920. โจวเทียน 3
สายลมเย็นพัดผ่านดวงดารา วิญญาณนับไม่ถ้วนเร่ร่อนทั่วพื้นที่ แรงอาฆาตมหึมาปกคลุม หวังหลินมองจากด้านข้างอย่างใจเย็น รับรู้ความเข้าใจบางอย่างจากพลังอำนาจของไสยเวทย์
หวังหลินยกแขนขวาและชี้ขึ้นไป วังวนยักษ์ปรากฏและดูดวิญญาณทั้งหมดเข้าไป ทว่ามีดวงวิญญาณของบรรพชนโลหิตที่แตกต่างกันออกไป แววตาเขากระพริบสีแดงวาบ พุ่งตรงใส่หวังหลินพร้อมกับส่งเสียงคำราม
หวังหลินกระพริบแววตาจิตสังหาร แขนขวากำหมัดชกออกไป!
ปัง!
ดวงวิญญาณบรรพชนโลหิตหยุดชะงักไปหนึ่งจังหวะ หวังหลินใช้โอกาสนี้ทำให้วังวนเพิ่มความเร็วขึ้นเพิ่มพลังดึงดูด ดวงวิญญาณบรรพชนโลหิตร้องอย่างไม่ยินยอมพร้อมกับถูกดูดกลับเข้าไป
วังวนในดวงดาวค่อยๆหายไปก่อนจะกลายเป็นลำแสงและถูกหวังหลินกลืนกิน นรกสิบแปดชั้นตอนนี้มีวิญญาณใหม่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งดวงแล้วในชั้นที่สิบสาม!
แม้วิญญาณดวงนี้จะอยู่ในชั้นสิบสาม มันก็ถือว่าอยู่เหนือสุดในนั้น เพราะคือโจวเทียน!
หลังจากสังหารโจวเทียนได้ หวังหลินมองซื่อจื่อเฟิงก่อนจะถอนสายตาและเดินทางต่อไป ต้าซานติดตามด้านหลัง เด็กหัวโตพบว่าไม่มีเรื่องประหลาดใจอะไรอีกแล้ว
ส่วนเล่ยจีรีบติดตามหวังหลินไปดวงดาวห่างไกล
ซื่อจื่อเฟิงขบคิดและนางก็ติดตามไปด้วย
ขณะเดินทางหวังหลินจึงเริ่มขบคิดขึ้นมา
“การต่อสู้ระหว่างฝ่ายพันธมิตรเซียนและฝ่ายทุกชั้นฟ้าถึงจุดสำคัญแล้ว จังหวะนี้คือการประสบผลสำเร็จเพื่อเอาใจปรมาจารย์จงเฉิน ข้าจำเป็นต้องได้รับความเคารพจากพวกเซียนทุกชั้นฟ้ามากกว่านี้ ซึ่งหากข้าเผชิญหน้ากับเทียนหยุนหรือหากต้าวเสินหลบหนีอออกมาจากดินแดนเทพโบราณได้ เมื่อนั้นปรมาจารย์จงเฉินจะช่วยข้าได้”
หวังหลินคิดขึ้นในใจ อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกินไปนักเรื่องการโจมตีของทุกชั้นฟ้ากับพันธมิตรเซียน หลังขบคิดสักเล็กน้อยหวังหลินจึงตบกระเป๋านำธงเล็กๆผืนหนึ่งออกมา
บนผืนธงมีลวดลายพยัคฆ์เหิน หวังหลินชูมันขึ้นไป พยัคฆ์เหินพุ่งออกมาและร้องคำรามสั่นสะท้านดวงดารา
การกระตุ้นธงพยัคฆ์เหินและปลดปล่อยมันออกมานั่นหมายความว่าหวังหลินประกาศตำแหน่งของตนเอง ขณะเดินทางไม่กี่นาที ปราณกระบี่นับสิบสายปรากฏขึ้นห่างไกล มีสองกลุ่มกำลังต่อสู้กันอยู่และเห็นได้ชัดว่าฝ่ายทุกชั้นฟ้ากำลังพ่ายแพ้
อีกด้านหนึ่งเต็มไปด้วยจิตสังหารและร่ายวิชาเซียนอย่างต่อเนื่อง เพียงไม่กี่ลมหายใจเซียนทุกชั้นฟ้าคนหนึ่งก็ตายลง!
