861. ตอบแทนความกตัญญู
“ซิ่วมู่! ซิ่วมู่คนที่สังหารหมู่ในแดนตะวันตก!”
“เขาถูกตระกูลเหยาตามล่า ท้ายที่สุดก็บังคับตระกูลเหยาพ่ายแพ้จนถอยหนี เขาเป็นคนแรกที่มีชีวิตรอดจากสาส์นสวรรค์!”
“ข่าวลือว่าตระกูลเหยาสูญเสียหนักและมีสมาชิกตระกูลหลายคนถูกจ้าวปิศาจซิ่วมู่ฆ่าไป!”
“ไม่ใช่เพียงแค่นี้แต่ตระกูลเซียนหลายคนที่เข้าร่วมการล่าในครั้งนั้นกับตระกูลเหยาตอนนี้ต่างก็ระส่ำระส่าย ตราบใดที่ซิ่วมู่มีชีวิต พวกเขาต้องหวาดกลัวว่าวันใดวันหนึ่งซิ่วมู่จะมาล้างแค้นแน่!”
ผู้คนเริ่มระเบิดคำพูดขึ้นมาหลังจากเงียบไปสักพัก ซิ่วมู่เป็นคนโด่งดัง แทบไม่มีใครในดาราจักรทุกชั้นไม่รู้ชื่อเขา!
ขณะที่เฉินกงฮู่จ้องหวังหลินอย่างตกตะลึงนั้น ในใจก็ค่อยๆเกิดความรู้สึกอันซับซ้อนก่อตัวขึ้นมา อย่างไรก็ตามด้วยระดับบ่มเพาะขั้นส่องสวรรค์ชั้นต้นของหวังหลินก็ทำให้เขาตกใจมากพอแล้ว
การตกใจนี้มาจากส่วนลึกและเต็มไปทั่วร่างกาย เขาไม่ชัดเจนว่าคนตรงหน้าจะเป็นอย่างที่คิดจริงๆ
จางกงเล่ยก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน ไม่คาดคิดว่าความรู้สึกอันคุ้นเคยจากเจตนาการต่อสู้จะเป็นหวังหลินไปได้ ระดับบ่มเพาะของหวังหลินยังทำให้เขาสับสนไปอีก
‘ครั้งแรกที่ข้าเจอเขา เขาอยู่ในขั้นเทวะระดับปลายสูงสุด ครั้งที่สองเขาระดับรูปธรรมหยาง มาตอนนี้ครั้งที่สาม…เขาบรรลุขั้นส่องสวรรค์ระดับต้น!! เขาไม่ได้ซ่อนระดับบ่มเพาะจริงๆหรือนี่…’ จางกงเล่ยอึ้งไปชั่วครู่
“ผู้อาวุโส!” จางหยุนอยู่ด้านข้างจางกงเล่ย นางยืนขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ รีบเหาะเหินเข้ามาหาหวังหลินและยืนห่างออกไปหลายสิบฟุตด้วยความเคารพ
ไม่ได้มีนางแค่คนเดียว แต่ยังมีอีกหลายคนที่นี่ที่ถูกหวังหลินช่วยชีวิตเอาไว้ พวกเขาต่างก็ตื่นเต้น เหาะเหินเข้ามาคำนับมือให้
เมื่อหวังหลินเห็นคนเหล่านี้จึงพยักหน้ารับไป
ชั่วขณะนั้นเสียงคำรามมืดมนสายหนึ่งดังออกมาจากก้อนหินสีขาว บนก้อนหินนั้นเป็นชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่ ด้านข้างเป็นถังหยานเฟิงผู้ถูกผลักไล่ออกไปเมื่อครู่!
