Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 966

Cover Renegade Immortal 1

966. เข้าใจความจริง

ปรมาจารย์ยี่เฉินดูเหมือนจะเข้าใจได้เล็กน้อย ถือจอกเหล้าแต่ไม่ได้วางมันลงไปสักพัก

“พี่หวังหมายถึงดาราจักรทุกชั้นฟ้าที่มีตระกูลเซียนใช่ไหม?” ปรมาจารย์ยี่เฉินเผยท่าทีสนใจ หวังหลินพยักหน้า จากนั้นยี่เฉินก็กล่าวต่อ “พอพูดเรื่องดาราจักรทุกชั้นฟ้า พวกเขาแตกต่างกับเราจริงๆ น่าอัศจรรย์ที่พวกเขาพัฒนามาไกลด้วยการเน้นด้านตระกูลเซียน หากไม่ใช่ว่าพันธมิตรเซียนบอกข้าเรื่องนี้ ข้าคงไม่เชื่อ”

“การต่อสู้ของพันธมิตรเซียนกับฝ่ายทุกชั้นฟ้าในเขตเหนือทำให้พันธมิตรเซียนต้องล่าถอย พลังอำนาจแต่ละคนไม่อาจประเมินค่าได้”

ขณะเขาเอ่ยขึ้น สายฟ้าระเบิดออกมาจากท้องฟ้ายามมืดมิด ก้อนเมฆค่อยๆรวมกันปกคลุมดวงดาว ความชื่นเต็มพื้นที่จากนั้นประกายสายฟ้าเส้นหนึ่งส่องอร่ามในความมืดมิดกระแทกลงมา

ขณะเดียวกันสายฝนเม็ดโตก็ไหลรินลงก่อเกิดเสียงแปล๊บ ชั้นหมอกเบาบางก่อตัวขึ้นจากพื้นดิน

หลิงเอ๋อร้องอุทานและรีบไปที่มุมตำหนักเพื่อดูข้างนอก

ความเข้าใจของยี่เฉินถูกขัดขวาง ตกตะลึงพรึงเพริดก่อนที่ศีรษะจะสั่นไหว “ในเดือนที่ผ่านมาสภาพอากาศของดาวเทียนหยุนช่างแปลกประหลาด ชั่วประเดี๋ยวท้องฟ้ากลางคืนยังโปร่งใส ประเดี๋ยวถัดมาก้อนเมฆดำปกคลุมน่านฟ้าและฝนตกกระหน่ำ”

ชายวัยกลางคนนามยี่ซิงพยักหน้า “ใช่แล้ว มันเหมือนเซียนพิสดารที่มีนิสัยเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและไม่อาจมองทะลุได้”

เมื่อสิ่งที่พวกเขาพูถึงหูหวังหลินทำให้เขาสั่นสะท้าน หวังหลินมองขึ้นบนท้องฟ้านอกตำหนักพร้อมกับจอกเหล้าในมือ ราวกับเขาโดนแสงสาดส่อง เดิมทีเขาสับสนเรื่องป๋ายเว่ย ตอนนี้มันเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นเปิดทางขึ้นมา

‘เหมือนกับนิสัยคน มันประหลาดและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มิอาจมองทะลุได้…’

‘ก่อนหน้านี้ป๋ายเว่ยบอกว่าสภาพอากาศบนดาวเทียนหยุนจะเปลี่ยนแปลงในอีกไม่กี่เดือน เปลี่ยนระหว่างฟ้าแจ่มใสและมีก้อนเมฆในทันทีทันใดจนบดบังทัศนวิสัยของดาวเทียนหยุน’

‘แม้จะฟังดูธรรมดาแต่มันมีความลึกซึ้งอยู่ในนั้น การเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของสภาพอากาศบนดาวเทียนหยุนเป็นการอ้างถึงนิสัยที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของอาจารย์ เหมือนกันกับที่ข้าคาดการณ์ว่าเขาเปลี่ยนแปลงระหว่างร่างอวตารแต่ละตน!’

