Skip to content

Tales of Herding Gods 107

107. สู้สิบด้วยมือเดียว

ห้าวันต่อมา ฉินมู่มาถึงชนบทสุสานแม่น้ำ ชนบทสุสานแม่น้ำนั้นเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองกว่าเมืองชนบทไหนๆ ที่เขาเคยเห็นมาตลอดการเดินทาง ชนบทสุสานแม่น้ำเป็นเมืองที่สร้างอยู่เหนือแม่น้ำจริงๆ แม่น้ำที่ว่าคือแม่น้ำทองคำไม่ใช่แม่น้ำหย่ง ดังนั้นสุสานแม่น้ำบางครั้งก็รู้จักในนามสุสานทองคำ

มวลกระแสน้ำในแม่น้ำทองคำนั้นกว้างใหญ่ทรงพลังประดุจมหาสมุทร แต่เดิมแล้ว ชนบทสุสานแม่น้ำนั้นสร้างอยู่บนเกาะบนแม่น้ำ แต่เมื่อมีเรือผ่านมาผ่านไปมากขึ้น มันก็รุ่งเรืองมั่งคั่งและมีประชากรล้นเกิน ดังนั้นจึงมีการปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างมหึมาเพิ่มเติมเป็นเมืองใหญ่

ผู้ว่าการชนบทสุสานแม่น้ำในสมัยนั้น ก็คือราชครูสันตินิรันดร์ในตอนนี้ ในยุคนั้นเขาเป็นผู้ฝึกยุทธฝีมือแกร่งที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ เขาแสดงความสามารถเหนือธรรมดาและรวบรวมช่างฝีมือชั้นครูจำนวนมากและผู้ฝึกวิชาเทวะจำนวนนับไม่ถ้วนมาวางเสาหินตอกลงไปทั่วแม่น้ำ แต่ละเสานั้นยาวร้อยห้าสิบวาและมีเสาทั้งหมดสามพันแปดร้อยต้น ยอดเสานั้นสูงพ้นน้ำห้าสิบวา ซึ่งทำให้เรือใหญ่สามารถแล่นผ่านข้างล่าง และเมื่อมีน้ำบ่าไหลหลาก มวลน้ำก็ไหลผ่านไปได้

ราชครูสันตินิรันดร์ใช้หินใหญ่ปูถนนกับด้วยช่างฝีมือชั้นครูและผู้ฝึกวิชาเทวะ และใช้ทักษะเทวะเพื่อเสริมความมั่นคงให้เมืองสุสานแม่น้ำ นี่เป็นโครงการใหญ่มหึมาและมันต้องใช้ผู้วิชาเทวะหลายหมื่นคนลงแรงกว่าสิบปีเพื่อสร้างเมืองใหม่นี้

ที่พื้นเมือง เจาะช่องเหลี่ยมให้แสงส่องไปยังพื้นแม่น้ำข้างล่างได้หลายช่อง ทั้งยังสามารถใช้ระบายน้ำในยามที่ฝนตกหนัก และยังมีท่าเรือจำนวนมากสร้างอยู่ใต้เมืองเพื่อระบายการจราจร

ข้างๆ เมืองก็มีท่าริมฝั่งน้ำ ทั้งใหญ่ทั้งเล็ก ให้เรือทั้งหลายเข้ามาเทียบขนสินค้าขึ้นลง

สถานที่นี้คึกคักเหลือใจ ดังนั้นมันจึงถูกเรียกว่าเมืองหลวงน้อย บัณฑิต ขุนนางในยุคนั้นติเตียนการก่อสร้างเมืองใหม่ และกล่าวหาผู้ว่าการชนบทสุสานแม่น้ำว่าวางแผนก่อกบฏโดยสร้างเมืองสุสานแม่น้ำขัดขวางเส้นปราณมังกรของจักรวรรดิ พวกเขาถวายฎีกาแด่องค์จักรพรรดิเพื่อให้ประหารผู้ว่าฯซะ

พวกเขายังกล่าวหาว่าผู้ว่าชนบทสุสานแม่น้ำสร้างหัวมังกรบนแม่น้ำทองคำ มีจิตเจตนามักใหญ่ใฝ่สูง

