Skip to content

Swallowed Star 81

ตอนที่ 81 ปราสาทเทพสงคราม

หัวหน้าทีมเขี้ยวพยัคฆ์พานย่าตรงดิ่งไปยังชุดต่อสู้และเศษซากศพที่หลงเหลืออยู่ ขณะที่มองดูกองเลือดนั้น หัวหน้าพานย่าก็กำหมัดแน่น

“พานย่า พวกเขาตายหมดแล้ว อย่ามัวเศร้าอยู่เลย” ชายชราแซ่หลิวเอ่ยเสียงต่ำ

“โอ๊ะ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”

ชายแซ่หวังมองมาทางนี้พลางยิ้มบางๆ เด็กหนุ่มก็อธิบายเหตุการณ์ในทันที “อาหวังครับ คืออย่างนี้ พ่อให้ผมมาที่นี่เพื่อฝึกประสบการณ์ต่อสู้ ไม่เพียงแต่จะให้ท่านหลิวกับข่าหลงมาคุ้มกันผม แต่พ่อยังจ้างทีมนักสู้ระดับแม่ทัพให้มาช่วยคุ้มกันผมด้วย เผื่อต้องใช้คนมากๆ แต่สมาชิกทั้ง 5 จาก 6 คนในทีมนั้นตายไปหมดแล้ว ในทีมจึงเหลือเขาเพียงคนเดียว”

“จาก 6 คน ตายไปแล้ว 5 ?”

เสียงต่ำๆ ดังลอดออกมาจากลำคออวบใหญ่ของชายร่างยักษ์ “ทีมนี้อ่อนแอเกินไปแล้ว!”

“คุณหลี่” ชายชราแซ่หลิวเรียกอย่างเคารพ “ไม่ใช่เพราะทีมเขี้ยวพยัคฆ์อ่อนแดเกินไปหรอกครับ ความจริงสองสามวันก่อนหน้านี้พวกเราพาคุณชายออกไปฝึกต่อสู้ ลูกทีมของเขา 2 คนที่อยู่เฝ้าที่พักถูกฝูงสัตว์ประหลาดโจมตีจนเสียชีวิตลง! และครั้งนี้ ตอนที่เราย้ายมาอยู่ที่นี่ พวกเราก็ถูกฝูงสัตว์ประหลาดโจมตีอย่างลึกลับอีกครั้ง…สมาชิก 3 คนนั้นด้อยที่สุดถึงถูกฝูงสัตว์ประหลาดฆ่าตายหมด”

ชายแซ่หวังขมวดคิ้วเล็กน้อย

ชายร่างยักษ์ก็ถามด้วยน้ำเสียงสงสัย “แปลกขนาดนี้เลยเหรอ?”

ยากมากที่ฝูงสัตว์ประหลาดจะเข้าโจมตีที่พักของนักสู้ และเพราะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นถึง 2 ครั้ง จึงชัดเจนว่ามีบางอย่างผิดปกติ!

“มีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”

ชายแซ่หวังกล่าว “น่าจะเป็นคนที่มีความแค้นกับทีมเขี้ยวพยัคฆ์!”

หลัวเฟิงซึ่งกำลังซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำชั้น 2 ของอพาร์ทเมนต์ พยายามหายใจให้แผ่วเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลัวเฟิงซึ่งซุ่มเงียบอยู่ยังอดจะแปลกใจในสิ่งที่ชายแซ่หวังพูดไม่ได้ “ชายคนนี้เดาได้แม่นจริงๆ!”

“คนที่มีความแค้นกับทีมเขี้ยวพยัคฆ์?” พานย่าเดินตรงเข้ามา

“อาหวัง” เด็กหนุ่มรู้สึกงงขณะที่มองหน้าชายแซ่หวัง

“ถึงพ่อนายจะมีศัตรู แต่ทั้งหมดนั่นเป็นเทพสงคราม! เทพสงครามคงไม่มาเสียเวลาเพื่อฆ่านายแบบนี้ และถ้าพวกเขาทำแบบนั้น พ่อของนายก็คงจะไปตามล้างตระกูลพวกเขาแน่” ชายแซ่หวังยิ้มแล้วกล่าวต่อ “ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเทพสงครามต้องการฆ่านาย นายก็คงจะตายตั้งแต่วันแรกที่ออกจากตัวเมืองมาแล้ว”

เด็กหนุ่มพยักหน้าเบาๆ

“พ่อของนายทำถูกแล้วหลี่เวย การฝึกฝนของนายกำลังดำเนินไปอย่างดีที่สุด ตอนนี้นายแข็งแกร่งกว่านักสู้ทั่วๆ ไปแล้ว” ชายแซ่หวังถามขึ้น “สมรรถภาพร่างกายของนายเป็นยังไงแล้ว?”

