Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 894

Cover Renegade Immortal 1

894. มหาราชวงศ์หวัง

หวังหลินเพียงแค่คิดเล็กน้อยก็เข้าใจว่าทำไมเหล่าเซียนบนดาวซูซาคุถึงเคารพเขามากขนาดนี้ โจวหวู่ไท่ต้องเล่นใหญ่ขนาดไหนเชียว

ความจริงมันก็เป็นไปตามที่หวังหลินคาดการณ์ โจวหวู่ไท่กตัญญูต่อหวังหลินที่มอบตำแหน่งซูซาคุให้ อย่างไรก็ตามพอหวังหลินจากไป เขาไม่เคยมีโอกาสตอบแทนหวังหลินเลย

โจวหวู่ไท่เป็นคนกตัญญู เขามักจะนึกถึงเสมอว่าหวังหลินทำอะไรให้

เป็นผลให้ไม่ว่าจะเป็นลูกหลานของหวังหลินหรือสำนักที่หวังหลินจากมาก กระทั่งแคว้นจ้าวเองด้วย ทั้งหมดค่อยๆทรงพลังภายใต้การดูแลของโจวหวู่ไท่

โจวหวู่ไท่ได้รับตำแหน่งซูซาคุจึงสร้างราชวงศ์หวังขึ้นมาอย่างง่ายดาย ทั้งยังทำให้แคว้นจ้าวค่อยๆเติบโตแข็งแกร่งจนกลายเป็นแคว้นเซียนระดับห้า

ผู้คนรู้ดีว่าทั้งหมดนี้เพราะประโยชน์จากหวังหลิน การกระทำของหวังหลินในสุสานซูซาคุครั้งนั้นแพร่กระจายออกมาอย่างกว้างขวาง หลังจากคิดเช่นนี้โจวหวู่ไท่จึงค่อยๆทำให้เซียนทั้งหมดยอมรับหวังหลินว่าเป็นบรรพชนและผู้ปกปักษ์รักษาดาวซูซาคุดวงนี้เอาไว้

โจวหวู่ไท่มีอีกเหตุผลในการทำเรื่องทั้งหมด ตอนที่เขากลายเป็นซูซาคุ เขาเป็นเพียงเซียนขั้นแปลงวิญญาณเท่านั้น เป็นซูซาคุที่อ่อนแอที่สุดและไม่มีพลังอำนาจในการปกครอง ดังนั้นเขาจึงยืมชื่อเสียงของหวังหลินเพื่อปราบปรามทุกคน!

ส่วนหวังหลิน แม้จะไม่อาจเดาทุกอย่างได้ เขาก็ยังพอเข้าใจ หวังหลินถอนหายใจออกมา ไม่ว่าโจวหวู่ไท่ทำลงไปด้วยเหตุผลอะไร หวังหลินคงต้องตอบแทนเขา

ขณะเหาะเหินไป ต้าซานและเด็กหัวโตติดตามด้านหลัง ต้าซานสีหน้าเย็นเยียบตลอดทาง ส่วนเด็กหัวโตหลังจากเห็นว่าหวังหลินกำลังกลับบ้าน ความรู้สึกต่อตระกูลตนเองยิ่งยุ่งเหยิง เขามองออกว่าทุกคนที่นี่ต่างก็เคารพซิ่วมู่จากก้นบึ้งจิตใจ เด็กหัวโตรู้ว่าหากเขากลับไปตระกูลด้วยระดับบ่มเพาะตอนนี้เขาก็ได้รับความเคารพเช่นกัน แต่เขารู้ดีว่าความเคารพนั้นเป็นของปลอม

เมืองใหญ่แห่งหนึ่งปรากฏขึ้นในระยะสายตา เมืองแด่งนี้ดุจมังกรม้วนตัวและเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความมั่งคั่ง กำแพงถูกสร้างด้วยก้อนหินดำและมีวิชาบางอย่างผันผวนออกมา

ก่อนจะเข้าไปใกล้หวังหลินเห็นได้ว่ามีกฏเกณฑ์ทรงพลังมากมายอยู่ในเมือง ซึ่งหากทั้งหมดถูกกระตุ้นขึ้นมา มันคงเป็นภัยคุกคามต่อเซียนขั้นเทวะไม่น้อย

ที่นี่เป็นเพียงเมืองจักรพรรดิคนทั่วไปแห่งเดียวที่อยู่นอกดินแดนการปกครองของเผ่าละทิ้งอมตะ!