หลังจากที่ผู้ว่าชนบทสุสานแม่น้ำสำเร็จโครงการอัศจรรย์น่าตื่นตานี้แล้ว เขาก็ถูกเรียกตัวเข้าไปในเมืองหลวง หลายต่อหลายคนคิดว่าจักรพรรดิจะสั่งประหารเขา แต่ไม่คาดคิดเลยว่าองค์ชายรัชทายาทเอี้ยนเฝิงจะชื่นชมเขาขนาดหนัก จนเมื่อรัชทายาทเอี้ยนเฝิงได้ขึ้นครองราชย์ด้วยฝีมือและแผนการอันเหนือล้ำ เขาก็เลื่อนขั้นตำแหน่งผู้ว่าชนบทสุสานแม่น้ำไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งกินตำแหน่งราชครูแห่งจักรวรรดิในปัจจุบัน

ฉินมู่ก็เคยได้ยินเรื่องราวน่าสนใจเหล่านี้จากคนถือหางเสือเรือ และไม่รู้ว่ามีข้อเท็จจริงอยู่มากแค่ไหน แต่กระนั้น ความสามารถของราชครูสันตินิรันดร และดวงตาแห่งปัญญาของจักรพรรติเอี้ยนเฝิงก็ทำให้เขาชื่นชมยกย่องทั้งสองบุรุษนี้

ที่ขึ้นเรือมาด้วยมีบัณฑิตหลายคนจากชนบทสุสานแม่น้ำ บางคนก็เป็นบัณฑิตยากจนจากครอบครัวข้นแค้น และบางคนก็มีจากครอบครัวร่ำรวย ฉินมู่สอบถามพวกเขาหลายคนพบว่าผู้คนเหล่านี้มาจากโรงเรียนวิทยาลัยประถมฐาน พวกเขาล้วนแต่เป็นนักเรียนจากโรงเรียนเดียวกัน

ฉินมู่ตกตะลึงและซักไซ้เกี่ยวกับโรงเรียนวิทยาลัยประถมฐานในชนบทสุสานแม่น้ำ ตอนนั้นเองเขาจึงรู้เหตุผลที่มาที่ไปของมัน

โรงเรียนวิทยาลัยประถมฐานนั้นก่อตั้งโดยราชครูสันตินิรันดร์ และได้ขยายการสร้างโรงเรียนชนิดนี้ไปทั่วประเทศ

ราชครูกล่าวแก่จักรพรรดิเอี้ยนเฝิงว่า “เด็กอายุแปดขวบทั้งจากชนชั้นสูงและสามัญชน จะต้องเข้าโรงเรียนประถมฐาน เพื่อเรียนวิชาเต้าหยิน มารยาท สามัญสำนึก พิธีกรรมและดนตรี ธนู การอ่านเขียน การฝึกวิชาเพื่อสร้างรากฐานให้แก่พวกเขา จะต้องรอดูความถนัดของนักเรียนก่อน จากนั้นจึงสอนต่อไปให้ตรงกับความถนัดของพวกเขา และเมื่อนักเรียนเหล่านั้นสามารถปลุกทารกวิญญาณและทลายกำแพงสมบัติเทวะทารกวิญญาณได้ ก็จะได้รับการคัดเลือกให้เรียนในวิทยาลัย”

ราชครูสันตินิรันดร์กล่าวกับจักรพรรดิเอี้ยนเฝิงต่อว่า “เมื่อพวกเขาย่างเข้าสิบห้าขวบ บุตรคนโตและทายาทของโอรสสวรรค์ รวมทั้งทายาทของดยุค ขุนนางชั้นสูง ขุนนางอาวุโส บัณฑิตราชสำนักจะเข้าวิทยาลัยร่วมกับสามัญชนที่มีความสามารถโดดเด่น พวกเขาจะได้เรียนทักษะเทวะ วิชาคุมกระบี่ วิธีตั้งจิตให้เที่ยงธรรม วิธีบ่มเพาะตัวตน วิธีปกครองบังคับบัญชา พวกเขาจะได้เรียนรู้ทักษะเทวะของทุกยุคสมัย ด้วยวิธีนี้นักศึกษาในวิทยาลัยทุกคนก็จะเป็นนักเรียนของฝ่าบาท และจะไม่ต้องคอยพึ่งพาสำนักในการผลิตกำลังคนให้อีกต่อไป หากธำรงกระบวนการนี้ไว้ได้ เขี้ยวเล็บของสำนักเหล่านั้นก็จะถูกลิดรอน”