“สมรรถภาพของผมถึงระดับแม่ทัพขั้นกลางแล้วครับ แต่…ตอนนี้ผมสู้กับสัตว์ประหลาดระดับบัญชาการขั้นต่ำได้เท่านั้น” เด็กหนุ่มตอบ

“ธรรมดา! ธรรมดามากๆ ! จะบอกว่า…แย่ก็ยังได้!”

ชายแซ่หวังกล่าวด้วยความผิดหวัง “ความฉลาดของมนุษย์มากว่าสัตว์ประหลาด! ความฉลาดของพวกระดับจ่าฝูงยังแค่ใกล้ๆ กับมนุษย์ทั่วไปเท่านั้น! เพราะฉะนั้น…นักสู้ที่แท้จริงควรจะต่อสู้กับสัตว์ประหลาดในระดับเดียวกันกับตัวเองได้ นักสู้บางคนสามารถต่อสู้กับสัตว์ประหลาดระดับสูงกว่าตัวเองได้ด้วยซ้ำ! สมรรถภาพของนายอยู่ในระดับแม่ทัพขึ้นกลาง แต่นายสู้กับพวกระดับบัญชาการขั้นต่ำได้เท่านั้น? การฝึกของนายมันใช้ไม่ได้!”

เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างว่าง่าย

“ระดับสมรรถภาพทางร่างกายของนายไม่เลว พ่อกับแม่ถึงทุ่มเงินมหาศาลกับนาย!” ชายแซ่หวังกล่าวจริงจัง “ด้วยพรสวรรค์ของนาย และการสนับสนุนจากพ่อแม่ มีโอกาสที่นายจะถึงระดับเทพสงครามภายใน 10 ปี! เพราะงั้น ในตอนนี้นายต้องจริงจังกับการดูดซับประสบการณ์ในการต่อสู้จริงให้มากๆ! เมื่อใดที่นายกลายเป็นเทพสงครามและเข้าไปใน ‘ปราสาทเทพสงคราม’ แล้ว ผู้คนถึงจะให้ความเคารพนาย และเลิกปรามาสนายว่าเป็นแค่คุณชายที่ท่าดีทีเหลวเท่านั้น”

“เข้าใจแล้วครับ อาหวัง” เด็กหนุ่มลูกครึ่งขบกรามแน่นพร้อมกับพยักหน้า

พ่อของเขาเป็นนักสู้รุ่นที่หนึ่ง และแม่ของเขาก็เป็นหนึ่งในเทพสงครามทรงพลังของตระกูลทรงอำนาจในสหภาพยุโรป ด้วยยีนส์ของพ่อกับแม่ หลี่เวยคนนี้จึงมีพรสวรรค์สุดยอด ต่อให้ไม่ได้เข้ามาลุยแดนเถื่อน ผ่านไปอีกสัก 20 ปี สมรรถภาพร่างกายของเขาก็เข้าถึงระดับแม่ทัพขั้นกลางอยู่ดี!

ถ้าพ่อกับแม่ของเขาทุ่มเงินให้มาก การก้าวเข้าสู่ระดับเทพสงครามก็ไม่ใช่เรื่องยาก

“ขอบังอาจถามผู้อาวุโส ปราสาทเทพสงครามคืออะไร?” หัวหน้าพานย่าผู้เงียบอยู่นานเอ่ยถามขึ้น

แม้แต่หลัวเฟิงที่แอบซุ่มดูอยู่ยังอดสนใจไม่ได้ ใช่…ปราสาทเทพสงครามมันคืออะไรกันแน่?

“โดยปกติเมื่อถึงขั้น ‘แม่ทัพขั้นสูง’ แล้วก็จะได้รับการติดต่อเอง” ชายแซ่หวังมองเขาแวบหนึ่ง “นายมีทักษะไม่เลว ฉันบอกนายก่อนก็ได้! ปราสาทเทพสงครามคือกลุ่มที่ถูกจัดตั้งขึ้นโดยการรวบรวมเหล่าเทพสงครามและสิ่งมีชีวิตที่เหนือเทพสงครามในทุกๆ หัวเมืองจากทั้ง 5 ประเทศบนโลกนี้เข้าไว้ด้วยกัน! สามารถกล่าวได้ว่าเทพสงครามทั้งหมดบนโลกนี้ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของปราสาทเทพสงคราม! และนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดพวก ‘อาจารย์หง’ และ ‘เทพสายฟ้า’ เป็นผู้คิดริเริ่มกลุ่มปราสาทเทพสงครามนี้ขึ้นมา! เป็นพลังอำนาจของเหล่านักสู้เรา”

ชายแซ่หวังยิ้ม

หัวหน้าพานย่าอึ้งไป

แม้แต่หลัวเฟิงก็ยังรู้สึกประหลาดใจไปด้วย พระเจ้าช่วย…เทพสงครามทั้งหมดบนโลกมีพลังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน? และ ‘อาจารย์หง’ กับ ‘เทพสายฟ้า’ ก็ร่วมกันก่อตั้งกลุ่มนี้ขึ้น? เมื่อกลุ่มมหาอำนาจเช่นนี้จัดตั้งขึ้น แม้แต่ประเทศมหาอำนาจก็ยังไม่อาจทำอะไรพวกเขาได้!