มหาราชวงศ์หวัง!

ถูกคุ้นพบเมื่อ 437 ปีก่อนและกลายเป็นกลุ่มมนุษย์ที่สำคัญที่สุดนอกเหนือจากเผ่าละทิ้งอมตะ

ราชวงศ์หวังมีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาก กลุ่มทหารจำนวนมากรวมตัวกันเป็นราชวงศ์มากกว่าสี่ร้อยปี กระทั่งจอมยุทธ์มากมายยังเข้าร่วม ทว่าสิ่งที่ทำให้ราชวงศ์แห่งนี้ทรงพลังนั้นคือเซียนกลุ่มใหญ่!

รวมไปถึงสำนักเมฆาฟ้า โจวหวู่ไท่และสำนักอื่นๆอีกหลากหลายได้กลายเป็นกองหนุนให้ สมาชิกตระกูลหวังจึงสุขสมไปกับสถานะอันสูงส่งด้วยการนี้

สัมผัสวิญญาณหวังหลินห่อหุ้มทั้งดวงดาว เขารู้สึกถึงการเรียกหาทางสายเลือดและมาที่นี่ เมืองหลวงแห่งนี้มีความเข้มข้นทางสายเลือดตระกูลหวังสูงที่สุด

ขณะที่สัมผัสวิญญาณกวาดผ่านไปเขากลับไม่เจอหวังจัว หวังหลินถอนหายใจและหายตัวไป ปรากฏตัวอีกครั้งในพระราชวัง มองเห็นฝูงชนมีชีวิตชีวาและตำหนักอันหรูหรา หวังหลินค่อยๆขมวดคิ้ว

เมืองหลวงแห่งนี้ฟุ่มเฟือยเกินไป ใช้ก้อนหินสีขาวและฟ้าอันล้ำค่าเป็นถนน ขณะแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปเขากลับพบว่าทั้งเมืองเป็นแบบนี้หมด

หากเป็นแค่นี้มันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ต้นไม้รอบด้านถูกหุ้มอยู่ในผ้าไหม แม้จะดูหรูหราแต่ทั้งหมดมีการคดโกงอยู่ด้วย

หลังจากบรรลุระดับบ่มเพาะในปัจจุบัน หวังหลินสามารถมองเห็นได้อีกหลายอย่าง ความเศร้า ความโกรธ ความกลัวและกลิ่นอายอีกหลายอย่างเข้าก่อกวนจิตใจ

หากอาศัยอยู่ที่นี่นานเกินไป นิสัยจะเปลี่ยนไป อารมณ์คงไม่มั่นคงและอายุขัยชีวิตสั้นลง

กลิ่นอายก่อตัวเป็นความไม่พอใจ ครั้งนึงหวังหลินเคยขอให้ผู้คนรวมกันบนดาวฉิงหลิง ตอนนี้เมื่อมาเห็นความไม่พอใจมหึมาเหนือเมืองหลวง หวังหลินยิ่งขมวดคิ้วหนัก

พอส่งสัมผัสวิญญาณออกไปเขาพบว่าเมืองจำนวนมากมายมีระดับความไม่พอใจแตกต่างกัน ความไม่พอใจเช่นนี้ปกคลุมไปกว่าครึ่งดาว

มันออกมาจากบ้านใกล้เรือนเคียงจากทุกหมู่บ้าน ที่ไหนมีคนธรรมดาอาศัยอยู่จะรวมตัวกันและเกาะกุมไม่หายไปไหน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดที่สังเกตได้มากที่สุดคือทางตะวันตกเฉียงเหนือที่ที่ซึ่งทรายสีแดงและมีซากศพอยู่ทุกแห่งหน ความเกลียดชังจำนวนมากออกมาจากตรงนั้นและแผ่กระจายไปทั่วพื้นที่ หากเมืองอื่นๆมีความไม่พอใจรุนแรง เมื่อนั้นความไม่พอใจตรงเมืองหลวงคือเปลวเพลิงมารร้ายพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

