Skip to content

สู่วิถีอสุรา 810

ตอนที่ 810 ปิดวงแหวนอาคมผนึกจิต

“เจ้าต้องหาอีกร่างแยกให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสี่มหาโลกแท้จริงหรือโลกแท้จริงลำดับที่ห้า ถึงร่างกายบรรลุระดับเจ้าปกครองโลกจะมีไม่มาก แต่ก็ไม่ได้หายากอะไร

ว่ากันจริงๆ คือ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าร่างกายบรรลุถึงเจ้าปกครองโลก ความจริงแล้วเจ้าก็ยังไม่ก้าวสู่ระดับเจ้าปกครองโลกเหมือนกัน เพียงแต่ร่างกายเจ้ารับมือกับวิชาของเจ้าปกครองโลกตอนต้นได้เท่านั้น และยังใช้พลังแห่งโลกทำให้พลังจากโลหิตของเจ้าเทียบเคียงกับวิชาของเจ้าปกครองโลกได้

ทว่า เจ้าใช้วิชาเงากลืนนภากินพลังแห่งโลกในร่างกายคนอื่นได้เท่านั้น กระทั่งหากเจ้าแกร่งกว่านี้อีกเล็กน้อย ยังกลืนกินต้นกำเนิดโลกของดาวได้ด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ระยะยาว เจ้าปกครองโลกที่แท้จริงจะได้รับการยอมรับจากต้นกำเนิดโลก ตอนที่ได้รับการยอมรับจากหมื่นโลกจะเกิดเศษเสี้ยวกลิ่นอายพลังระดับภัยพิบัติ นี่ต่างหากถึงเรียกว่าเส้นทางหลัก มีเพียงขั้นพลังเจ้าก้าวสู่เจ้าปกครองโลกเท่านั้น ถึงจะก้าวสู่เส้นทางหลักสายนี้ได้ ร่างกายช่วยให้เจ้าเดินบนเส้นทางนี้ได้ไกลยิ่งกว่าเดิม หลังจากเจ้าบรรลุถึงเจ้าปกครองโลกแล้วก็จะมีร่างกายแข็งแรงนี้ควบคู่ไปด้วย เจ้าในตอนนั้นถึงจะเรียกว่าแกร่งอย่างแท้จริง พูดได้ว่าตอนนั้นพื้นฐานเจ้าจะมั่นคงสมบูรณ์แบบ ด้วยการระเบิดพลังที่สั่งสมมานาน ทุกครั้งที่เจ้าข้ามผ่านไปหนึ่งขั้นพลัง เจ้าจะแข็งแกร่งอย่างยิ่งในขั้นพลังนั้นๆ!” ชื่อหั่วโหวมองซูหมิงพลางกล่าวเสียงต่ำ

“ข้าแนะนำว่าเจ้าควรยึดร่างผู้ฝึกฌานที่มีพรสวรรค์เลิศล้ำเป็นร่างแยกจะดีที่สุด เพราะไม่เพียงเจ้าจะมีร่างแยกที่สองเท่านั้น เจ้ายังอาศัยพรสวรรค์ของคนที่ยึดร่างมาช่วยให้ฝึกฝนได้เร็วขึ้นด้วย เผ่ายมโลกของเจ้าอาศัยร่างแยกในการฝึกฝนและสร้างความแกร่งให้ตัวเอง ชาวเผ่ายมโลกทุกคนมีร่างแยกได้ในจำนวนต่างกัน วันหนึ่งที่จำนวนร่างแยกเจ้าถึงขีดจำกัดและหาร่างจริงของเจ้าพบแล้ว เจ้าจะใช้หนึ่งในวิชาอภินิหารที่ทรงพลังที่สุดของเผ่ายมโลกได้…มันคือการเปลี่ยนแห่งยมโลก วิชานี้จะทำให้ร่างแยกทั้งหมดหลอมรวมกับร่างจริง แล้วระเบิดกำลังรบที่แกร่งที่สุด

ในความทรงจำข้า ชาวเผ่ายมโลกในโลกแท้จริงที่ห้าซึ่งใช้วิชาเปลี่ยนยมโลกได้มีไม่มาก ทั้งยังมีการแบ่งความอ่อนและแกร่ง ส่วนรายละเอียดเฉพาะเจาะจง ข้าเป็นคนนอกเผ่าจึงรู้ไม่แน่ชัด

