Skip to content

Swallowed Star 111

ตอนที่ 111 หวังซิงผิงกับหลัวเฟิง

เมื่อเกิดการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก โดยเฉพาะเมื่อมันเกิดขึ้นกับคนอย่างสวีซินผู้ซึ่งอยู่ในตระกูลใหญ่ จะทำการโฉ่งฉ่างไม่ได้ ไม่เช่นนั้น สวีซินอาจจะเอะใจเอาได้! เพราะเหตุนี้เอง อาอันจึงไม่ได้วางแผนทำลายความสัมพันธ์นี้ภายในครั้งเดียว แต่เขาวางแผนที่จะทำให้เกิดผลกระทบทางด้านจิตวิทยาด้วย

สำหรับครั้งแรกนี้ เขาแค่ต้องการให้สวีซินเริ่มสงสัย แน่นอน…เขาทำสำเร็จ

ฉากง่ายๆ ที่หล่อนทำเป็นจำหลัวเฟิงเป็นอีกคนนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้สวีซินสงสัยในตัวหลัวเฟิง

“ผิดคน? ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก คุณมองดูชัดๆ แล้วก็ยืนยันซะขนาดนั้น ยังจะมองผิดคนอีกเหรอ? เสแสร้งไปแล้ว” สวีซินจ้องเขม็ง ในขณะเดียวกันหลัวเฟิงก็มีสีหน้าย่ำแย่ ทำไมเขาจะต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ อะไรอย่างนี้ด้วย

“ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ ฉันจำคนผิดน่ะค่ะ” เด็กสาวคนนั้นทำทีขอโทษ “ไปกันเถอะ”

แล้วหลัวเฟิงจะพูดอะไรได้

พวกเธอบอกว่าพวกเธอจำคนผิด

“พวกคุณสองคน รอเดี๋ยว…” สวีซินเอ่ยขึ้น

หลัวเฟิงตัวแข็งทื่อขณะมองไปที่สวีซิน สวีซินทำเพียงแต่มองไปทางสองสาวนั่น

สองสาวหันมาทางสวีซิน สาวคนพี่เอ่ยถาม “โอ้ มีอะไรเหรอคะ?”

“เมื่อกี้คุณบอกว่าเจอกับเขาสองวันติดๆ กัน…” สวีซินเพิ่งเปิดปาก

“ที่เจอไม่ใช่แฟนของคุณค่ะ” สาวคนพี่พูดต่อ “เพื่อนชายที่ดีของฉันน่ะ ต้าซาน”

สวีซินพยักหน้า “ต้าซาน? โอ้ แล้วที่คุณบอกว่าเจอเขามาสองวันติดแล้ว หมายถึงคุณพบต้าซานเมื่อวานด้วยเหรอ?”

สองสาวหันมองกันไปมา สาวคนพี่ชำเลืองไปทางหลัวเฟิงแล้วก็ยิ้มให้สวีซิน “แน่นอนค่ะ ไม่ใช่แค่พบกันเท่านั้น เมื่อวานพวกเราอยู่ด้วยกันตลอดทั้งคืนเลย! ต้าซานของฉันสุดยอดมากๆ ไม่รู้ว่าแฟนของคุณเรื่องแบบนั้นจะเป็นยังไง…”

เธอเริ่มหัวเราะคิกคักเมื่อพูดถึงเรื่องอย่างว่า

“ทั้งคืนเลย? โอ้ สงสัยพวกคุณจะจำคนผิดจริงๆ แล้วล่ะค่ะ เมื่อวานแฟนของฉันวีดีโอแชทหาฉันจนถึงดึก เราคุยกัน 3-4 ชั่วโมงได้ ไม่มีทางหาเวลาไปอยู่กับใครได้หรอกค่ะ” สวีซินยิ้มออกมาได้

ทันใดนั้น สีหน้าของสองสาวนั่นก็เจื่อนไปทันที

ซวยแล้ว!

