Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 714

Cover Renegade Immortal 1

714. อสรพิษตื่น!

ณ ดาวหยุนเซีย หวังหลินกำลังนั่งสมาธิ ดวงตาเปล่งประกาย พลังอำนาจของแมน้ำอเวจีกำลังปกคลุมกระดูกทั้งสองส่วน ตอนนี้สองส่วนนั้นกำลังเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต ตามมาด้วยแสงทีทองระเบิดออกมาเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ไม่ใช่เพียงแค่ส่วนเดียวแต่เป็นทั้งกระดูกที่กำลังสั่น

ดุจมือยักษ์กำลังกุมกระดูกสันหลังเอาไว้และสั่นมันอย่างรุนแรงจึงทำให้ทั้งร่างสั่นเทา

อสรพิษพิฆาตจันทร์เป็นเช่นนี้ในตอนนี้

ทั้งดาวเคราะห์สั่นสะเทือนเบาๆ พื้นที่รอบตัวหวังหลินถูกสั่นรุนแรงแต่ร่างกายหวังหลินยึดไว้กับด้านล่างจึงไม่ไหวติงใดๆ

ความเจ็บปวดมหาศาลกระจายผ่านอสรพิษตัวยักษ์นี้แต่เนื่องจากผลลัพธ์ของผลทะยานสวรรค์ ความเจ็บปวดจึงทื่อลงไปมาก ดังนั้นความเจ็บปวดนี้จึงถูกเปลี่ยนกลายเป็นสัมผัสความตื่นเต้นอันเข้มข้น

หมอกสีแดงหลั่งไหลออกมาจากหนวดนับไม่ถ้วนปกคลุมดวงดาว หนวดพวกนั้นสั่นสะท้านรุนแรงและส่งเสียงคำรามอู้อี้ออกมาจากดาวเคราะห์

เส้นหนวดทั้งหมดบนพื้นผิวดินที่ยื่นออกมาราวกับบ้าคลั่ง เพิ่มความหยาวของมันหลายเท่าจากของเดิมพันฟุต หากมองจากนอกอวกาศจะดูเหมือนเม่นทะเลยักษ์!

ลึกเข้าในดาวหยุนเซีย แววตาหวังหลินเปล่งประกายมากกว่าเดิม พลังดึงดูดไร้ที่สิ้นสุดออกมาจากแขนและกระจายออกไปทั้งสองส่วนของกระดูก พลังดึงดูดนี้ดุจกับมีดแหลมเจาะกระดูกในร่างอสรพิษพิฆาจันทร์

ระหว่างกระบวนการนี้ อสรพิษยักษ์สั่นสะท้านรุนแรงมากยิ่งขึ้น รอยร้าวนับไม่ถ้วนปรากฏบนพื้นผิวดวงดาว และหนวดยื่นออกมาไกลมากขึ้นยิ่งกว่า ในเวลาเดียวกันพื้นหินดินทรายจำนวนมากก็หลุดออกจากอสรพิษ หากมองจากท้องฟ้าจะเห็นได้ว่าพื้นหินดินทรายพวกนี้หลุดออกไปจากดาวเคราะห์และเข้าสู่อวกาศ

อย่างไรก็ตามหากมองจากอวกาศ จะเห็นมวลก้อนพื้นดินนับไม่ถ้วนหลุดออกมาจากดาวหยุนเซียและค่อยๆลอยอยู่ระหว่างทาง

ราวกับไข่ถูกกระเทาะจนเกิดรอยร้าวและหลุดออกมาอย่างรวดเร็ว

ขณะนั้นกลิ่นอายโบราณก็ออกมาจากดวงดาว ราวกับอสูรดุร้ายที่หลับไหลมานานหลายปีค่อยๆตื่นขึ้น

การสั่นสะเทือนมากขึ้นและมากขึ้นและมีหมอกสีแดงออกมาจากหนวดมากขึ้น การผสมปนเปของหมอกสีแดงและหมอกด้านนอกดูเหมือนจะก่อเกิดเป็นรังไหมหนาแน่น

ในดาวหยุนเซีย แววตาหวังหลินเปล่งประกายเจิดจ้า พื้นดินสั่นเทารุนแรงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ สัมผัสวิกฤตเข้มข้นออกมาใส่เขาจากทุกทิศทาง

หวังหลินยืนขึ้นทันทีและเคลื่อนไหวรวดเร็วดุจแสงไฟ ดวงตาแฝงอำนาจแห่งสายฟ้า เคลื่อนมาถึงฝั่งซ้ายของกระดูกทันที สองฝ่ามือคว้าไปบนกระดูกและตะโกน “ยกขึ้น!”