มีเพียงคนที่มีระดับบ่มเพาะเช่นเดียวกับหวังหลินเท่านั้นที่จะสังเกตการณ์ได้ และต้องสังเกตอย่างละเอียดด้วย ไม่เช่นนั้นหากระดับบ่มเพาะไม่เพียงพอคงไม่อาจตรวจเจอ

‘ไร้สาระ!’ หวังหลินเดินลงไปบนถนนด้วยใบหน้ามืดมัว เขามีความสุขที่ได้เห็นความเจริญของลูกหลานตระกูลหวัง ว่าความเจริญพวกนี้ถูกสร้างขึ้นบนความไม่พอใจ และลูกหลานตระกูลหวังได้รับผลกระทบมหาศาล หากไม่เป็นแบบนี้คงไม่มีความมั่งคั่งขนาดนี้!

ขณะเดินไป เสียงกีบม้าดังก้องออกมาไกล คนเดินเท้าตื่นตระหนกและรีบถอยไปด้านข้าง หวังหลินขมวดคิ้วพลางก้าวถอยหลังมองออกไปด้วยใบหน้ามืดมัว

ม้าจำนวนมากควบไปบนถนนโดยมีเด็กไม่กี่คนขี่บนหลังและมีคนรับใช้จำนวนมากติดตามมา คนรับใช้ทั้งหมดเดินเหินแต่พวกเขาเร็วเท่าๆกับม้า

เด็กหนุ่มบนหลังม้าสวมเสื้อผ้าหลากสีสัน คนตรงหน้าสุดหน้าตาหล่อเหล่ายิ่งทว่ารอบใบหน้ามีควันสีดำล้อมรอบเอาไว้ แม้จะเป็นเซียนขั้นเทวะยังคงยากที่จะมองทะลุออก แต่สำหรับหวังหลินนั้นชัดเจนยิ่ง

ปราณกระบี่สองสายลอยอยู่กลางอากาศ เซียนสองคนยืนอยู่บนกระบี่ ทั้งคู่ต่างเป็นขั้นพื้นฐานลมปราณ พวกเขากำลังเปิดเส้นทางให้กับพวกเด็กๆ

หากเป็นเพียงแค่การโอ้อวดมันคงไม่เป็นปัญหา แต่สิ่งที่ทำให้หวังหลินขมวดคิ้วคือสายจูงผูกกับม้าที่เจ้าเด็กกำลังขี่อยู่ ปลายสุดของสายจูงคือคนผู้หนึ่ง เขาหน้าตาขุ่นมัวยากจะมองออกว่าเป็นเช่นไรแต่เป็นผู้ชายแน่นอน วินาทีนั้นเขากำลังถูกลาก เสื้อผ้าขาดวิ่น โลหิตจำนวนมากไหลออกมาจากร่างกายย้อมพื้นไปหมด ราวกับมีใครกำลังใช้คนผู้นี้วาดด้วยโลหิต

พวกเขากำลังผ่านไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับผู้ติดตามส่งเสียงหัวเราะขบขัน จอมยุทธ์ผ่านไปอย่างรวดเร็วและสองเหล่าเซียนเหาะเหินโดยไม่ชำเลืองมองสักครา

หลังคนพวกนั้นจากไป ทหารกลุ่มหนึ่งรีบออกมาชำละรอยเลือด จากนั้นก็ติดตามไปล้างรอยเลือดระหว่รางทาง

จนเมื่อทั้งหมดนั้นจากไปแล้ว คนรอบด้านจึงเริ่มพูดคุยและกลับมาเป็นปกติ

“โชคร้ายอะไรกัน! คราวนี้เป็นใครกันที่ตาบอดและกล้าไปล่วงเกินองค์ชายที่สิบหก? ข้ากลัวว่าข้าจะถูกลากไปรอบเมืองหลวงจนตายเสียก่อน!”

“ไม่หรอก ในมหาราชวงศ์ ตระกูลหวังคือสรวงสวรรค์ แม้กระทั่งเซียนยังกลายเป็นขี้ข้า ใครจะกล้าไปล่วงเกินเล่า?”