แต่ข้าเคยได้ยินข่าวลือเรื่องหนึ่งมา จักรพรรดิแห่งโลกแท้จริงที่ห้าหรือบรรพบุรุษรุ่นแรกของเผ่ายมโลก ตอนเขายังไม่บรรลุถึงระดับกุมชะตาเกิดดับ หลังจากร่างแยกทั้งหมดรวมกันและใช้วิชาเปลี่ยนยมโลกแล้ว เขาสู้กับหนึ่งในสี่ยอดบรรพชนแห่งสี่มหาโลกแท้จริงที่บรรลุถึงระดับกุมชะตาเกิดดับแล้วได้อย่างสูสี

ยามจักรพรรดิบรรลุถึงระดับกุมชะตาเกิดดับ เขาก็ใช้วิชาเปลี่ยนยมโลกอีกครั้ง คนเดียวก็เอาชนะสี่ยอดบรรพชนได้!” ชื่อหั่วโหวน้ำเสียงฮึกเหิมเมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เห็นชัดว่านี่คือความภูมิใจในตอนนั้นของคนโลกแท้จริงที่ห้าอย่างเขา

ซูหมิงมองกำปั้นตัวเองแล้วคลายออกช้าๆ ฟังน้ำเสียงฮึกเหิมของชื่อหั่วโหวพลางมองฟ้ากระจ่างดาวไกลๆ

‘จักรพรรดิแห่งโลกแท้จริงที่ห้าแกร่งขนาดนี้ บรรพบุรุษของเผ่ายมโลกก็ยังไม่อาจปกป้องครอบครัวตัวเอง ทำให้เผ่าของตนเกือบสูญสิ้นไป

ฟ้ากระจ่างดาวกว้างใหญ่นี้ หรือว่ายังมีขั้นพลังที่อยู่เหนือกว่ากุมชะตาเกิดดับอีก สามารถตัดสินความเป็นตายของทุกสรรพสิ่ง กระทั่ง…สังหารผู้กุมชะตาเกิดดับได้…’ ซูหมิงมองฟ้า ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงเกิดความคิดนี้ขึ้น

‘เทียบกับคนเหล่านี้แล้ว ข้ายังอ่อนแอราวกับมดปลวก’ ซูหมิงเงียบงัน

“บรรพบุรุษของเผ่ายมโลกมีกี่ร่างแยก?” ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ถามเสียงต่ำ

“มีหกร่างแยก ทุกร่างแยกแข็งแกร่งอย่างยิ่ง” ชื่อหั่วโหวตอบทันที

ซูหมิงไม่กล่าวอีก เขามองฟ้ากระจ่างดาว นัยน์ตาค่อยๆ ขยับประกายเด่นชัด แรงกดดันไร้รูปแผ่กระจายออกรอบตัว คลื่นแรงกดดันนี้เป็นตัวแทนหัวใจเขา ตอนนี้มันกำลังผันผวนอย่างรุนแรง

‘แข็งแกร่งเช่นบรรพบุรุษก็ยังไม่อาจปกป้องเผ่าพันธุ์และครอบครัว…ตอนนี้มีโอกาสสูงมากที่จะตายไปแล้ว’

‘โลกแท้จริงที่ห้ากลายเป็นเศษเสี้ยวโลก คนนับไม่ถ้วนถูกผนึกไว้’

‘ตอนนั้นเพราะเหตุใดกันแน่ สี่มหาโลกแท้จริงถึงร่วมมือกันสู้กับโลกแท้จริงที่ห้า…เพราะเหตุใดกันแน่ถึงคิดทำลายโลกแท้จริงนี้ให้สิ้นซาก…ดูแล้วน่าจะเพ่งเป้าหมายไปที่เผ่ายมโลกเป็นหลัก’

‘ข้าถูกกุมดวงชะตามามากพอแล้ว ทั้งตี้เทียนในตอนนั้น ดวงจิตในแดนมรณะหยิน บางทีในอนาคตอาจยังมีการบงการโชคชะตาอยู่ จนกระทั่ง…ข้าตายไป’

‘ข้าจะไม่ยอมถูกใครบงการอีก ข้าจะกุมดวงชะตาตัวเอง จะไม่ให้จิตใจข้ารับผลกระทบใดๆ อีก ข้าจะให้คนที่ข้าอยากปกป้องปลอดภัยตลอดไป ข้าต้องแข็งแกร่งขึ้น!’

