Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 742

Cover Renegade Immortal 1

742. ดอกบัวปิศาจ

แดนสวรรค์อัสนีกว้างใหญ่มากกว่าแดนสวรรค์พิรุณอยู่มากโข พูดให้ถูกก็คือแดนสวรรค์อัสนีถูกปกปักษ์รักษาไว้ดีกว่าแดนสวรรค์พิรุณ ณ ปลายขอบของเศษส่วนในแดนสวรรค์ มีภูเขาลูกหนึ่งปลดปล่อยสายฟ้าออกมาอย่างต่อเนื่อง

สายฟ้าปะทุออกมาราวกับอสรพิษสีเงินเคลื่อนผ่านภูเขา ใครก็ตามที่เห็นสิ่งนี้คงรู้สึกตกใจ

ท้องฟ้ามืดมิด สายฟ้าตกลงมาบนภูเขาเป็นครั้งคราว ราวกับท้องฟ้าและภูเขาเชื่อมต่อกัน เสียงดังสนั่นกึกก้องอย่างต่อเนื่องและไม่มีท่าทีจะหายไปเป็นเวลาพักใหญ่

ถ้ำแห่งหนึ่งอยู่ใจกลางภูเขา หวังหลินนั่งสมาธิอยู่ในถ้ำและฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ

องครักษ์เทพบ่มเพาะอยู่ตรงทางเข้าพร้อมกับฟื้นฟูตัวเองไปด้วยเช่นเดียวกัน

ณ วันนี้หวังหลินลืมตาขึ้น ปลดปล่อยแสงกระพริบสีทอง เบื้องหน้าเขาเป็นเศษชิ้นส่วนที่แตกต่างกันสิบชิ้น พวกมันลอยขึ้นไปกลางอากาศราวกับมีมือยักษ์ถือเอาไว้

หวังหลินเริ่มครุ่นคิด เขาไม่เคยเห็นว่าอุปกรณ์ต้นกำเนิดจากแดนสวรรค์อัสนีนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เขาเดาว่ามีโอกาสถึงเจ็ดส่วนที่เศษชิ้นส่วนนี้คืออุปกรณ์ต้นกำเนิด

หวังหลินยกแขนขึ้นมาคว้าเศษไปหนึ่งชิ้น หลังจากตรวจสอบมันอย่างละเอียดเขาจึงวางมันลงและหยิบอีกชิ้นออกมา หวังหลินสลักทุกชิ้นส่วนในใจและหลับตาลง

หวังหลินเริ่มสรุปได้แม่นยำมากขึ้นจากการรวมพวกมันในความคิด

หนึ่งชั่วโมงถัดมาหวังหลินลืมตาขึ้น เขาขมวดคิ้วมองไปที่เศษชิ้นส่วนเบื้องหน้า

“เศษชิ้นส่วนพวกนี้ไม่อาจสร้างสมบัติวิเศษที่สมบูรณ์ได้ มีอีกหลายชิ้นส่วนขาดหายไป” หลังจากขบคิดชั่วครู่ หวังหลินยกแขนขึ้นมา เศษชิ้นส่วนถูกพลังปราณสวรรค์ล้อมรอบและเริ่มเคลื่อนไหว พวกมันเชื่อมต่อเข้าด้วยกันก่อรูปเป็นแจกัน

ระหว่างชิ้นส่วนแต่ละชิ้นมีรอยร้าวดุจรอยตำหนิซึ่งทำให้มันส่งสัมผัสสวยงามที่ไม่สมบูรณ์แบบออกมา นอกจากนี้อีกด้านหนึ่งของแจกันมีเศษชิ้นส่วนที่ขาดหายไปหลายชิ้นซึ่งทำให้มันไม่สมบูรณ์

หวังหลินมองมันอยู่สักพัก พลันโบกแขนและชิ้นส่วนแยกกันอีกครั้งจากนั้นเก็บกลับใส่เข้าไปในกระเป๋า

“ซิ่วเฟิงหานคนนั้นเป็นเซียนขั้นมายาหยิน ทำไมถึงไม่มีกระเป๋า…” หวังหลินงุนงงหลังจากเขาฆ่าซิ่วเฟิงหานไปได้

หลังจากซิ่วเฟิงหานตาย ร่างกายเขาก็เลือนหายไป หวังหลินส่งสัมผัสวิญญาณออกมาและพบว่าเขาไม่ได้มีกระเป๋าทิ้งไว้เบื้องหลัง

นี่เป็นปรากฏการณ์แปลกประหลาดยิ่ง

“ระดับบ่มเพาะก็สูงส่ง แม้ไม่ได้นำสมบัติวิเศษใดมาที่แดนสวรรค์อัสนี เขาก็ควรจะมีเม็ดยาอยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นหากเขาได้รับผลประโยชน์ขึ้นมา เขาไม่สามารถถือไว้ในมือได้…” หวังหลินขมวดคิ้วและงงงวยอย่างสิ้นเชิง

“ต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ข้าไม่รู้ หรือไม่เช่นนั้นก็มีวิธีเก็บสิ่งของไม่ให้คนภายนอกทราบ!” ดวงตาหวังหลินสอ่งสว่างขึ้นและคิดถึงดอกบัวปิศาจข้างในแม่น้ำอเวจี!