ราชครูยังกล่าวไว้อีกว่า “เมื่อนักเรียนเหล่านั้นสำเร็จจากวิทยาลัยแล้ว พวกเขาสามารถเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยจักรพรรดิ นักศึกษาในมหาวิทยาลัยจักรพรรดิจะได้เรียนรู้วิถีทางแห่งการเป็นขุนนางและแม่ทัพ ศึกษาเต๋าเหล่านั้นเพื่อออกไปปกครองทุกหัวระแหงในโลก โดยการณ์นี้ทั้งสี่คาบสมุทรก็จะสงบราบคาบ และฝ่าบาทก็จะไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป”

ฉินมู่ถอนใจอย่างทึ่งๆ ด้วยวิธีการให้การศึกษาของราชครูสันตินิรันดร์ จักรวรรดิแห่งนี้จะไม่รุ่งเรืองได้อย่างไร

บทบาทของสำนักถูกจำกัดบีบคั้นให้หดเล็กลงด้วยโรงเรียนประถมฐานและวิทยาลัย โดยปราศจากบทบาท ไม่น่าแปลกใจว่าเหตุไฉนสำนักต่างๆ จึงก่อการกบฏ

บนเรือนั้น ฉินมู่นำตำราวิชาคำนวณที่เขาซื้อมาจากเมืองสุสานแม่น้ำ และศึกษามันอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาเขียนวิธีการคิดคำนวณด้วยดินสอถ่านบนกระดาษตำรา

ตอนนั้นเอง นักเรียนที่มีรูปร่างอวบอ้วนเหมือนลูกพลัมก็เอ่ยถาม “พี่ฉินก็จะไปเมืองหลวงเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยจักรพรรดิเหมือนกันหรือ”

ฉินมู่พยักหน้าและยิ้มกล่าว “ใช่แล้ว ข้ากะว่าจะไปเมืองหลวงเพื่อแสวงโชคดวงสำหรับอนาคต พี่เว่ยเองก็ไปสอบเหมือนกันหรือ”

นักเรียนร่างกลมเหมือนลูกพลับนั้นมีนามว่าเว่ยหยง เขาพยักหน้าและยิ้มตอบ “ผ่านการสอบแข่งขัน และสามารถเข้าไปร่ำเรียนในมหาวิทยาลัยจักรพรรดิได้นั้น เป็นความฝันที่ข้ามุ่งหมายเอาไว้นานแล้ว!”

นักเรียนคนอื่นๆ หัวเราะขึ้นมาทันที “พี่เว่ย มันไม่ง่ายนาที่จะเข้ามหาวิทยาลัยจักรพรรดิได้น่ะ อายุเจ้าเพิ่งสิบสี่ขวบ และยังเป็นนักเรียนขั้นประถมฐาน เจ้าไม่มีทางเข้ามหาวิทยาลัยจักพรรดิได้หรอก!”

เว่ยหยงฉีกยิ้มหยัน “นักเรียนในมหาวิทยาลัยจักรพรรดิจะวิเศษขนาดนั้นเลย? ถ้าต่อยตีกัน พวกเขาอาจจะเอาข้าและพี่ฉินไม่ลงด้วยซ้ำ!”

นักเรียนเกือบทั้งหมดหัวเราะลั่น

ฉินมู่เองก็เผยยิ้มบาง นักเรียนเหล่านี้ขึ้นเรือลำเดียวกันล้วนแต่มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงเพื่อสอบไล่ระดับจักรวรรดิทั้งนั้น พวกเขาล้วนแต่ปรารถนาจะเข้ามหาวิทยาลัยจักรพรรดิ

วิทยาลัยสุสานแม่น้ำนั้นสอนแต่วิชากระบี่พื้นฐานและเวทมนตร์ที่จำกัดจำเขี่ย ขณะที่มหาวิทยาลัยจักรพรรดิแห่งเมืองหลวงนั้นครอบครองหนังสือเป็นล้านเล่มซึ่งมีทุกอย่างที่พวกเขาต้องการ แทบจะทุกวิชาฝึกปรือและทักษะเทวะของทุกสำนักในจักรวรรดิสันตินิรันดร์ถูกรวบรวมเอามาไว้ที่นี่ กล่าวได้ว่าเป็นสถาบันศึกษาที่ให้การศึกษาขั้นสูงสุดในจักรวรรดิ!