“เจ้ามีคุณสมบัติอะไรถึงจะได้อันดับหนึ่งในร้อยแปดตำแหน่งของแดนใต้? เจ้าไม่มีป้ายสิทธิ์คุณสมบัติและการทำเช่นนี้ประหนึ่งเป็นการไม่สนใจเซียนทั้งหมดในแดนใต้!” ชายชราจ้องหวังหลินด้วยสายตาจิตสังหาร
ในสายตาเขา แม้ว่าซิ่วมู่คนนี้ไม่ได้ฆ่าถังหยานเฟิงเขาก็ยังทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส แม้จะฟื้นฟูขึ้นมาได้แต่ระดับบ่มเพาะก็ตกฮวบฮาบไปอย่างมาก ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน ไม่มีโอกาสที่จะเข้าแข่งชิงตำแหน่งเทพมาได้อีกเลย
หวังหลินมองไปหาชายชราด้วยท่าทีเย็นชา
ขณะนั้นเองมีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งห่างจากหวังหลินไปหนึ่งพันฟุต เขาเป็นหนึ่งในคนที่หวังหลินช่วยชีวิตไว้จากแดนสวรรค์อัสนี หลังจากเงียบมาสักพักเขากัดฟันแน่น หันมาหาผู้อาวุโสตระกูลถัง “ตระกูลเฉินของข้าเชิญผู้อาวุโสซิ่วมู่มาเข้าร่วมเอง! ข้าไม่รู้ว่าตระกูลเฉินข้าจะมีคุณสมบัติหรือไม่!”
แววตาชายชราตระกูลถังส่องสว่าง เขาไม่ได้มองชายวัยกลางคนผู้นั้นแต่มองไปยังบรรพชนตระกูลเฉินที่อยู่ด้วย
จากนั้นเซียนชราอีกคนหนึ่งยืนขึ้น มองไปที่ชายชราตระกูลถัง “ตระกูลจ้าวแนะนำผู้อาวุโสซิ่วมู่ให้เข้าร่วมเอง ข้าสงสัยว่าตระกูลจ้าวมีคุณสมบัติพอในสายตาผู้อาวุโสถังหรือไม่!”
“ตระกูลลี่เรียนเชิญผู้อาวุโสซิ่วมู่เพื่อเข้าร่วมการต่อสู้เอง ข้าไม่รู้ว่าตระกูลลี่จะมีคุณสมบัติหรือไม่!” ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มก้าวออกมาข้าวหน้าและมองชายชราตระกูลถัง
“ตระกูลเจิ้งแนะนำผู้อาวุโสซิ่วมู่ด้วยเช่นกัน ข้าสงสัยว่าตระกูลเจิงจะมีคุณสมบัติด้วยหรือไม่!” ต่อจากชายวัยกลางคนก็เป็นหญิงสาวสวมชุดราตรีหลากสีก้าวเท้าออกไป น้ำเสียงนางอ่อนนุ่มแต่ก็หนักแน่น
“ข้าเป็นลูกหลานสายตรงของตระกูลเหมี่ยวและข้าเรียนเชิญผู้อาวุโสซิ่วมู่ด้วยตัวเอง ตระกูลเหมี่ยวเป็นหนึ่งในตระกูลของสามดาวชั้นนำ ผู้อาวุโสถัง ตระกูลเหมี่ยวของข้ามีคุณสมบัติหรือไม่?” ผู้เยาว์ชุดดำก้าวเดินออกมา
สี่คนนี้ต่างก็ถูกหวังหลินช่วยชีวิตไว้ในแดนสวรรค์อัสนี พวกเขารู้สึกขอบคุณหวังหลินแต่เนื่องจากทางตระกูลของตนเองจึงไม่สามารถไปช่วยหวังหลินตอนที่ถูกตระกูลเหยาไล่ล่าได้ พวกเขารู้สึกผิดอยู่เสมอและตอนนี้เมื่อหวังหลินมายืนอยู่ตรงหน้าจึงไม่ลังเลอีก
เหตุการณ์นี้ทำให้สีหน้าผู้อาวุโสถังต้องเปลี่ยนไป แม้กระทั่งบรรพชนตระกูลเฉินเองยังตกตะลึง เขาเผยรอยยิ้มบิดเบี้ยวและตัดสินใจหลับตาเงียบๆ
ไม่ได้มีเพียงแค่เขาเท่านั้น แต่ผู้นำของตระกูลทั้งหมดที่สนับสนุนหวังหลินต่างก็หลับตาและไม่สนใจเรื่องนี้ แม้จะเป็นเช่นนี้หากมีใครกล้าตั้งคำถามว่าตระกูลตนเองมีคุณสมบัติพอหรือไม่ พวกเขาคงต้องการคำอธิบาย!
