Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 846

Cover Renegade Immortal 1

846. เจ้ารู้แจ้งไหม?

ด้านนอกป่าทึบมีถนนหนทางสายหนึ่งภายในภูเขาสีเขียว รถม้ากลุ่มหนึ่งกำลังควบไปตามถนน รถม้าเหล่านี้ถูกสร้างด้วยวัตถุดิบอันงดงามและส่งกลิ่นหอมออกมา พวกเขาบ่งบอกความรู้สึกถึงความมั่งคั่ง

เสียงกีบม้าและล้อบดถนนดังสะท้อนไปทั่วแต่ทันใดนั้นรถม้าข้างหน้าหยุดชะงักลง เด็กสาวอายุประมาณเจ็ดถึงแปดปีกระโดดลงมา

เด็กสาวคนนี้สวมเสื้อผ้าไหมละเอียด ใบหน้าอมชมพู นางรู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ในอกจึงกระโดดออกจากรถม้าด้วยความยากลำบาก จากนั้นรีบสาวเท้าเข้าไปในพงหญ้าด้านข้าง

นางย่อเข่าลงและวางของในแขนลงสู่พื้นดิน มันคือสัตว์ป่าตัวน้อยที่พันแผลตรงขาเอาไว้

“มืดน้อย กลับไป…” นางเผยดวงตาไร้เดียงสาและสัมผัสหัวเจ้าสัตว์ป่าตัวเล็กโดยไม่เต็มใจ สัตว์ตัวน้อยเงยขึ้นมาราวกับมีสติปัญหา มองหญิงสาวอย่างมีความหมาย

ขณะนั้นม่านรถม้าด้านหลังเด็กสาวก็เปิดออก เผยเป็นหนึ่งชายหนึ่งหญิงอยู่ภายใน ทั้งคู่ต่างอยู่ในวัยกลางคน มองหญิงสาวด้วยสายตารักใคร่

สายลมอ่อนโยนพัดผ่านมาทำให้ม่านหน้าต่างกระพือไหว ดวงตาทั้งสองคนในรถม้าพลันเต็มไปด้วยงุนงงสับสน ไม่ใช่เฉพาะพวกเขาสองคนเท่านั้นแต่คนธรรมดารอบด้านทั้งหมดต่างเป็นแบบเดียวกัน

แม้กระทั่งเด็กสาวก็สับสนไปด้วย มีเพียงสัตว์ตัวน้อยที่เริ่มทำเสียงไม่เป็นมิตรและขู่ยิงฟันออกมา ดูเหมือนมันจะลืมเลือนเรื่องอาการบาดเจ็บและกระโดดไปด้านหลังเด็กสาว มันมองขึ้นฟ้าและร้องคำรามเสียงยาว

ในแววตามันคือความหวาดกลัวแต่ก็มีความดุดันที่ไม่ยอมหันหลังอยู่ด้วย ตอนนี้มันไม่รับรู้แล้วว่ารอยเลือดนั้นหลุดออกมาจากผ้าพันแผล

“เต๋าแห่งสวรรค์ไร้ที่สิ้นสุด เส้นทางแห่งเต๋าไร้ขอบเขต การกระทำในวันนี้จะสร้างเหตุแห่งกรรมขึ้นมา…วงโคจรจะสมบูรณ์ในอนาคตและก่อเกิดเป็นผลแห่งกรรม…” น้ำเสียงเก่าแก่ดังสะท้อนไปทั่วโลกพร้อมกับแฝงความรู้แจ้งเอาไว้

ร่างสัตว์ตัวน้อยสั่นเทาแต่มันยังร้องคำราม ดวงตาฉายแววไปด้วยสติปัญญาพลางมองขึ้นไปบนฟ้า มันรู้สึกได้ว่ามีกลิ่นอายหนึ่งทำให้มันแทบหายใจไม่ออกแต่มันก็ไม่ยอมล่าถอย!

เสียงถอนหายใจค่อยๆดังออกมาและหายไปอย่างช้าๆ สัตว์ตัวน้อยเต็มไปด้วยความสับสนราวกับสติสัมปชัญญะไม่ได้ตื่นเต็มที่และไม่เข้าใจว่าเสียงถอนหายใจนั้นหมายถึงอะไร ทว่าขณะที่มันได้ยินเสียงถอนหายใจ วิสัยทัศน์ของมันพร่ามัวและดูเหมือนจะเห็นอะไรบางอย่าง