เสียงคำรามดุสายฟ้าดังสนั่นกระจายออกจากพลังงานของหวังหลินได้เปลี่ยนเป็นพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ เส้นเลือดบนแขนปูดพอง ปราณสวรรค์ที่โคจรอยู่กระทั่งเกิดสัญลักษณ์รูนกระพริบวาบ

แขนสองข้างจับไปที่กระดูกฝั่งซ้ายอย่างแน่นหนา ดวงตาเผยร่องรอยความบ้าคลั่งออกมาแต่ภายในส่วนลึกนั้นกลับเป็นความสงบนิ่งเยือกเย็นขั้นสุด

“ขึ้นมาให้ข้าซะดีดี!” หวังหลินตะโกนอีกครั้งและดึงขึ้นมาด้วยสองแขน พื้นดินสั่นรุนแรงยิ่งกว่าเดิมและเกิดเสียงคำรามเจ็บปวดออกมาผ่านชั้นปฐพี ทว่าเนื่องจากผลทะยานสวรรค์ อสรพิษตัวยักษ์จึงยังไม่อาจรู้ได้แน่ว่าความรู้สึกนี้เป็นอะไร

พื้นดินสั่นรุนแรงขึ้นอีก ร่างหวังหลินเกร็งขึ้นและดึงอีกครั้ง เขาได้ทำให้กระดูกครึ่งส่วนสนี้เคลื่อนขึ้นมาได้สามนิ้ว

ตราบใดที่สามารถขยับขึ้นมาได้ แม้แต่เพียงหนึ่งนิ้วก็สำคัญ! หวังหลินกระตุ้นพลังปราณสวรรค์ในร่างทั้งหมดโดยไม่ลังเลและดึงกระดูกขึ้นมา เสียงดังสนั่นออกมาจากพื้นดินไม่มีที่สิ้นสุดโดยที่กระดูกยาวหลายลี้ค่อยๆถูกหวังหลินลากออกมา

เจ็ดนิ้ว…สิบนิ้ว…สามฟุต…หกฟุต…สิบฟุต…ร้อยฟุต….

เสียงเสียดทานเพียงพอจะทำให้วิญญาณสั่นไหว หวังหลินเริ่มดึงกระดูกครึ่งส่วนนี้ออกมาได้เร็วขึ้นและเร็วขึ้น

หวังหลินใบหน้าโหดเหี้ยม ปราณสวรรค์ในร่างพวยพุ่งอย่างบ้างคลั่ง หากเขาไม่ได้บรรลุขั้นเทวะระดับปลาย ร่างกายคงไม่สามารถทนต่อการใช้ปราณสวรรค์เช่นนี้ได้

ทุกครั้งที่ปราณสวรรค์โคจรหนึ่งรอบ ความแข็งแกร่งของหวังหลินจะเพิ่มขึ้นมหาศาล เวลาเป็นสิ่งสำคัญและอันตรายจะเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าทุกวินาทีที่เขาอยู่ที่นี่ ดวงตาหวังหลินสีแดงโลหิตพร้อมกับส่งเสียงคำรามมาอีก

ความแข็งแกร่งที่บรรลุถึงขีดสุด!

