Skip to content

Swallowed Star 1101

ตอนที่ 1101 กังวล

บนเกาะโบฮีเนียล

“ดูนั่น หลัวเฟิงกำลังบินไปยังหน้าวังของเจ้าของเกาะ”

นักสู้อมตะจากเผ่าพันธุ์มารกำลังพูดคุยกัน เขามองหลัวเฟิงที่กำลังบินและติดตามทุกการกระทำของเขา

หลังจากที่หลัวเฟิงเข้าไปยังม่านน้ำ และหายไป นักสู้อมตะทั้งสองก็เริ่มรายงาน พวกเขาตรวจสอบบันทึกของอีกฝ่ายก่อนที่จะรายงาน

“มันก็นานหลายปี แล้วที่กลุ่มอำนาจทั้งสามรวมทั้งของเราต้องการฆ่าหลัวเฟิง ตอนนี้พวกเรารู้ดีว่าหลัวเฟิงมีพลังในระดับอัศวินอวกาศระดับสูง ถ้าเราไม่ทำอะไรกับมัน เขาจะต้องเป็นเจ้าแห่งจักรวาลอย่างรวดเร็วแน่”

สิ่งมีชีวติจากเผ่ามารกล่าว

“เราไม่สามารถติเผ่าของเราได้ พวกเขาจะทำอะไรได้หากหลัวเฟิงยังคงอยู่บนเกาะโบฮีเนียล ที่น่าแปลก หลัวเฟิงยังคงอยู่ในระดับ 5 บนเส้นทางสัตว์เทพ”

มีการจัดอันดับบนเกาะโบฮีเนียล หลัวเฟิงอยู่ในระดับที่ 5 เมื่อ 62 ปี ที่แล้ว ทำให้รู้ว่าเขายังคงฝึกฝนอยู่ในระดับที่ 5 บนเส้นทางสัตว์เทพ ผู้ยิ่งใหญ่ชั้นยอดทั้งหลายจะต้องอยู่ขั้นต่ำ ที่ระดับ 7

“เขาอยู่ในระดับที่ 5 บนเส้นทางสัตว์เทพ บางทีเขาอาจสำเร็จในเส้นทางกาลอวกาศและเวลา ถ้าเขาทำมันสำเร็จเขาอาจไปถึงระดับเจ้าแห่งจักรวาล”

“ทำไมเขาถึงได้พัฒนามากขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ นี้”

“ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับมัน ถ้าเขาไม่ทำมันตอนนี้เราก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าเขา”

“ดูนั่น เขาออกมาแล้ว”

สองนักสู้อมตะจากเผ่ามารได้จ้องไปยังหลัวเฟิงเพื่อเฝ้าจับตาดูการเคลื่อนไหว พวกเขาอาจจะได้ข้อมูลสำคัญบางอย่างจากข้อความพื้นฐาน

———-

หลัวเฟิงบินกลับมายังวังของเขา

“มีคนสอดแนมประมาณ 100” หลัวเฟิงคิด

“ข้าอาจจะผ่านระดับที่ 5 ในหนึ่งหรือสองปี”

หลัวเฟิงใช้เวลาครึ่งปี ในการผ่านระดับที่สี่ มันคือตัวแทนของกรงเล็บสัตว์เทพ ส่วนระดับที่ 5 มีความซับซ้อนมากกว่า มันคือตัวแทนของเขาสัตว์เทพ

หลังจาก 62 ปี หลัวเฟิงสำเร็จในระดับที่ 5 การไปตามเส้นทางสัตว์เทพของหลัวเฟิงทำได้ง่ายขึ้น เขาได้รับผลจากการฝึกการแกะสลักภาพ แล้วเขาก็ยังได้แรงบันดาลใจในการเรียนการแกะสลักในหอคอยดวงดาว