“เป็นไปได้ว่า…” ดวงตาหวังหลินส่องประกาย เพียงแค่คิดขึ้นมาแม่น้ำอเวจีก็ปรากฏรอบตัวเขา แม่น้ำอเวจีถูกสร้างขึ้นมาจากเต๋า ดังนั้นขนาดของมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หวังหลินตีมือขวาเข้าใส่แม่น้ำอเวจีทำให้วิญญาณอาฆาตจำนวนมากที่อยู่ข้างในถูกดึงออกมาพร้อมกับดอกบัวปิศาจ

หวังหลินจ้องดอกบัวปิศาจด้วยสายตาเปล่งประกาย ของสิ่งนี้ไม่สามารถออกมาจากแม่น้ำอเวจีได้นานเกินไป ไม่เช่นนั้นมันจะเลือนหาย มีเพียงการอยู่ในแม่น้ำอเวจีเท่านั้นจึงจะทำให้การสลายตัวของมันช้าลง

ตอนนี้เพลิงมารดับไปแล้ว ทิ้งแต่เพียงดอกบัวเย็นๆ หวังหลินผนึกฝ่ามือขึ้นมารวบรวมปราณสวรรค์ไว้ในดวงตา

มองไปที่ดอกบัว!

ดูเหมือนจะมีกลิ่นอายเลือนลางอยู่ข้างในดอกบัว แต่กลิ่นอายนี้ไม่ได้แตกดับและยังหมุนอย่างช้าๆ ตอนที่หวังหลินมองไป การหมุนของมันเพิ่มความเร็วขึ้นจนหวังหลินได้ยินเสียงคำรามอื้ออึ้งออกมาจากข้างใน ดูเหมือนว่ามันกำลังใช้วิธีลึกลับบางอย่างเพื่ออกมาผ่านสายตาหวังหลิน

หวังหลินพ่นลมหายใจเย็น ไม่เพียงแต่ไม่ถอนสายตาเท่านั้น เขาทั้งยังให้โอกาสกลิ่นอายประหลาดได้ออกมา ควันสีดำพลันออกมาและเปลี่ยนไปเป็นมารตนหนึ่งที่พยายามกลืนกินหวังหลิน

ขณะที่เจ้ามารพยายามกลืนกินหวังหลินอยู่นั้น ร่างของมันสั่นสะท้านราวกับค้นพบบางอย่างที่น่าเหลือเชื่อ มันกรีดร้องและหันตัวเพื่อจะกลับเข้าดอกบัวปิศาจทันที

แต่ว่ามันสายเกินไป!

วิญญาณดั้งเดิมหวังหลินพุ่งออกมาและไล่ตามมันพร้อมกับส่งระเบิดสายฟ้าปะทุออกไปด้วย เขาตรงเข้าไปคว้าร่างเจ้ามารในทันที เจ้ามารระเบิดเสียงกรีดร้อง ถูกลากกลับเข้าไปในร่างกายหวังหลิน

“ข้าไม่สามารถหลอมเจ้าเศษมารได้ แต่กับเจ้ามารตัวเล็กแบบนี้อย่าให้มีโอกาส!” หวังหลินมองด้วยแววตาสงบนิ่งขณะที่เจ้ามารถูกจมไปในสายฟ้า เสียงกรีดร้องอ่อนแอขึ้นและอ่อนแอขึ้นจนกระทั่งหายไปในที่สุด เจ้าปิศาจถูกวิญญาณดั้งเดิมของเขากลืนกินลงไป

เซียนทั่วไปไม่ได้มีความสามารถกลืนกินแบบนี้ได้ ปกติแล้วความสามารถนี้มาจากวิธีการฝึกเซียนแบบปิศาจ แต่สำหรับหวังหลินเป็นเพราะเขาคือวิญญาณกลืนกิน

หลังกลืนกินเจ้ามารตัวนั้นไป สายตาหวังหลินเรืองแสงสีดำเข้มราวกับแฝงพลังชั่วร้าย ทว่าในไม่ช้าสายฟ้ากระพริบผ่านแววตา ขับไล่พลังมารทั้งหมดและหวังหลินกลับคืนสู่ปกติ

