ตอนที่ 300 หุบเขาภูตผีอันพิลึกกึกกือ
ยอดฝีมือหลายร้อยจากจักรวรรดิคนเถื่อนตี้ไม่พูดพรํ่าทําเพลงและเพียงแต่ชักอาวุธวิญญาณออกมา ในพริบตาเดียว ไจมีดอันเปล่งประกายจํานวนหลายร้อยก็ลอยลิ่วขึ้นไปบนท้องฟ้า แสงมีดจํานวนนับไม่ถ้วนกวาดโถมไปราวคลื่นมุ่งโจมตีไปที่รูจมูกของรูปสลักเทพค้างคาวกลางอากาศ
ผู้ฝึกวิชาเทวะเหล่านี้ ร่วมมือกันโจมตีด้วยการก่อพยุหะ เพิ่มพูนพลานุภาพไปอย่างยิ่งยวดด้วยการขับเคลื่อนกระบวนท่าไปพร้อมๆ กัน มันช่างน่าตื่นตะลึงนัก!
ในตอนนั้น คณบดีป้าซานก็เคยได้ต้านรับการโจมตีของทหาร 800 คนบนทุ่งหญ้าด้วยตัวคนเดียว และทักษะเทวะของเขา กําแพงดาวหมีใหญ่ก็ถูกทําลายไปหลายต่อหลายครั้ง แต่กระนั้นก็เพราะว่าในกองกําลังแห่งทุ่งหญ้าดังกล่าวมียอดฝีมือในขั้นชาวสวรรค์และเป็นตายปะปนอยู่ด้วย
แม้ว่ายอดฝีมือที่ผานกงสั่วพามาด้วยจากกองทัพล้วนแต่เป็นผู้ฝึกวิชาเทวะ แต่ผู้ที่มีวรยุทธ์สูงสุดนั้นก็ยังคงเป็นราชาหมอผี 4 คนที่ฝึกปรือถึงขั้นชาวสวรรค์และเป็นตาย ราชาหมอผีทั้ง 4 ไม่ลงมือ ทําให้ต่อให้พยุหะนี้จะทรงพลังอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับที่คณบดีป้าซานได้พบเจอในครั้งกระโน้น
ค้างคาวขาวทั้ง 2 บินออกมาอย่างรีบเร่งและอ้าปากของพวกมัน คลื่นเสียงเป็นวงๆ พ่นออกมาถล่มใส่เหล่าทหาร ทักษะเทวะที่พวกมันใช้นั้นเป็นแบบที่ใช้คลื่นเสียง แต่สิ่งที่แปลกก็คือ เมื่อคลื่นเสียงนี้มาถึงหู คนฟังก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร
บนท้องฟ้า มีดโค้งจํานวนไร้ประมาณถูกคลื่นเสียงกระแทก และร่วงกราวลงมายังพื้น ยอดฝีมือหลายร้อยจากกองทัพจักรวรรดิคนเถื่อนตี้ถูกคลื่นเสียงอันเงียบงันถล่มใส่ และพลันกลายเป็นเละตุ้มเป๊ะ
ทันใดนั้น หัวของทหารแห่งจักรวรรดิคนเถื่อนตี้ก็เป่งพองใหญ่ขึ้นๆ ก่อนที่จะระเบิดออกมาดังปัง เสียงอึงอลดังในอากาศไม่หยุดหย่อนและศีรษะของทหารเหล่านี้ก็ระเบิดตามๆ กันอย่างต่อเนื่อง โลหิตสาดกระจายไปทั่วทิศทาง ทําให้สถานการณ์ค่อนข้างน่าสะพรึงกลัว
ค้างคาวขาวทั้ง 2 ร่อนลงมาจากท้องฟ้า และพุ่งไปหากองทัพ พร้อมกับคลื่นเสียงที่เปล่งออกมาจากปากของพวกมันอย่างไม่หยุดหย่อน
