา พี่ใหญ่โจวสบายใจได้”

ชายกำยำจากตระกูลโจวหัวเราะ “ก็ได้ กวางตัวนี้ถือเป็นค่ามัดจำแล้วกัน” สิ้นคำเขาก็หันกลับและจากไป

ขณะที่จากไป เด็กน้อยกระโดดออกจากม้านั่งวิ่งแจ้นเข้าหากวางอย่างรวดเร็ว ตรวจสอบซ้ายทีขวาที

“ท่านพ่อ ลุงโจวแข็งแกร่งจริงๆ เขาสามารถล่าสัตว์ป่านี่ได้ด้วย”

ชายหนุ่มมองไปด้วยสายตาอ่อนโยนและยิ้มขึ้น “อย่าพึ่งไปดูมันตอนนี้ ผิงเอ๋อ ถึงเวลากินยาแล้ว”

เด็กน้อยถอนหายใจ เขาเงยศีรษะขึ้นมองชายหนุ่มและเอ่ยออกมา “ท่านพ่อ ยามันขมมาก…”

ชายหนุ่มออกมาจากห้องพร้อมกับถ้วยที่เต็มไปด้วยของเหลวสีขาว ของเหลวนี้ไม่มีกลิ่น เด็กน้อยขมวดคิ้วดื่มยาเข้าไป หลังจากดื่มเสร็จสิ้น ใบหน้าเล็กๆขมวดเข้าด้วยกัน รีบวิ่งไปที่ถังน้ำและดื่มน้ำตามเข้าไปอีกใหญ่ก่อนจะเป่าความขมออกจากปาก

“ท่านพ่อ เมื่อไหร่ผิงเอ๋อจะหยุดดื่มยานี้?” เด็กหน้อยมองกลับไปที่พ่อตนเอง

สองพ่อลูกคือหวังหลินและหวังผิง

หวังหลินเอ่ยเบาๆด้วยสายตาอ่อนโยน “อีกไม่นาน”

กลางดึก แสงจันทราตกกระทบผืนดินราวกับชั้นไหมสีเงินทอดยาวออกไป ความหนาวเย็นของแสงจันทร์เริ่มกระจายออกมาทำให้หมู่บ้านบนภูเขาใต้ยอดเขาฉุยเหลียนกลายเป็นเงียบสนิท

นอกจากเสียงร้องเบาๆแล้วไม่มีเสียงอื่นใด

ภายในห้อง หวังผิงหลับไหลไปเรียบร้อยแล้ว แม้ใบหน้าเล็กๆจะซีดขาวแต่ก็ถือว่าหลับกำลังดี มุมปากเผยรอยยิ้มชัดเจนว่ากำลังฝันดี

หวังหลินนั่งข้างๆหวังผิงพร้อมด้วยสายฟ้ากระพริบระหว่างคิ้ว เขายกแขนขวาขึ้นอย่างช้าๆและสายฟ้าไหลผ่านจากคิ้วเขาไปที่ปลายแขนขวา

หวังหลินประทับนแขนตัวเองลงระหว่างคิ้วของหวังหลินอย่างเบามือ สายฟ้าไหลผ่านร่างหวังผิงในทันที ควันสีดำโผล่ออกมาจากร่างเด็กน้อยและรวมไปบนผิวหนังของเขา

ควันสีดำค่อยๆหนาแน่นยิ่งขึ้นและหมุนปั่นภายใต้สายฟ้า ในที่สุดมันก็พุ่งออกจากร่างเด็กน้อยและหวังหลินรีบยกแขนขวาขึ้นจับไว้อย่างรวดเร็ว ควันสีดำทั้งหมดถูกจับเอาไว้จากนั้นควบแน่นกลายเป็นก้อนควันสีดำหนึ่งก้อน

หวังหลินกำหมัดและก้อนหมอกควันสีดำถูกบดขยี้ทันที

ใบหน้าหวังผิงขึ้นสีแดงเล็กน้อย

เมื่อมองลูกของตน หวังหลินถอนหายใจออกมา เขาโอบกอดลูกอีกครั้งและเดินออกจากห้อง

ภายในลานกว้าง แสงจันทรากระทบร่างหวังหลินจนดูโดดเดี่ยว

หวังหลินพึมพำกับตนเอง “ห้าปี…”

ห้าปีก่อนหวังหลินกลับมาที่ดาวรานหยุนและสร้างถิ่นฐานลงในหมู่บ้านจันทราร่วงหล่น เหตุผลที่เขาเลือกที่นี่เป็นเพราะหมู่บ้านนี้คล้ายกับบ้านเกิดเขาอย่างมาก

หวังผิงคือวิญญาณอาฆาตเมื่อตอนนั้น ต้องขอบคุณเม็ดยาที่หลิวเหมยทิ้งไว้ให้และด้วยการใช้วิชาสายฟ้าของหวังหลิน แรงอาฆาตส่วนใหญ่จึงหายไปทำให้เขากลายเป็นเหมือนเด็กธรรมดา

ทว่าหากเขาไม่ได้กินยาทุกวันและได้รับการรักษาจากหวังหลิน เขาจะกลับคืนเป็นแบบเดิม ขั้นตอนทั้งหมดนี้คือกระบวนการสลายแรงอาฆาตอย่างสมบูรณ์