การกระทำของหวังหลินทำให้สามพี่น้องเฉินมองหน้ากันเอง พวกเขาไม่อาจรู้ได้ว่าหวังหลินกำลังคิดอะไรอยู่และอดไม่ได้ที่เงียบลง

หลังจากคำพูดของยี่ซิงลบเลือนหมอกในใจเขา ความคิดหวังหลินก็ชัดเจนอย่างไม่น่าเชื่อ เขาคิดย้อนไปถึงท่าทางของป๋ายเว่ยและดูเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์บางส่วน

‘ใครสักคนปลูกต้นไม้สีขาวไว้ด้านหลังภูเขา มันสงบนิ่งไม่เคยเบ่งบาน แต่ดอกของมันไม่ได้เป็นสีขาวเหมือนต้นไม้แต่กลับเป็นสีดำ เพียงสามลมหายใจมันก็เปลี่ยนกลายเป็นฝุ่นผง…ตอนนั้นมีไม่กี่คนที่ประหลาดใจ ข้าก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน ข้าคิดว่ามันคงดีถ้าหากข้าสามารถช่วยดอกไม้นั่นได้’

‘มีความหมายลึกลับซ่อนอยู่ในคำพูดเขา ต้นไม้สีขาวนั่นหมายถึงป๋ายเว่ยเอง! ต้นไม้สีขาวไม่อาจเบ่งบานได้นั่นหมายถึงเดิมทีเขาเป็นบุรุษ…จากนั้นบอกว่าแทนที่ดอกไม้จะเป็นสีขาวแต่กลับเป็นสีดำ นี่ยิ่งชัดเจน เขากำลังบอกว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง สีขาวและดำกลับตาลปัตร เขาเปลี่ยนจากชายกลายเป็นหญิง!’

‘ดอกไม้มีชีวิตอยู่ได้เพียงสามลมหายใจนั่นหมายความว่าเขาไม่มีเวลาเหลือมากนัก เขาบอกทั้งหมดนี้เพื่อให้ข้าช่วยเขา!’

‘นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมการกระทำของเขาถึงได้เกินจริงนักตอนที่ข้าถามเรื่องระดับบ่มเพาะ ข้าทั้งสงสัยและขบคิดคำพูดเขา ยังบอกข้าอีกว่ามันคือการฝึกวิถีปรารถนาสองเทพ!’

‘รอยประหลาดที่เกิดขึ้นจากการไหลเวียนพลังงานหยินปกติแล้วมันจะไม่เผยตนเอง ทว่าตอนที่ป๋ายเว่ยพูด ‘ปรารถนาสองเทพ’ มันจึงเผยขึ้นมา ป๋ายเว่ยต้องการย้ำเตือนข้าบางอย่าง!!’

‘ผสมผสานกับสิ่งที่เขาพูดเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ นั่นหมายความว่าคนที่เขากลัวคือเทียนหยุน คนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ก็เทียนหยุนด้วยเช่นกัน!’

‘นี่คือเหตุผลที่แท้จริงที่เขาขอให้ข้าออกไปจากสำนักชะตาสวรรค์!’ หวังหลินยืนขึ้นทันที คำนับฝ่ามือให้กับสามพี่น้องเฉิน “สหายเซียนทั้งสาม ข้ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำ เช่นนั้นข้าจะไม่ขอรบกวนท่านอีก!” หวังหลินพูดจบพลางคว้าฉวี่ลี่กั๋วและโยนเข้าไปในกระเป๋า ก้าวเท้าและหายตัววับไป

สามพี่น้องเฉินงงงวยยิ่ง ขบคิดได้เล็กน้อยก็ไม่อาจรู้เหตุผล

หวังหลินปรากฏตัวนอกห้องป๋ายเว่ยเพียงก้าวเดียว เขาไม่ต้องการรู้ความลับของเทียนหยุนแต่เขาต้องระมัดระวังตัวเองตลอดเวลา หลังจากเข้าใจเทียนหยุนเท่านั้นถึงจะสามารถปกป้องตัวเองได้

หวังหลินต้องการรู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับป๋ายเว่ยกันแน่!

