865. ตระกูลซิ่วแห่งดาวตงหลิน
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเยือกเย็นเสียดแทง ผสมผสานกับกลิ่นคาวเลือดทำให้ทุกคนรู้สึกถึงจิตสังหารพุ่งออกมา!
สายตาเลื่อนไปหาค่ายกลเคลื่อนย้ายฝั่งตะวันออก ร่างข้างในค่ายกลนั้นค่อยๆชัดเจนขึ้น
เป็นร่างคนผอมบางอายุราวๆสามสิบปี สวมชุดคลุมสีขาวไร้ความสละสลวยแต่เป็นกลิ่นอายหนาวเหน็บแทน ดวงตาหยิ่งผยองเย็นชาและเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ค่ายกลเคลื่อนย้ายกระพริบวูบวาบพร้อมกับเขาเดินออกมา กลิ่นคาวเลือดรุนแรงยิ่งขึ้นแพร่กระจายไปทั่วอากาศ
“พวกขยะ!”
น้ำเสียงนิ่งเฉยแต่เมื่อเอ่ยออกมาราวกับสายฟ้าระเบิดขึ้น เซียนทั้งหมดที่นี่ต่างก็เป็นคนชั้นยอดของดาราจักรทุกชั้นฟ้า หลังได้ยินคำที่เขากล่าวออกมา สายตาทั้งที่มองเขาต่างไม่เป็นมิตร
หวังหลินถอนสายตาออกมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ชายคนนี้มีระดับบ่มเพาะเท่าเทียมกันซึ่งเป็นขั้นส่องสวรรค์ชั้นต้น ทว่าหวังหลินกลับมีความรู้สึกประหลาดเรื่องอีกฝ่าย
เขามั่นใจว่าไม่เคยเห็นคนผู้นี้มาก่อน ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ชายชุดขาวดวงตาส่องสว่างขึ้นมา มองลอดผ่านฝูงชนและจับจ้องที่หวังหลิน
ขณะที่เขาเห็นหวังหลิน พลันเลียริมฝีปากเผยรอยยิ้มน่าขนลุกเข้าใส่
หวังหลินมองกลับไปด้วยท่าทีนิ่งเฉย
สายตาแต่ละคนคล้ายแทงทะลุผ่านฝูงชน ปะทะกันและกัน แม้จะเป็นภาพลวงตาแต่ความจริงแล้วทั้งสองแฝงสัมผัสวิญญาณเข้าไปด้วย สายตาที่เข้าปะทะกันคือการต่อสู้ระหว่างสัมผัสวิญญาณ
ราวกับกระบี่แหลมคมสองเล่มตัดขวางผ่านกนันและกัน เกิดขึ้นในเสี้ยววินาที จากนั้นทั้งสองก็ถอนสายตาออกมา
ดวงตาชายชุดขาวส่องสว่างขึ้นและมองดูหวังหลินอย่างละเอียด ตอนที่สัมผัสวิญญาณแต่ละคนตัดขวางผ่านกันไม่เพียงแต่เขาจะไม่สามารถก้าวข้ามผ่านหวังหลินได้เท่านั้น เขายังรู้สึกว่าสัมผัสวิญญาณนั้นกำลังจะมาแทงใส่
หวังหลินถอนสายตาออกมาด้วยสีหน้าดังเดิม แม้ระดับบ่มเพาะอีกฝ่ายจะเหมือนกันแต่กลับมีพลังประหลาดสายหนึ่งอยู่ข้างในสัมผัสวิญญาณฝ่ายตรงข้าม
มีคนไม่มากนักที่สามารถตรวจจับสิ่งที่ทั้งสองคนเผชิญกันได้ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมดสี่คนเท่านั้น!
หนึ่งในนั้นเป็นชายวัยกลางคนจากแดนเหนือ ใบหน้าซีดเผือด สิ่งประหลาดที่สุดสำหรับเขาคือแขนขวาที่มีหกนิ้วแทนที่จะมีห้านิ้ว อีกนิ้วนั้นแตกกิ่งออกมาจากนิ้วโป้ง!