แผนการมีปัญหาแล้ว แผนนี้ไม่มีทางได้ผลกับสวีซินและหลัวเฟิงที่วีดีโอแชทหากันเป็นเวลานานเลย ทั้งสองสาวต่างก็มองหน้ากันไปมา สีหน้ายุ่งเหยิงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้งสองสาวอย่างเห็นได้ชัด แผนของพวกเธอเพิ่งจะเริ่มต้นแต่ก็ล้มเหลมซะแล้วเพราะฉะนั้น แผนขั้นที่ 2 และขั้นที่ 3 ก็คงไม่ต้องพูดถึงเลย ทั้งสองสาวหลุดปากออกมาคำหนึ่งแล้วก็รีบถอยห่างออกไป

หลัวเฟิงหัวเราะเมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วเขาก็หันไปมองสวีซินด้วยสีหน้าประหลาดใจ “สวีซิน พวกเราคุยกันแค่ชั่วโมงเดียวเอง ทำไมเธอถึงบอกว่า 3-4 ชั่วโมงล่ะ?”

“ฉันก็แค่อยากลองดูท่าทีและหลอกพวกเธอไปงั้นแหละ อย่างที่คาด พวกเธอหน้าเจื่อนไปเลย” สวีซินยิ้มเล็กน้อย “ถ้าฉันเดาไม่ผิด สองสาวนี่น่าจะถูกพี่ชายของฉันไม่ก็คุณชายบางคนส่งมาแน่ แต่แผนนี้ก็ร้ายใช่เล่น”

อันที่จริง แผนจำคนผิด ของสองสาวนั่นก็ทำให้สวีซินเริ่มสงสัยหลัวเฟิงขึ้นมาเหมือนกัน

แต่แผนก็มีช่องโหว่อยู่…

ที่จริงแล้วเมื่อวานนี้สวีซินวีดีโอแชทกับหลัวเฟิงแค่ราวๆ 1 ชั่วโมง จึงทำให้สวีซินสงสัย…หลัวเฟิงจะออกไปเที่ยวข้างนอกหลังจากที่เพิ่งคุยกับเธอจนดึกงั้นเหรอ? มันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย ดังนั้นสวีซินจึงยิงคำถามและแสร้งพูดเกินจริง สองสาวนั้นรู้ตัวว่าถูกจับได้จึงรีบชิ่งหนีไปทันที

“เก่ง เก่งมากๆ” หลัวเฟิงยกนิ้วให้

“ปัญหาของครอบครัวนี้มันยุ่งเหยิงจริงๆ ขอโทษด้วยนะที่นายต้องมาเจอกับเรื่องตลกร้ายพวกนี้” สวีซินกล่าวขอโทษ

แล้วจู่ๆ หลัวเฟิงก็หัวเราะออกมา “เมื่อกี้เธอพูดว่า…เมื่อวานแฟนของฉันวีดีโอแชทหาฉัน โอ้…แฟน…แหมๆ”

หลัวเฟิงหัวเราะชอบใจ

“หลัวเฟิง ฉันไม่รู้ว่านายจะร้ายขนาดนี้! ฉันแค่พูดตามสถานการณ์มันพาไป” สวีซินอดหน้าแดงไม่ได้

…………

หลังจากออกจากร้านอาหารก็เป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่า ท้องฟ้าตอนนี้มืดสนิท

เดินตามทางถนนในพื้นที่ของมหาวิทยาลัย หลัวเฟิงเดินมาส่งสวีซินที่หอพัก หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์สองสาวตัวร้ายนั่นมาแล้ว มันยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของหลัวเฟิงกับสวีซินแนบแน่นขึ้นไปอีก

ทั้งสองคุยหยอกล้อกัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้คุยเรื่องการคบกันอย่างจริงจัง

ท้องฟ้าพร่างพราวไปด้วยแสงดาว…

“ส่งแค่นี้แหละ ฉันจะเข้าไปแล้ว” สวีซินมองหน้าหลัวเฟิง “ตั้งใจฝึกให้สุดๆ เลยนะ”

“โอเค” หลัวเฟิงพยักหน้าเบาๆ

สองแก้มของสวีซินแดงระเรื่องขณะที่ยืนอยู่ที่บันไดหอพักของเธอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเป็นเพราะเขากันแน่ “ฉัน…ฉันกลับวุ่นวายใจกับแค่คำพูดของสองสาวนั่น ฉันจะโกรธไปขนาดนั้นทำไมเนี่ย? เป็นเพราะเขาเหรอ…หรือว่าฉันจะ…”