หวังหลินเลียริมฝีปาก ตอนนี้เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าไม่เพียงแต่พลังดั้งเดิมฟื้นฟูกลับมาหมดแต่มันยังเพิ่มขึ้นเล็กน้อยด้วย ราวกับว่าพลังดั้งเดิมทั้งหมดถูกบีบอัด

หลังจากควันสีดำหายไป ข้างในดอกบัวก็ไม่ขุ่นมัวอีก หวังหลินสามารถมองเห็นอีกมิติหนึ่งข้างในดอกบัวได้ ข้างในนั้นมีลูกปัดผลึกสดใสเปล่งแสงสว่างอยู่จำนวนสี่เม็ด ทว่าพวกมันดูไม่เสถียรราวกับสามารถแตกหักได้ทุกเวลา

ขณะที่หวังหลินมองเข้าไป ลูกปัดผลึกหนึ่งเม็ดแตกสลายและเลือนหายไป

เมื่อเห็นว่าลูกปัดผลึกชิ้นอื่นกำลังจะพังทลาย หวังหลินยื่นมือขวาเข้าไปคว้ามาสองเม็ด ขณะที่กำลังจะคว้าเม็ดที่สาม ลูกปัดนั้นก็แตกสลายไปแล้ว

ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและถอนแขนขวาออกมาพร้อมกับลูกปัดสองเม็ด หลังจากนำพวกมันออกมา การพังทลายก็หยุดลง หวังหลินส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปในลูกปัดและตื่นตระหนกทันที

“วิชาน่าสนใจอะไรกันนี่ ใช้กรรมวิธีบางอย่างที่เต๋าสร้างขึ้นให้กลายเป็นประเป๋าใส่ของ” หวังหลินสูดหายใจลึกและเข้าใจว่าทำไมซิ่วเฟิงหานถึงไม่มีกระเป๋า

“ใช้เต๋าของตนเองเพื่อสร้างมิติของตัวเอง เก็บสิ่งล้ำค่าไว้ข้างในเป็นการป้องกันขั้นสูงสุด วิชานี้ได้ผลจริงๆ”

หลังจากดอกบัวสูญเสียลูกปัดผลึกและควันสีดำ มันจึงแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็วราวกับเวลาได้ผ่านไปหลายพันปี มันแห้งเหี่ยวอย่างสมบูรณ์และกระทั่งหายไปในที่สุด

หวังหลินถอนสายตาออกมาและบดขยี้ลูกปัดผลึกหนึ่งชิ้นทำให้ขวดยาปรากฏออกมา ขวดยานี้ถูกผนึกไว้ด้วยขี้ผึ้งซึ่งหมายความว่ามันไม่เคยเปิดมาก่อน บนขวดมีคำว่า “ซิ่ว” สลักไว้อย่างประณีตบรรจง

หวังหลินทำลายขี้ผึ้งออกไป กลิ่นพลังปราณสวรรค์พวยพุ่งออกมาทำให้รู้สึกสะดวกสบายทั้งร่างกายและจิตใจอย่างยิ่ง ในขวดมีเม็ดยาเพียงหนึ่งเม็ดเท่านั้นและแม้ว่าหวังหลินจะไม่ทราบผลลัพธ์ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ของธรรมดา

หวังหลินมองมันอยู่นาน จากนั้นเก็บเม็ดยาไปและทำลายลูกปัดอีกเม็ด แสงกระพริบวาบและยันต์ชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้น ยันต์ชิ้นนี้ดูธรรมดามากเนื่องจากไม่มีสิ่งใดผิดปกติ

มีสัญลักษณ์รูนหนึ่งรูปวาดเอาไว้ด้วยการใช้ตะกั่วแดง

“นี่มันอะไร…” หวังหลินตกตะลึงและหยิบยันต์ขึ้นมามองใกล้ๆ นี่มันดูเหมือนยันต์ที่เขาเคยเห็นมาก่อนตอนที่ระดับบ่มเพาะขั้นรวบรวมลมปราณ

“หากซิ่วเฟิงหานเก็บมันไว้ในเต๋าของตัวเอง มันไม่ใช่สิ่งของธรรมดา!” หวังหลินขมวดสายตาและมองมันอยู่นาน แต่ยังไม่อาจพบเบาะแสใดได้

หลังขบคิดอยู่สักพัก เขาจึงเก็บยันต์กลับไปและไม่คิดถึงมันอีก จากนั้นร่างกายกระพริบวาบพุ่งออกไปจากถ้ำตรงๆ องครักษ์เทพตามติดอย่างใกล้ชิดและผสานเข้ากับเงา

ภูเขาแห่งสายฟ้าลูกนี้อยู่ที่ปลายขอบชิ้นส่วนแดนสวรรค์ ตรงปลายขอบแห่งนี้มีพื้นที่สายฟ้าอยู่ หล่าสายฟ้าดุจโซ่ตรวนยื่นออกไปเข้าสู่ความมืดมิด