หญิงชราผู้หนึ่งกำลังนอนอยู่ในห้องหรูหรา แม้ใบหน้าจะปกคลุมไปด้วยรอยเหี่ยวย่นแต่กลับไม่อาจปิดบังรูปลักษณ์ใจดีของนางไว้ได้ แม้นางกำลังจะตาย แววตากลับไม่เลือนลาง นางเผยรอยยิ้มพร้อมกับหลับตาลง ทันใดนั้นอสูรดุร้ายและตัวใหญ่โผล่ออกมาจากท้องฟ้า หลังอสูรตัวนั้นร่อนลงมามันก็มองหญิงชราและพ่นควันเมฆสีขาวออกจากปาก ควันสีขาวก้อนนั้นล้อมรอบหญิงชราและมันก็จากไป

“มืดน้อย…” หญิงชราลืมตาขึ้นมา

ภาพมายาหายไปและแววตาสัตว์ตัวน้อยยิ่งงุนงงมากขึ้น สายลมเย็นพัดผ่านและกวาดผ่านทุกอย่างออกไป ทุกคนในกองคาราวานเปลี่ยนเป็นเงียบขรึมและไม่มีความคิดว่าเกิดอะไรขึ้น แม้กระทั่งหญิงสาวตัวน้อยก็ไม่ทันรู้ตัว นางยิ้มและหันกลับมาที่เจ้าสัตว์ตัวน้อย “มืดน้อย…กลับบ้านเถอะ”

ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของโลกคนธรรมดา หญิงสาววัยกลางคนกำลังชี้ไปที่ชามข้าวแตกหักและส่งเสียงเอ็ดตะโรดังๆใส่เด็กน้อย เด็กคนนั้นยืนร้องไห้หน้าตารู้สึกผิดแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำ

ด้านข้างเขาคือชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง เขากำลังนั่งสูบยาอยู่ หลังจากทำไปได้สักพักก็อ้าปากออกมาราวกับต้องการจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงถอนหายใจ

ขณะนั้นสายลมเย็นพัดผ่านเข้ามา เสียงสาปแช่งก่นด่าและแววตาหญิงสาวเต็มไปด้วยความงุนงงสับสน ไม่เพียงแค่นางเท่านั้นแต่ชายที่กำลังสูบยาพลันหยุดลง

มีเพียงเด็กน้อยที่ไม่รับรู้อะไรและร้องไห้กล่าวเสียงกระซิบไปด้วย “แม่ ชามข้าวมีรอยแตกอยู่แล้ว…”

“เต๋าก็เหมือนชามข้าวใบนี้ มันไม่สมบูรณ์และเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว มันสามารถแตกหักได้ตลอดเวลา…” เสียงถอนหายใจเก่าแก่ค่อยๆดังออกมาจากโลกและจากนั้นก็หายไปดุจสายลมอ่อนโยน

แววตาหญิงสาวหายจากความงุนงงและนางต่อว่าเด็กน้อยเนื่องจากเจ็บใจที่ชามข้าวแตกหักโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ชายวัยกลางคนวางกล้องยาสูบไว้บนพื้นและสูดเข้าไปลึกๆ

เด็กน้อยเบิกตากว้างพลางมองออกไปบนท้องฟ้าไกล คล้ายเห็นลุงคนหนึ่งกำลังก้าวเท้าขึ้นบนท้องฟ้า เด็กน้อยไม่สนใจเสียงดุด่าผู้เป็นแม่และขยี้สายตาตัวเอง แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่เห็นอะไรเลย

ภายในภูเขานั้นมีชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมสีฟ้าวิ่งผ่านภูเขาด้วยความตื่นตระหนก สายตาหวาดกลัวราวกับกำลังเผชิญกับบางอย่างที่หวาดหวั่น

ด้านหลังเขาคือสตรีชุดดำกำลังไล่ล่ามาด้วยสีหน้าเยาะเย้ยและแฝงความเกลียดชัง ทุกครั้งที่นางเข้าใกล้จะยกกระบี่ขึ้นมาแทงใส่เขาอย่างโหดร้าย ปล่อยให้เขาเลือดไหลและร้องหัวเราะเสียงเศร้า

“เจ้าคนบัดซบ เพราะเจ้าจึงทำให้ตระกูลข้าต้องตาย แต่วันนี้เจ้าตกอยู่ในกำมือข้า หากข้าไม่ฆ่าเจ้า เมื่อนั้นคงเป็นความผิดสวรรค์ที่ให้โอกาสนี้กับข้า!”