‘แข็งแกร่ง มีแต่ต้องแกร่งขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเหนือกว่าบรรพบุรุษรุ่นแรกเท่านั้นถึงจะปกป้องคนและครอบครัวที่อยากปกป้องได้ และเป็น…ตัวของข้าเองได้!’ นัยน์ตาซูหมิงเปล่งประกายมากขึ้น ผ่านไปพักใหญ่ถึงค่อยๆ หายไป เขาซ่อนมันเอาไว้ในก้นบึ้งหัวใจ ให้เป็นความปรารถนาของเขาเอง

“ไปเถอะ เราไปดาวทมิฬกัน” ซูหมิงถอนสายตามาจากฟ้ากระจ่างดาว นั่งขัดสมาธิลงก่อนกล่าวเรียบนิ่ง

หินผุพังส่งเสียงอื้ออึง มุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของฟ้ากระจ่างดาว

หลายวันต่อมา ซูหมิงลืมตาจากฌานสมาธิ เสียงชื่อหั่วโหวแว่วมาจากด้านข้างเข้าสู่จิตใจ

“ซูหมิง ข้างหน้ามีคนกำลังตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดูจากลักษณะไม่เหมือนรู้ตำแหน่งของพวกเรา น่าจะเจอโดยบังเอิญมากกว่า”

ซูหมิงไม่กล่าวอะไร เขามองผืนฟ้าดาราข้างหน้าแวบหนึ่งแล้วหลับตาลงอีกครั้ง เขาไม่ใช่คนกระหายการเข่นฆ่า นิสัยเขาหากคนอื่นไม่มาล่วงเกินก่อนก็จะไม่ลงมือ ทว่าหากมีคนล่วงเกินเมื่อใด เขาจะเย็นชาจนเลือดเย็น

หนึ่งก้านธูปต่อมา มีสายรุ้งยาวเส้นหนึ่งตรงเข้ามาหา พริบตาเดียวก็เข้าใกล้หินผุพังของซูหมิง มันไม่หยุดแต่บินผ่านไปข้างๆ ภายในสายรุ้งนั้นเป็นชายหนุ่มผมยาวคนหนึ่ง เขาสวมเสื้อคลุมยาวสีม่วงตัวใหญ่ ด้านบนปักภาพมังกรด้วยดิ้นทอง ลักษณะของมังกรตัวนี้คล้ายกับคำคำหนึ่ง

จ้าว (赵)

ซูหมิงไม่สนใจบุคคลผู้นี้ เขายังคงหลับตานั่งสมาธิ ทว่าไม่นานก็มีจิตสัมผัสกวาดเข้ามาอย่างถือดียิ่ง ตอนเขาขมวดคิ้ว ชายหนุ่มที่จะบินผ่านหินผุพังพลันส่งเสียงอุทาน ก่อนจะบินกลับมา ใช้ความเร็วเหมือนกับหินผุพังขณะสายตามองซูหมิง

ตอนที่มองแวบแรกเขามีสีหน้ามึนงง ส่ายศีรษะแล้วจากไปอย่างเร็วไว กลายเป็นสายรุ้งยาวออกห่างจากหินผุพัง จนกระทั่งทะยานไกลออกไปแล้ว นัยน์ตาเขามีความตื่นเต้นซ่อนเอาไว้ และยังมีความหวาดกลัวมากกว่า ตอนนี้ขณะห้อเหยียดก็หยิบแผ่นหยกออกมา

“ไม่อยากเชื่อว่าข้าจะเจอเขา!”