คนที่สองมาจากแดนเหนือเช่นกัน เขาเป็นเด็กชายหัวโตดูไม่สม่ำเสมอ ทว่าพื้นที่ระยะสามสิบฟุตรอบตัวไม่มีใครอยากเข้ามาใกล้เลย
เด็กชายเผยรอยยิ้มขบขัน หลังจากมองหวังหลินเขาก็เพ่งชายชุดขาว ยิ้มขบขันยิ่งกว่าเดิม
คนที่สามที่สังเกตได้มาจากแดนตะวันตก สวมเสื้อสีฟ้า หน้าตาหล่อเหลา ตอนที่ลืมตาขึ้นมามีแสงสีทองออกมาจากภายใน เขาจ้องหวังหลินและขบคิดเงียบๆ
คนสุดท้ายคือคนที่อยู่ข้างๆหวังหลิน หนานกงหาน!
ชั่วขณะนั้นก้อนเมฆสีแดงปกคลุมน่านฟ้า รวมตัวกันจำนวนมาก ควบแน่นเหนือทุกคนก่อตัวเป็นชายชราผู้หนึ่ง เรือนผมสีขาวปลดปล่อยกลิ่นอายดุจเทพเซียน ขณะที่ปรากฏตัวขึ้นสายฟ้าก็ปรากฏด้านล่างเขาราวกับกำลังยืนอยู่บนสายฟ้า
“อารามเทพอัสนียินดีต้อนรับผู้ส่งสาส์น เจ้าหรือที่เป็นคนฆ่าผู้เข้าร่วมทั้งหมดจากฝั่งตะวันออก?” หลังชายชราปรากฏตัวขึ้นมา กลิ่นอายทรงพลังแผ่กระจาย เมื่อเขาปลดปล่อยพลังดั้งเดิมออกมาจึงเผยตัวว่าเป็นเซียนขั้นส่องสวรรค์ระดับกลาง!
เขาจ้องชายชุดขาว เอ่ยด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยบารมี
“ใช่แล้ว” ชายชุดขาวสีหน้าสงบนิ่ง
ชายชราเอ่ยตะโกนขึ้นมา บ่งบอกไม่ได้ว่ามีความสุขหรือโกรธเกรี้ยว “เจ้าชื่ออะไรและมาจากตระกูลไหน!?”
“ตระกูลซิ่วแห่งดาวตงหลิน! เป็นคนในรุ่นที่ถูกส่งออกมาฝึกฝน นามว่าซิ่วถิง!” ขณะที่ชายชุดขาวเอ่ยออกมา เขาก็มองหวังหลินด้วยรอยยิ้มขนลุก
หลังเอ่ยประโยคนั้นโดยเฉพาะตอนที่เขากล่าวถึงตระกูลซิ่วแห่งดาวตงหลิน ดุจประกายสายฟ้าระเบิดขึ้นในหมู่เซียน บางคนสีหน้าเปลี่ยนไปและอ้าปากค้าง บางคนก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แววตาแต่ละคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
บางทีตระกูลเซี่ยงคือตระกูลที่ทรงพลังที่สุดบนดาวตงหลิน แต่งในแง่ของชื่อเสียง ตระกูลซิ่วมีคนรู้จักมากที่สุด! ตระกูลซิ่วเป็นตัวแทนของการล่าสังหารไม่มีที่สิ้นสุด ในแต่ละรุ่นจะส่งคนออกมาเพื่อฝึกฝนการสังหาร ใครก็ตามที่ไปสร้างความขุ่นเคืองให้จะถูกสังหารทั้งดวงดาว!
ชื่อเสียงตระกูลซิ่วพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งและอีกครั้งภายในพายุเลือดพวกนี้
“ไม่สงสัยเลยว่าเขากล้าไปขัดใจกับตระกูลเซียนมากกว่าร้อย…”
“เขามาจากตระกูลซิ่วแห่งดาวตงหลินในรุ่นซึ่งถูกส่งออกมาฝึกฝน…ดูเหมือนว่าถ้ามีใครเจอเขาในระหว่างการประลอง จะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย!”
“ช่างมันเถอะ ตระกูลซิ่วแห่งดาวตงหลินมักจะโหดเหี้ยมมาเสมอ ถ้าเหตุการณ์ดูแย่ ข้าก็แค่ยอมแพ้!”