ทันใดนั้น หนึ่งในราชาหมอผีก็แค่นเสียงและนําธงขาวออกมา เขาสะบัดธงใส่ค้างคาวขาวทั้ง 2 และพวกมันก็พลันรู้สึกว่าวิญญาณสะท้านไหว พวกมันร่วงลงมาจากท้องฟ้าหล่นลงมา ท่ามกลางกองทัพ
ไพร่พลที่ยังคงรอดชีวิตพลันรู้สึกว่าแรงกดดันในศีรษะของพวกตนหายวับไป และรีบควบคุมไจมีดของตนเอง มีดโค้งจํานวนนับไม่ถ้วนฟาดฟันเข้าใส่จุดที่ค้างคาวทั้ง 2 ร่วงลงมา และเสียงเคร้งคร้างก็ดังออกมาอย่างไม่รู้จบ
หลังจากห่าฝนมีดซัดไปรอบหนึ่ง ทุกคนก็ควบคุมมีดให้บินกลับเข้าไปในไจมีดอันหมุนติ้วอยู่กลางฟ้า
จุดที่ค้างคาวขาว 2 ตัวร่วงลงมาได้ถูกเซาะจนแหว่งเป็นหลุมใหญ่ด้วยมีดโค้งจํานวนไร้ประมาณ แม้แต่ก้อนหินก็ถูกป่นเป็นผุยผง
ผู้ฝึกวิชาเทวะ 2 คนจากจักรวรรดิคนเถื่อนตี้เดินไปข้างหน้า เพื่อตรวจดูว่าค้างคาวขาวตายหรือยัง แต่ทันใดนั้นก็มีฝุ่นผงพวยพุ่งออกมาจากหลุม ค้างคาวขาว 2 ตัวบินขึ้นมาจากผงคลีนั้นและกระพือปีกวูบ โฉบมายังผู้ฝึกวิชาเทวะทั้ง 2 ในวาบเดียว ความเร็วของพวกมันนั้นอัศจรรย์เร็วเกินกว่าที่ทุกๆ คนจะทันตั้งตัว จึงปล่อยให้พวกมันขยุ้มทหาร 2 คนนี้แล้วบินจากไป
ราชาหมอผีผู้หนึ่งเห็นเช่นนั้น จึงเขย่าไหล่ของตนเอง แสงทองพลันฉายโชนออกมาจากข้างหลังเขาแล้วแปรเปลี่ยนเป็นปีกทองคําหนึ่งคู่ ด้วยการสะบัดปีกเขาก็บินขึ้นไปบนอากาศและไล่ล่าตามค้างคาวขาวทั้ง 2
ระหว่างที่บินไป ราชาหมอผีนี้ก็งอกเงยศีรษะนกออกมากับแขน 6 ข้าง เขาถือคฑาวชิราไว้ในมืออันใช้ฟาดไปเบื้องหน้ายังค้างคาวขาวด้วยเสียงคํารามครั่นครื้นของสายฟ้า ความเร็วของค้างคาวที่โฉบทหารไปด้วยนั้นลดทอนลงอย่างมาก หมอผีกําลังจะตามพวกมันทันเพราะอย่างนั้น ดังนั้นค้างคาวขาวจึงได้แต่โยนเหยื่อของพวกมันทิ้งไป ด้วยความเร็วที่เพิ่มพูนขึ้น พวกมันก็สลัดหลุดผู้ไล่ล่าได้
ราชาหมอผีแปรเปลี่ยนปราณชีวิตของตนให้กลายเป็นมือใหญ่อันคว้าจับ 2 ผู้ฝึกวิชาเทวะในอากาศ แต่ในตอนนั้นเขาพบว่าทั้ง 2 คนนี้ถูกดูดเลือดจนแห้งและตายอย่างน่าอนาถ
ค้างคาวขาว 2 ตัวร่อนลงจับที่ต้นไม้ใหญ่ด้วยปากอันอ้ากว้าง คลื่นเสียงอันเงียบงันแผ่พุ่งออกมาอีกครั้งและทําให้พวกที่ไล่ตามมันมาตกในความปั่นป่วน
หนึ่งในราชาหมอผีชูกระจกขึ้นมาและแขวนห้อยมันไว้กลางท้องฟ้า เมื่อแสงจากกระจกฉายส่องลงไปยังร่างของหนึ่งในค้างคาวขาวทั้ง 2 ค้างคาวนั้นก็ร่วงลงจากต้นไม้
ฟั่บ!