ความทรงจำของหวังผิงถูกหวังหลินชำระให้สะอาดและได้รับชีวิตใหม่

ในหมู่บ้านนี้เงียบสงบ จิตใจหวังหลินก็สงบลงไปด้วย เขาห่างไกลจากการเข่นฆ่าและการต่อสู้ มีเพียงชีวิตที่สงบนิ่งดุจสายน้ำเท่านั้น

ชีวิตชองหวังหลินมั่นคงอย่างมาก

เขามีชีวิตเหมือนพ่อตัวเองและอยู่รอดด้วยการเป็นช่างไม้ มันคือความต้องการของพ่อเขา หากหวังหลินไม่ผ่านการสอบขุนนาง เขาจะกลายเป็นช่างไม้และตามรอยเท้าพ่อของตนเอง

มีเครื่องไม้เครื่องมือมากมายในลานบ้าน เป็นภาพเหมือนช่วงเวลาห้าปีที่อยู่ที่นี่

ทุกครั้งที่เขาเห็นหวังผิงออกไปเล่นกับเด็กๆ หวังหลินจะคิดถึงตอนที่เขาอายุเท่ากับลูก เขาคงทำเหมือนกันและไม่กลับบ้านมาจนกว่าจะถึงเวลากินข้าว

ภายใต้แสงจันทรา รอยเท้าหลายรอยออกมาจากด้านนอกลานกว้าง ร่างหนึ่งยืนส่ายไปมาค่อยๆปรากฏขึ้น

“ลูกหลับอยู่หรือ?” เสียงชราหนึ่งดังขึ้นและจากนั้นมีร่างหลังค่อมเล็กน้อยเดินเข้ามาในลานของบ้าน

หวังหลินพยักหน้าเล็กๆแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้น

เมื่อร่างชราเข้ามาในลาน แสงจันทราส่องกระทบบนร่างเขา คนผู้นี้คือซุนไท่

ซุนไท่ดูแก่ชรามากขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น หลังจากหวังหลินอยู่ที่นี่มาสามปี ซุนไท่ก็มาหา เขาเหมือนกับชายโดดเดี่ยวที่ไม่ต้องการอยู่คนเดียวตอนที่จะจากโลกนี้ไป

ซุนไท่มองไปที่บ้านด้วยสายตาเป็นมิตร เขาไม่รู้ว่าทำไมแต่กลับรักเด็กที่ชื่อหวังผิงอย่างมาก

ซุนไท่ถอนสายตาและเอ่ยขึ้นช้าๆ “เจ้าตั้งใจจะอยู่กับเด็กคนนี้ไปนานแค่ไหน?” กลิ่นอายแห่งความตายบนร่างเขายิ่งรุนแรงขึ้น

หวังหลินครุ่นคิดอยู่นานอย่างเงียบๆก่อนจะมองไปยังพระจันทร์บนฟ้าและเอ่ยเบาๆ “หนึ่งวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่…”

“วัฏจักรแห่งการเกิดใหม่…” ซุนไท่ถอนหายใจ “เจ้าไม่ต้องการให้เขากลายเป็นเซียนหรือ? ด้วยระดับบ่มเพาะของเจ้า เจ้าสามารถทำให้เด็กคนนี้มีเส้นทางที่ง่ายต่อการฝึกเซียน เขาได้เปรียบมากกว่าลูกหลานสายตรงของตระกูลเซียนเสียอีก”

หวังหลินเผยแววตาหดหู่และเอ่ยขึ้น “ข้าจะไม่ปล่อยให้ชีวิตเขาฝึกเซียน!”

ซุนไท่ขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยออกมา “พรสวรรค์ของเด็กคนนี้เยี่ยมมาก…”

“ข้าจะไม่ปล่อยให้เขาฝึกเซียน!” สายตาหวังหลินตกลงบนซุนไท่และเอ่ยขึ้นอีก “ตลอดชีวิต!”

หวังลินถามกับตัวเอง “ฝึกฝน ฝึกฝน จุดจบของการฝึกฝนอยูที่ไหน?” ทั้งชีวิตของเขาไม่มีความสุขและเป็นถนนที่โดดเดี่ยว เขาไม่ได้ต้องการให้ลูกของตนต้องมาเจอแบบนี้

ความโหดร้ายของโลกแห่งเซียน โลกแห่งการเข่นฆ่าและอันตราย เขาเข้าใจเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างดี

“ผิงเอ๋อพบเจอประสบการณ์หลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ควรเจอมาแล้ว ข้าตั้งชื่อเขาว่าหวังผิงด้วยความหวังว่าชีวิตเขาจะสงบสุขและปลอดภัย ข้าหวังจะให้เขาเป็นคนธรรมดาที่จะแต่งงานและมีลูก ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ…ตั้งแต่วันนี้ไปอย่าพูดเรื่องการฝึกเซียนอีก!” น้ำเสียงหวังหลินเต็มไปด้วยความตัดสินใจ มันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงและไม่อาจเปลี่ยนได้!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version