เสียงพูดคุยกับออกมาจากทุกที่ ตระกูลซิ่วมีชื่อเสียงมากเกินไปและวิธีการฆ่าของพวกเขาทำให้จิตใจทุกคนหนาวเหน็บ
ชายชราจากอารามเทพอัสนีขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้นมา “การต่อสู้เพื่อฉายาเทพร้อยแปดคนจะเริ่มในบ่ายวันที่สาม ระยะนี้จะมีคนจากอารามเทพอัสนี้จะให้ป้ายสิทธิ์พวกเจ้าทั้งหมดและจัดแจงที่พักให้”
หลังกล่าวจบ ชายชราหยุดชะงักไป ดวงตาส่องสว่างขึ้นและกวาดสายตาผ่านเซียนทุกคน “ซิ่วมู่อยู่ในกลุ่มพวกเจ้าด้วยใช่ไหม?” เขาถาม
หลังกล่าวเช่นนั้น นอกจากเซียนแดนใต้แล้ว เหล่าเซียนจากตะวันตกและเหนือทั้งหมดยิ่งเคร่งเครียด ชื่อเสียงซิ่วมู่ไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลซิ่วแห่งดาวตงหลินเลย ความจริงแล้วหลายคนก็คาดการณ์ว่าซิ่วมู่นั้นมาจากดาวตงหลินด้วย!
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะเงยศีรษะขึ้นเอ่ยน้ำเสียงนิ่งๆ “ข้าซิ่วมู่!”
วินาทีนั้นนอกจากเซียนแห่งแดนใต้ซึ่งมีสีหน้าซับซ้อนแล้ว สายตาจากแดนตะวันตกและแดนเหนือทั้งหมดหันมาหาหวังหลิน
“จ้าวปิศาจซิ่วมู่! ข้าไม่คิดว่าเขาจะเข้าร่วมงานนี้จริงๆ!”
“ซิ่วมู่ ซิ่วถิง สงสัยเหลือเกินว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์อะไรกัน”
“ไม่เพียงแต่ซิ่วมู่จะไม่ตายตอนที่ถูกตระกูลเหยาไล่ล่า เขายังมาอยู่ที่นี่ได้อีก ไม่ธรรมดา!”
‘ปรากฏว่าเขาคือซิ่วมู่!’ เซียนหกนิ้วเผยแววตาเย็นเยียบพลางมองหวังหลินอย่างละเอียด
แม้กระทั่งเด็กหัวโตยังต้องรอยยิ้มแข็งค้างและหายวับไป จากนั้นสายตาหันมามองหวังหลินและมีรอยยิ้มอีกครั้ง
ชายหนุ่มหล่อเหยาชุดฟ้าด้วย ตอนที่เขาได้ยินชื่อซิ่วมู่ สายตาพลันจดจ้องหวังหลินดุจกระบี่ชักออกจากฝัก
‘ซิ่วมู่ คนที่ทำร้ายจื่อเฟิง ไม่อาจลืมเรื่องนี้ได้’ ชายหนุ่มชุดฟ้าปรากฏแววตาจิตสังหาร
“มากับข้า จ้าวอารามเรียกตัวเจ้า!” ผู้ต้อนรับมองหวังหลินและเผยรอยยิ้มเมตตาอันหายาก ร่างกายกระพริบวูบวาบและลอยออกไปไกล
หวังหลินขบคิดเล็กน้อย เขาไม่ได้มองสายตาเซียนรอบด้าน พลันปรากฏตัวในท้องฟ้าและก้าวเดินไป
ชายชราจากอารามเทพอัสนีไม่ได้เหาะเหินเร็วนัก ขณะที่เคลื่อนไหวไป ก้อนเมฆด้านหน้าแบ่งครึ่งออกจากกัน หวังหลินติดตามไปโดยไม่ถามอะไรเลยสักคำระหว่างทาง
ชายชราเผยแววตาชื่นชมและยิ้มขึ้นมา “อารามเทพอัสนีใหญ่มาก ที่แห่งนั้นคือโถงสำหรับคนนอก ข้ากำลังจะพาเจ้าเข้าไปในโถงด้านในของอารามเทพอัสนี!”