……………

หลัวเฟิงยังอยู่ในบริเวณหอพัก ตรงหน้าเขาเหมือนจะมีคนจำนวนหนึ่งอยู่ใต้เงาต้นไม้

“หลัวเฟิง” ใครบางคนตรงนั้นเรียกเขา

หลัวเฟิงมองเพ่งสายตาแล้วก็เห็นคนจำนวน 6 คนอยู่ใต้เงาต้นไม้นั้น คนที่ยืนตรงหน้าคือชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งดูท่าทางรูปร่างหน้าตาดี เบื้องหลังเขามีชายแก่คนหนึ่งและชายล่ำสันอีก 4 คนยืนเรียงกันอยู่ ใครกันที่สามารถมีนักสู้เป็นบอดี้การ์ดถึง 4 คน?

ดูแล้วคงจะไม่ใช่คนธรรมดาแน่

“ฉันเองหลัวเฟิง นั่นใคร?” หลัวเฟิงยิ้มพลางมองไปที่ชายหนุ่มคนนั้น

“ฉันคือหวังซิงผิงจากหัวเมืองเกียวโต!” หวังซิงผิงเดินเข้ามา “ฉันแค่อยากจะมาพบนายและพูดกับนายซักเล็กน้อย…ออกไปห่างๆ สวีซินซะ!”

“แล้วถ้าฉันไม่ไปล่ะ?” หลัวเฟิงกล่าวพร้อมกับมองหน้าหวังซิงผิงคนนั้น

“โอ้?” หวังซิงผิงขมวดคิ้ว

“ฉันรู้จักชื่อเสียงนายดี คุณชายหวังซิงผิงของตระกูลหวังแห่งหัวเมืองเกียวโต ตระกูลหวังเป็น 1 ใน 9 ตระกูลหลักของพันธมิตรใต้ดิน” หลัวเฟิงกล่าวขณะที่จ้องหน้าหวังซิงผิง

หวังซิงผิงแสยะยิ้ม “ดีมาก…ดูเหมือนว่านายจะเป็นคนรู้กฎดีนะ ทุกๆ ทีมีกฎ และนายก็จะต้องทำตามกฎนั้น ถ้านายแหกกฎและทำสิ่งที่ไม่ควรทำ…นายก็จะไม่สามารถรับมือกับผลที่ตามมาได้เลย! นายเข้าใจสิ่งที่ฉันพูดไหม?”

ช่วงค่ำคืนในบริเวณรั้วหอพักเป็นที่คนพลุกพล่านที่สุด

มีนักศึกษาจำนวนหนึ่งกำลังเดินกินขนมกรุบกรอบและผ่านมาทางหลัวเฟิงและกลุ่มของหวังซิงผิง อย่างไรลูกน้องที่หวังซิงผิงพามาก็ดูจะไม่ใช่คนธรรมดาๆ

“กฎ?” หลัวเฟิงหรี่ตา

ตระกูลหวังเป็น 1 ใน 9 ตระกูลหลักของพันธมิตรใต้ดิน และอิทธิพบของพวกเขาครอบงำสังคมมากทีเดียว คนธรรมดาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าอิทธิพลของพวกเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง

“หลัวเฟิง นายควรจะรู้ว่าคนเราทุกคนไม่ได้เท่าเทียมกัน ถึงแม้ทุกๆ คนจะตะโกนว่า ทุกคนเท่าเทียมกัน ก็ตาม แต่มันก็ไม่ใช่อยู่ดี คนเราต้องเลอกที่จะทำตามกฎหรือกฎหมาย และถึงแม้ว่าจะทำตาม ถึงยังไงพวกเขาก็ยังต้องเจอกับปัญหาอยู่ดี บางคนอาจจะควงสาวได้ทีละหลายๆ คน ทำเรื่องแหกกฎได้ กระทืบคน กระทั่งฆ่าคนได้ แต่คนเหล่านั้นกลับไม่โดนปัญหาอะไร บางคน…อาจจะล้างครอบครัว ครอบครัวหนึ่งได้เลยด้วยการสั่งเพียงคำเดียว…หรือบางคนอาจจะบังคับเด็กหนุ่มอนาคตไกลคนหนึ่งให้ทำอะไรก็ได้ที่พวกเขาอยากสั่ง ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะเป็นนักสู้ก็ตาม”

หวังซิงผิงมองหน้าหลัวเฟิง “นายคงจะรู้นะว่านายมันเป็นคนพวกไหน และฉันเป็นคนพวกไหน”

ประโยคนี้ ไม่ได้ปิดบังความถือตัวที่เป็นตัวตนของเขาไว้เลย!