“เขาจำเจ้าได้แล้ว ตอนนี้กำลังทำลายแผ่นหยกสื่อสารเพื่อแจ้งให้รู้ว่าเจ้าอยู่ที่ใด” บนหินผุพัง เสียงชื่อหั่วโหวดังอยู่ข้างหูซูหมิง

“ข้ารู้แล้ว” ซูหมิงลืมตาขึ้น หากคนคนนี้เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้จักตนและไม่หยิบแผ่นหยกออกมาทำลาย เขาก็คงไม่ลงมือ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเลือกส่งสารออกไป ก็เท่ากับว่าเดินสู่หายนะแล้ว

“อักษรและพื้นดิน…กลายเป็นหลุมศพ”

ช่วงที่ซูหมิงเอ่ยเสียงเบา ร่างเขาก็เลือนรางหายไป

ไกลออกไป วินาทีที่ชายหนุ่มเสื้อคลุมม่วงกำลังจะทำลายแผ่นหยก พลันเกิดความรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรงขึ้นในใจ เขาหน้าเปลี่ยนสี ช่วงที่กำลังจะบีบแผ่นหยกโดยไม่สนสิ่งใดนั้น

โครม! รอบตัวเขาปรากฏหมอกขุ่นมัวกลุ่มหนึ่ง มันแข็งตัวในพริบตาและห่อหุ้มเขาเอาไว้ภายใน หากมองจากฟ้ากระจ่างดาว จะเห็นชัดว่าตรงจุดที่เขาอยู่มีหลุมศพคล้ายดินอยู่

บนหลุมศพมีเศษหนังปรากฏขึ้น ก่อนจะรวมกันเป็นป้ายหลุมศพ บนป้ายหลุมศพนั้นก็กำลังวาดเป็นรูปลักษณ์ชายหนุ่มคนนั้นอย่างรวดเร็ว

“ตาย” เสียงราบเรียบดังกังวานฟ้าดิน ซูหมิงมาปรากฏอยู่บนหินผุพังอีกครั้งแล้วกล่าวเสียงเบา

เวลาผ่านไปช้าๆ พริบตาเดียวก็ครึ่งเดือน กลิ่นคาวเลือดอบอวลอยู่บนหินผุพังก้อนนี้ มีคราบโลหิตเป็นจ้ำๆ ครึ่งเดือนมานี้ซูหมิงเจอคนที่มาล่าสังหารสี่ครั้ง

ครั้งแรกสองคน ครั้งที่สองสองคน ครั้งที่สามหกคน และครั้งที่สี่สิบเอ็ดคน

นอกจากสองครั้งก่อนที่ซูหมิงลงมือแล้ว สองครั้งหลังเขาหลีกเลี่ยงไป เมื่อเข้าใกล้ดาวทมิฬขึ้นเรื่อยๆ เขาก็สังเกตเห็นจากเงาสะท้อนมายาว่ามีอันตรายร้ายแรงมากขึ้นทุกที เขาพบว่ารอบตัวมีจุดมากขึ้นอย่างต่อเนื่องกำลังเข้ามาใกล้จากทุกทิศ

“ชื่อหั่วโหว วิชามิติบิดเบี้ยวเจ็ดวันของเจ้าน่าจะถูกใครทำลายแล้ว” ซูหมิงกล่าวเรียบนิ่ง

ชื่อหั่วโหวนิ่งเงียบ เขาก็นึกถึงจุดนี้เช่นกัน มิเช่นนั้นคงอธิบายไม่ได้ว่าเหตุใดครึ่งเดือนมานี้คนที่มาล่าสังหารจากรอบตัวถึงเยอะขึ้นเรื่อยๆ

“หากข้าเป็นคนวางกลยุทธ์ของสี่มหาโลกแท้จริง อันดับแรกข้าจะทำลายวิชาเจ็ดวันนี้ก่อน จากนั้น…ในเมื่อวงแหวนอาคมเปิดได้ มันก็ต้องปิดได้ ในเมื่อศัตรูใช้วงแหวนอาคมได้ เช่นนั้นข้าก็จะปิดสีย ให้ศัตรูใช้มันไม่ได้อีก” ซูหมิงนั่งอยู่บนหินผุพัง สายตามองเงาสะท้อนตรงหน้าซึ่งกำลังผันแปรเบาๆ ในนั้นมีจุดมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังขยับวูบวาบตามกันมาราวกับวงแหวนอาคมไม่เสถียร แล้วจึงเอ่ยเสียงเย็นชา