“ตระกูลเมิ่งแห่งดาวปฐพีเพลิงเรียนเชิญผู้อาวุโสซิ่วมู่เอง ข้าไม่รู้ว่าตระกูลเมิ่งมีคุณสมบัติพอหรือไม่!” เซียนอีกคนก้าวมาข้างหน้า จ้องผู้อาวุโสตระกูลเถิงด้วยไม่หวาดกลัว
“ตระกูลป๋ายลี่แห่งดาวเมฆาอัสนีเรียนเชิญผู้อาวุโสซิ่วมู่…”
“ตระกูลซื่อกงแห่งดาววารีทมิฬเรียนเชิญผู้อาวุโสซิ่วมู่…”
“ตระกูลโจวแห่งดาวปฐพีเพลิงเรียนเชิญผู้อาวุโสซิ่วมู่…”
“ตระกูลหนิงแห่งดาวฟ้าครามเรียนเชิญผู้อาวุโสซิ่วมู่ด้วยเช่นกัน ข้าไม่รู้ว่าตระกูลหนิงของข้าซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลของดาวชั้นนำจะมีคุณสมบัติพอหรือไม่!”
หลังคนก่อนหน้านี้ยืนขึ้น ต่างก็มีคนอีกมากมายยืนด้านข้างหวังหลินและจ้องไปที่ผู้อาวุโสตระกูลถัง พวกเขาทั้งหมดคือคนที่สามารถหนีรอดมาจากแดนสวรรค์อัสนีได้ภายใต้การนำของหวังหลิน!
เหตุการณ์เบื้องหน้าทำให้ผู้อาวุโสตระกูลถังตกตะลึงมหาศาล เขามองเซียนทั้งหมดที่ยืนข้างหวังหลินกำลังจ้องผู้น้อยของตระกูลตนเอง แม้เขาจะมีระดับบ่มเพาะสูงส่ง เขาก็ยังขบคิดเงียบๆ
ผู้เยาว์เหล่านี้ไม่คู่ควรให้ใส่ใจแต่ความจริงที่ว่าผู้อาวุโสของตระกูลแต่ละคนไม่หยุดยั้งเอาไว้ทำให้ผู้อาวุโสตระกูลถังรู้สึกตกใจต่อซิ่วมู่เป็นครั้งแรก
เขาก็มีระดับบ่มเพาะขั้นส่องสวรรค์เช่นเดียวกับหวังหลิน ทว่าอยู่ในขั้นนี้มานานและบรรลุระดับสูงสุดของขั้นส่องสวรรค์ระดับต้นแล้ว
ในดาราจักรทุกชั้นฟ้า ท่ามกลางตระกูลเซียนทั่วไป เซียนขั้นหยินหยางถือว่าเป็นบรรพชนของตระกูล จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเซียนขั้นส่องสวรรค์สักคนปรากฏตัวขึ้นมา เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับโอกาสอันดีงาม
มีแต่เพียงตระกูลเซียนบนดาวชั้นนำเท่านั้นที่จะมีเซียนขั้นส่องสวรรค์ แต่ก็ไม่ได้มีมากนัก หนึ่งคนต่อหนึ่งตระกูลถือว่าเป็นขีดจำกัดแล้ว
มีเพียงแค่ตระกูลเช่นตระกูลถังเท่านั้นซึ่งต่ำชั้นกว่าตระกูลเหยาไปหนึ่งขั้น สืบทอดมาจากแดนสวรรค์และมีเซียนขั้นสองมากกว่าหนึ่งคน! เป็นขุมกำลังที่สะสมมาเป็นเวลาหมื่นปีแล้วและไม่อาจถูกบังคับได้!