แสงมีดถล่มลงมาราวกับห่าฝนและฟาดฟันไปยังจุดที่ค้างคาวร่วงหล่น ราชาหมอผีอีกคนเขย่าร่างของตนเองและจําแลงเป็นยักษ์ร่างทองอันมีศีรษะเป็นช้าง เขาเงื้อก้อนหินใหญ่เท่าภูเขาลูกย่อมๆ และเขวี้ยงมันใส่จุดที่ค้างคาวขาวร่วงลงไป
จิตวิญญาณดั้งเดิมของหมอผีอีกคนปรากฏรูปลักษณ์ข้างหลังเขา และปราณชีวิตของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นฝ่ามือใหญ่ ด้วยมุทราที่ฟาดซัดลงมา ก้อนหินยักษ์ก็ปี้ป่นเป็นจุณวิจุณ และพื้นดินก็สะท้านสะเทือนอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งต้นไม้ในบริเวณโดยรอบก็ถูกเป่ากระจุยกระจาย
“ตอนนี้พวกมันน่าจะตายแล้วใช่ไหม”
ทุกคนไม่ทันมีเวลาได้ถอนหายใจโล่งอกเมื่อกองกําลังเร่งรุดเข้าไป ค้างคาวขาว 2 ตัวก็บินขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่พวกเขาจะไปถึงตรงนั้นเสียอีก พวกมันบินเข้าไปในป่าอย่างตุปัดตุเป๋ แต่ก็ยังไม่ตายอยู่ดี
ราชาหมอผีคนหนึ่งเขย่าธงขาวอีกครั้ง และวิญญาณของค้างคาวขาวทั้ง 2 ถูกถล่มโจมตีซํ้า พวกมันร่วงลงมา และห่าฝนมีดก็ซัดถล่มอีกรอบ
เมื่อการโจมตีระลอกนี้ผ่านพ้นไป ค้างคาวขาวก็บินขึ้นมา แม้ว่าร่างกายของพวกมันจะโงนเงนโซเซ แต่ก็ยังไม่ตายอยู่ดี
“น่าประทับใจ”
ผานกงสั่วอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ค้างคาวขาว 2 ตัวนี้มีเนื้อหนาหนังเหนียว แม้แต่ไจมีดอันเลื่องชื่อที่สุดแห่งแดนทุ่งหญ้าก็ยังทําร้ายพวกมันไม่เข้า ผู้ที่สามารถทําให้พวกมันพอบาดเจ็บอยู่บ้าง ก็มีแต่ราชาหมอผีแห่งวังทองโหรวหลัน
ค้างคาวขาวต้านทานรับการโจมตีจากราชาหมอผีตั้งหลายคนแต่ไม่ตกตายไป นี่มันเหนือความคาดหมายของเขา
ฉินมู่ผู้ซึ่งเข้าไปในส่วนลึกของป่าแล้วถามกิเลนมังกรด้วยรอยยิ้ม “มังกรอ้วน เจ้ายังคิดว่าเจ้าเป็นคู่ต่อสู้ของค้างคาวขาว 2 ตัวนั้นได้อยู่อีกไหม”
กิเลนมังกรร้องเฮอะ “พวกเขาแข็งแกร่งก็จริง แต่ก็ไม่ใช่โดนต่อยตีจนขี้ราดอยู่นั่นอย่างไร ไม่ใช่หรือ”
ไพร่พลแห่งจักรวรรดิคนเถื่อนตี้ได้กรูกันเข้าไปในป่าแห่งหุบเขาภูตผีเพื่อไล่ล่าเหยื่อของพวกเขา ค้างคาวขาวทั้ง 2 ตัวได้รับบาดเจ็บสาหัส และบินผลุบๆ โผล่ๆ ในป่าเป็นระยะ ผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งจักรวรรดิคนเถื่อนตี้กระจายกําลังกันออกไปและค้นหาพวกมันไปทั่วทุกสารทิศ