แววตาเซียนทุกชั้นฟ้าประมาณเจ็ดถึงแปดคนต่างเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง พวกเขาบาดเจ็บจากคลื่นกระแทกก่อนหน้านี้และหมดแรงเกินกว่าจะหลบหนี
ณ วินาทีนั้นเสียงพยัคฆ์คำรามดังออกมาไกล สัมผัสวิญญาณแข็งแกร่งแพร่กระจายออกมา เหล่าเซียนทุกชั้นฟ้าตกตะลึง พวกเขามองกลับหลังและเผยสีหน้าแห่งความสุขมิอาจบรรยาย
“เทพสายฟ้าซิ่วมู่!”
“นั่นมันเทพสายฟ้าซิ่วมู่!!”
เหล่าเซียนฝ่ายพันธมิตรได้รับข้อมูลจากผู้อาวุโสของตน ชายชราหนึ่งในนั้นรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับซิ่วมู่มาแล้ว
พลันสายตากระพริบเย็นเยียบ สีหน้าเปลี่ยนไป เขาล่าถอยโดยไม่ลังเลและตะโกนออกมา “ซิ่วมู่เป็นเซียนขั้นส่องสวรรค์ เราไม่อาจสู้ได้ รีบหนีเร็วเข้า!”
อีกทิศทางหนึ่งมีเซียนสามคนกำลังต่อสู้และถูกต้อนจนมุม ทั้งสามคนเป็นเซียนขั้นมายาหยินแต่หากมองใกล้ๆแล้วจะเห็นว่าเซียนฝ่ายทุกชั้นฟ้าสองคนกำลังสู้กับฝั่งพันธมิตรหนึ่งคน ฝ่ายพันธมิตรนั้นไร้ปราณียิ่ง เขากระทั่งสงบนิ่งได้แม้จะเป็นการถูกรุมสองคน
ณ วินาทีที่เสียงพยัคฆ์คำรามออกมาไกล เซียนทุกชั้นฟ้าหนึ่งในนั้นแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาด้านหลังและตกตะลึงทันที
“ซิ่วมู่!” ไม่เพียงแต่เขาจะรู้จักซิ่วมู่ แต่เขายังเป็นคนที่หวังหลินช่วยชีวิตไว้ในแดนสวรรค์อัสนีด้วย!
เซียนฝ่ายพันธมิตรที่กำลังต่อสู้ต่างก็ตกตะลึง ชื่อซิ่วมู่ฟังดูคุ้นหู หลังจากขบคิดเล็กน้อยสีหน้าพลันเปลี่ยนไปมหาศาล
ฝ่ายพันธมิตรเซียนส่งข้อมูลเกี่ยวกับเหล่าเซียนทุกชั้นฟ้ามาที่สำนักเขา พวกเขาแบ่งพวกเซียนทุกชั้นฟ้าออกเป็นเจ็ดระดับ ระดับหนึ่งนั้นอ่อนแอที่สุดและระดับเจ็ดแข็งแกร่งที่สุด!
เขาจำได้ว่าซิ่วมู่ผู้นี้อยู่ที่ระดับห้า!
จึงล่าถอยโดยไม่ลังเล
ระหว่างทางหวังหลินเผชิญหน้ากับเซียนจำนวนมาก เมื่อไหร่ที่เซียนทุกชั้นฟ้าเห็นหวังหลินและพยัคฆ์เหิน พวกเขาจะรีบเข้ามาใกล้ทันที
คลื่นเสียง “คำนับเทพสายฟ้า!” โผล่ออกมาจากเซียนทุกคนที่เข้ามาหาหวังหลิน ในสายตาพวกเขาหวังหลินดุจแสงไฟส่องสว่างในช่วงจังหวะความสับสนเช่นนี้!
การล่มสลายของดินแดนตะวันตกได้ทำให้เซียนฝ่ายทุกชั้นฟ้าส่วนใหญ่ตกอยู่ในความตื่นตระหนก มีคนจำนวนมากตายไปและคนที่เหลือรอดต่างกระจัดกระจายไปหลายที่หลายทาง
ขณะเดียวกันการปรากฏตัวของพวกเซียนฝ่ายพันธมิตรได้ทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ขึ้นไปอีก! ตอนนี้ธงพยัคฆ์เหินของหวังหลินเป็นศูนย์รวมจิตใจของพวกเขา!
เสียงคำรามจากพยัคฆ์เหินทำให้ความคิดเซียนทุกชั้นฟ้าถึงกับสั่นสะท้าน!