เสียงดังสนั่นกึกก้องพร้อมกับหวังหลินพุ่งขึ้นสู่ผิวดินด้วยกระดูกส่วนนี้ หวังหลินส่งองครักษ์เทพไปทันทีให้พุ่งเข้าหากระดูกอีกส่วน

เปรียบเทียบกันแล้ว องครักษ์เทพซึ่งเป็นขั้นมายาหยินและฝึกฝนกรรมวิธีคล้ายเทพโบราณกลับแข็งแกร่งมากกว่าหวังหลินมากมาย มันมาถึงข้างกระดูกในพริบตาและคว้ากระดูกด้วยสองแขน จากนั้นองครักษ์เทพก็ดึงกระดูกอีกส่วนขึ้นมา พื้นดินสั่นเทามากยิ่งขึ้น

เสียงดังสนั่นดุจสายฟ้านับไม่ถ้วนกำลังตกลงมา ขณะที่องครักษ์เทพถือกระดูกขึ้นมา ร่างของมันส่องประกายสีทองอมแดง ลากกระดูกขึ้นและตามหลังหวังหลินไปติดๆ

หวังหลินและองครักษ์เทพลากกระดูกคนละหนึ่งส่วน พุ่งผ่านพื้นดินก่อนจะมุ่งตรงไปที่พิ้นผิว

ความเร็วแต่ละคนถือว่าเร็วมาก หวังหลินใช้ความเร็วสูงสุดโดยไม่ลังเล คราแรกเขาไม่ได้เร็วขนาดนี้แต่เมื่อมีแรงผลักเข้ามาจึงเร็วขึ้นและเร็วขึ้น!

อสรพิษพิฆาตจันทร์ร้องคำรามดังขึ้นจนพื้นดินสั่นเทา หนวดมากมายปลดปล่อยหมอกสีแดงและภายใต้แรงกระตุ้นความเจ็บปวดนี้ อสรพิษพิฆาตจันทร์ได้เปลี่ยนกลายเป็นร่างที่สามอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณผลทะยานสวรรค์ กระบวนการเปลี่ยนแปลงจึงช้าลงมาก อสรพิษพิฆาตจันทร์ไม่สามารถบอกได้ว่าความเจ็บปวดรุนแรงนี้ออกมาจากตรงไหน

นอกจากนั้นแล้วร่างกายของมันยังใหญ่เกินไป! มันเพียงแค่ค่อยๆตื่นทั้งยังอยู่ในสภาวะง่วงนอน ซึ่งทำให้ผลทะยานสวรรค์ยิ่งมีผลลัพธ์มากไปอีก

หวังหลินพุ่งตัวออกมา แววตาบ้าคลั่งรุนแรง เขากระชากกระดูกออกมาจากใต้พื้นดินอย่างโหดเหี้ยม

เสียงดังสนั่นจนทำให้พื้นดินสั่นเทามากไปอีก เสียงกระดูกเสียดสีกับพื้นดินเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนปวดศีรษะ

กระดูกครึ่งส่วนยังนับว่าใหญ่เกินไปและยืดตรงหลายลี้ราวกับเทือกเขา มองไกลๆเหมือนกับมังกรไฟสีทองตัวยักษ์!

ของชิ้นนี้ใหญ่เกินกว่าจะเก็บเข้าไปในกระเป๋า ดังนั้นหวังหลินจึงต้องลากกระดูกออกมาพร้อมกับพุ่งตัวขึ้นบนท้องฟ้า

ร่างเขาไม่สำคัญอะไรอะไรเลยเมื่อเทียบกับกระดูกยักษ์ชิ้นนี้ หากไม่ได้มองอย่างละเอียดคงไม่สามารถหาเขาเจอ

ขณะนั้นพื้นดินสั่นไหวอีกครั้งพร้อมกับองครักษ์เทพพุ่งตัวออกมา มันถือกระดูกอีกส่วนหนึ่งออกมาด้วยและตามหลังหวังหลิน

พุ่งตัวไป!

ดวงตาหวังหลินแดงฉาน โคจรพลังปราณสวรรค์ในร่างกายเกินกว่าขีดจำกัดแล้ว พลังปราณสวรรค์บางส่วนรั่วไหลออกมาทำให้เขาได้รับความเจ็บปวดมหาศษล ทว่าเมื่อเทียบกับการได้รับกระดูกอสรพิษพิฆาตจันทร์ ความเจ็บปวดนี้นับว่าคุ้มค่า

หวังหลินรู้ตัวว่าเขาต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็ว เพราะหากช้าแม้เพียงเล็กน้อย ทุกสิ่งทุกอย่างจะสูญสิ้นและแม้กระทั่งเสียชีวิตที่นี่

เขาไม่เชื่อว่าเจ้าอสรพิษพิฆาตจันทร์จะมีความคิดใดที่จะปล่อยสิ่งมีชีวิตที่เอากระดูกของมันหนีไป เมื่อหวังหลินถูกกลืนกิน เขาคงจะตายโดยไม่มีข้อสงสัย!