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงเกรียวกราวดังมาจากป่า และผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งจักรวรรดิคนเถื่อนตี้ก็ขับเคลื่อนไจมีดอย่างแตกตื่น มันหมุนติ้วๆ ไป ทําให้มีดโค้งละเอียดบางหลุดออกมา บางครั้งก็มืด บางครั้งก็สว่าง
เขาเดินเข้าไปในป่าอันเต็มไปด้วยผลไม้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นแอปเปิ้ลที่มีขนาดลูกเท่ากําปั้น
ผู้ฝึกวิชาเทวะเดินเข้าไปในส่วนลึกอย่างระแวดระวัง จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงซู่ซ่าดังมาจากข้างหลัง เขารีบหันกลับไปแต่กระนั้นก็ไม่เห็นอะไรผิดสังเกต เสียงซู่ซ่านั้นดังมาจากเบื้องหน้าเขา เขาพลันเอี้ยวคอไปมองทางข้างหน้าอีกที แต่ก็ไม่เห็นอะไรสักอย่าง ในวินาทีถัดมา เสียงนั้นก็ดังมาจากข้างหลังอีกครั้ง
แต่ทว่า เขานั้นเป็นคนมีไหวพริบ โดยที่ไม่หันคอกลับไปดู มีดโค้งก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเขาและพลันขยายขนาดใหญ่ขึ้น ในเมื่อมีดนี้เงาวับจนดูราวกับกระจกอันวาววาม มันก็สะท้อนภาพข้างหลังเขา
แอปเปิ้ลบนต้นไม้นั้นกําลังหัน ‘หัว’ ของมันมาทางเขา ในด้านหนึ่งของแอปเปิ้ล พวกมันดูเหมือนกับใบหน้ามนุษย์ พวกมันมีทั้ง จมูก ดวงตา และปาก อันประดับรอยยิ้มพิลึกที่ส่งมายังชายผู้นี้
ตุบ!
แอปเปิ้ลแดงพลันร่วงลงมาจากต้นไม้และใบไม้ก็หมุนติ้วในอากาศ แอปเปิ้ลจํานวนนับไม่ถ้วนกระโจนใส่ผู้ฝึกวิชาเทวะ แต่ว่าเขาแข็งแกร่ง แสงมีดของเขาโถมซัดลงไปอย่างดุเดือด และเฉือนผ่าแอปเปิ้ลจํานวนนับไม่ถ้วน ในเสี้ยววินาที พื้นนั้นก็เกลื่อนกลาดไปด้วยเศษแอปเปิ้ลที่ถูกผ่าอันส่งกลิ่นผลไม้อบอวล
ในจังหวะนั้นเอง แอปเปิ้ลลูกหนึ่งก็พลันกลิ้งไปบนพื้น มันหลบหลีกแสงกระบี่ที่จู่โจมมันและกระโจนเข้าไปกัดขาของชายผู้นี้
ผู้ฝึกวิชาเทวะพลันรู้สึกขาของตนชาทื่อและสูญเสียประสาทสัมผัสในนั้น จากนั้นร่างครึ่งท่อนของเขาก็ชาดิก และเมื่อเขากําลังจะสับแอปเปิ้ลที่เกาะขาเขาอยู่ หัวเขาก็เป็นอัมพาต จากนั้นมีดโค้งทั้งหลายก็ร่วงลงพื้น
แอปเปิ้ลลูกอื่นๆ ลอยขึ้นไปบนอากาศกลับสู่ต้นของพวกมัน แอปเปิ้ลเหล่านั้นหันหน้าของพวกมันมา และมองดูผู้ฝึกวิชาเทวะที่นอนอัมพาตอยู่กับพื้นด้วยรอยยิ้มพิลึกกึกกือ
ชายผู้นี้ไม่อาจขยับได้เลยแม้แต่นิด และหัวใจเขาเต้นตึกตักอย่างรุนแรง เขารู้สึกว่าคอของเขาคันยิบๆ และเริ่มเห็นใบหน้างอกเงยออกมาจากตรงนั้น
ใบหน้าใหม่มีจมูกและปากอันอ้าปากเพื่อหอบหายใจก่อนที่จะแย้ ยิ้ม “จับเจ้าได้แล้ว จับเจ้าได้แล้ว!”