ขณะหวังหลินปรากฏตัว พลันอุทานขึ้นและสัมผัสถึงกฏเกณฑ์ผันผวนออกาจากห้องป๋ายเว่ย มันอ่อนแอยิ่งและแม้หวังหลินจะมีระดับบ่มเพาะในปัจจุบันก็แทบจะไม่สังเกตเห็นเว้นแต่จะมาอยู่ที่นี่

‘มีบางอย่างผิดปกติ!’ ดวงตาหวังหลินส่องสว่าง สัมผัสวิญญาณพุ่งตรงเข้าไปในห้อง วินาทีที่สัมผัสวิญญาณเข้าแตะกับกฏเกณฑ์ผันผวนที่อ่อนแรง พลังต้านทานแข็งแกร่งปรากฏขึ้นมาและชนเข้ากับสัมผัสวิญญาณวหังหลิน

เสียงดังสะท้อนและทำให้สามพี่น้องเฉินสนใจทันที

หลังเสียงดังกก้อง ดวงตาหวังหลินส่องสว่าง ห้องถูกเขาบังคับเปิดออกให้เห็นกับสองตา แต่ไม่มีใครอยู่ข้างในสักคน!

ป๋ายเว่ยหายตัวไป!

‘ด้วยระดับบ่มเพาะของป๋ายเว่ย คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหนีไปโดยไม่ทำให้ข้าหรือพี่น้องเฉินรับรู้ ทั้งยังเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะวางกฏเกณฑ์เช่นนี้ด้วย ป๋ายเว่ยต้องพูดบังคับเอาตัวไป!’

‘คนที่จะเอาป๋ายเว่ยไปได้ต้องมีระดับบ่มเพาะเหนือล้ำกว่าข้าและพี่น้องเฉิน!’ หวังหลินสีหน้ามืดมนแต่ดวงตาหรี่แคบ

‘ผิดแล้ว! หากมีใครสักคนนำป๋ายเว่ยไป ทำไมพวกมันถึงวางกฏเกณฑ์คุ้มกันห้อง…’ หวังหลินขบคิด จากนั้นเผยท่าทีเยาะเย้ย

ร่างหวังหลินกระพริบวาบและหายตัวไปทันที ปรากฏตัวอีกครั้งกลางท้องฟ้า ตอนนี้โลกห่อหุ้มในสายฟ้า สายฟ้ากระพริบวาบในก้อนเมฆ ฟ้าร้องสนั่นไปทั่วดวงดาว

หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณกวาดผ่านพื้นที่ แต่เขาไม่พบร่องรอยป๋ายเว่ย เขารู้ว่าป๋ายเว่ยไม่ได้ออกไปจากที่นี่แต่ซ่อนตัวเองพอจะหลีกเลี่ยงสัมผัสวิญญาณ

แขนขวาสร้างผนึกและชี้ไปยังท้องฟ้า “อัญเชิญสายฝน!” ขณะโบกสะบัดนิ้วมือ สายฟ้าแล่นผ่านท้องฟ้าและส่องสว่างขึ้นบนผืนปฐพี สายฝนทั้งหมดล้อมรอบหวังหลินคล้ายของแข็งในอากาศและหยุดการตกหล่น

หลังจากนั้นไม่นานมีพลังที่มองไม่เห็นคล้ายจะโผล่ออกมาจากนิ้วหวังหลิน พริบตานั้นสายฝนภายในระยะหมื่นลี้ถูกห่อหุ้มไว้ในพลังสายนี้และหยุดชะงัก

แม้กระทั่งสายฝนใหม่ที่ก่อตัวในก้อนเมฆบนท้องฟ้าก็ยังไม่ตกหล่นลงมา หยาดฝนอื่นๆทั้งหมดแข็งค้างด้วยตำแหน่งที่แตกต่างกันกลางอากาศ แม้จะห่างพื้นเพียงหนึ่งนิ้วมันก็ยังไม่เคลื่อนไหว

หยาดฝนทุกเม็ดแฝงพลังแปลกประหลาด

พลังดั้งเดิมไม่มีที่สิ้นสุดรวมกันอย่างต่อเนื่องและเข้าไปสู่เม็ดฝนทุกเม็ด วินาทีนั้นโลกส่องสว่างขึ้น พลังต้นกำเนิดพรั่งพรูจนทำให้เซียนทรงพลังทั้งหมดในเมืองตกตะลึง

สามพี่น้องเฉินมองไปบนท้องฟ้าด้วยท่าทีตกใจ

ปรมาจารย์ยี่เฉินอ้าปากค้าง “วิชาแบบนี้…เป็นสิ่งที่มีเพียงเซียนขั้นชำระสวรรค์เท่านั้นที่จะใช้ได้!”