แม้ว่าหนวดพวกนั้นอยากจะโอบรัดเขา แต่เนื่องจากผลกระทบของผลทะยานสวรรค์ การเคลื่อนไหวของพวกมันจึงช้าลง ทว่ากระดูกเหล่านี้ใหญ่เกินไป แม้พวกมันจะช้าลงแล้ว หนวดหลายเส้นยังห่อหุ้มรอบกระดูกได้

หวังหลินนำธงกฏเกณฑ์ออกมาจากกระเป๋าโดยไม่ลังเล สายตาเผยสัญญาณเจ็บปวดแต่นี่ไม่ใช่เวลามากังวลเรื่องนั้น เขาสร้างผนึกและชี้ไปที่ธงกฏเกณฑ์

ธงกฏเกณฑ์สั่นเทาและดูเหมือนมันจะร้องไห้อย่างเศร้าๆ มันอยู่กับหวังหลินมานานหลายปีและถูกปรับแต่งมามากกว่าร้อยปีจนทำให้เกิดสติปัญญาขึ้นมา

เสียงร้องแห่งความเศร้าแฝงความเด็ดขาด ธงกฏเกณฑ์พังทลาย กฏเกณฑ์นับไม่ถ้วนรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นอุกาบาตสีดำ มีเพลิงกำลังไหม้อยู่ข้างในพร้อมกับพุ่งเข้าใส่หนวดที่ห่อหุ้มกระดูกเหล่านั้น

การทำลายตัวเองของธงกฏเกณฑ์ได้แลกเปลี่ยนเป็นพลังอำนาจทรงพลัง ณ ตอนนี้ที่กฏเกณฑ์ขนาดใหญ่ปรากฏ กฏเกณฑ์นี้ยังมีจิตวิญญาณอยู่ด้วย!

จิตวิญญาณถูกสร้างขึ้นมาเนื่องจากหวังหลิน และมันดับสลายไปก็เพื่อหวังหลิน!

เนื่องเพราะกฏเกณฑ์ขนาดใหญ่นี้มีจิตวิญญาณด้วย มันจึงปลดปล่อยพลังมหาศาลไร้ขีดจำกัด เมื่อตกลงไปบนหนวดจำนวนมากเหล่านั้นจึงทำให้พวกมันช้าลงทันที

อสรพิษพิฆาตจันทร์แข็งแกร่งเกินไป แม้แต่การทำลายธงกฏเกณฑ์ก็ไม่สามารถตัดหนวดออกไปได้ ทำได้เพียงให้พวกมันชะลอออกไปชั่วขณะเท่านั้น!

หวังหลินลอบถอนหายใจ แต่ก็ดึงกระดูกขึ้นมาโหดเหี้ยมโดยไม่ลังเล กระดูกที่พันกันยุ่งเหยิงถูกหวังหลินดึงขึ้นมาและพุ่งเข้าหาหมอกกลางท้องฟ้า

ส่วนกระดูกอีกส่วนที่องครักษ์เทพดึงขึ้นมาก็ถูกพันกันยุ่งเช่นกัน ทว่าด้วยการทำลายล้างของธงกฏเกณฑ์มันจึงถูกดึงให้เป็นอิสระไปด้วย และองครักษ์ไล่ตามหลังหวังหลิน ตราบใดที่พวกเขาสามารถผ่านชั้นหมอกนี้ไปได้ พวกเขาก็จะอยู่ในอวกาศ!

ทว่าในชั่วขณะนั้นการสั่นสะเทือนในพื้นดินก็ถึงจุดสูงสุดและเกิดช่องว่างขนาดใหญ่ขึ้นราวกับปากขนาดยักษ์ มันร้องคำรามสั่นสะเทือนฟ้าดินออกมาด้วย

ร่างหวังหลินสั่นสะท้าน พลังปราณในร่างกายทั้งหมดพังทลาย ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและกระอักโลหิตคำโต

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version