ใบหน้านั้นบิดไปมาขยุกขยิกก่อนที่จะยื่นออกมา ไม่นานนักก็ปรากฏ 2 คอและ 2 หัวบนชายผู้นี้ จากนั้นร่างท่อนบนก็เริ่มงอกออกมาจากหัวใหม่
ผู้ฝึกวิชาเทวะนี้รู้สึกถึงความเจ็บจากการฉีกทึ้งและอ้าปากหมายจะกรีดร้อง แต่เขาไม่อาจเปล่งเสียงใดๆ ออกมาได้ ในขณะเดียวกัน ชายผู้ที่เกิดขึ้นมาจากลูกแอปเปิ้ลก็คืบคลานออกมาข้างนอกลากตัวเองแยกจากร่างของเขา ความเร็วการคืบคลานเร็วขึ้นทุกที และไม่นานก็มีส่วนอื่นของร่างกายผุดโผล่ขึ้นมา
ในที่สุดคน 2 คนก็แยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง คนที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้นรูปร่างหน้าตาเหมือนกับผู้ฝึกวิชาเทวะนี้เป๊ะๆ เว้นแต่ว่าเขานั้นเปลือยเปล่า เขาหยิบมีดโค้งขึ้นมาจากพื้น คนที่เกิดใหม่แทงมีดลงไปในหน้าอกของชายผู้นั้น ก่อนที่จะปลดเสื้อผ้าออกจากร่างกายของเขา
“ฮี่ๆ เป็นอิสระแล้ว!”
ชายแอปเปิ้ลหยิบไจมีดขึ้นมาและกระโดดออกไปจากป่า ระหว่างที่แอปเปิ้ลลูกอื่นๆ มองเขากลับมามีชีวิตด้วยความอิจฉา
เสียงหวีดร้องโหยหวนมาจากป่า ผู้ฝึกวิชาเทวะทั้งหมดแห่งจักรวรรดิคนเถื่อนตี้ที่เข้ามาในป่าก็ประสบกับอันตรายร้ายกาจต่างๆ นานา
บางคนก็เจอเข้ากับแมลงประหลาดที่โปร่งใสราวกับหยก พวกมันบินไปมารอบๆ ด้วยด้วยความเร็วสูง และมุดเข้าไปในรูจมูกของผู้คนก่อนที่จะชอนไชไปถึงสมองเพื่อควบคุมร่างของพวกเขา ผู้ที่โดนเช่นนี้ก็มีแต่ตายเท่านั้น
และยังมีทากตัวเล็กจิ๋วที่ซ่อนอยู่ในนํ้าค้างบนใบไม้ ด้วยหยดนํ้าร่วงลงใส่ร่างของผู้ฝึกวิชาเทวะ คนผู้นั้นก็จะยังไม่พบอะไรผิดปกติ แต่จะค่อยรู้สึกว่าร่างของพวกเขาหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ และความคิดก็เริ่มเฉื่อยชามึนงง
บนหลังของพวกเขาก็จะมีทากตัวยักษ์ที่สูบเลือดเนื้อของพวกเขาไปอย่างต่อเนื่อง และในตอนนั้นทากนั้นก็จะเริ่มงอกเงยใบหน้า และแขนขาทั้ง 4 แต่ก็ยังจะเกาะติดบนร่างของผู้คน ทากก็จะดูหน้าตาเหมือนกับเหยื่อไม่ผิดเพี้ยนและมันมองคล้ายกับคนหนึ่งกําลังแบกอีกคน
เมื่อแก่นชีวิตและโลหิตของผู้ฝึกวิชาเทวะนั้นถูกดูดไปจนหมดเกลี้ยง พวกเขาก็จะล้มไปสิ้นชีวิต ส่วนทากก็จะวิ่งหนีไปอย่างเริงร่า
ป่าอันเงียบสงัดนี้เต็มไปด้วยภยันตราย การมาเยือนของจักรวรรดิคนเถื่อนตี้ได้กระตุ้นเร้าให้ผู้อาศัยอันร้ายกาจในสถานที่นี้ตื่นเต้นคึกคัก และผู้คนมากมายที่บุกรุกเข้าไปก็ต้องสังเวยชีวิต
แม้ว่าผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งจักรวรรดิคนเถื่อนตี้จะมีกําลังฝีมือโดดเด่น แต่พวกเขาก็ไม่มีทางระวังป้องกันตนเองในสถานที่นี้ได้!