สายลมอ่อนพัดผ่านมา ชายผู้เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัวพลันกลายเป็นคนงุนงงสับสน แม้กระทั่งสตรีชุดดับก็ยังสับสนไปด้วย นางยกกระบี่ขึ้นมาในมือแต่ไม่ได้ฟาดฟันออกไป

“เหตุแห่งกรรมอื่นและผลแห่งกรรม…” น้ำเสียงเก่าแก่ถอนหายใจสะท้อนออกมาและลอยออกไป

เมื่อสายลมอ่อนพัดหายไป สตรีนางนั้นก็รู้สึกตัว กระบี่ตัดศีรษะชายตรงหน้าในทันที นางคุกเข่าลงปาดน้ำตา “ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกท่านแก้แค้นให้แล้ว!”

สายฝนตกลงมาบนเมืองธรรมดาแห่งหนึ่ง ผู้คนถือร่มดุจดอกไม้รีบเร่งเดินเท้าผ่านถนนไป ก้าวแต่ละเท้าเกิดระลอกคลื่นน้ำบนพื้น

หนึ่งต่ออีกหนึ่ง…ราวกับระลอกคลื่นคือเวรกรรมที่โหมกระหน่ำมาไม่มีหยุดและกลายเป็นส่วนหนึ่งของเต๋า

สายลมกรรโชกพัดผ่านเข้ามาจนทำให้ระลอกคลื่นสาดกระจาย ทว่านี่เป็นเพียงเวลาชั่วคราวก่อนที่ระลอกคลื่นจะกลับคืนมาใหม่ไม่มีวันจบสิ้น

คนชุดขาวกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นบทเพลงในพิธีศพอยู่ไกลๆและกำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ มีโลงศพหนึ่งอยู่ระหว่างพวกนั้นและพวกเขากำลังถือมันเดินเข้าประตูเมือง

เสียงร้องไห้ดังระงม คนเดินเท้ารอบด้านเมื่อเจอกลุ่มพวกเขาก็จะหลบทางให้

ขณะที่ทั้งกลุ่มดำเนินไป เศษกระดาษสีเหลืองกระจัดกระจายไป พวกมันเป็นตัวแทนที่เกี่ยวข้องกับการมรณะและเปิดเส้นทางสู่ใต้ยมโลก ส่งให้ผู้ตายมีความสงบ

ท่ามกลางเสียงร้องไห้ บางคนจริงและบางคนแกล้งทำ บางส่วนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและบางคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น…

สายลมอ่อนโยนพัดผ่านมานำพาเสียงถอนหายใจเก่าแก่เข้าใส่รอบบริเวณ

“ความตายคือจุดจบของเวรกรรม…เวรกรรมทั้งหมดสูญสิ้นไปเมื่อเจอกับความตาย…” น้ำเสียงพร่าเลือนดังสะท้อนราวกับกำลังถามมันกับตัวเอง

เสียงร้องไห้เงียบงัน หลังจากตอบคำถามของตัวเองแล้ว น้ำเสียงเก่าแก่จึงค่อยๆจากไป

ในพระราชวังแห่งหนึ่ง กองทหารหนึ่งกองกำลังยืนด้วยความสนใจ ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมสีเหลืองกำลังยืนอยู่ข้างหน้าจ้องออกไป ร่างกายปลดปล่อยสัมผัสแห่งความเศร้าอย่างรุนแรง

คนผู้หนึ่งเดินออกมาจากกองทหาร ชายคนนี้สวมชุดเกราะเต็มยศและดูทรงพลังยิ่ง หากมองให้ใกล้กว่านี้เขาดูคล้ายกับชายผู้ใส่ชุดคลุมสีเหลือง

“ท่านพ่อ ท่านก็แก่แล้ว โปรดอย่าต่อต้านนักเลย!”

ชายวัยกลางคนเผยแววตาโศกเศร้ารุนแรงยิ่งขึ้น สายลมเงียบๆพัดผ่านเข้ามาในพระราชวังทำให้เหล่าทหารทั้งหมดเต็มไปด้วยความงุนงงสับสน

“เวรกรรมรูปแบบนี้มันคืออะไร…” น้ำเสียงใสดังออกมาจากสายลมและจากไป มันแพร่กระจายไปทั่วโลกรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในชีวิต

หวังหลินเดินทางไปด้วยเพื่อยืนยันเต๋าของตัวเองอย่างต่อเนื่อง บางครั้งเขาก็สับสน บางครั้งก็สงสัย บางครั้งก็งุนงง เต๋าแห่งสวรรค์ไม่มีที่สิ้นสุดดังนั้นเขาจึงพยายามไขว่คว้ามันด้วยความยากลำบาก