“หลังจากนั้น เมื่อวิชาเจ็ดวันถูกทำลายและปิดวงแหวนอาคมแล้ว กองทัพรักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริงจะปรากฏตัวขึ้น ข้าจะปิดผนึกพื้นที่นี้ให้เร็วที่สุดก่อนเริ่มเปิดฉากสังหาร”

ซูหมิงเพิ่งกล่าวจบ เงาสะท้อนตรงหน้าก็ขยับวูบวาบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มัวหมองในพริบตา แล้วหายไปต่อหน้าเขา ทว่าเขาไม่ได้มีสีหน้าแปลกใจอะไร

“บัดซบ ย่านกเจ้าเถอะ พวกเจ้ามันไร้ยางอาย!” กระเรียนขนร่วงตะลึงงันอยู่ข้างๆ ชั่วขณะ จากนั้นตะโกนด้วยความโกรธทันที

“เจ้าซูน้อย จบสิ้นแล้วๆ ต้องโทษปากเจ้า สมพรปากเจ้าเลยเป็นอย่างไร วงแหวนอาคมผนึกจิต…ข้าไม่รู้สึกถึงมันแล้ว มันถูกปิดแล้ว สมควรตาย เจ้าพวกนี้มันตัดเส้นทางรวยของข้า ไร้ยางอายเกินไปแล้ว ท่านกระเรียนผู้นี้จะจำเอาไว้ ข้าจะแก้แค้น ไม่ช้าก็เร็วข้าจะจัดการพวกเจ้า” กระเรียนขนร่วงโกรธแค้นอย่างสุดขีด เหตุที่มันปวดใจไม่ใช่เพราะวงแหวนอาคม แต่เพราะเมื่อวงแหวนอาคมปิดแล้ว ตนจะข่มขู่ซูหมิงไม่ได้อีก จะทำข้อตกลงกันไม่ได้อีกต่อไป รู้กันดีว่าขอแค่มีวงแหวนอาคมนี้อยู่ สำหรับมันแล้วเรียกได้ว่าเป็นแหล่งหินผลึก….

ทุกครั้งที่ซูหมิงใช้งานจะต้องจ่ายหินผลึกมา

‘หินโลกหนึ่งพันก้อนกับดาวแท้จริงที่ถูกปรับแก้ให้มีต้นกำเนิดโลกสมบูรณ์หนึ่งดวง คนที่สนใจไม่ใช่ผู้ฝึกฌานเดี่ยวๆ อีก แต่เป็น…ทั้งตระกูล!’ ซูหมิงมองเงาสะท้อนหายไป นัยน์ตาเผยจิตสังหาร

เขานึกไปถึงอักษรจ้าวลักษณะมังกรที่ปักบนอาภรณ์ชายหนุ่มเสื้อคลุมม่วงที่ตนสังหารไปเมื่อหลายวันก่อน

‘เพราะความพิเศษของแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต นักโทษจากสี่มหาโลกแท้จริงล้วนดำรงชีวิตที่นี่ ไม่รู้กี่หมื่นปีมานี้ย่อมเกิดขุมอำนาจในลักษณะตระกูลขึ้น สำหรับตระกูลเหล่านี้ ดาวแท้จริงที่ถูกปรับแก้หนึ่งดวงมีความน่าหลงใหลมากกว่าหินโลกเสียอีก

สี่มหาโลกแท้จริง และยังมีผู้ล่าสังหารเหล่านั้น ในเมื่อพวกเจ้ายึดมั่นจะล่าสังหารแซ่ซูขนาดนี้ ก็อย่ามาโทษว่าข้าโหดร้ายกับพวกเจ้า!’ ซูหมิงยิ้มเยาะ นัยน์ตามีประกายเย็นชาวูบผ่าน จากนั้นก็ยืนขึ้นจากท่านั่งสมาธิ

“เจ้าขนร่วง อยากแก้แค้นสี่มหาโลกแท้จริงหรือไม่” ซูหมิงมองกระเรียนขนร่วง

กระเรียนขนร่วงกำลังโกรธอยู่ พอได้ยินดังนั้นก็กัดฟันและพยักหน้าแรงๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version