ฉินมู่เดินผ่านป่าด้วยความระวังไวถึงขีดสุด เขาใช้ร่างแท้โพธิ์ร่ายรําเพื่อป้องกันกิเลนมังกรและตัวเขา ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงปลอดภัยดีจนถึงบัดนี้
และในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นหลวงจีนนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้หนึ่ง ไม่รู้ว่าเขาตายมานานเท่าไรแล้ว แต่ร่างสังขารของเขายังไม่เสื่อมสลาย ข้างหลังเขาคือต้นโพธิ และมันมีแสงเรืองรองกับสีสันอันแจ่มจ้า เห็นได้ชัดว่ามันถูกแปรสภาพไปด้วยสมบัติวิเศษอันหาได้ยาก
“ร่างแท้โพธิร่ายรําของหลวงจีนชั้นสูงผู้นี้ยังเหนือลํ้ากว่าข้าอีก แต่เขาก็ยังคงเสียชีวิต พระสูตรมหายานยูไลไม่อาจต่อต้านอันตรายที่นี่ได้!”
ฉินมู่ขนหัวลุก และเขารีบสลายร่างแท้โพธิ์ร่ายรําทันทีด้วยมือทั้ง 2 ของเขาวาดออกไปด้านหน้า เขาไขว้นิ้วเข้าด้วยกันอันเคลื่อนไหวอย่างแช่มช้าฝ่าอากาศ ด้วยมือหนึ่งหงายไปยังฟ้าและอีกมือควํ่าสู่ดิน
กระบวนท่าแรกของกระบี่เต๋า หนึ่งจุดข้ามเวิ้งว้าง หยินหยางผันแปร 2 รูปลักษณ์!
เส้นด้ายปราณชีวิตจากมือของเขาแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่อันมีการคํานวณสลับซับซ้อนสุดขีดขั้วทํางานอยู่ในนั้น แสงกระบี่แปรเปลี่ยนเป็น 2 หน้าของผังไท่จี่อันมีด้านหนึ่งอยู่ล่าง และอีกด้านอยู่ข้างบน ปกป้องตัวเขาและกิเลนมังกรอยู่ในระหว่างกลาง!
แสงกระบี่ยังคงวูบวาบไม่หยุดยั้ง เมื่อผังไท่จี่หมุนวนไป สลับหยินเป็นหยางและสลับหยางเป็นหยินซํ้าแล้วซํ้าอีก ร่องรอยแสงกระบี่ก็ห้อยอยู่จากขอบของผังไท่จี่!