หลัวเฟิงไม่ได้กล่าวคำใดออกมา…

……….

ขณะที่หลัวเฟิงและหวังซิงผิงกำลังคุยกัน มีคู่รักคู่หนึ่งกำลังเดินจับมือกันมาในที่ห่างออกไป

“เถาเถา ขอโทษมากจริงๆ เกรงว่าครั้งนี้ฉันจะต้องออกจากประเทศเราไปตั้ง 3 ปี แน่นอนว่าฉันจะกลับมาหาเธอตอนปีใหม่นะ”

คนที่กำลังพูดอยู่นั้นชัดเจนว่าเป็นคนที่กำลังจะต้องเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่สากลของสำนักขีดสุดกับหลัวเฟิง เหิงเซี่ย และเด็กสาวที่กำลังเดินจับมือกับเขาอยู่ก็คือแฟนเขาที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม

“เหิงเซี่ย ไม่เป็นไร เราคุยออนไลน์กันบ่อยๆ ก็ได้นะ แค่ 3 ปีน่ะแป๊บเดียวเอง” เด็กสาวชื่อเถาเถากุมมือเหิงเซี่ยไว้

เหิงเซี่ยต้องเป็นตำนานของมหาวิทยาลัยเจียงหนานอย่างแน่นอน

เขาทั้งหล่อและคารมดี พวกเพื่อนต่างก็ยกย่องเขา

ครอบครัวเขาก็ดีด้วย และพ่อของเขาก็เป็นถึงเทพสงคราม!

ตัวเขาเองก็ทรงพลังเช่นกัน เพราะเขาก็กำลังจะมุ่งหน้าไปยังค่ายฝึกขั้นพื้นฐานแล้ว เขาอาจจะกลายเป็นเทพสงครามในอนาคต! บวกกับพ่อของเขาเองเป็นเทพสงครามอยู่แล้ว สาวๆ มากมายจะต้องวิ่งไล่ตามเด็กหนุ่มคนนี้แน่ ที่ตอนแรกเถาเถาคบกับเหิงเซี่ยได้ก็ผ่านการทดสอบจากคนที่เข้ามาทำลายความสัมพันธ์ไม่น้อย

“เธออย่าไปเจ้าชู้ที่ไหนนะ” เถาเถามองหน้าเหิงเซี่ย

“โอเค” เหิงเซี่ยพยักหน้าเบาๆ

“หือ ข้างหน้ามีเรื่องอะไรกัน?” เหิงเซี่ยมองไปด้านหน้า ในฐานะนักสู้อัจฉริยะ สายตาของเขาสามารถจับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าได้ในทันที

“รุ่นพี่หลัวเฟิง? ทำไมรุ่นพี่หลัวเฟิงอยู่ที่นี่ล่ะ เถาเถา จำที่ฉันเคยเล่าเรื่องสุดยอดนักสู้ที่จะออกไปสำนักงานใหญ่สากลกับฉันได้ไหม? เขาอยู่ตรงหน้าเรานี่เอง” เหิงเซี่ยกล่าว

“อยู่ไหนล่ะ?” เถาเถาอยากรู้อยากเห็น

“มาสิ ฉันจะพาไปพบเขา” เหิงเซี่ยยิ้ม “รุ่นพี่หลังเฟิงนิสัยดีมากเลยล่ะ”

ใต้เงาต้นไม้

หวังซิงผิงมองหน้าหลัวเฟิง “นายเป็นนักสู้ระดับแม่ทัพขั้นต้นสินะ ชายที่อยู่ตรงนี้ต่างก็จงรักภักดีต่อตระกูลหวังของฉัน พวกนายทุกคน…บอกระดับของพวกนายกับหลัวเฟิงหน่อยสิ”

“แม่ทัพขั้นกลาง”

“แม่ทัพขั้นกลาง”

“แม่ทัพขั้นกลาง”