“ในแดนสวรรค์พิรุณมีค่ายกลเคลื่อนย้าย แต่ว่าสายฟ้าในแดนสวรรค์อัสนีนั้นทรงพลังเกินกว่าจะวางค่ายกลเคลื่อนย้าย การเดินทางขึ้นอยู่กับพลังอำนาจของรอยเท้าคนผู้นั้น” หวังหลินขบคิด เขาไม่ได้รีบเร่งจะออกจากเศษชิ้นส่วนแห่งนี้แต่ก็ต้องสืบค้นพื้นที่อย่างละเอียดเพื่อหาจุดผันผวนพลังปราณสวรรค์

ขณะที่เหาะเหิน หวังหลินสีหน้าเปลี่ยนไป พลังปราณกระบี่สองสายลอยเข้าหาเขาจากด้านหน้า มีหนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรีอยู่บนกระบี่สองสาย

บุรุษสวมชุดคลุมสีน้ำเงินเข้ม เส้นผมยาวมัดมวยขึ้นไปติดกับริบบิ้นสีน้ำเงิน เขาอายุราวๆสามสิบปีและมีรูปลักษณ์ที่พิเศษ ส่วนสตรีอายุราวๆยี่สิบแปด แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของนางจะสวยเช่นเดียวกัน แต่ดวงตาดุจฟินิกซ์นั้นดูชั่วร้ายและทำให้นางดูมีนิสัยประหลาด

ขณะที่ทั้งสองกำลังเหาะเหิน พวกเขาเหลือบไปเห็นหวังหลินและอดไม่ได้ที่จะหยุดลง ทั้งคู่แพร่กระจายสัมผัสวิญญาณของตนออกมาอย่างระมัดระวังและโล่งใจเล็กน้อยที่พบว่าหวังหลินเป็นแค่เซียนขั้นเทวะระดับปลายสูงสุดเท้านั้น ทั้งสองคนมองหน้ากันเองและเหาะเหินออกไปไกลโดยไม่ได้พูดเลยสักคำ

ขณะที่ทั้งสองคนสังเกตระดับบ่มเพาะของหวังหลิน หวังหลินก็มองทะลุพวกเขาไปด้วยเช่นกัน สองคนนั้นเป็นขั้นเทวะระดับปลายสูงสุดทั้งคู่และยังไม่ได้ทะลวงผ่าน

พวกเขาไม่ได้มีพลังดั้งเดิมในวิญญาณมากนัก ไม่เหมือนหวังหลินที่ถึงจุดอิ่มตัวไปแล้ว

สองคนนั้นไม่ต้องการสร้างปัญหาและรีบจากไปอย่างรวดเร็ว หวังหลินเพียงแค่มองครั้งเดียวก่อนจะถอนสายตาและมองพื้นดินรอบตัว

แดนสวรรค์อัสนีเปิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นการเก็บเกี่ยวแต่ละครั้งจะน้อยลง อย่างไรนักเมื่อมีการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ มีโอกาสสูงที่จะได้สมบัติระดับสูงมาบ้าง

หวังหลินพบเจอประสบการณ์จากแดนสวรรค์อัสนีมาก่อน ดังนั้นมันจึงง่ายดายมากขึ้น พริบตาเดียวหวังหลินก็อยู่ที่นี่ครบหนึ่งเดือนแล้ว เขาไม่ได้พบเจอเซียนมากนัก มีเพียงแค่สามถึงห้าคนเท่านั้น

ในหมู่พวกเขา หวังหลินไม่ได้เจอเซียนขั้นมายาหยินเลย ส่วนใหญ่จะเป็นขั้นเทวะและมีแม้กระทั่งขั้นแปลงวิญญาณหนึ่งคน

หวังหลินค้นหาไปทั่วทั้งเศษชิ้นส่วนแดนสวรรค์ในเวลาหนึ่งเดือนนี้และไม่พบอะไรเลย เขาหยุดค้นหาและเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุดกลับไปตรงตำแหน่งที่เขาเริ่มต้น

ณ วันนี้ขณะที่หวังหลินกำลังเหาะเหิน ดวงตาพลันหรี่แคบ บนพื้นห่างออกไปไกลมีค่ายกลกฏเกณฑ์หนึ่งพลันปรากฏขึ้นมา

แม้ว่ากฏเกณฑ์นี้จะถูกซ่อนเอาไว้ สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านกฏเกณฑ์เช่นหวังหลิน มันเห็นได้ชัดมาก เขาจำได้ว่าไม่เคยเห็นกฏเกณฑ์นี้มาก่อนตอนที่เขาผ่านมาที่นี่ครั้งที่แล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version