หวังหลินโบกแขน หยาดฝนทั้งหมดที่แข็งตัวพลันเกิดเสียงดังสนั่นและรวมกันรอบตัวหวังหลิน พริบตาเดียวพวกมันก็กลายเป็นวังวนยักษ์

พายุดังสนั่นกึกก้องทั่วน่านฟ้า หวังหลินแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและเข้าไปในวังวน สองแขนสร้างผนึกชี้ไปบนพื้น พายุกระแทกลงไปเสียงดังปัง หยาดฝนนับไม่ถ้วนแพร่ออกไปทั่วทุกที่ แบ่งออกเป็นเม็ดฝนมากมาย ทั้งหมดแฝงสมผัสวิญญาณของหวังหลินเอาไว้ราวกับสัมผัสวิญญาณแบ่งกลายเป็นร่างอวตารมากเหลือล้น

แต่ละร่างอวตารที่กระจายออกไปคือสัมผัสวิญญาณของเขา และไม้มันจะไม่ได้เพิ่มระยะสัมผัสวิญญาณของหวังหลินแต่มันได้เพิ่มการค้นหามากขึ้น

ขณะที่สัมผัสวิญญาณหวังหลินกวาดผ่านพื้นที่ไป ดวงตาหวังหลินส่องประกายและร่อนลงบนหุบเขาแห่งหนึ่งห่างออกไปจากเมืองหลายพันลี้

หวังหลินก้าวเท้าจนเกิดเสียงดัง เปลี่ยนกลายเป็นประกายสายฟ้าพุ่งไปหาหุบเขาแห่งนั้น

ระยะห่างแค่นี้ก้าวเพียงครั้งเดียวก็ข้ามผ่านไปได้ ในหุบเขามีกฏเกณฑ์อยู่แต่ไม่ได้ส่งแรงผันผวนออกมา หากไม่ใช่หวังหลินไม่ได้ใช้สายฝนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสัมผัสวิญญาณ เขาคงไม่พบว่ามันผิดปกติอันใด

เมื่อหวังหลินมาถึง กฏเกณฑ์เปิดออกเพียงเสี้ยวเดียวโดยที่หวังหลินไม่ต้องทำอะไร จากนั้นน้ำเสียงแข็งแรงดังออกมา

“พี่หวังได้โปรดเข้ามาเถอะ”

‘ป๋ายเว่ย!’ หวังหลินสีหน้าสงบนิ่งแต่จิตใจตื่นตะลึง น้ำเสียงนี้เป็นของป๋ายเว่ยแน่นอน อย่างไรก็ตามน้ำเสียงของป๋ายเว่ยก่อนหน้านี้เป็นอิสตรีจนยากจะบอกได้ว่าเป็นชายหรือหญิง ทว่าตอนนี้น้ำเสียงเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและมันคือน้ำเสียงบุรุษแน่นอน

หวังหลินขมวดคิ้วพลางก้าวเข้าไปในรอยร้าวและเข้าไปสู่หุบเขา

หุบเขาแห่งนี้แยกออกมาจากสายฝนดังนั้นจึงไม่มีฝนเข้ามาได้ หุบเขาเต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้นานาพรรณ แต่ทุกอย่างตายมานานแล้ว พลังงานหยินจำนวนมากจึงรวมกันอยู่ที่นี่

ข้างในหุบเขามีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่

และคนผู้นั้นคือป๋ายเว่ย!

ทว่ากลิ่นอายนี้แตกต่างจากความทรงจำของหวังหลิน ใบหน้าป๋ายเว่ยสงบนิ่ง กลิ่นอายแบบหญิงสาวที่เขามีหายไปสิ้น ถูกแทนที่ด้วยสัมผัสแห่งความมุ่งมั่น ดวงตาเปล่งประกายดุจสายฟ้าและกลิ่นอายดุดันล้อมรอบร่างกาย

ตอนนี้เขาไม่ได้ดูเหมือนสตรีอีกแล้ว ไม่ว่าจะดูยังไงก็เป็นบุรุษหล่อเหลา

ป๋ายเว่ยขบคิดเล็กน้อยจากนั้นเอ่ยขึ้น “พี่หวังประหลาดใจใช่ไหม?”

คนแปลก็ประหลาดใจเช่นกัน

คงเหลือตอนพิเศษ 8 ตอน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version