ขณะที่เดินทางผ่านไปพร้อมกับสายลม หวังหลินดูเหมือนฝันไป ในความฝันนี้เขากลายเป็นดาวฉิงหลิง เขาสามารถเห็น ได้ยินและรู้สึกถึงการกระทำทุกอย่างของทุกชีวิตในดาว

เขาเห็นการเกิดของเด็กทารก การตายของชายชรา ความรักของครอบครัว สายตาของคนรัก การจากลา รวมกันใหม่ ผลบุญและผลกรรมไม่มีที่สิ้นสุด…

‘ท้ายที่สุด…เต๋าคืออะไร…’ หวังหลินงุนงงสับสน หลังจากมองดูทั้งหมดนี้เขาก็ยังไม่พบคำตอบ ขณะที่ไล่ล่าและค้นหาเพื่อยืนยันความเข้าใจของตัวเอง เขาก็ยิ่ง…งุนงงมากขึ้น

พลังปราณบนดาวฉิงหลิงยิ่งมีความหนาแน่นมากขึ้นแต่ก็แฝงความสับสนไปด้วย ใครก็ตามที่ฝึกฝนจะจมอยู่ในขอบเขตอันลี้ลับทันทีและคล้ายกับผสานเข้ากับดาวฉิงหลิง ตอนนี้ความคิดแต่ละคนกำลังถูกควบคุมเพื่อแสวงหาผลลัพธ์โดยไม่รู้ตัว

การแสวงหาของหวังหลินดำเนินต่อไปและเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า สำหรับเขาแล้วการแผ่กระจายไปทั่วดาวฉิงหลิงมันไม่มีวันจบ

ยามพระอาทิตย์ตกดินในโรงเรียนแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน หลังจากเด็กส่วนใหญ่จากไปแล้วมีเพียงเด็กชายผู้หนึ่งยังคงกวาดถูอยู่โรงเรียน สายลมอ่อนโยนพัดผ่านมาทำให้เด็กชายตกตลึง ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้าวางไม้กวาดลงและเดินเข้าหาบ้านคุณครู

“คุณครู นักเรียนมีคำถาม!”

ประตูผลักเปิดออก ชายชราธรรมดูรอบรู้เดินออกมาและเอ่ยตอบอย่างแผ่วเบา “คำถามอะไร?!”

เด็กชายมองชายชราและเอ่ยถามอย่างสงบ “คุณครู ท่านรู้ไหมว่าเต๋าคืออะไร?”

“เต๋า?” ชายชรามองเด็กชายและสะบัดแขนเสื้อ “ข้าสอนความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เต๋า!”

เด็กชายครุ่นคิดเงียบๆและจากไป สายลมอ่อนพัดออก ร่างเด็กชายสั่นเทาและรู้สึกตัว เขางุนงงว่าพึ่งทำอะไรลงไป

ในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง ชายชราผู้น่านับถือและเลื่อมใสนามว่าเซี่ย เขาพลันเปิดตะเกียงน้ำมันในยามดึก จากนั้นหยิบม้วนคัมภีร์ขึ้นมาต้องการจะอ่าน

สายลมอ่อนโยนพัดผ่านเข้ามาในห้องทำให้ตะเกียงน้ำมันกระพริบไหว ชายชราเงยศีรษะขึ้นมา

น้ำเสียงเก่าแก่ปรากฏขึ้นมาภายใน

“เจ้าคือผู้รอบรู้ในเมืองนี้ เจ้ารู้ไหมว่าเต๋าคืออะไร?”

ชายชราใบหน้าซีดเผือดทันที ม้วนคัมภีร์ในมือตกลงพื้น ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและกล่าวเสียงสั่นเทา “เจ้า…เจ้าเป็นคนหรือผี!”

น้ำเสียงเก่าแก่ดังสะท้อนอีกครั้ง “เต๋าคืออะไร?”

ชายชราสูดหายใจลึก ฝืนบังคับตัวเองให้สงบลงและเอ่ยเสียงสั่น “ข้าไม่เข้าใจว่าเต๋าคืออะไร…”

น้ำเสียงถอนหายใจพร้อมกับหายวับออกไปไกล ห้องกลับคืนสู่ปกติแต่ชายชราไม่มีอารมณ์อ่านหนังสืออีกแล้ว

ณ โรงเรียนในเมืองหลวงของแคว้นแห่งหนึ่ง เหล่าเด็กนักเรียนกำลังถือหนังสืออ่านเรื่องเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ ด้านหน้าคือชายชราชุดคลุมสีขาวกำลังลูบเคราและประดับรอยยิ้มบนใบหน้า

ขณะนั้นสายลมอ่อนพัดผ่านมา เด็กนักเรียนคนหนึ่งพลันวางหนังสือในมือลง ยืนขึ้นและเอ่ยท่าทีสงบนิ่ง “คุณครูรู้ไหมว่าเต๋าคืออะไร?”