“อย่าพึ่งพูดเลย ไม่กี่เดือนก่อน อาจารย์ต่างแดนกำลังส่องท้องฟ้ายามกลางคืนและสังเกตถึงสัญญาณอันตรายจากฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ คนจำนวนนับแสนในฝั่งนั้นถูกสังหาร ข้าได้ยินมาว่าแม้กระทั่งตอนนี้ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือยังปกคลุมไปด้วยซากศพ”

“เราพูดเรื่องนี้ไม่ได้ พี่ลี่หันไปพูดเรื่องอื่นเถอะไม่เช่นนั้นเราอาจจะโดนดีเสียเอง”

หวังหลินสีหน้ามืดมัว เขาเห็นได้ชัดเจนว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของสายเลือดตระกูลหวัง

หวังหลินเอ่ยเสียงเบา “ต้านซาน นำตัวเขามาที่นี่!”

ต้าซานหันตัวและหายไปโดยไม่เอ่ยคำพูดสักคำ วินาทีถัดมาเขาปรากฏตัวพร้อมกับคนผู้หนึ่งในมือ คนผู้นั้นคือเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา

วินาทีนั้นสายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสาปแช่งซ้ำกันไปมา “เจ้ากล้าจับข้าหรือ? เจ้ามาจากสำนักไหน!? เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร? ข้าเป็นคนตระกูลหวัง!”

ต้าซานใบหน้าสงบนิ่งพลางก้าวเข้าหาหวังหลิน เด็กหนุ่มถูกโยนลงบนพื้น

ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้ฝูงชนตกตะลึงและแยกตัวออกไปทันทีโดยไม่ลังเล สายตาแต่ละคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เด็กหนุ่มมีท่าทางดุร้ายพลางลุกขึ้นจ้องต้าซาน แม้เขาจะลอบสาปแช่งแต่กลับร้องตะโกนโดยไม่ได้เผยความหวาดกลัวอันใด “ข้าเป็นคนตระกูลหวัง เจ้ายังกล้ามาทำร้ายข้าหรือ? ไม่ว่าเจ้าจะมาจากสำนักไหน เจ้าตาย!”

หวังหลินจ้องเด็กคนนั้นด้วยใบหน้าเย็นเยียบ เขามองเห็นควันสีดำหนาแน่นออกมาจากศีรษะเด็กหนุ่มได้ ควันสีดำก่อตัวเป็นอสรพิษ อ้าปากและร้องคำรามเงียบใส่ต้าซาน

พวกเซียนที่ไม่ได้บรรลุขั้นที่สองคงไม่อาจตรวจจับสิ่งนี้ได้ พวกเขาเพียงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเย็นเยียบระเบิดออกมาจากเด็กหนุ่มซึ่งคงทำให้จิตใจสั่นเทา

วินาทีนั้นเสียงตะโกนดังออกมาจากถนนไกลๆ กลุ่มพวกนั้นกลับมาแล้ว ปราณกระบี่สองสายนำทางมาพร้อมกับเหล่าคนรับใช้และเหล่าจอมยุทธ์ที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร

มีเด็กหนุ่มอีกสองสามคนขี่บนหลังม้าพลันมาถึงด้วย แต่ละคนร้องตะโกนอย่างดุร้าย “จับโจรคนนั้น!”

“มีนักฆ่า ปกป้ององค์ชาย!”

ปราณกระบี่สองสายพุ่งเข้าหาต้าซานก่อน ทั้งสองโจมตีโดยไม่ต้องคิด ทั้งสองไม่ทันสังเกตและเมื่อรู้ตัว องค์ชายก็หายไปแล้ว

พวกเขาหันกลับมาเห็นต้าซานโยนองค์ชายไปบนพื้นและจึงอ้าปากค้าง พวกเขาเป็นศิษย์สำนักเมฆาฟ้าที่ถูกส่งมาที่นี่เพื่อปกป้ององค์ชาย หากมีบางอย่างเกิดขึ้นกับองค์ชายพวกเขาคงถูกลงโทษตอนที่กลับไปยังสำนัก

ทั้งสองพุ่งกระบี่ตนเองชี้เข้าใส่ต้าซาน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version