“ปราสาทเทพสงครามเป็นวิหารสำหรับนักสู้ ปราสาทเทพสงครามเป็นป้อมปราการด่านสุดท้ายแห่งมวลมนุษยชาติสำหรับต่อสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาดทั่วโลก! ปราสาทเทพสงครามดำรงอยู่ด้วยเหตุผล 2 ข้อ ข้อแรก เพื่อพัฒนาขีดจำกัดแห่งมนุษยชาติ ข้อที่ 2 เพื่อศึกษาและวิจัยสัตว์ประหลาดทุกสายพันธุ์บนโลกนี้!”

ชายแซ่หวังกล่าวด้วยสายตาเป็นประกาย

เลือดในกายของทุกคนในที่นั้นเดือดพล่าน โดยเฉพาะชายชราแซ่หลิว เขารู้สึกตื่นเต้นมากเพราะตอนนี้เขาอยู่ในระดับแม่ทัพขั้นสูงแล้ว ถึงแม้เขาจะเหลืออีกแค่ขั้นเดียว แต่ด้วยอายุอาจจะยากสำหรับการพัฒนาขึ้นไปอีก และแม้แต่หลัวเฟิงก็ยังอดตื่นเต้นกับเรื่องที่ได้ยินไม่ได้

“เอาล่ะ หลี่เวย พวกนายรีบออกไปกันได้แล้ว”

ชายแซ่หวังยิ้มเล็กน้อย “ฉันกับอาหลี่ของนายยังต้องไปเผด็จศึก ‘มังกรเกราะเหล็ก’ ระดับจ่าฝูงขั้นสูงให้ได้เสียก่อน ภารกิจนี้อันตรายมากๆ เพราะงั้นพวกนายควรจะรีบไปให้ไกลจากที่นี่ ถ้าให้ดีก็รีบไปให้ถึงถนนหลวงเส้นรอบนอกซะ”

“มังกรเกราะเหล็ก?” เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง

พานย่า ชายชราและชายผิวขาวก็พลอยสูดหายใจลึกไปตามๆ กัน

“พระเจ้าช่วย” หลัวเฟิงซึ่งแอบฟังในที่ห่างออกไปยังรู้สึกอึ้งทึ่งไปด้วย “เทพสงคราม 2 คนนี้กล้าหาญจริงๆ มังกรเกราะเหล็กระดับจ่าฝูงขั้นสูง!”

ความฉลาดของพวกระดับจ่าฝูงนั้นใกล้เคียงกับมนุษย์มาก และโดยธรรมชาติระดับสมรรถภาพร่างกายของพวกมันยังแกร่งมากกว่ามนุษย์ในระดับเดียวกันมากอีกด้วย!

ดังนั้น การปะทะกับสัตว์ประหลาดระดับจ่าฝูงขั้นสูง โดยปกติแม้แต่ระดับเทพสงครามขั้นสูงยังต้องวิ่งหนี

เทพสงคราม 2 คนร่วมมือกันต่อสู้กับจ่าฝูงขั้นสูง?

บ้าไปแล้วเหรอ?

“ฮ่าๆๆๆ มังกรเกราะเหล็กตัวนั้นเพิ่งจะวางไข่ เลยอ่อนแอลงไปไม่น้อย” ชายแซ่หวังยิ้ม “นี่เป็นโอกาสดีที่สุด!”

“วางไข่?” พวกเด็กหนุ่มตกใจกันมา

“เอาล่ะๆ รีบๆ ออกไปเถอะ มังกรเกราะเหล็กมันอยู่ห่างจากที่นี่แค่ 10 ไมล์เท่านั้น ถ้าเราเอะอะไปเดี๋ยวมันส่งลูกน้องมาที่นี่จะยุ่งไปกันใหญ่ เพราะงั้นเพื่อความปลอดภัยรีบๆ ออกไปจากที่นี่ซะ แล้วอยู่ห่างๆ เอาไว้ด้วย” ชายแซ่หวังอธิบาย

พวกจ่าฝูงฉลาดมาก และมีลูกน้องใต้บังคับบัญชาอีกมหาศาลด้วย

“ครับ เข้าใจแล้วครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้า “ผมขอให้พวกอาโชคดีนะครับ”