ชายชราผู้นี้คือหนึ่งในสี่เซียนในตระกูลถังที่อยู่ในขั้นสอง! เขาคือคนที่อ่อนแอที่สุดด้วย!
จางกงเล่ยขบคิดเงียบๆอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเงยศีรษะจ้องมองผู้อาวุโสตระกูลถัง “จางกงเล่ย ตัวแทนตระกูลจาง เรียนเชิญผู้อาวุโสซิ่วมู่! ผู้อาวุโสถัง ข้าจางกงเล่ย ไม่มีคุณสมบัติด้วยกระนั้นหรือ!?”
สีหน้าชายชรายิ่งมืดมนหนักไปอีก
“เฉินกงฮู่เรียนเชิญผู้อาวุโสซิ่วมู่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วม!” เฉินกงฮู่เป็นคนไม่พูดมาก แต่เมื่อเอ่ยขึ้นมา ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น!
ผู้อาวุโสตระกูลถังเริ่มเยาะเย้ย ขณะที่กำลังจะเอ่ยออกมา เสียงเบาๆดังออกมาจากผู้อาวุโสชุดม่วงจากอารามเทพอัสนี
“ซิ่วมู่มีคุณสมบัติ!”
เมื่อเอ่ยเช่นนี้ สีหน้าผู้อาวุโสถังเปลี่ยนไปมหาศาล เขารู้จักตัวตนของผู้อาวุโสชุดม่วงเป็นอย่างดีจึงไม่กล้าตอกหน้า เขาพลันพ่นลมหายใจเย็น โบกสะบัดแขนเสื้อและพาถังหยานเฟิงออกไป
สมาชิกตระกูลถังรีบเหาะเหินขึ้นกลางอากาศ ติดตามชายชราและจากไปอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะจากไป ผู้อาวุโสตระกูลถังจ้องมองหวังหลินด้วยสายตาโหดเหี้ยม แววตาเผยจิตสังหารเข้ม
หวังหลินมองออกไปอย่างเยือกเย็นและเอ่ยออกมา “ระเบิด!”
หลังเอ่ยคำนั้น ผู้อาวุโสตระกูลถังตกตะลึง สีหน้าเปลี่ยนทันที เขาหันกลับไปมองถังหยานเฟิงก่อนที่ร่างตรงหน้าจะระเบิดเป็นเศษเล็กเศษน้อย!
แม้กระทั่งดวงวิญญาณดั้งเดิมยังแตกสลายโดยไม่มีโอกาสให้ผู้อาวุโสช่วยชีวิตเขา! หวังหลินซ่อนพลังสายหนึ่งไว้ในร่างถังหยานเฟิง ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะค้นพบได้ในช่วงเวลาสั้นๆเว้นแต่จะเหนือกว่าเขาไปหนึ่งขั้นซึ่งเป็นส่องสวรรค์ระดับกลางเท่านั้น
ตั้งแต่ที่ตระกูลถังมีเจตนาสังหารเขา หวังหลินไม่ลังเลที่จะใช้พลังระเบิดนั้นและทำให้ถังหยานเฟิงสูญสิ้นจนเหลือแต่เถ้าถ่าน!
“ตระกูลถังของเจ้าไม่ได้ดีไปกว่าตระกูลเหยาแห่งที่สองหรอก!” หวังหลินเอ่ยน้ำเสียงสงบนิ่งแต่บรรจุจิตสังหารเข้าไปดุจพายุสายลมหนาว
“ซิ่วมู่!” ผู้อาวุโสจากตระกูลถังโกรธเกรี้ยว สายตาโกรธแค้นนั้นแฝงร่องรอยแห่งความเศร้าเอาไว้ด้วย เพียงก้าวเดียวเขาก็พุ่งตรงใส่หวังหลิน
หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติ วินาทีนั้นผู้ส่งสาส์นอารามเทพอัสนีชุดม่วงก็พ่นลมหายใจเย็น ชายชราลืมตาขึ้นมาเป็นครั้งแรกและเผยสายตาเย็นชา
“ไม่อนุญาตให้มีการต่อสู้ส่วนตัวระหว่างการแข่งขัน ถังซาน จงพาสมาชิกตระกูลเจ้าไปซะ! หลังการแข่งขันจบลงถ้าหากเจ้าต้องการล้างแค้น ก็จงเรียนรู้จากตระกูลเหยาและพิสูจน์มันด้วยตัวเอง!”