“วัวโง่นี่หัวไม่ทึบเลยจริงๆ”
ต้นโพธิ์ส่งเสียงเกรียวกราวเมื่อค้างคาวขาว 2 ตัวที่มีบาดแผลเต็มตัวไปหมดโผล่ออกมาจากคาคบไม้ หนึ่งในค้างคาวไอเอาเลือดและเสมหะออกมา มันกล่าวด้วยลมหายใจอันอ่อนระโหย “ลาหัวล้านนี่บุกเข้ามาที่นี่เมื่อ 10 ปีก่อน อาศัยว่ามีการคุ้มครองจากวิชาพุทธ เขาคิดว่าเขาจะเข้ามาในสถานที่นี้โดยไร้ เรื่องราว แต่สุดท้ายก็สิ้นชีวิตจากแมลงต้นไม้”
“แมลงต้นไม้?” ฉินมู่อึ้งไปเล็กน้อย
“พวกมันเป็นเมล็ดพืชชนิดหนึ่ง ที่คล้ายคลึงกับแมลง พวกมันกระโดดโลดเต้นไปมาได้ ซ่อนอยู่ใต้ดินและมุดเข้าไปในทวารหนักของผู้คนเมื่อพบเหยื่อเข้า จากนั้นก็จะฝังรากเข้าไปในเลือดเนื้อ
กล้ามเนื้อของลาหัวล้านนี้ถูกดูดกลืนไปตั้งนานแล้ว เหลือแต่ผืนหนังข้างนอก แมลงต้นไม้ได้ขยายพันธุ์อยู่ในร่างของเขา”
ค้างคาวขาวอีกตัวยื่นกรงเล็บออกไปเฉือนศีรษะของไต้ซือผู้นี้ และความเขียวขจีก็พลันผุดโผล่ขึ้นมาจากหัวหลวงจีน กลายเป็นยอดไม้เล็กๆ
“นี่คือแมลงต้นไม้ แต่ทว่าตอนนี้มันได้เติบโตเป็นต้นไม้แล้ว” ค้างคาวขาวตัวนี้ดูจะฉลาดกว่าอีกตัว และมันมองมาทางฉินมู่ “เจ้าวัวโง่ พวกข้าได้รับบาดเจ็บหากว่าเจ้าช่วยปกป้องคุ้มกันพวกข้าได้ พวกข้าสามารถชี้เส้นทางอันปลอดภัยเพื่อที่จะเจ้าจะไม่ประสบภัยได้!”
ฉินมู่ยิ้มกล่าว “สหายเต๋าทั้ง 2 อันที่จริงแล้วข้าก็เป็นนักปรุงยาด้วย อันเชี่ยวชาญในการรักษาเยียวยา ทําไมไม่ให้ข้ารักษาอาการบาดเจ็บของสหายทั้ง 2 เสียล่ะ เพื่อที่ว่าพวกเจ้าจะได้ปกป้องคุ้มกันข้าหลังจากที่กลับมาแข็งแรงดังเดิม”
ค้างคาวขาวทั้ง 2 หันไปมองหน้ากันและกระโดดตุบลงมาบนพื้นจากต้นโพธิ พวกมันถามอย่างฉงนฉงาย “หมอหัววัว? นี่มีหมอในตระกูลอังคารของเจ้าด้วยรึ ไม่ใช่ว่าเจ้าเอาแต่จะเชิดจมูกชี้ฟ้า แล้วพ่นไฟไปทั่วอย่างงั้นหรือ”
ฉินมู่เชิดจมูกของเขาขึ้นชี้ฟ้าและพ่นเปลวเพลิงออกมา 2 เส้นพลางกล่าว “ข้อเสนอข้าเป็นอย่างไร”
“ยอดเยี่ยม!” ค้างคาวขาวทั้ง 2 ตอบตกลงโดยไม่คิดอะไรมากมาย หลังจากเจ้าหมอหัววัวนี่รักษาพวกเราแล้ว คงไม่สายถ้าพวกเราจะฉีกหน้าลงมือกับเขา!
ฉินมู่ประกายตาไหววูบเมื่อครุ่นคิดในใจ เวลาที่เหมาะที่สุดในการวางยาพิษผู้คนคือช่วงระหว่างที่รักษาอาการบาดเจ็บให้พวกเขา หลังจากนั้นเจ้า 2 ตัวนี้ต้องไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปกป้องคุ้มกันข้า!