“ไปพวกเรา”

หลังจากที่เด็กหนุ่มออกคำสั่ง พวกพานย่าก็เคลื่อนออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่กล้าฝืนคำเตือนของเทพสงคราม จึงรีบดิ่งออกจากตัวเมืองอย่างรวดเร็ว

ระหว่างทาง…

พวกเด็กหนุ่มรู้สึกประหลาดใจกันมาก

“คุณหวังกับคุณหลี่แข็งแกร่งจริงๆ กลับกล้าล่าจ่าฝูงขั้นสูง! ถึงมันจะเพิ่งวางไข่ก็เถอะ ก็ยังเป็นระดับจ่าฝูงขั้นสูงอยู่ดี” ชายชราแซ่หลิวอดโพล่งออกมาไม่ได้

“2 ท่านนี้คือ 2 พี่น้องดาบเงาในตำนาน ‘ดาบเงา’ หวังหงกับ ‘หมีอันตราย’ หลี่ค่านใช่ไหม?” หัวหน้าพานย่าเอ่ยถามขึ้น

“ถูกต้อง”

เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง “ตอนที่พ่อกับแม่ผมเป็นวัยรุ่น พวกท่านเข้ามาอยู่ในทีมเดียวกับอาหวังและอาหลี่ พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมตายกัน!”

หัวหน้าพานย่าอึ้งไป

นี่คือพื้นเพ! พ่อแม่ของเขาเป็นเทพสงคราม เพื่อนพ่อกับแม่ของเขาก็ย่อมเป็นเทพสงครามไม่น้อย!

“ซักวัน ฉันจะต้องเป็นเทพสงครามและเข้าร่วมปราสาทของเทพสงครามให้ได้! พอได้เข้าร่วมกับปราสาทเทพสงคราม ก็จะติดต่อกับเทพสงครามคนอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น…และตอนนั้น ฉันก็จะมีเครือข่ายเทพสงครามไปทั่วโลก!”

พานย่าอดคิดไปข้างหน้าไม่ได้ “อืม…ฉันเป็นเพียงคนเดียวในทีมเขี้ยวพยัคฆ์ที่รอดมาได้ พอกลับไปจะต้องหานักสู้ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมมาร่วมทีมให้ได้!”

……………

ส่วนหลัวเฟิงก็ยังซ่อนอยู่โดยไม่กระดิกตัวแม้แต่น้อย

เสียงภายนอกยังคงดังอยู่

“ชำแหละเสร็จหรือยัง? ไปกันเถอะ ศัตรูตัวหลักของเราตอนนี้คือมังกรเกราะเหล็กตัวนั้น! ถ้าเป็นแค่ ‘หมาป่าพระจันทร์เงิน’ หรือ ‘เสือเมฆาดำ’ ก็คงจัดการไม่ยากหรอก! แต่มังกรเกราะเหล็ก ทั้งความเร็ว การป้องกัน พลัง และความทนทานของมันเหนือกว่านั้นเยอะ มันวางไข่ครั้งนี้ เป็นโอกาสดีแล้วที่เราจะเผด็จศึกมัน”

พอได้ฟังก็รู้ทันทีว่าเป็นเสียงของชายแซ่หวัง

ส่วนชายร่างยักษ์ก็เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “รับทราบ พี่หวัง”

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ!”

เสียงลมผ่านมาวูบนึงให้ได้ยิน แล้วทุกอย่างก็เงียบหายไป

หลัวเฟิงแอบมองผ่านช่องหน้าต่างและเห็นพื้นที่ด้านนอก เทพสงคราม 2 คนั้นหายไปแล้ว

“พานย่านั่นโชคดีไปครั้งนี้ ดูเหมือนจะไม่มีจังหวะฆ่ามันแล้ว”

หลัวเฟิงรู้ดีว่าเมื่อเด็กหนุ่มนั่นฝึกเสร็จ พวกนั้นก็คงออกจากเมือง 003 กันไปเลย

“ใช่…คงทำอะไรไม่ได้แล้ว เอาเป็นว่า เผชิญหน้ากันในแดนเถื่อนอีกเมื่อไหร่ค่อยจัดการมันแล้วกัน”

ประกายไฟปรากฏขึ้นในแววตาของหลัวเฟิง “เทพสงคราม 2 คนกำลังล่ามังกรเกราะเหล็กระดับจ่าฝูงขั้นสูงที่อ่อนแดลงเพราะการออกไข่? และห่างจากตรงนี้แค่ 10 ไมล์ เราต้องไปดูให้ได้”

หลัวเฟิงใจเต้นระทึก ถ้าเขาไม่ได้ดูการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์นี้ เขาคงจะต้องเสียใจไปอีกนาน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version