แม้ว่าหลัวเฟิงที่ได้สร้างเทคนิคสูงสุดของเจ้าแห่งจักรวาล เขาก็ยังใช้การแกะสลักระดับที่หนึ่งของหอคอยดวงดาวเท่านั้น ระดับที่สองเขาได้เข้าใจส่วนใหญ่แล้ว แต่มันก็ยังคงต้องใช้เวลาเพื่อที่จะใช้ระดับที่สอง

“ข้าใช้ได้เพียงระดับที่หนึ่งของหอคอยดวงดาว จำเป็นต้องเข้าใจการแกะสลักที่สองทั้งหมดเพื่อใช้การแกะสลักที่สองได้เต็มพลัง”

หลัวเฟิงที่ลงมายังที่พักของเขา เขารู้ดีว่าช่วงสงบสุขนี้เป็นเพียงแค่ช่วงสั้นๆ ก่อนพายุมา

———-

เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้คอยตามเฝ้าดูหลัวเฟิง

เจ้าแห่งจักรวาลหลงหยาง และผู้นำเมืองแห่งความโกลาหลกำลังพูดคุยกัน

“มันปลอดภัยสำหรับเขาที่จะอยู่บนเกาะโบฮีเนียลก็จริง แต่ทำไมเจ้าถึงได้ปล่อยให้เขาออกไปจากเมืองแห่งความโกลาหล มันยังคงอันตรายสำหรับเขาที่จะไปจากดินแดนของมนุษย์”

“สามเผ่าพันธุ์ชั้นยอดรวมมือกันโจมตีหลัวเฟิง แม้ว่าเขาอยู่ที่โรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล”

“ข้าไม่ต้องการหยุดเขาที่จะออกไป เขามีสมบัติแท้จริงประเภทวิญญาณ อำนาจจิตของเขาก็แข็งแกร่ง แม้ว่าเขาจะตกอยู่ในอันตรายที่ไม่อาจรับมือได้ เขาก็ยังคงสามารถที่จะระเบิดตัวเองได้ เขายังมีเทคนิคหลายร่าง ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องกังวล”

เจ้าแห่งจักรวาลหลงหยางกังวลเกี่ยวกับหลัวเฟิงที่ยังคงอยู่บนเกาะโบฮีเนียล

พวกเขาไม่กล้าที่จะส่งเจ้าแห่งจักรวาลเข้าไป ทะเลสาบ 5 สีอาจทำลายเจ้าแห่งจักรวาลเหล่านั้น มันไม่คุ้มค่าที่จะเสียเจ้าแห่งจักรวาลในการกระทำแบบนี้

“ชิ มนุษย์หลัวเฟิงนั้นจะอยู่บนเกาะโบฮีเนียลนั้นไปตลอดหรือไง”

“เขาอยู่บนเกาะโบฮีเนียลเป็นเวลานานเพราะต้องการฝึกฝน เขาจะต้องรอทำความเข้าใจจนเสร็จ”

“ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ เขายังไม่สำเร็จบนเส้นทางสัตว์เทพมากนัก แต่เข้าขั้นเกือบสมบูรณ์ในเส้นทางกาลอวกาศและเวลา เส้นทางสัตว์เทพของเขานั้นอาจเป็นข้อมูลอ้างอิง เขาอาจก้าวหน้าไปในเส้นทางที่แตกต่าง”

“เราไม่สามารถที่จะเสียเวลาของเราได้อีกต่อไปแล้ว ยิ่งเราเสียเวลาไปมากเท่าไรก็ยิ่งดีกับหลัวเฟิง”

สามเผ่าพันธุ์ชั้นยอดต่างเป็นกังวล พวกเขาต้องรอให้หลัวเฟิงออกจากเกาะโบฮีเนียลด้วยตนเอง

———-

สามสิ่งมีชีวิตทะลุผ่านอวกาศมายังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

สิ่งมีชีวิตหนึ่งมีวงรีขนาดยักษ์ที่มีเงาอยู่ด้านใน อีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตมีรัศมีอยู่รอบตัว อีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับงูนับพันอยู่รอบงูสีเงินขนาดใหญ่