หวังหลินพยักหน้ามองออกไปไกล ขณะที่ก้อนเมฆผ่านเขาไป ปราสาทดูโอ่อ่ายิ่งปรากฏเบื้องหน้าหวังหลิน
ที่นั่นมีปราสาทมากมายเกินไป พวกมันไม่ได้ใกล้กันมากนักแต่กระจัดกระจายกันออกไป ทว่าถ้าหากมองด้วยตาเปล่าคงไม่อาจเห็นได้ว่าเหล่าปราสาทไปจบลงที่ตรงไหน ปราสาทของกษัตริย์ในโลกเทียบไม่ได้เลยทีเดียว
พลังปราณสวรรค์หนาแน่นเต็มไปทั่วบริเวณราวกับอยู่ในแดนสวรรค์ หวังหลินพบว่าปราสาทพวกนี้ไม่ธรรมดา ความจริงแล้วพลังปราณสวรรค์หนาหน่นก็ออกมาจากปราสาทพวกนั้น
“อารามเทพอัสนีมีโถงหลักทั้งหมด 1,372 แห่ง แต่ละโถงเป็นของจ้าวอารามคนละแห่ง!” ชายชราเอ่ยด้วยความภูมิใจ
หวังหลินพยักหน้าและสรรเสริญ “อารามเทพอัสนีเป็นกองกำลังที่ทรงพลังที่สุดในดาราจักรทุกชั้นฟ้าโดยแท้!” ความภูมิใจเช่นนี้ไม่มีพิษมีภัย หวังหลินเข้าใจเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติหลังจากบ่มเพาะมาพันปี
ชายชรายิ้ม “ความสำเร็จของสหายซิ่วในอนาคตจะไม่น้อยแน่นอน จะมีสักแห่งที่นี่เป็นของสหายเซียนแน่!”
หวังหลินยิ้มและสนทนากับชายชรา เขามองไปข้างหน้าและเป็นอารามส่วนใหญ่ถูกห่อหุ้มด้วยชั้นหมอกบางๆ
แทบทุกที่ในอารามเทพอัสนีจะเต็มไปด้วยกฏเกณฑ์ หวังหลินพบเจอกฏเกณฑ์จำนวนมากระหว่างเหาะเหินผ่านไป หากไม่ใช่ว่าเขาติดตามชายชราเข้ามา แค่กฏเกณฑ์พวกนี้ก็เพียงพอจะหยุดเขาได้แล้ว
ท้ายที่สุดพวกเขาก็มาถึงอารามเทพอัสนีที่อยู่ตรงกลาง ที่นี่เป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ปูด้วยก้อนหินสีฟ้า สายฟ้าเคลื่อนผ่านไปทั่ว พื้นที่สี่เหลี่ยมมีขนาดใหญ่มากอย่างน้อยก็กว้างหมื่นฟุต เมื่อทั้งสองเข้าไปใกล้ สายฟ้าก็กลายเป็นปากยักษ์และพยายามกลืนกินพวกเขาไป
ชายชราหัวเราะพลางตบกระเป๋านำผลไม้สีแดงจำนวนมากขึ้นมาไว้ในมือ เขาโยนผลไม้เข้าไปในปากที่พยายามจะกลืนกินทั้งสอง
เสียงคำรามต่ำออกมาจากสายฟ้า ผลไม้หายไปทีละผลและเปลี่ยนกลายเป็นของเหลวซึ่งถูกสายฟ้าดูดซับไป สายฟ้าสงบนิ่งลงและไม่ขัดขวางพวกเขาอีก
‘ผลทะยานสวรรค์!’ หวังหลินมองผลไม้พวกนั้น
“สหายเซียนซิ่วคุ้นเคยกับมันใช่ไหม? ฮี่ฮี่ สิ่งที่ผนึกอยู่ที่นี่คือร่างโคลนของจิตวิญญาณสายฟ้าที่ปกปักษ์รักษาแดนสวรรค์อัสนี ใครก็ตามที่ต้องการเข้าไปแดนสวรรค์จะต้องป้อนมันด้วยผลทะยานสวรรค์ ไม่เช่นนั้นมันจะไม่ปล่อยให้ใครก็ตามเข้าไปในแดนสวรรค์อัสนีได้!”
“จ้าวอารามรุ่นล่าสุดเรียกใช้วิชาทรงพลังและใช้เวลาไปหลายปีเพื่อแยกส่วนของอสูรสายฟ้าออกมาจนมันกลายเป็นอสูรป้องกันของอารามเทพอัสนี!”