การเข้ามหาวิทยาลัยจักรพรรดินั้นยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยทั่วแว่นแคว้นต่างก็ต่อสู้แย่งชิงกันอย่างดุเดือดเพื่อเข้าไปให้ได้ สำหรับนักเรียนขั้นประถมฐาน พวกเขาส่วนใหญ่วางแผนเพียงแค่เข้าร่วมวิทยาลัยอื่นๆ ในเมืองหลวง เพราะมันยากยิ่งกว่ายากที่นักเรียนขั้นประถมฐานจะผ่านการสอบไล่เข้ามหาวิทยาลัยจักพรรดิได้ เว้นก็แต่ว่าพวกเขามีความโดดเด่นเป็นหัวกะทิจึงจะพอมีโอกาสบ้าง แต่ละปีนั้น จำนวนของนักเรียนขั้นประถมฐานที่ผ่านการสอบเข้านั้นแทบจะเท่ากับศูนย์

คนถือหางเสือคัดท้ายเรือมุ่งหน้าไปยังฝั่ง

ฉินมู่สังเกตว่าเรือนี้ใช้เตาหลอมแปลกประหลาด มันมีไฟอยู่ในเตาหลอมและเมื่อใดก็ตามที่โยนหินยาเซียนเข้าไป พลังจิตวิญญาณในหินยาเซียนก็จะพวยพุ่งออกมาขับเคลื่อนฟันเฟืองที่อยู่บนยอดเตาหลอม ฟันเฟืองนั้นเชื่อมต่อกับใบพัดในน้ำที่สามารถส่งเรือใหญ่ให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าประดุจเครื่องกลสะเทินน้ำ

คนถือหางเสือทำหน้าที่แค่บังคับหางเสือควบคุมทิศทาง

ฉินมู่เดาะปากด้วยความทึ่ง ถ้าอยู่ในแดนโบราณวินาศเขาคงไม่ได้เห็นภาพประหลาดมหัศจรรย์แบบนี้

ไม่นานนัก เรือใหญ่ก็แล่นไปถึงฝั่ง ฉินมู่ลงจากเรือพร้อมกับนักเรียนคนอื่นๆ เขาเดินตามพวกนั้นไปและมาถึงตลาดม้าและยวดยานหลังจากเดินไปได้สักพัก

ฉินมู่มองไปรอบๆ และยิ่งสงสัยใคร่รู้ เขาเห็นทั้งเรือที่วิ่งได้บนบก ยวดยานที่บินได้ นกกะเรียนและมังกรดินที่ให้เช่าและให้ซื้อ และมีเรือหลายลำที่พร้อมจะออกแล่น ควันพุ่งโขมงออกจากปล่องควันของเรือเหล่านั้น บางครั้งก็มีเปลวไฟแลบออกมาปะปนควัน

“พี่ฉิน ทางนี้!”

เว่ยหยงยืนอยู่ที่ท้องเรือและโบกไม้โบกมือเรียกเขา เรือนั้นมีสะพานทอดลงไป และมีนักเรียนหลายต่อหลายคนอยู่บนเรือด้วย

ฉินมู่เดินเข้าไปและเงยหน้าขึ้นมองเรือบิน เขามีสีหน้าแตกตื่นใจ เว่ยหยงชินกับความบ้านนอกเข้ากรุงของฉินมู่แล้วจึงยิ้มแล้วแนะนำ “เรือที่แล่นบนบกนั้นกระโดกกระเดกเกินไป เรือบินก็แพงหูฉี่ จะขี่นกกะเรียนและมังกรดินก็ต้องตากแดดตากฝน แต่ถึงยังไงขึ้นเรือบินไปนี่แหละสบายที่สุดแล้ว เสียก็แค่มันจะช้าสักหน่อย ทว่าตอนนี้ก็ยังอีกนานอยู่กว่าเขาจะเริ่มการสอบ ดังนั้น พวกเราขึ้นเรือบินไปเมืองหลวงกันเถอะ”