“มารฝันเขย่าขวัญอยู่ที่ไหน” วงรีสีดำขนาดยักษ์กล่าว

“ข้าเป็นตัวแทนเผ่าพันธุ์มาร” งูสีเงินกล่าว เสียงของเขาส่งไปยังอีกสองฝ่ายด้วยการทำงานของกฎ

“บิดาเทพเรียกหาข้า และเผ่าแมลงก็อยู่ที่นี่แล้ว งั้นก็มาเริ่มคุยกัน”

“เริ่มเลย บิดาเทพ”

“ได้…เด็กน้อยที่ชื่อหลัวเฟิงในเผ่าพันธุ์มนุษย์มีพลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าเรายังคงปล่อยให้เขาเป็นอิสระต่อไป มันจะยิ่งเป็นปัญหาสำหรับเราในอนาคต นอกจากนี้เขายังมีหลายร่าง เราจำเป็นต้องฆ่าเขาให้เร็วที่สุด”

“แน่นอนว่าเราต้องทำ แต่เขาอยู่ใจกลางของโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล แม้แต่เจ้าแห่งจักรวาลก็ต้องตายด้วยทะเลสาบ 5 สี เราไม่สามารถส่งคนโดยฝ่าฝืนกฎได้ ในจักรวาลดั้งเดิม โรงเรียนเทพอสูรบรรพกาลคือผู้พิทักษ์กฎ ไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้”

“ข้าเห็นด้วยกับส่งที่จักรพรรดินีพูด เราจำเป็นต้องฆ่าเขา แต่ทำอย่างไร”

“เราไม่ต้องการเป็นศัตรูกับโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาลเราจำเป็นต้องเชิญเจ้าแห่งจักรวาลสูงสุดเพียงเท่านั้น ผู้ที่สันโดษที่เราไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ของเรา จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาฆ่าหลัวเฟิงที่ศูนย์กลางของโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล”

“เจ้าแห่งจักรวาลสูงสุดที่สันโดษงั้นหรอ”

สองสิ่งมีชีวิตสูงสุดยังคงมีความไม่แน่ใจ

“ราคาของมันจะต้องมาก”

“การขอให้เจ้าแห่งจักรวาลสูงสุดฆ่าอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ตรงศูนย์กลางโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล ทางโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาลอาจไม่พอใจ ถึงแม้ว่าทางโรงเรียนจะไม่ใส่ใจมากนัก มันก็ยังคงมีค่าใช้จ่ายที่สูง”

“เจ้าแต่ละคนมอบสมบัติแท้จริงชั้นสูงให้ข้า ข้าจะทำมันเอง”

“สามสมบัติแท้จริงชั้นสูงงั้นรึ”

“สามสมบัติแท้จริงชั้นสูงมีค่าเทียบได้กับสมบัติแท้จริงชั้นยอด แต่เพียงสมบัติแท้จริงชั้นยอดชิ้นเดียวมันจะเพียงพอที่จะโน้มน้าวเจ้าแห่งจักรวาลสูงสุดงั้นรึ แล้วเจ้าจะไปถามใคร”

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าต้องกังวล เพียงแค่ให้สมบัติแท้จริงชั้นสูงมาให้ข้า ข้าจะไปถามเจ้าแห่งจักรวาลสูงสุดดู ถ้าล้มเหลวข้าจะคืนมันกลับไป ข้าไม่จำเป็นต้องโกหกกับแค่สมบัติแท้จริงชั้นสูง”

“ได้”

“ตกลง ชีวิตของหลัวเฟิงมีค่าเท่ากับสามสมบัติแท้จริงชั้นสูง”

ทั้งสองสิ่งมีชีวิตสูงสุดได้ตอบตกลง

“ดี” วงรีสีดำได้หายไป แล้วสองสิ่งมีชีวิตก็หายตามไป

ท้องฟ้าในบริเวณนั้นได้กลับมาสดใสอีกครั้ง ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งมีชีวิตสูงสุดทั้งสามได้พูดคุยในที่นั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version