หลังจากที่สมุนทั้ง 3 กล่าวจบ ชายวัยกลางคนศีรษะล้านก็กล่าวขึ้นยิ้มๆ “แม่ทัพขั้นสูง! เจ้าหนุ่ม นายควรรู้สถานะของนาย แม้แต่เทพสงครามยังไม่กล้าที่จะยโสต่อหน้าหนึ่งใน 9 ตระกูลของพันธมิตรใต้ดินเลย อนาคตของนายยังสดใส เพราะงั้น อย่าทำลายอนาคตตัวเองเลยนะ”

หลัวเฟิงตาเป็นประกาย เขายิ้มและพยักหน้า “คุณชายหวัง นายแน่ใจแล้วเหรอ บอดี้การ์ด 4 คน ระดับแม่ทัพขั้นสูง 1 คนกับระดับแม่ทัพขั้นกลางอีก 3 คนน่ะ”

คุณชายหลี่เวยมีนักสู้ระดับแม่ทัพขั้นสูง 2 คน และระดับแม่ทัพขั้นกลางอีก 1 คน แต่เขาก็ตาย…

“พี่หวัง พี่ก็อยู่นี่ด้วยเหรอ” เสียงคุ้นๆ หูดังขึ้น

หลัวเฟิงและทุกๆ คนต่างก็หันไปดู เหิงเซี่ยกับแฟนสาวเถาเถาปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา

“นั่นคุณชายเหิงเซี่ย” หัวหน้าพ่อบ้านอาอันกล่าวขึ้นเบาๆ

บอดี้การ์ดทั้ง 4 คนต่างส่งยิ้มให้เหิงเซี่ย หวังซิงผิงก็เช่นกัน พ่อของเหิงเซี่ยคนนี้เป็นหนึ่งในเทพสงครามแห่งเจียงหนาน เพราะเขานิสัยดีจึงมีเพื่อนฝูงค่อนข้างมาก พี่น้องเทพสงครามของเขาตายกันไปจำนวนหนึ่งแล้ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเทพสงครามเช่นนี้ แม้แต่ตระกูลหวังเองก็ต้องปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ

ยิ่งกว่านั้น เหิงเซี่ยคนนี้ยังมีพรสวรรค์ที่ค่อนข้างดี เพราะเขากำลังจะได้เข้าร่วมกับทางค่ายฝึก เขาอาจจะกลายเป็นเทพสงครามในอนาคตก็ได้

“เหิงเซี่ย ช่างบังเอิญจริงๆ นายก็อยู่ที่นี่ด้วย” ท่าทีต่อหลัวเฟิงของหวังซิงผิงที่มีก่อนหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาดูจะพูดง่ายขึ้นเยอะ

“ฮ่าๆ ก่อนหน้านี้ผมเห็นรุ่นพี่หลัวเฟิงอยู่ที่นี่ คิดไม่ถึงว่าพี่หวังจะอยู่ที่นี่ด้วย” เหิงเซี่ยยิ้มขณะที่มองไปยังหลัวเฟิง “รุ่นพี่หลัวเฟิง พี่ก็รู้จักพี่หวังด้วยเหรอครับ?”

“รุ่นพี่หลัวเฟิง?” หวังซิงผิงขมวดคิ้ว โดยปกติแล้ว นักสู้จะเรียกใครซักคนว่า รุ่นพี่ ก็ต่อเมื่อพวกเขาอยู่สำนักเดียวกันและรู้ชัดว่าคนๆ นั้นมีพลังมากกว่า และเหิงเซี่ยคนนี้ก็เรียกหลัวเฟิงว่า รุ่นพี่?

“เหิงเซี่ย ฉันเพิ่งจะรู้จักหวังซิงผิงนี่แหละ ฉันไม่ได้คุ้นเคยอะไรกับเขาหรอก” หลัวเฟิงยิ้ม

เหิงเซี่ยหัวเราะเสียงดังและกล่าวกับหวังซิงผิง “พี่หวัง พี่ชอบพบกับสุดยอดนักสู้อัจฉริยะไม่ใช่เหรอ? รุ่นพี่หลัวเฟิงเก่งกว่าผมมาก ตอนนี้รุ่นพี่หลัวเฟิงก็กำลังจะได้ออกไปเข้าค่ายฝึกเหมือนกับผม และรุ่นพี่หลัวเฟิงก็กำลังจะไปเข้าร่วมฝึกกับทางค่ายหัวกะทิเชียวนะ!”