เมื่อเด็กชายเอ่ยขึ้นมา รอบด้านก็พลันเงียบลง สีหน้าท่าทางของชายชราไม่รื่นรมย์อีกแล้วและเอ่ยตอบ “สวรรค์คือเต๋า!”

เด็กชายส่ายหน้า หลังจากนั่งลงไปเขาก็ตัวสั่นและกลับคืนสู่ปกติ ไม่มีใครสังเกตว่าสายลมนั้นออกไปจากโรงเรียนแล้ว

สายลมแผ่กระจายไปทั่วดาวฉิงหลิง ผู้รอบรู้เกือบทุกคนบนดาวถูกถามด้วยคำถามนี้ผ่านสถานการณ์แตกต่างกัน

ท้ายที่สุดพวกเขาก็ตอบไม่เหมือนกัน แต่ไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่ชัดเจนแก่เขาได้

หวังหลินจมดิ่งอยู่ในความฝันและทำการค้นหาต่อไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด ราวกับเขากำลังไขว่คว้าหาความหมายที่แท้จริงของเต๋าไปตลอดกาล

ในวันนี้ชายชรานามว่าเซี่ยซึ่งถูกหวังหลินตั้งคำถามกำลังเดินวนอยู่ในบ้านและไม่สามารถสงบจิตใจลงได้ ราวกับคำถามเก่าแก่นั้นดังสะท้อนอยู่ในหัวเขาทุกเมื่อที่เขาสงบจิตใจลง

เขาถอนหายใจหนักก่อนจะหยิบร่มขึ้นมาเดินออกไปนอกบ้านในวันฝนตกนี้ เดินเหินผ่านตัวเมือง แววตาสับสน

‘เต๋าคืออะไร…ข้าคิดว่าข้าเต็มไปด้วยความรู้และเห็นผ่านโลกมามาก แต่ข้ากลับถูกเจ้าผีประหลาดนั้นถามมา…เต๋าคืออะไร…’

ชายชราเดินขึ้นไปบนส่วนทิศเหนือของเมืองโดยไม่รู้ตัว ชายชรานั่งอยู่ข้างแม่น้ำ สวมเสื้อกันฝนโยนตาข่ายเข้าไปในแม่น้ำเพื่อจับปลา

ชายชรานามว่าเซี่ยมองออกไปโดยไม่ได้เพ่งสมาธิอะไรและพึมพำกับตัวเอง “เต๋าคืออะไร…”

ณ จังหวะนั้นชายชราสวมเสื้อกันฝนร่ำร้องตะโกนออกมาด้วยความสุขพลันดึงตาข่ายซึ่งเต็มไปด้วยปลาจำนวนมากเข้ามา เหล่าปลาดิ้นรนและอ้าปากพยายามจะลงไปในแม่น้ำอีกครั้ง สายตาพวกมันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ดิ้นรนอยู่ในตาข่ายไปมา

ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้ชายชราดุจโดนฟ้าผ่า ทั้งร่างสั่นสะท้านจ้องไปที่ปลาในตาข่ายและรู้สึกหน้ามืด

‘นี่…หรือนี่จะเป็นเต๋า? ข้าเป็นปลา ตาข่ายก็คือเต๋า แม่น้ำคือสวรรค์ ข้าที่มีตาข่ายคือผู้สร้างที่ควบคุมดวงชะตาได้!’ ความคิดชายชราสั่นเทา สายลมรุนแรงเต็มไปทั่วโลก

สายลมรุนแรงสายนี้บรรจุพลังอำนาจแห่งฟ้าดินเอาไว้ ชายชราถือตาข่ายพลันตกใจ คลายตาข่ายและนั่งลงบนพื้นด้วยความหวาดกลัว กระทั่งเขาเองก็ยังก้าวถอยหลังไปและฝืนบังคับให้ตัวเองสงบลง

สายลมควบแน่นหลายเป็นคนผู้หนึ่ง หวังหลิน!

สายตาเป็นประกายรู้แจ้งก้มศีรษะลงมองปลากลับคืนสู่แม่น้ำ พลันยกแขนขึ้นมาเต็มไปด้วยพลังปราณส่งเข้าสู่ร่างชายชรานามว่าเซี่ย

“เจ้ามอบความเข้าใจให้แก่ข้า ดังนั้นข้าจะให้โอกาสแก่เจ้า…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version