ฉินมู่พยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นจึงถาม “เช่นนั้นค่าโดยสารเท่าไรล่ะ”

เว่ยหยงดึงไหสุราที่พกไว้ออกมาแล้วแย้มยิ้ม “เสื้อผ้าเจ้าหรูหรากว่าข้า แต่กลับกังวลเรื่องค่าโดยสารแค่นี้? พี่สาวจิ้งจอก ข้าซื้อสุราให้เจ้าแน่ะ”

ฮู่หลิงเอ๋อประหลาดใจและดีใจ นางยืนขึ้นสองขาแบบมนุษย์แล้วกล่าวขอบคุณอย่างตั้งอกตั้งใจก่อนจะรีบรับไหสุรามา

ฉินมู่ไปยังนายท้ายเรือและจ่ายค่าโดยสาร สิบเหรียญสมบูรณ์พูนสุขคือค่าโดยสารที่ต้องจ่ายเพื่อใช้เดินทางจากสุสานแม่น้ำไปยังเมืองหลวง ไม่นับว่าแพงเท่าไรในเมื่อฉินมู่คุ้นชินกับการจ่ายอย่างฟุ่มเฟือย เขาไม่รู้เลยว่ามูลค่าที่แท้จริงของหนึ่งเหรียญสมบูรณ์พูนสุขนั้นเทียบได้กับอะไร และรู้แต่ว่าเมื่อเขาจ่ายหนึ่งเหรียญนี้เป็นค่าอาหารและที่พัก คนขายและเถ้าแก่ต่างก็ยิ้มจนปากแทบฉีกถึงใบหู

สองคนและหนึ่งจิ้งจอกลงเรือไปด้วยกัน และไม่นานนัก เรือนั้นก็มีผู้โดยสารเต็มพิกัด นักปรุงยาหลายคนและเด็กผู้ช่วยเริ่มจุดเตาหลอม ฤทธิ์พลังของยาแปรเปลี่ยนเป็นพลังเวทมนตร์ที่ขับเคลื่อนรูปสลักสัตว์สำริดที่ท้ายเรือ ปากกว้างของรูปสลักสัตว์นั้นพ่นเปลวไฟรุนแรงออกมา ยกเรือให้ค่อยๆ ลอยขึ้นไปบนอากาศ เรือนั้นปรับทิศทางของมันกลางอากาศและคลี่ใบเรือเพื่อขับเคลื่อนออกจาชนบทสุสานแม่น้ำไปทางทิศเหนือ

บนเรือ ผู้โดยสารทุกคนต่างก็มีห้องของตนเองและมีบริการอาหารทุกมื้อ พวกเขาเพียงแต่ต้องอยู่บนเรือไปอีกสามสี่วันเท่านั้นก็จะเดินทางถึงจุดหมาย

ฉินมู่ยืนอยู่บนเรือและมองลงไปข้างล่างเมื่อเรือลอยสูงขึ้นสูงขึ้น ด้วยความเร็วที่เพิ่มพูนขึ้นของมัน เมืองสุสานแม่น้ำข้างล่างก็ดูเล็กลงไปทุกที แต่เขาก็ยังสามารถเห็นอากาศยานชนิดต่างๆ สัตว์ขี่บินได้ เรือบินลำอื่น และอื่นๆ บินออกมาจากเมืองเป็นระยะๆ และบนแม่น้ำก็คับคั่งไปด้วยนาวาเช่นกัน

“สันตินิรันดร์นี่เป้นดินแดนมหัศจรรย์จริงๆ”

ฉินมู่อุทานด้วยความชื่นชมอยู่ในใจ “หลิงอวี้จิวกล่าวว่าวิชาและทักษะเทวะของสันตินิรันดร์นั้นกำลังรุดหน้าไปอย่างก้าวกระโดด และเมื่อข้าได้เห็นกับตา ดูท่าว่าที่นางพูดคงจะจริง”

เขาสามารถเห็นได้ว่าจักรวรรดิสันตินิรันดร์ได้แฝงฝังวิชาและทักษะเทวะเข้าไปในวิถีชีวิตประจำวันของผู้คน ความต้องการขั้นพื้นฐานของสามัญชนเปลี่ยนแปลงไปทีละเล็กทีละน้อย และนี่มันช่างคล้ายคลึงกับมรรคาแห่งนักบุญที่บรรยายเอาไว้ในคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิต

มรรคาแห่งนักบุญนั้นเพื่อประโยชน์ใช้สอยในชีวิตประจำวันของผู้คน จักรวรรดิสันตินิรันดร์ทำได้ดีจริงๆ

เขาพลันมีความคิดพิลึก หรือว่าราชครูสันตินิรันดร์ก็เป็นสาวกลัทธิมารฟ้าของข้า

นักเรียนบนเรือบินหลายคนกำลังฝึกวิชายุทธ และพลังวัตรของพวกเขาล้วนแต่น่าจับตามอง หากแต่สิ่งที่ทำให้ฉินมู่ตระหนกใจนั้นก็คือทุกคนล้วนฝึกปรือวิชาบู๊แบบเดียวกัน เวทมนตร์ชนิดเดียวกัน และวิชากระบี่เดียวกัน ทำให้ง่ายที่ผู้อื่นจะเล็งเห็นจุดอ่อนของพวกเขา

ผู้ฝึกยุทธแบบนี้ ข้าสู้สิบได้ด้วยมือเดียว ฉินมู่ส่ายหน้าเงียบๆ และศึกษาตำราวิชาคำนวณต่อ ตำราคำนวณชุดนี้มีสิบเล่มอันเป็นตำราพื้นฐานที่จักรวรรดิสันตินิรันดร์พิมพ์เผยแพร่ เขาอ่านมันทั้งหมดแล้วและแก้โจทย์ปัญหาวิธีคำนวณได้เกือบทั้งหมดในตำรา

หลังจากบินได้สี่วัน เรือบินก็เข้าใกล้เมืองหลวง สำหรับนักเรียนเกือบทุกคนบนเรือนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เข้าเมืองหลวง จึงไม่อาจระงับความตื่นเต้นไว้ในใจได้ พวกเขาเอนตัวพิงที่กราบเรือและมองออกไปข้างนอก แต่ทันใดนั้น แรงสั่นสะเทือนรุนแรงก็กระแทกมาจนเรือเอียงไปข้าง นักเรียนบางคนที่ตั้งหลักไม่ทันก็ร่วงตกลงไปจากเรือ

คนเหล่านั้นที่ตกลงไปไม่ได้ฝึกทักษะเทวะที่ทำให้พวกเขาเหาะเหินเดินอากาศได้ ดังนั้นพวกเขาจึงร้องเสียงโหยหวนระหว่างที่ร่วงลงไปข้างล่าง เนื่องจากเรือบินลอยอยู่สูงมากจึงใช้เวลาสักหน่อยกว่าพวกเขาจะตกกระแทกพื้น

ฉินมู่ขมวดคิ้ว ขาทั้งสองของเขาเหมือนทวนเหล็กที่ปักแน่นอยู่บนเรือ มือข้างหนึ่งก็คว้าฮู่หลิงเอ๋อที่เมาแอ๋ และมืออีกข้างก็คว้าจับเว่ยหยงที่เมาพอๆ กันเมื่อพวกเขาทำท่าจะตกเรือ

ในตอนนั้นเอง เสียงหัวเราะลั่นก็ดังมาจากนอกเรือ และงูเหลือมตัวมหึมาก็อ้าปากของมันอันเต็มไปด้วยเขี้ยวแหลม งับกร้วมเข้าที่ท้ายเรือจนกระจุย

ทุกคนบนเรือตระหนกตกใจ ท้ายเรือนั้นแตกหักออกจากคมเขี้ยวงูร้าย นักเรียนที่ยืนอยู่ท้ายเรือร่วงหล่นลงไป และบางคนก็ถูกงูนั้นกลืนเข้าไปในคอ!

ที่หัวแบนของงูเหลือมยักษ์มีผู้คนยืนอยู่ คนผู้นั้นสวมชุดยาวลายดอกไม้และผัดแป้งที่หน้าทาผงชาดบนเรียวปาก ดูเย้ายวนเปี่ยมเสน่ห์ ทว่านั่นเป็นบุรุษที่เย้ายวนเปี่ยมเสน่ห์ซึ่งกำลังมองผู้คนแตกตื่นโกลาหลบนเรือด้วยความตื่นเต้นสะใจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version