“ค่ายหัวกะทิ?” หวังซิงผิงใจเต้นตูมตาม

บรรลัยล่ะ!

แต่ละประเทศต่างก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ตำแหน่งฝึกในค่ายหัวกะทิ เพราะทุกๆ คนที่ได้เข้าร่วมฝึกกับค่ายจะกลายเป็นเทพสงครามในที่สุด! และการฝึกพิเศษในค่ายหัวกะทิถูกจัดขึ้นโดยเทพสงครามและบรรดานักสู้ที่เหนือเทพสงคราม อึกทั้งพวกเขาลงมาฝึกเองกับมือด้วย

นักเรียนทุกคนในค่ายฝึกหัวกะทิจะมีสถานะที่สูงมาก แม้แต่ตระกูลมหาอำนาจใหญ่ๆ ยังอยากให้นักเรียนพวกนั้นเข้ามาอยู่ฝ่ายพวกเขาเลย

นักเรียนเหล่านั้นจะกลายเป็นนักสู้ที่ทรงพลังในอนาคตและพวกเพื่อนๆ ของเขาก็ยังเป็นพวกอัจฉริยะจากทั่วโลกอีกด้วย หลังจากที่พวกเขาฝึกจบ พวกเขาทุกคนก็จะกลายเป็นเทพสงคราม! พวกเขาจะสามารถสร้างเครือข่ายได้กว้างขวาง…

นักเรียนแต่ละคนจะกลายเป็นสมาชิกคนสำคัญของทั้งสำนักขีดสุด กองกำลังพิเศษของรัฐบาล แม้แต่การเป็นแขกพิเศษของทางพันธมิตรใต้ดินด้วย พวกเขาจะอยู่บนยอดสุดอย่างแน่นอน! แม้แต่รัฐบาลยังต้องปฏิบัติกับพวกเขาอย่างผู้ยิ่งใหญ่ เพราะว่าพวกเขานั้นยิ่งใหญ่จริงๆ!

นักเรียนปีศาจเหล่านี้มีความฉลาดเป็นกรด และมักจับกลุ่มกัน! นักเรียนอัจฉริยะพวกนี้คนเดียวก็ทรงพลังมากแล้ว และถ้าลองจับพวกเขารวมกลุ่มกันเป็นสิบเป็นร้อยล่ะ พวกเขาจะกลายเป็นกองทัพทรงพลังมากแม้แต่ตระกูลยักษ์ใหญ่ก็ไม่กล้าต่อกรกับพวกเขา

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมตระกูลใหญ่ๆ ถึงได้ยอมจ่ายเงินนับหมื่นนับแสนล้านเพื่อให้ได้ตำแหน่งฝึกในการฝึกในค่ายหัวกะทิ! และนักเรียนเหล่านี้…อาจจะได้กลายเป็นศิษย์ของ อาจารย์หง และ เทพสายฟ้า ด้วยซ้ำไป

“บ้าจริง เจ้าหลัวเฟิงนี่ทำไมมัน…” หวังซิงผิงอยากจะเคาะหัวตัวเองซักสองที เขากลายเป็นนักสู้ธรรมดาไปเลย แล้วเขาจะทำยังไงล่ะ…

“รุ่นพี่หลัวเฟิง พี่หวังนิสัยดีนะครับ และก็ชอบผูกมิตรที่สุด” เหิงเซี่ยยิ้มให้หลัวเฟิง หลังจากนั้นเขาก็หันไปหาหวังซิงผิง “พี่หวัง เดี๋ยวผม รุ่นพี่หลัวเฟิงกับพี่จะไปหาที่คุยกันต่อหรือเปล่า?”

เขาพูดพลางขยิบตาให้หวังซิงผิง

จากมุมมองของเหิงเซี่ย เขานิยมชมชอบหวังซิงผิงมากทีเดียว จะมีนักสู้อัจฉริยะอย่างนี้ซักกี่คนบนโลกล่ะ? ทุกคนต่างก็อยากรู้จักกับนักสู้เหล่านั้นอยู่แล้วถ้าพวกเขามีโอกาส

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version