ชายชราตระกูลถังหยุดชะงัก ขบคิดชั่วครู่ เขาเลิกจ้องหวังหลินอย่างดุร้ายก่อนจะรีบจากไปพร้อมกับสมาชิกในตระกูล
ชายชราชุดม่วงจากอารามเทพอัสนีมองหวังหลิน ดวงตาส่องสว่างและเอ่ยท่าทีสงบนิ่ง “เจ้าต้องการเป็นที่หนึ่งในร้อยแปดคนของแดนใต้กระนั้นรึ?”
หวังหลินมองชายชรา ด้วยระดับบ่มเพาะปัจจุบันเขาจึงสามารถสัมผัสพลังดั้งเดิมผันผวนอันทรงพลังออกมาจากอีกฝ่ายได้ หวังหลินไม่สามารถมองทะลุระดับอีกฝ่ายแต่เมื่อเทียบกับบรรพชนโลหิต ชายชราคนนี้อ่อนแอกว่ามาก หากไม่ใช่ขั้นชำระสวรรค์ อย่างน้อยๆก็ขั้นส่องสวรรค์ระดับปลาย
“ข้าต้องการเป็นที่หนึ่ง!” หวังหลินเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแน่วแน่และเต็มไปด้วยเจตนาต่อสู้
ชายชราชุดม่วงเผยแววตาแฝงความชื่นชม “เยี่ยม หากไม่มีใครที่นี่กล้าท้าประลองเจ้า ข้าจะยกตำแหน่งที่หนึ่งในแดนใต้ที่มีคุณสมบัติให้!”
“มีใครที่นี่กล้าท้าประลองไหม?” ชายชราชุดม่วงกวาดสายตาผ่านเหล่าเซียนจากแดนใต้ที่กำลังนั่งบนก้อนหินสีแดง ท้ายที่สุดสายตาก็ตกกระทบบนคนผู้หนึ่ง
คนผู้นี้สวมชุดสีดำ อายุราวๆสี่สิบปี ใบหน้าซีดจางเล็กน้อยและมีคมกระบี่แทงเก้าเล่มแทงลงบนพื้นเบื้องหน้า!
แม้แต่ตอนที่เจตนาการต่อสู้หวังหลินมาถึง เขายังไม่ตอบสนองอันใดและฝึกฝนอย่างเงียบๆ มีแค่เพียงตอนที่หวังหลินเผยระดับบ่มเพาะของตนเท่านั้นเขาจึงเงยศีรษะขึ้นมาเกือบจะแยกเจตนาการต่อสู้ไม่ออก
“จางกงเล่ยท้าประลองผู้อาวุโสซิ่วมู่!” น้ำเสียงหนึ่งดังออกมาทันที จางกงเล่ยสูดหายใจลึก ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและอารมณ์ซับซ้อน ทว่ายังมีเจตนาการต่อสู้อยู่ภายในพลางคำนับฝ่ามือใส่หวังหลิน
“หากผู้อาวุโสสามารถโน้มน้าวข้าได้ เมื่อนั้นข้าจะยอมยกเต๋าของข้าให้ท่านและให้ผู้อาวุโสเป็นนายเหนือหัว เราจะต่อสู้กับศึกพันธมิตรร่วมกัน!”
หลังกล่าวเช่นนั้น คลื่นยักษ์พลันก่อตัวไปทั่วบริเวณทันที!