ท่าทีหวังหลินเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน หากเขาเจอกับสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้กันอยู่ หวังหลินจะโจมตีทันที เซียนฝั่งทุกชั้นฟ้าจำนวนมากจึงรวมตัวกันรอบๆหวังหลิน
คนเหล่านี้ก่อให้เกิดเป็นพลังอันแข็งแกร่ง ส่วนใหญ่แล้วหวังหลินไม่จำเป็นต้องลงมือเองเลยแม้แต่น้อย พวกเซียนทุกชั้นฟ้าที่ติดตามเขาจะพุ่งออกไปและทำลายฝ่ายตรงข้าม
ยิ่งนานไปยิ่งมีเซียนทุกชั้นฟ้ารวมตัวกันรอบๆหวังหลินมากขึ้น ปราณกระบี่ใต้ฝ่าเท้าแต่ละคนทำให้พวกเขาดูเหมือนกระบี่ยักษ์ทิ่มแทงเข้าไปในดินแดนตะวันตก!
กลุ่มเซียนของหวังหลินไม่ใช่กลุ่มเดียวในดินแดนตะวันตก เหล่าผู้ส่งสาส์นของอารามเทพอัสนี เทพอื่นๆร้อยแปดคนและตระกูลเซียนบางส่วนก็ทำเช่นเดียวกันนี้
ทว่ากลุ่มของหวังหลินมีจำนวนคนมากที่สุด!
ขณะที่เขาเดินทางต่อไป ยิ่งมีเซียนรวมตัวกันมากขึ้นจนกระทั่งมีปราณกระบี่หลายร้อยสายพุ่งผ่านอวกาศ เสียงกระบี่เหินและเสียงคำรามของพยัคฆ์แพร่กระจายต่อไปเรื่อยๆ
ชื่อเสียงของหวังหลินเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว
ขณะที่กลุ่มของหวังหลินพุ่งเข้าไปสู่ใจกลางดินแดนตะวันตก อวกาศพลันเริ่มสั่นไหวอย่างลึกลับ ระลอกคลื่นพุ่งข้ามมาจากระยะไกล
ภายในระลอกคลื่นมีกลิ่นอายที่ทำให้จิตใจผู้คนสั่นไหว กระทั่งแสงกระบี่ใต้ฝ่าเท้าเหล่าเซียนรอบหวังหลินยังเริ่มไม่มั่นคง
หวังหลินหรี่ตาแคบ แพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไป แม้จะมีความคิดหนักแน่นก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่ว ห่างออกไปไกลมีเศษไม้ยาวแสนฟุตกว้างหมื่นฟุตพัดพาขุมกำลังสั่นคลอนเซียนทุกคนพุ่งเข้ามาด้วยพลังอันเหนือล้ำเกินจินตนาการ
เซียนฝ่ายทุกชั้นฟ้านับไม่ถ้วนล้อมรอบเศษไม้ยักษ์ชิ้นนี้ พวกเขาปลดปล่อยจิตสังหารอันแข็งแกร่ง สิ่งที่ทำให้หวังหลินตกตะลึงคือกลิ่นคาวเลือดรุนแรงจนสัมผัสได้ไกลขนาดนี้
นั่นเป็นสัญญาณบอกว่ามีคนนับไม่ถ้วนตายลงไปเนื่องจากผลกระทบจากเศษไม้ชิ้นนี่
หวังหลินไม่เคยเห็นเศษไม้ยักษ์แบบนี้มาก่อน เพียงแค่มองดูก็รู้สึกตกตะลึงแล้ว หวังหลินรู้ว่าหากถูกเศษไม้ยักษ์ตบตี เขาจะบาดเจ็บสาหัสทันที หากประมาทเพียงเล็กน้อยคงตายไปด้วย เว้นแต่จะรู้วิธีและหลบหนีด้วยการผสานกับโลก
แม้เศษไม้ยักษ์นี้จะทำให้ความคิดหวังหลินสั่นสะท้าน มันก็ยังไม่ทำให้เขาตกตะลึงมากพอ สิ่งที่ทำให้หวังหลินตกตะลึงจริงๆคือสิ่งที่อยู่ด้านหลังเศษไม้ยักษ์!
อสรพิษพิฆาตจันทร์!!
ร่างใหญ่ยักษ์ของมันดุจดาวเคราะห์เซียน หนวดนับไม่ถ้วนส่ายไปมารอบๆ เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวท่ามกลางดวงดารา
วินาทีที่หวังหลินเห็นอสรพิษพิฆาตจันทร์ตัวนี้ ร่างกายสั่นเทาออกมาจากร่างเทพโบราณ!
// จบภาค 7 ชื่อเสียงสั่นสะเทือนดาราจักรทุกชั้นฟ้า (ตอน 659 – 920)